มิถุนายน 2557

2
3
5
6
7
9
10
12
13
14
16
17
18
20
21
23
24
25
26
27
28
29
 
 
8 มิถุนายน 2557
เนรมิตอักษรา 2

บทที่ 2

ออกตามหาเธอ...ศีตลา


วราลีนั่งมองตัวเองผ่านกระจกส่องเงาหลังจากอาบน้ำเสร็จครุ่นคิดถึงเรื่องราวเหลือเชื่อที่เกิดขึ้น หรือความอัศจรรย์ทั้งหมดจะมีต้นเหตุมาจากสิ่งล้ำค่าที่ได้รับจากชายชราผู้นั้นร่างผอมบางลุกจากเก้าอี้ เดินยังโต๊ะเขียนหนังสือเอื้อมหยิบกล่องสี่เหลี่ยมสีดำขึ้นมองแก้วนาคราที่เปล่งประกายแสงสว่างราวกับมีชีวิต


พระเอกหนุ่มในนิยายอาจถูกอำนาจลึกลับจากลูกแก้วนี้ส่งพลังให้เขามีชีวิตโลดแล่นในโลกแห่งความเป็นจริง วราลียืนเหม่อลอยอยู่นานจนเสียงเคาะประตูดึงให้หลุดจากภวังค์ความคิดทั้งหลาย‘ลืมเสียสนิท’ ว่ามีใครบางคนรออยู่นอกห้อง


ตั้งแต่อยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ไม่เคยสักครั้งที่ผู้ชายคนใดจะเข้ามาอยู่ในห้องนอนเวลาอาบน้ำหรือแต่งตัวแม้แต่พ่อของเธอก็ยังไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามากันดิศจึงต้องระเห็จออกไปรออยู่ด้านนอกจนกว่าเจ้าของห้องจะเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัว


ประตูห้องถูกเปิดพร้อมเสียงถามไถ่“ยิ่งฉันรีบก็เหมือนเธอยิ่งรั้งเวลาไว้ จะแกล้งกันหรือไง”ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงขอบประตูจ้องมองวราลีนิ่งๆ นัยน์ตาสีถ่านทรงเสน่ห์ทำให้คนมองเห็นต้องรีบหลบสายตาหลอมละลายคู่นั้นกลบเกลื่อนความรู้สึกหวิวไหว แม้เขาจะคล้ายกับศาสวัตแต่ก็ไม่ใช่คนเดียวกันเธอจะมัวหวั่นไหวลังเลใจไม่ได้ วราลีเตือนตัวเองในใจ


“จะพาไปไหนก็ไม่บอกแล้วยังจะกล้าบ่น รู้ไหมว่าฉันต้องขาดงาน ขาดรายได้ตั้งหลายชั่วโมง”คำพูดของตัวเองพาฉุกคิด เธอยังไม่ได้โทรลางานกับผู้จัดการร้านขายหนังสือที่เธอทำงานอยู่วราลีทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มือถือ แต่ถูกมือเย็นเยียบคว้าจับแขนเอาไว้


“ไม่ต้องติดต่อใครทั้งนั้นแค่เธอไม่ไปทำงาน เดี๋ยวก็มีคนส่งข่าวเอง”กันดิศออกแรงดึงให้วราลีเดินตามอย่างรวดเร็วโดยที่ร่างผอมบางแทบปลิวไปตามแรงฉุดนั้น


ทว่า...ยังไม่ทันจะพ้นอาณาเขตที่พักอาศัยวราลีก็หน้าถอดสีเป็นซีดเผือด เมื่อเห็นกัมพลกำลังเดินกลับมาจวนจะถึงบ้านเต็มที


“เดี๋ยว!”หญิงสาวรั้งแรงและดึงให้กันดิศหยุดยืนกับที่ เขามองเธอชั่วครู่ก่อนจะหันตามจุดสนใจของเธอเช่นกัน“นายต้องหลบเดี๋ยวนี้! ขอร้องอย่าให้พ่อฉันเห็นนายเด็ดขาด”วราลียืนลุกลี้ลุกลน พยายามผลักและดันคนตัวสูงให้หาที่หลบซ่อน แต่กันดิศไม่สะทกสะท้านพ่นลมหายใจหนักหน่วงและลากเธอเดินต่อ ยอมชนกับชายวัยกลางคนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม


กัมพลที่เดินเกือบถึงประตูบ้านต้องหยุดฝีเท้ากับที่จ้องมองชายหญิงสองคนที่กำลังย่างกรายออกจากบ้านในมือของเขาถือถุงกาแฟร้อนและน้ำเต้าหู้พร้อมปาท่องโก๋ หวังให้ลูกสาวได้กินรองท้องก่อนออกไปทำงานความอื้ออึงทำให้เขายืนนิ่งอยู่หลายนาที กว่าจะนึกได้ว่าผู้ชายที่จูงมือลูกสาวของเขา...เป็นใคร?


“สวัสดีครับคุณพ่อ”กันดิศกล่าวทักทายพร้อมส่งยิ้มระหว่างเดินจูงวราลีสวนทางไปหน้าตาเฉย ไม่ได้ใส่ใจต่อสายตางุนงงของกัมพลและมองผ่านท่าทางกระอักกระอ่วนของหญิงสาวที่เขากุมมือลากให้เดินตาม


“พะพ่อ หนูไปทำงานก่อนนะ ไว้จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”สีหน้าของหญิงสาวคล้ายกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พูดจาติดขัดเล็กน้อยทั้งที่พยายามควบคุมความตื่นเต้นไว้แต่ไม่ได้ช่วยให้กัมพลหายสับสน จากที่ยังไม่สร่างเมา เวลานี้เกือบหายเป็นปลิดทิ้งพอนึกได้ว่าต้องถามไถ่หรือสอบสวนก็ช้าเกินไปเสียแล้วเมื่อชายหญิงทั้งสองรีบสาวเท้าเดินออกจากอาณาเขตบ้านอย่างรวดเร็ว


“กุ้งแห้ง!”กัมพลตะโกนไล่หลังเมื่อหายมึนงง ทว่าลูกสาวของตนก็พ้นจากสายตาเพียงเส้นยาแดงผ่าแปดและไม่มีทางที่วราลีจะหันกลับมาตามเสียงเรียกนั้น เมื่อเธอยังมีชนักติดหลังอยู่


“นายมันบ้าไปแล้ว!ไม่คิดมั่งเหรอว่ากลับมาฉันจะถูกพ่อเล่นงานยังไง”หญิงสาวกล่าวเสียงเขียวพร้อมกระชากมือกลับจนพ้นพันธนาการเธอชำเลืองมองคนเบื้องหน้าด้วยอารมณ์คุกรุ่นไม่พอใจ กันดิศหยุดเดินและหันมองเธอตอบ


“ฉันจะช่วยแก้ตัวให้เองอย่าห่วงเลยน่า”


“นายไม่รู้จักนิสัยพ่อของฉันอย่าคิดว่าจะช่วยอะไรได้”วราลีถอนใจเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับกัมพล ในขณะที่เขาเมามายแทบขาดสติส่งเสียงโหวกเหวกและพูดจาพาลพาโล จนเธอเองไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้เกิดการวิวาทระหว่างกัน


กันดิศหมุนตัวกลับมายืนต่อหน้าวราลีพร้อมกอดอกและจ้องเธอนิ่งๆ “ฉันบอกจะจัดการให้ เชื่อใจกันบ้างสิ” ดวงตาคมเข้มนัยน์ตาสีถ่านเปล่งประกายความเชื่อมั่นทำให้วราลีใจอ่อนยวบราวกับถูกสะกดให้หวั่นไหวไปกับน้ำเสียงแหบห้าวแต่หนักแน่นนั้น


                เธอพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเดินนำเขาออกจากซอย โดยกันดิศเดินตามในระยะประชิดตัว เขาจ้องมองเธอจากด้านหลังพร้อมระบายยิ้มพอใจ


“ตกลงนายจะไปไหน?”วราลีถามไถ่เมื่อยังไม่ทราบถึงจุดหมายปลายทางที่เขาต้องการตามหาใครสักคนอย่างที่เคยบอกเธอไว้


“มหาวิทยาลัย”คนเดินนำหยุดกึกกับที่ทำให้ชายหนุ่มที่เดินตามไม่ทันระวัง ชนเธอเข้าอย่างจังทว่าวราลีกลับไม่สะทกสะเทือนใดๆ เธอหันมามองเขาด้วยแววตาใคร่รู้มากกว่าจะโวยวายเพราะถูกเดินชน


“นายจะไปมหาวิทยาลัยทำไมแล้วรู้บ้างไหมว่ามหาลัยมีตั้งเยอะตั้งแยะ ฉันพาไปไม่ถูกหรอกนะ”


กันดิศพยักหน้าระหว่างถอยหลังและวาดยิ้มละมุนละไมอีกครั้ง“ก็มหาวิทยาลัยที่เธอลงรายละเอียดไว้ในนิยาย ฉันรู้แค่ว่าคนที่ต้องการเจออยู่ที่นั่นแต่ไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ที่ไหน เธอเป็นคนเขียน เธอต้องรู้”


วราลีทวนเนื้อเรื่องในนิยายของเธอซึ่งในบทหนึ่งกล่าวถึง ‘ศีตลา’ นางเอกผู้เพียบพร้อมไปด้วยความน่ารักอ่อนหวานยิ้มสวยสะดุดใจราวกับนางฟ้ามาเกิด หล่อนเป็นนักเรียนปีสาม คณะอักษรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นมหาลัยเดียวกันกับที่วราลีเรียนจบมาได้สองปีแล้ว


ในฉากนั้นพระเอกหนุ่มซึ่งรับบทเป็นอาจารย์ผู้สอนต้องไปพบเจอกับนางเอกเพราะทนแรงคิดถึงไม่ไหวโดยทั้งคู่แอบคบหากันอย่างลับๆ เนื่องจากกฎระเบียบของทางมหาวิทยาลัย ห้ามไม่ให้อาจารย์และลูกศิษย์คบหากันฉันท์ชู้สาวแต่ทั้งสองก็แอบคบกันโดยไม่สนคำครหานินทา


เมื่อรู้ที่หมายปลายทางหญิงสาวในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่สีขาว กางเกงยีนส์สีซีดก็เริ่มออกเดินอีกครั้งทว่าคนเดินตามหลังกลับสาวเท้ารวดเร็วและมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของนักเขียนสาว


"มาขวางทางฉันทำไม" วราลีเหลือบตามองคงตัวสูงระหว่างถามไถ่


"ฉันว่าเราไปขึ้นรถดีกว่า" กันดิศชี้ชวนให้มองไปยังรถเก๋งคันใหญ่สีแดงจัดที่จอดอยู่ตรงหน้าปากซอยเมื่อวราลีมองตามก็ต้องเบิกตากว้างและส่ายหน้าในทันที


"ไม่...ฉันไม่ไปกับนายเด็ดขาด" หญิงสาวเบี่ยงกายหลบคนตัวสูงพลางก้าวเท้ายาวๆเพื่อหนีให้ห่างรถยนต์คันดังกล่าว เนื่องจากกลัวเหลือเกินหากจะให้นั่งรถที่มีกันดิศเป็นคนขับ


วราลีปฏิเสธที่จะขึ้นรถไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจพระเอกหนุ่มจะทำมิดีมิร้ายหรือลักพาตัวเธอไปขายที่ไหน แต่เพราะบทบาทและความสามารถของเขาทำให้เธอ 'กลัว'


รถยนต์สีแดงคันนี้หลุดออกจากนิยายลักษณะคล้ายรถของนิสาเพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งเธอจินตนาการไว้อย่างนั้น หากเมื่อใดที่กันดิศได้จับพวงมาลัยและขับรถคันดังกล่าวเขาต้องใช้ความเร็วสูงสุดราวกับจรวดทุกที เพราะวราลีเป็นคนกำกับบทบาทให้เป็นเช่นนั้นเธอจึงรู้ดีว่าเสี่ยงเกินไปหากให้ขึ้นรถไปตามคำเชิญชวนของเขา


"นี่เธอกลัวอะไรงั้นเหรอ"กันดิศเหล่มองพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่มระหว่างเดินตาม


"ฉันเป็นคนสร้างนายขึ้นมา ทำไมฉันจะไม่รู้นิสัยและตัวตนของนาย"


"แล้วเราจะไปมหาวิทยาลัยยังไง"กันดิศถามเมื่อวราลีนำเขาเดินผ่านรถยนต์คันหรูสีแดงสด


"ขึ้นรถเมล์" เธอตอบสั้นๆโดยไม่หันกลับมามองชายหนุ่มด้านหลังแต่อย่างใด


กันดิศชำเลืองมองรถยนต์คู่ใจอย่างนึกเสียดายที่ไม่ได้ขับมันเหินทะยานไปตามท้องถนนพลางนึกถึงความต้องการกับความชอบส่วนตัว


"เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันไม่ชอบรถสีแดง ฉันเกิดวันจันทร์ สีแดงเลยไม่ถูกโฉลกกับฉัน"วราลีหันขวับยังชายหนุ่มที่วาดยิ้มทะเล้นใส่ "ฉันชอบสีดำมากกว่า"กันดิศทำเสียงอ่อนคล้ายอยากอ้อนให้เธอแก้ไขต้นฉบับ


วราลีหันกลับพร้อมลอบถอนใจเธอเดินอย่างเร่งรีบเพื่อไปให้ถึงป้ายรถประจำทาง หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเมื่อผู้คนละแวกนั้นหันมองเธอราวกับตัวประหลาดและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อมองผ่านไปยังด้านหลังโดยเฉพาะบรรดาสาวๆ และพอถึงป้ายรถประจำทางจึงหันมองชายหนุ่มด้านข้าง ทำให้รู้ว่าเป้าสายตาของเหล่าสาวๆทั้งหลายคือเขานั่นเอง


กันดิศยืนขนาบข้างไม่สนใจใครที่มองเขาตาเป็นมันแต่สายตาคมเข้มมีเสน่ห์คู่นั้นกลับหันมองสบกับวราลีอย่างตั้งใจ จนคนถูกมองต้องแสร้งดูรถประจำทางที่กำลังขับเข้าป้ายเพื่อจอดรับผู้โดยสาร


ผู้คนมากมายแย่งกันขึ้นรถเมล์ปรับอากาศเนื่องจากเป็นช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วนของการเดินทางไปทำงานและเรียนหนังสือ ผู้คนเบียดเสียดขึ้นรถจนแน่นขนัดเป็นปลากระป๋องวราลีกับกันดิศรอรั้งท้ายจนขึ้นไปอยู่บนรถโดยสารได้สำเร็จ


ประตูอัตโนมัติเลื่อนปิดระหว่างวราลีแหวกแทรกผู้คนขึ้นไปจนพ้นบันไดโดยมีกันดิศประชิดกายไม่ห่างเนื้อกายเสียดสีกับผู้โดยสารคนอื่นรอบด้าน หญิงสาวถูกเบียดจนแผ่นหลังแนบติดกับราวเหล็กชายวัยกลางคนอิงชิดตัวจนวราลีต้องยกมือบดบังระหว่างอกเอาไว้


กันดิศถือโอกาสช่วงรถเบรกดันชายวัยกลางคนผู้นั้นให้ออกห่างจากวราลีและเข้าไปยืนแทนที่ด้วยความสูงเลือมล้ำใบหน้าของเธอจึงใกล้ชิดกับระดับไหล่ของเขา กลิ่นน้ำหอมจางๆปะทะจมูก ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันทำให้สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกาย


วราลีลอบมองกันดิศด้วยหัวใจหวิวไหวแปลกๆได้แต่บอกตัวเอง สาเหตุที่ใจเต้นแรงเป็นเพราะกลิ่นคุ้นชินของน้ำหอมนั้นคือกลิ่นเดียวกันกับที่ศาสวัตรใช้ร่างกายเบาโหวงเมื่อได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกตัก ใบหน้านวลพยายามก้มหลบอยู่ตลอดเวลาเมื่อรู้สึกได้ว่ากันดิศกำลังจดจ้องเธอ


“ขอทางลงด้วยครับ!”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังระหว่างแหวกผู้คนมากมายอย่างรีบร้อนเพื่อลงจากรถโดยสารที่กำลังจะจอดยังป้ายประจำทางกันดิศถูกดันจนร่างสูงเบียดเข้าหาวราลี และเธอถอยร่นอีกไม่ได้เนื่องจากติดราวเหล็กทำให้เกิดความใกล้ชิดจนแทบจะรวมร่างเข้าด้วยกัน


วราลีดึงเสื้อเชิ้ตของกันดิศเขาหาตัวเพื่อไม่ให้เขาเสียหลักขณะถูกผลักดันโดยกันดิศเองก็ยกมือจับราวเหล็กไว้เพื่อทรงตัว วราลีรู้สึกคล้ายตัวเองถูกโอบด้วยวงแขนราวกับถูกปกป้อง


ต่างฝ่ายต่างคิดในใจ...อยากให้เวลาหยุดไว้แค่นี้...ด้วยความรู้สึกหวั่นไหวชั่ววูบ



===== 



“คนเยอะเป็นบ้า”กันดิศบ่นอุบเมื่อหลุดจากปลากระป๋องเคลื่อนที่ได้สำเร็จ เขาแอบค่อนแคะวราลีในใจหากเธอยินยอมนั่งรถส่วนตัวมากับเขาคงไม่ต้องเหนื่อยล้าและลำบากอย่างนี้ พระเอกหนุ่มนึกเบื่อหน่ายโลกแห่งความจริงและสงสารวราลีเมื่อคิดว่าเธอคงลำบากตรากตรำกับการเดินทางอย่างนี้ทุกวัน


ร่างผอมบางหยุดฝีเท้ากับที่มองยังประตูรั้วหน้าสถาบันการศึกษาชื่อมหาวิทยาลัยเด่นตระหง่านอยู่ข้างกำแพงทำให้ย้อนรำลึกถึงครั้งที่เคยเดินเข้าออกยังที่แห่งนี้กันดิศชำเลืองมองคนด้านข้างก่อนหันมองตามจุดสนใจเดียวกันกับเธอ เขารู้ในทันทีว่าการเดินทางสิ้นสุดเมื่อถึงที่หมายปลายทาง


“นับว่าความทรงจำเธอยังดีนะขนาดเลิกเรียนไปตั้งสองปี ยังบรรยายลักษณะของที่นี่ได้เทียบของจริง” กันดิศระบายยิ้มให้กับหญิงสาวใกล้ตัวโดยเธอมองเขาตอบอย่างนึกภูมิใจในตัวเองสำหรับประโยคที่คล้ายถูกชมเมื่อครู่


“รีบเข้าไปดีกว่าหวานใจของนายคงรออยู่” วราลีกล่าวพลางเดินนำเข้ามหาลัยรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในทีเมื่อได้ท่องโลกแห่งนิยายที่เธอเป็นผู้จรดปลายปากกา ทำให้รู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร


พระนางได้เจอหน้าโปรยคำหวานและทอดสายตาซึ้งๆ ใส่กัน วราลีนึกคิดพร้อมเผลอยิ้มระหว่างเดินตามเส้นทางในมหาวิทยาลัย


ต้นไม้ใหญ่เรียงรายตามทางเดินภายในสวนหย่อมมีโต๊ะเก้าอี้หลายตัวเพื่อนั่งเล่นหย่อนใจนิสิตนักศึกษามากมายนั่งจับกลุ่ม พูดคุยหยอกล้อ วราลีมองรอบๆ อย่างให้ความสนใจพร้อมนึกถึงอดีตที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในรั้วสถานศึกษาแห่งนี้โดยมีกันดิศเดินตามหลังดังเงาตามตัว สองมือล้วงกระเป๋าทอดสายตาอ่อนละมุนมองหญิงสาวเบื้องหน้าระบายยิ้มเอ็นดู


“ถึงแล้ว”หน้าตึกสูงห้าชั้นคณะอักษรศาสตร์มีโต๊ะไม้และเก้าอี้แบบยาวตั้งเรียงรายพร้อมนักศึกษามากมายนั่งอยู่ละลานตานักเขียนสาวไล่สายตามองหาใครบางคนในละแวกนั้น ตื่นเต้นจนใจเต้นระรัวเมื่อคิดว่าจะเจอศีลตานางเอกในนิยายของตน


หญิงสาวผิวพรรณดีหุ่นสูงเพรียวร่างระหง ผมทำสีน้ำตาลแดงยาวจรดเอว วงหน้ารูปไข่ ตาคมปากนิดจมูกหน่อยตามจินตนาการของเธอ ‘หล่อนอยู่ไหน’นักเขียนสาวยังคงมองหาอยู่อย่างนั้น


กันดิศชำเลืองมองวราลีชั่วครู่ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปยังโต๊ะไม้ซึ่งมีหญิงสาวนั่งอยู่ตรงนั้นสี่ถึงห้าคนทุกสายตามองทางเขา ยิ้มพราวระหว่างหันกลับไปยังหญิงสาวอีกคนที่นั่งยิ้มเขินบิดไปมาจนพวงแก้มเกิดสีแดงระเรื่อ


“แฟนใครมาเอ่ย”เสียงใสกระเซ้าแหย่หญิงสาวที่เอียงอายหลบสายตา ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางโทนอ่อนออกแดงเป็นลูกตำลึง


“สวัสดีค่ะอาจารย์”หญิงสาวทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นยกมือไหว้ทักทายส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้เพื่อนสาวที่ออกอาการดีใจเมื่อคนรักแวะเวียนมาหายังหน้าคณะเรียน


“ผมขอเวลาส่วนตัวคุยกับศีตลาตามลำพัง”กันดิศกล่าวเสียงเรียบเชิงขอร้องในทีทำให้หญิงสาวตรงนั้นหันมองหน้ากันและพยักหน้าส่งสัญญาณ


“งั้นพวกฉันขึ้นเรียนก่อนนะไว้เจอกันในคลาส” ศีตลามองตามเพื่อนระหว่างพยักหน้าตกลงและแย้มยิ้มเล็กน้อย


เมื่อเพื่อนทุกคนเดินห่างในระดับหนึ่งศีตลาจึงหันกลับมายังชายหนุ่มที่อยากพูดคุยกับเธอตามลำพังกันดิศเดินเข้าใกล้โต๊ะไม้เตรียมเจรจาบางอย่าง


“พี่กันคิดถึงศีมากจนต้องไล่เพื่อนของศีขึ้นเรียนเลยหรือคะ” หญิงสาวกล่าวกลั้วหัวเราะ


คู่รักทั้งสองอยู่ในสายตาของวราลีตลอดเวลาเธอยืนนิ่งราวกับถูกความงดงามครอบงำ ไม่นึกมาก่อนว่านางเอกในนิยายที่เธอสร้างขึ้นจากจินตนาการจะสวยงามจนตาค้างอย่างนี้ดวงตาโตคมเข้ม ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งราวกับผ่านการศัลยกรรม ปากแดงระเรื่อหัวใจของนักเขียนสาวเต้นแรง รู้สึกคล้ายตนเองกำลังตกหลุมรักนางเอกในนิยาย


ศีตลา...แปลว่าเยือกเย็นแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับอ่อนหวานและสดใส นัยน์ตาดำวาวมีเสน่ห์ดึงดูดให้หลงใหลอย่างที่ใครได้เห็นเป็นต้องเหลียวมอง


“เราเลิกกันเถอะ” น้ำเสียงราบเรียบแต่กลับทำให้หัวอกหัวใจของคนฟังชาวาบสมองมึนงงคล้ายถูกของแข็งฟาดอย่างแรง จนหล่อนหลุดตวาดแว้ด


“อะไรนะ!”นักศึกษาละแวกนั้นหันมองทางหล่อนเป็นตาเดียวจนศีตลาเริ่มรู้ตัวว่าหลุดกิริยาไม่งามหล่อนยืนอึกอักชั่วครู่ก่อนปรับน้ำเสียงให้เบาลงและควบคุมความเดือดดาลเอาไว้ภายใน“พี่กันหมายความว่าไงคะ ล้อศีเล่นหรือเปล่า”หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติหลังจากที่มันถอดสีไปชั่วขณะโดยสายตาประหลาดใจชำเลืองมองไปทางวราลี


“ผมไม่เคยล้อเล่นที่แวะมาวันนี้ก็เพื่อจะขอให้เราเลิกคบกัน”


“ทำไมคะพี่กันมีเหตุผลอะไรถึงขอเลิกกับศี หรือศีทำอะไรให้พี่กันไม่พอใจ”


“เปล่าเพราะผมต้องการอยู่กับเธอคนนั้น” กันดิศเอี้ยวหน้ามองทางวราลีทำให้ศีตลาต้องหันมองตามด้วยอาการตกตะลึงเป็นอย่างมากไม่คิดมาก่อนว่าคนรักที่แสนดีจะตัดขาดความสัมพันธ์เพื่อคบหากับหญิงสาวอีกคนที่ไม่ได้เลิศเลอไปกว่ากันสักนิด


ศีตลาค่อยๆลุกยืนจากเก้าอี้ไม้และเดินมาหาวราลีอย่างรู้สึกสับสนแม้อยากก่นด่าหรือโวยวายเพียงใด คงต้องเก็บอาการไว้เพื่อภาพลักษณ์นางเอกแสนสวยและอ่อนหวาน


“ศีขอคุยกับคุณสักครู่ได้หรือเปล่าคะ”น้ำเสียงหวานสั่นเครือ ส่งสายตาวิงวอนมองวราลี สองมือของหล่อนกำบีบกันคล้ายหวาดหวั่นอยู่ในทีแววตาคู่สวยที่จับจ้องทำให้วราลีถึงกับยินยอมทำตามคำขอของหล่อนอย่างว่าง่ายเธอพยักหน้าและเดินตามหลังนางเอกสาวไป ทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกเกรงกลัวความสวยของหล่อนอยู่เลยทว่าเวลานี้กลับหลงใหลในความงามสง่า


ศีตลาพาวราลีเดินห่างจากกันดิศไกลในระดับหนึ่งหล่อนลอบมองจนมั่นใจว่าเขาไม่มีทางได้ยินเสียงการสนทนาระหว่างกันอย่างแน่นอน


“เธอมีอะไรคุยกับฉันงั้นเหรอศีตลา”วราลีเริ่มต้นพูดคุยด้วยความรู้สึกอยากผูกมิตร


“เธอคือวราลีนักเขียนสาวที่สร้างศีกับพี่กันขึ้นมาใช่ไหม ศีคงจำไม่ผิด”


วราลีวาดยิ้มอย่างนึกภูมิใจและพยักหน้าให้หล่อนในทันที


“ต่อให้เธอเป็นคนสร้างฝันสร้างฉัน สร้างตัวละครอื่นๆ ขึ้นมา ฉันจะไม่ยอมให้เธอแย่งกันดิศไปฉันจะทวงผู้ชายของฉันคืน!!” แววตาเชื่อมหวานเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นดุดันแฝงไว้ด้วยแรงริษยาหรี่มองวราลีด้วยหางตาจนนักเขียนสาวตกตะลึงในสิ่งที่ได้ยิน “แล้วอีกอย่างถ้าคิดจะสร้างฉันให้สวยเพอร์เฟค ก็ช่วยบรรยายให้ฉันมีน้ำมีนวลหน่อยได้ไหม! ไม่ใช่หน้าอกแบนราบเป็นไม้กระดานอย่างนี้! หรือตอนบรรยายเธอคิดถึงตัวเองฉันถึงได้ไร้ทรวงทรง!”


กล่าวจบศีตลาก็กระแทกเท้าเดินกลับไปยังที่ซึ่งกันดิศยืนรอเธอทั้งสองอยู่ปล่อยให้วราลียืนตัวชาราวกับเลือดในร่างกายแข็งฉับพลันไม่คิดว่านางเอกในนิยายของเธอจะเก็บกดกับตัวอักษรที่เนรมิตขึ้นมา



To be continued...




Create Date : 08 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 10:41:08 น.
Counter : 586 Pageviews.

2 comments
  
เรื่องน่าสนุกละสิ นางเอกในนิยายกลายเป็นตัวอิจฉา...คนเขียนเป็นนางเอกเอง...รออ่านต่อจ้า
ขอตัวหนังสือใหญ่กว่านี้หน่อยน๊า อ่านยากจัง
โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.78.246 วันที่: 9 มิถุนายน 2557 เวลา:10:28:35 น.
  
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
รับรองความสนุกค่ะ
เดี๋ยวตอนหน้าจะขยายตัวอักษรนะคะ แหะๆ
โดย: มาโซคิส IP: 203.130.145.99 วันที่: 9 มิถุนายน 2557 เวลา:10:39:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments