Group Blog
All Blog
|
เนรมิตอักษรา 6 บทที่ 6 พระเอกขี้เมา
ตู้โทรศัพท์สาธารณะถูกหญิงสาวร่างบางผมยาวผูกรวบเป็นหางม้า ยึดพื้นที่ภายในนั้น เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันจากที่เคยแดดจ้าในช่วงเที่ยงวัน กลับเกิดฝนเทกระหน่ำอย่างไม่มีเค้าความมืดของพายุโหมมาก่อน ตั้งแต่ออกจากคอนโดหรูหราที่ศาสวัตรพักอาศัยวราลีก็เดินตามเส้นทางเท้าเรื่อยเปื่อยด้วยสภาพจิตใจหดหู่ ย้อนนึกถึงคนรักที่ขับรถผ่านสายตาไปพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่งเธอพยายามปลอบใจที่กำลังสั่นไหวว่าภาพที่เห็นเป็นเพียงหน้าที่ เมื่อศาสวัตรทำงานในแวดวงบันเทิงแม้จะไม่ใช่ดาราโด่งดังเป็นพลุแตกแต่ก็พอเป็นที่รู้จักในฐานะพระรองตามละครหลังข่าวคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะติดต่อธุระกับหญิงสาวในเรื่องงาน แม้ใจฝ่ายดีพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าศาสวัตรอาจเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวเพราะถ้าเป็นคนเก่าเธอต้องคุ้นหน้าและพอรู้จักอยู่บ้าง แต่ใจฝ่ายร้ายกลับคิดไปต่างๆนานา หรือศาสวัตรคิดนอกใจคบหากับหญิงสาวคนนั้น คิดได้อย่างนั้น...ความรวดร้าวก็ถาโถมจิตใจและโทษตัวเองกรรมตามสนอง เมื่อเธอเคยหวั่นไหวต่อพระเอกในนิยายเสมือนคิดไม่ซื่อกับคนรักจึงถูกฟ้าดินลงโทษให้รู้สึกย่ำแย่เช่นนี้ วราลีเดินไปตามถนนฟุตปาธอย่างเหม่อลอยคิดไปสารพัดเรื่องราว จะทำอย่างไรกับความสับสนที่มีอยู่ในใจ เมื่อเจอตู้โทรศัพท์สาธารณะจึงตัดสินใจยกหูหยอดเหรียญเพื่อถามศาสวัตรให้แน่ใจต่อเรื่องราวของหญิงสาวคนนั้น ทว่ากลับติดต่อเขาไม่ได้...เสียงตามสายแจ้งให้ฝากข้อความเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับในขณะนี้ สายฝนโปรยกระหน่ำไม่ขาดระยะร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ววราลียืนมองเม็ดฝนไหลลงเป็นทางตามแนวตู้กระจก หัวใจของเธอกำลังหม่นเศร้าคล้ายบรรยากาศเงียบเหงามืดมัวจากไม่เคยกังวลหรือหวาดระแวงก็ต้องคิดหนัก ศาสวัตรไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อนเขาคอยเคียงข้างเธอเสมอ ไม่เคยทำเจ้าชู้หรือก้อร่อก้อติกกับผู้หญิงใดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่คบหากันมาหลายปี วราลีถอนใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าคิดถึงเพื่อนสนิท อยากปรึกษาหารือก็จนปัญญาเมื่อนิสาไม่ได้อยู่ในประเทศไทยให้ระบายความรู้สึกย่ำแย่เวลานี้ แววตาหม่นเศร้าทอดมองท้องฟ้ามัวหมองรอคอยให้ความสดใสคืนกลับมาอีกครั้ง ฉับพลัน เรื่องราวในนิยายก็กลับมายืนในความคิด... วราลีสำรวจพื้นที่โดยรอบเห็นกระดาษใบปลิวแผ่นใหญ่ที่มีวางทิ้งไว้ในตู้โทรศัพท์ จึงหยิบมารองนั่งก่อนหย่อนกายชันเข่าต้นฉบับถูกเปิดและไล่ทวนอ่านตัวอักษร จนสะดุดกับข้อความที่เขียนไว้อย่างหงุดหงิดเมื่อเช้านี้ -ศีตลา...เธอจงไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้- แม้ไม่ทราบผลความเปลี่ยนแปลงของข้อความที่เขียนลงในต้นฉบับแต่คงไม่ใช่สาระสำคัญ เมื่ออาการหมั่นไส้ถูกถอนออกจากความคิดหมดสิ้น นักเขียนสาวยกดินสอสีขีดฆ่าข้อความนั้นและไล่อ่านงานเขียนไปเรื่อยเพื่อแก้ไข รอฝนซาจึงกลับที่พักอาศัย ฝนหยุดแล้ว...แต่ภายในใจยังหม่นเศร้าไม่จางหายเสียทีวราลีลงจากรถประจำทางที่ใช้เวลานั่งอยู่บนนั้นนานหลายชั่วโมง เธอมองนาฬิกาข้อมือ สามทุ่ม เกือบสามชั่วโมงที่ต้องรอเวลาอยู่ในตู้โทรศัพท์แก้ไขงานเขียนไปพลางจนฝนซา ทว่าฝนตก รถจึงติดเป็นเหตุสุดวิสัย การจราจรติดขัดจนเบื่อหน่ายแต่เมื่อมีเรื่องให้กลุ้มใจมากกว่า ความเบื่อหน่ายเหล่านั้นจึงไม่หนักพอที่จะกระทบกระเทือนความรู้สึกของหญิงสาวผู้หม่นเศร้า วราลีเดินเลาะริมฟุตปาธผ่านหน้าปากซอยทางเข้าบ้านเกิดนึกถึงบุพการี ป่านนี้จะกินข้าวกินปลาหรือยัง อาหารสำเร็จรูปที่มีติดบ้านคงประทังความหิวโหยได้บ้างแต่ก็อดห่วงไม่ได้ เธอจึงเดินเลยไปทางตลาด หวังได้ของติดไม้ติดมือกลับไป เมื่อเดินได้สักระยะวราลีต้องชะงักฝีเท้ากับที่เกิดความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น สาขาใกล้บ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของเธอ ปิดตัวอย่างไม่เคยทราบข่าวคราวมาก่อนวราลีสลัดความประหลาดใจทิ้งก่อนสาวเท้าเข้าไปอ่านแผ่นประกาศที่ติดไว้ ปิดปรับปรุงชั่วคราว แค่ขาดงานไปวันเดียวถึงกับปิดร้านหนีโดยไม่บอกกันล่วงหน้าวราลีคิด ทว่าคงโทษใครไม่ได้ ในเมื่อเธอเองไม่ได้ติดต่อหาเพื่อนร่วมงานสักคน เนื่องจากช่วงนี้ไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือเบอร์โทรของเพื่อนร่วมงานก็ไม่เคยจดจำได้สักเบอร์ จึงขาดการติดต่อไปโดยปริยาย วราลียืนลังเลอยู่สักพักจนตัดสินใจเดินต่อพรุ่งนี้เช้าค่อยโทรติดต่อกับผู้จัดการร้าน คงได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด นักเขียนสาวมุ่งหน้าเข้าตลาดหาซื้อกับข้าวและขนมหวานของโปรดให้พ่อ รวมถึงใครบางคนที่อาจเจอะเจอ หากเขายังไม่ได้กลับโลกนิยายไปเสียก่อน
สองมือหิ้วถุงพะรุงพะรังพร้อมหอบต้นฉบับที่มีสภาพยับเยินเมื่อผ่านลมผ่านฝนมาหมาดๆวราลีเปิดประตูรั้วและเดินเข้าบ้าน แสงไฟสว่างจ้าบ่งบอกให้รู้ว่าพ่อของเธอยังไม่นอนวันนี้ไม่มีเงินซื้อสุราดื่ม อาการเปรี้ยวปากอาจทำให้กระฟัดกระเฟียดอยู่ก็เป็นได้ ไอ้สาดดด เสียงสบถดังจากในบ้านพาคนได้ยินสะดุ้งโหยงหากจำไม่ผิดนั่นคือเสียงของกัมพล เป็นเหตุให้วราลีสาวเท้ารวดเร็ว ผลักประตูเปิดอย่างรีบร้อน พ่อ...เธอหยุดเสียงไว้เท่านั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่คาดคิดจนต้องยืนตะลึง คนเมาสองคนกำลังดวลเหล้ากัน! ไอ้ศาสโว้ย... เอ็งรักลูกสาวข้าจริงหรือเปล่าวะ เมื่อไรจะมาตบแต่งให้มันเป็นเรื่องเป็นราวข้าจะได้หมดห่วง ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหาใครดูแลไม่ได้ กัมพลนั่งโงนเงนหยิบแก้วเหล้าชนกระแทกกับอีกใบที่วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่น ไม่ต่างกับชายหนุ่มอีกคนที่โงนเงนเช่นกันทั้งสองนั่งเอียงเข้าหากัน โดยกัมพลโอบไหล่ของพระเอกในนิยายไว้คล้ายสนิทสนมเป็นอย่างดี ผมยินดีครับหากลูกสาวของคุณพ่อจะกรุณา กันดิศสวมรอยเป็นแฟนหนุ่มของวราลีราวกับถูกมัดมือชกเมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ควบคุมประสาทให้มึนเมาจนยอมไหลไปตามน้ำอย่างเต็มใจ ซึ่งกัมพลเห็นเขาเป็นศาสวัตรตั้งแต่เมื่อเช้านี้ นักเขียนสาววางข้าวของที่หอบหิ้วลงบนพื้นพร้อมยกมือกุมขมับแทนที่กันดิศจะห้ามปรามพ่อของเธอไม่ให้ดื่มสุรากลับเป็นเขาเสียเองที่นั่งเมามายจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เหล้ายี่ห้อดังดีกรีหนักหลงเหลือน้ำเมาเพียงค่อนขวดคงร่วมแรงแข็งขันช่วยกันดื่มด่ำรสชาติขมเฝื่อนแก้วต่อแก้ว ถึงได้พูดจาลิ้นพันกันจนแทบฟังไม่ได้สรรพอย่างนี้ ทั้งที่ไม่อยากดูดำดูดีและเดินหนีเสียให้พ้นแต่ก็อดไม่ได้ เมื่อทั้งสองพากันนั่งไม่ตรง ค่อยๆ เอนจนหงายท้องนอนเกลือกกลิ้งกับพื้นบ้านหมดสภาพด้วยกันทั้งคู่ พ่อ!วราลีทรุดกายนั่งลงข้างพ่อของเธอ เขย่าแขนให้เขารู้สึกตัว แต่มือไม้ของกัมพลก็ปัดป่ายราวกับรำคาญ ไอ้ศาสสสเอ้าชนๆ คนเมาพูดจาไม่รู้เรื่องนอนแอ้งแม้งทำท่ายกมือชนแก้วอยู่อย่างนั้นจนลูกสาวพ่นลมหายใจเอือมระอาเธอชำเลืองมองกันดิศที่นอนพลิกหน้าไปมาราวกับอึดอัดไม่สบายตัวยิ่งทำให้เธอส่ายศีรษะหนักใจ ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้วข้าวปลาเดี๋ยวจะเอาไปให้น้องแมวน้องหมาแถวนี้ให้หมดวราลีพึมพำทั้งที่รู้ว่ากัมพลคงไม่มีสติรับฟังในสิ่งที่บ่นออกมา นักเขียนสาวถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนลุกขึ้นยืนตั้งท่าลากพ่อของเธอให้ไปนอนในที่ประจำของเขา แม้จะฉุดกระชากกัมพลเกือบทุกวันหากแต่ยังไม่ชินเสียทีกับการใช้แรงลากคนตัวใหญ่กว่าให้เคลื่อนที่ วราลีเคยปลุกให้พ่อของเธอฟื้นสติแล้วปล่อยให้เขาหอบหิ้วตัวเองไปนอนแต่ไม่เคยทำสำเร็จอย่างใจสักครั้ง จนเป็นเธอเสียเองที่ต้องฉุดลากเขาอย่างนี้ เมื่อใช้เวลาอยู่พักใหญ่กับการจัดท่านอนให้กัมพลเสร็จสิ้นเธอยืนหอบเหนื่อยอยู่ชั่วครู่ก่อนหันมองกันดิศ คิดหาทางจัดการกับเขาบ้าง จะหาที่นอนตรงไหนดีคือความคิดของเธอเวลานี้ หรือต้องออกแรงปลุกปล้ำให้เขามานอนอยู่ข้างพ่อของเธอ รู้สึกหนักใจ แต่หากปล่อยไว้อย่างนี้คงเกะกะขวางทางประตูเข้าออกและคงไม่สบายใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน วราลีเดินเข้าใกล้กันดิศมองดูพฤติกรรมแปลกๆ เมื่อสองมือของเขาค่อยๆ ควานคว้าเสื้อผ้าของตัวเองและเริ่มกระชากกระดุมออก นี่นาย! จะมาแก้ผ้าอะไรตรงนี้นักเขียนสาวตีมือของกันดิศดัง เพี๊ยะไม่ให้เขาทำอะไรรุ่มร่ามโดยไม่รู้ตัว เธอออกแรงดึงแขนของเขาให้เคลื่อนที่ทว่าร่างสูงไม่ขยับเขยื้อนสักนิด กันดิศพยายามยื้อแรงไว้ ทำให้คนดึงล้มหน้าคมำลงมานั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างๆเขา นายนี่ตัวหนักเป็นบ้าแถมดื้อด้านอีกต่างหาก แม้กันดิศจะผอมกว่าพ่อของเธอ แต่กลับเป็นเรื่องยากในการหอบหิ้ว วราลีตบหน้าของกันดิศเบาๆปลุกสติให้คนเมาพอรู้ตัว เธอเขย่าแขนให้เขาฟังเสียงพูดจา นี่! ฉันไม่มีแรงดึงนายแล้วช่วยมีสติก่อนได้ไหม ลุกหน่อย ถือว่าสงสารฉันเถอะ วราลีมองดูนาฬิกา อีกไม่นานจะเที่ยงคืนหรือปล่อยให้เขานอนอยู่ตรงนี้จนถึงเวลานั้น เธอชั่งใจคิด เสียงของวราลีคงผ่านเข้าโสตประสาทของกันดิศอยู่บ้างเป็นผลให้เขาค่อยๆ ขยับตัว เธอจึงเข้าไปช่วยพยุงอีกแรง กันดิศยกมือปัดป่ายอากาศก่อนจะคว้าไหล่กลมกลึงโอบไว้และดึงตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ทั้งคนเมาและคนช่วยประคองต่างโซซัดโซเซแทบจะล้มด้วยกันทั้งคู่ ฉันจะอ้วก!น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยให้ได้ยินแว่วๆ อย่ามาอ้วกใส่ฉันตอนนี้นะอดทนไว้ก่อน! วราลีเกิดอาการลนลานเมื่อท่าทางผะอืดผะอมของเขาเริ่มส่อแววให้เห็นกันดิศยกมือปิดปากและหันหน้าเข้าหานักเขียนสาว กอดร่างบอบบางเพื่อยึดไว้ไม่ให้ล้มทั้งยืน เร็วๆ เข้าช่วยตะกายไปห้องน้ำก่อน อย่ามาแหวะเลอะเทอะบ้านฉันวราลีโวยวายและฉุดลากให้กันดิศก้าวเดินอย่างยากลำบากเข้าไปในห้องส่วนตัวซึ่งถ้าเทียบระยะทางแล้วห้องน้ำตรงนี้คงใกล้กว่าอีกห้องที่เป็นส่วนของพ่อเธอ กันดิศนั่งยองๆหน้าห้องน้ำอยู่นานหลายนาที เขาก้มหน้างุด อยากระบายความอึดอัด วราลีลูบและตบหลังของพระเอกหนุ่มเบาๆเพื่อช่วยทุเลาอาการพะอืดพะอมให้คนเมามาย พาฉันไปนอนหน่อย ทำไมโลกหมุนแบบนี้กันดิศกล่าวเสียงอ่อย เรี่ยวแรงจะยืนทรงตัวก็แทบไม่มี วราลีช่วยประคองคนตัวสูงอย่างหอบหิ้วและให้กันดิศทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของเธอฉันเขียนบทให้นายเป็นผู้ชายแสนดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แล้วทำไมถึงทำตัวแบบนี้แถมยังพาพ่อฉันกินอีกด้วย คนบ่นช่วยจัดท่านอนจนเรียบร้อยและทำท่าผละห่าง เพื่อหยิบผ้าขนหนูไปชุบน้ำหมาดๆก่อนจะออกไปจัดการให้พ่อของเธอ ทว่ากลับถูกคว้าข้อมือเอาไว้ อยู่กับฉันก่อน กันดิศรั้ง ปล่อยสิฉันจะไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ เผื่อนายจะรู้สึกดีขึ้น วราลีหันมองพร้อมดึงแขนให้พ้นพันธนาการแต่เขาก็ยื้อเอาไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
แค่เธออยู่ตรงนี้ก็พอ...น้ำเสียงแหบพร่าวิงวอน วราลีลอบถอนใจและนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้าคมคายออกสีแดงระเรื่อเขาคงกำลังอึดอัดไม่สบายตัว คิ้วเข้มขมวดมุ่นและหายใจแรงเพื่อลดอาการพะอืดพะอมเนื่องจากเมื่อครู่เขาไม่ได้อาเจียนออกมาฝ่ามืออุ่นร้อนกุมข้อมือของนักเขียนสาวไว้แน่นราวกับเธอจะหายสาบสูญ เสียงฟ้าครืนดังไกลๆ พร้อมกับแสงสว่างวาบเป็นระยะส่งสัญญาณว่าอีกไม่นานฝนคงเทกระหน่ำลงมา วราลีนั่งเงียบๆอย่างนั้นจนรู้สึกว่ากันดิศสงบนิ่ง จึงค่อยๆ แกะมือเขาออกจากแขนของเธออย่างช้าๆ ไม่อยากทำให้พระเอกในนิยายรู้สึกตัวตื่นคงปล่อยให้เขาครอบครองเตียงนอนของเธอสักพัก รักฉันบ้างหรือเปล่า... เสียงแผ่วราวกระซิบกระซาบดึงให้วราลีหยุดความคิดที่จะลุกไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำ หันกลับมามองคนขี้เมา และขยับเข้าใกล้พร้อมเอียงหูฟังเมื่อได้ยินไม่ถนัดนักกับประโยคเมื่อครู่นี้ ฉันรักเธอ...วราลี แม้เสียงจะแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพราะตั้งใจฟัง จึงรู้ว่ากันดิศพูดถึงเธอวราลีชะงักนิ่งเมื่อได้ยินความในใจที่เขาระบายออกมาเธอจ้องมองใบหน้าคมคายพร้อมกับไล่สายตาไปทุกส่วนบนใบหน้าของเขา เขาหลับจริงหรือแกล้งทำให้เธอจิตใจสั่นไหวอย่างนี้ ความหลงใหลกลับมาควบคุมจิตใจ ทั้งที่พยายามถอยห่างและควรคิดถึงแต่คนรัก ทว่าในสายตาของเธอกลับเห็นแต่กันดิศซึ่งเป็นตัวแทนของศาสวัตรเท่านั้น วงหน้าคมเข้มยามหลับใหลราวกับไร้เดียงสาคิ้วดกหนารับกับจมูกโด่งเป็นสัน ปากแดงหยักได้รูปจนอยากเผลอก้มลงไปจูบ นี่เหรอผู้ชายในฝัน จินตนาการที่เธอสร้างขึ้นจนเขามีตัวตนออกมาโลดแล่นอยู่ในชีวิตจริงราวกับปาฏิหาริย์ วราลีค่อยๆเคลื่อนใบหน้าหวานเข้าใกล้เขา เสมือนโดนสะกดให้เผลอไผลลืมตัว เปรี้ยง! เสียงฟ้าคำรามทำให้กันดิศและวราลีสะดุ้งสุดตัวพระเอกในนิยายดีดกายลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน ศีรษะของทั้งคู่ชนกระแทกกันเต็มแรงจนมึนงงวราลีผงะหงายหลัง ส่วนกันดิศก็รีบโอบคว้าร่างบอบบางเอาไว้อย่างอัตโนมัติ ก่อนทั้งคู่จะกลิ้งตกจากเตียงนอนลงไปกองอยู่บนพื้นห้อง อุบัติเหตุเกิดขึ้นรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัวเสียงฟ้าครวญครืนก่อนสายฝนโปรยปราย แต่บรรยากาศรอบด้านไม่ได้ทำให้ชายหญิงทั้งสองใส่ใจเมื่อต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันนิ่งๆ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน วราลีนอนทับอยู่บนอกกว้างซึ่งกันดิศรับร่างบอบบางไว้ได้ทันท่วงทีจิตใจของเธอเต้นระรัวตูมตาม แววตาเหม่อลอยจากอาการเมายังไม่สร่างซาแต่หัวใจของเขากลับเต้นเร่าจนเลือดในกายสูบฉีดความร้อนรุ่ม สองร่างแนบชิดจนกายสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นกันดิศโอบกอดวราลีไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้งคู่ลืมความเจ็บปวดที่ศีรษะกระแทกกันเมื่อครู่นี้ไปชั่วคราว ฉันรักเธอ...วราลีเสียงกระซิบที่ดังแว่วเมื่อครู่ดึงให้วราลีกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งแพขนตาหนากะพริบถี่ พยายามขยับกายลุกขึ้น ทว่าอ้อมแขนที่โอบรัดเธอไว้กลับหน่วงเหนี่ยวและผูกมัดแรงกว่าเดิม กันดิศรวบรวมกำลังทั้งหมดพลิกกายกลับพร้อมโอบร่างบางให้นอนแทนที่อย่างอ่อนโยน นี่นาย!วราลีร้องเสียงหลง เกิดความหวิวไหวที่หัวใจเกือบขาดวิ่น เมื่อเขากักขังเธอไว้ด้วยวงแขนแข็งแรงและทาบทับร่างกายบอบบางไม่ให้ขยับเคลื่อนไหวสองหัวใจเต้นตึกตัก คนหนึ่งคล้ายหัวใจพองโตราวกับถูกสูบลมให้ลอยล่องขึ้นฟ้า อีกคนกลับค่อยๆหุบแฟบเมื่อนึกถึงบางสิ่งที่อยากระบายออกมา ทำไมต้องสร้างให้ฉันเหมือนเขาแล้วไม่รักฉันแบบที่รักเขาบ้าง เสียงแหบโหยกระซิบแผ่ว กลิ่นแอลกอฮอล์ปนเปกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆแต่ไม่ได้ทำให้วราลีนึกรังเกียจ กลับยิ่งหลงใหลจนต้องควบคุมอารมณ์และจิตใจไว้ไม่ให้เตลิดไปมากกว่าเดิม ฉันอิจฉาผู้ชายคนนั้น...เผลอคิดไปว่าถ้าได้เป็นเขาจริงๆฉันคงรักและหวงแหนเธอกว่าศาสวัตรหลายร้อยเท่า จิตใจเต้นตึกตักเมื่อกันดิศค่อยๆ หยิบยื่นความใกล้ชิดจนความอุ่นร้อนวิ่งวนทั่วใบหน้าและร่างกาย วราลีหลบสายตามองมือตัวเองที่จับประสานกันไว้แน่นจนปลายเล็บจิกผิวหนังเพื่อระงับความหวั่นไหว กันดิศใช้แววตาร้อนแรงจ้องมองวราลีจนเกือบแผดเผาและหลอมละลายในคราวเดียวกันเขาเอื้อมมือลูบไล้ผมสลวยเบาๆ ก่อนพูด บางครั้งฉันก็หลงใหลเธอ...จนเผลอลืมไปว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ใจคนฟังเต้นเร่าพร้อมปิดเปลือกตาสนิท เมื่อพระเอกในนิยายค่อยๆโน้มกายลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากบางอย่างอ่อนละมุน พาเคลิ้มไหวไปกับรสจูบวาบหวามทุกความรู้สึกเวลานี้ทำลายปราการที่เคยตั้งเป็นกำแพงกักกั้นผู้ชายคนนี้ไว้จนพังทลายไม่เหลือชิ้นดีลืมผิดชอบชั่วดีหมดสิ้น ความร้อนตามร่างกายกำลังพลุ่งพล่านจนจังหวะการเต้นของหัวใจแรงและเร็วขึ้นเรื่อยๆหายใจติดขัดขาดห้วง เผลอตอบรับรสจูบหวานจนแทบหยุดหายใจ สายฝนยังคงโปรยปรายพร้อมเสียงฟ้าครืนดังห่างๆที่มากับแสงสว่างวับวาบเป็นพักๆ ร่างกายของพระเอกในนิยายเลือนสลายตามเวลาที่บรรจบเที่ยงคืนพอดีความอ่อนโยนที่เคยสัมผัสค่อยๆ เจือจางพร้อมกับความอบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บแทนที่ วราลีระบายลมหายใจยาวๆ ก่อนกะพริบเปลือกตาถี่ๆมองเห็นเพียงความสว่างของสายฟ้าที่แวบเข้ามาในห้องนอนมืดสนิท เธอไม่รู้ว่าไฟฟ้าดับลงเมื่อไรอาจเพราะเสียงฟ้าร้องเปรี้ยงในครั้งแรก ต้นเหตุที่ทำให้เธอกับเขาลงมานอนกอดกันอยู่บนพื้นห้องเมื่อครู่นี้นักเขียนสาวนำมือทาบบนอกสัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจที่ยังสั่นสะท้าน ไม่ต่างจากร่างกายสั่นเทาพยายามควบคุมให้หัวใจหยุดเต้นตูมตาม และคิดตามสถานการณ์ตอนนี้... ว่างเปล่า หมดเวลาของพระเอกในนิยาย
ท้องฟ้าสว่างไสวเมื่อดวงอาทิตย์ผ่านพ้นเส้นขอบฟ้าได้เพียงไม่นานรถยนต์คันหรูหราขับออกจากโรงแรมดังระดับสามดาวในตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ผ่านเส้นทางเข้าอำเภอนางรองเพื่อขึ้นสู่ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง พี่ศาสมากับตาที่นี่หากวรารู้จะโกรธเราสองคนหรือเปล่า เสียงหวานส่อแววไม่สบายใจเธอชำเลืองมองชายหนุ่มด้านข้างอย่างลังเล เมื่อต้องพูดถึงคนรักของเขาในเวลาเช่นนี้ อย่าให้รู้สิศาสวัตรกล่าวพร้อมระบายยิ้มจางๆ ว่าแต่ทำไมตาถึงรู้จักที่นี่ ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยระหว่างหักพวงมาลัยรถเข้ายังลานดินโล่งกว้างเพื่อจอดในสถานที่ปลายทาง เพื่อนคุณแม่บอกค่ะ ท่านว่าพระอาจารย์ที่นี่เก่งมากเรื่องผูกดวงชะตาอะไรทำนองนั้น พี่ไม่คิดเลยนะว่านักเรียนนอกอย่างเราจะรู้จักเรื่องพวกนี้ด้วยศาสวัตรเอื้อมมือจับศีรษะของหญิงสาวโยกเบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนดึงกุญแจและก้าวลงจากรถยนต์คันหรูหรา บรรยากาศรอบบริเวณเงียบสงบลักษณะของสถานที่คล้ายสถานปฏิบัติธรรมร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่มากมายปกคลุมตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญตลอดแนวจนถึงบันไดทางลง พันธิตราสาวหน้าหวานปากนิดจมูกหน่อย ชะเง้อมองลงไปยังสถานที่แปลกตาลักษณะคล้ายถ้ำ ไร้แสงสว่างภายในนั้นในนี่หรือเปล่านะ หญิงสาวพึมพำกับตัวเองก่อนส่งเสียงถามไถ่ มีใครอยู่บ้างคะดิฉันมาพบพระอาจารย์คะ เสียงใสเรียกหาใครสักคนบริเวณนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆเมื่อรอบด้านเงียบเชียบจนน่าขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ มาพบอาตมาหรือโยมเสียงทุ้มกังวานจากด้านหลังทำให้ชายหญิงหันขวับยังต้นเสียงทันที ทั้งสองยกมือไหว้เจ้าของสถานที่อย่างนอบน้อมอาตมารอโยมอยู่ ศาสวัตรหันมองพันธิตราอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าพระอาจารย์จะล่วงรู้ถึงการมาเยือนครั้งนี้ทั้งที่ไม่ได้ติดต่อไว้ล่วงหน้า ศาสวัตรมองพระอาจารย์ซึ่งแต่งกายคล้ายพระภิกษุสงฆ์ห่มจีวรสีเข้มราวกับพระธุดงค์ที่ออกปฏิบัติธรรมกลางป่ากลางเขาเสียมากกว่าจะอยู่ตามวัดวาอาราม ท่านรู้ได้ไงครับว่าผมสองคนจะมาหาศาสวัตรถามอย่างใคร่รู้ เมื่อความแปลกใจรุมเร้า พันธิตราจ้องมองพระอาจารย์อย่างนึกกลัวอยู่ในใจ เธอลอบมองสถานที่ชวนขนลุกพร้อมขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มจนยืนชิดติดกัน พระอาจารย์ยิ้มอารีก่อนขยับเข้าหาศาสวัตรท่านยื่นหินสีดำแวววาวให้เขา โยมจงเก็บลูกแก้วนี้ไว้ เพื่อรออีกดวงพบกันแล้วทุกสิ่งจะย้อนกลับมา สิ้นเสียงทุ้มกังวานศาสวัตรก็รับลูกแก้วสีดำนั้นอย่างอื้ออึงสงสัย และหันมองพันธิตราคล้ายมีคำถามมากมายในใจหากแต่ไม่ทันเอ่ยถาม เมื่อพระอาจารย์หันหลังเดินจากไปในทันที ศาสวัตรก้มมองสิ่งของในมือและคิด หินลูกนี้มีความสำคัญอย่างไรกับชีวิตของเขาและบุคคลอันเป็นที่รัก... To be continued... |
มาโซคิส
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?] เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล Blood A_Blood Type Series เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
Link |