Group Blog
All Blog
|
เนรมิตอักษรา 12 บทที่ 12 สะกดรอย
ศีตลายิ้มเจ้าเล่ห์มองตามศาสวัตเดินกลับเข้ากองถ่ายละครอีกครั้ง น่าสงสารแม่นักเขียนจริงๆถูกแฟนสวมเขาซะแล้วซี จากรูปการและคำพูดของชายหนุ่มคงไม่พ้นสนทนากับสาวๆ เป็นแน่หล่อนเชื่ออย่างนั้น และการนัดหมายในช่วงค่ำคืนอย่างนี้ คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ถ้าไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้อง นางเอกสาวนึกสนุกคิดหาเรื่องปั่นป่วนใจของวราลีให้สั่นไหว อีกหน่อยเธอต้องขอบใจฉัน ที่ทำให้หูตาสว่างไม่มีเขางอกอยู่บนหัว คนพึมพำหัวเราะคิกคักก่อนเดินตัวปลิวเข้าไปดูการถ่ายละครที่กำลังเดินกล้องอีกครั้ง ศีตลาจ้องศาสวัตอย่างหลงใหลในรูปร่างสูงโปร่งหน้าตางดงามคล้ายกันดิศ ทุกอย่างในตัวเขาจึงดึงดูดสายตา แสงไฟประกอบฉากเจิดจ้า ส่องสะท้อนไปยังพระรองที่กำลังสวมบทเป็นตัวละครตัวหนึ่งซึ่งอีกไม่นานการถ่ายละครเรื่องนี้จะจบลง และปิดกล้องเพื่อเข้าฉายยังสื่อโทรทัศน์ในไม่ช้า บทบาทและการแสดงของศาสวัตสื่อออกจากสีหน้าและแววตา สร้างอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ขวยเขินหรือแข็งทื่ออย่างนักแสดงคนอื่นซึ่งหล่อนเคยเห็นมานักต่อนัก แม้ศีตลาจะเป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นจากนวนิยายทว่าหล่อนเคยเห็นการถ่ายทำละคร ภาพยนตร์ เพื่อศึกษาเป็นแนวทางมาบ้างแล้ว นางเอกสาวยืนกอดอก ม้วนนิ้วกับปอยผมยาวเป็นลอนขณะจ้องศาสวัตไม่วางตาครุ่นคิดถึงแผนการ ควรทำอย่างไรให้วราลีรู้ความจริง ว่าแท้จริงแล้วชายผู้นี้กำลังคบหากับหญิงอื่นไม่ได้รักหรือห่วงใยเธอเสียเต็มประดาอย่างที่เขาแสดงในห้องพักผู้ป่วยเมื่อเช้านี้ นางเป็นใคร มายืนด่อมๆ มองๆ ศาสของฉันอยู่ได้ นั่นซี หน้าตาก็พื้นๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือจะเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง เสียงซุบซิบในระยะเผาขน บาดหู จนสะเทือนถึงขั้วหัวใจการพูดจาคล้ายจีบปากจีบคอ อยากสวย แต่ติดตรง น้ำเสียงแหบใหญ่ ฟังอย่างไรก็รู้ว่าเป็นเพศที่สามอย่างแน่นอน ศีตลาชำเลืองมองสองหนุ่มซึ่งแต่งตัวล่อตะเข้แม้ร่างกายจะสูงเพรียว ขาแข้งยาวเก้งก้าง แต่ทั้งสองกลับใส่ชุดแซกสั้นเหนือเข่าสวยแปลกตากว่าหญิงสาวทั่วไป นางเอกสาวจิกสายตามองสองหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าในเมื่อการซุบซิบของพวกเขาระคายหู ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำญาติดีให้ลำบากใจทว่าบทบาทของหล่อนคือนางเอก ต่อให้อยากร้ายเพียงใด ก็คงร้ายในแบบฉบับของนางเอก ข้องใจอะไรกันคะหรือฉันมายืนเกะกะขวางทาง... หมาแมว หล่อนนึก ...ใครเข้าหรือเปล่า พอดีแถวนี้ไม่มีป้ายบอกไว้ โอ้ยๆ ไม่ต้องมีป้ายบอกหรอกจ๊ะพอดีความแปลกหน้ากระทบเรดาร์ของพวกเราเข้า ต่อมเม้าส์มอยเลยทำงาน ว่าแต่เธอเป็นดาราหน้าใหม่หรือไงเจ๊ไม่เคยเห็นแถวนี้มาก่อน สองหนุ่มยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก ขนตาปลอมงอนหนาดำสนิทแทบจะพันกันยุ่งเมื่อเขาเอียงศีรษะเข้าหากัน ทำท่าล้อเลียนอยู่ในที สร้างความหงุดหงิดใจกับศีตลาไม่น้อย ศีตลานึกเจ็บใจเมื่อพูดไม่ได้เต็มปากว่าหล่อนก็นางเอกแถวหน้าเพียงแต่เป็นนางเอกนิยาย ไม่ใช่นางเอกละครอย่างที่กำลังตั้งกองถ่ายทำหล่อนจึงหวังในใจ...สักวันต้องยืดอกอย่างภาคภูมิ หากได้เป็นนางเอกละครเต็มตัว พอดีฉันมากับผู้ชายคนนั้น คนพูดชี้ชวนให้มองไปทางศาสวัต เมื่อสองหนุ่มหันตามก็ออกอาการไม่เป็นสุขยืนหลุกหลิกตาขวาง ค้อนขวับใส่นางเอกนิยายซึ่งยืนยิ้มเยาะราวกับหล่อนถือไพ่เหนือกว่า จะไม่สะใจได้อย่างไรเมื่อแว่วเสียงนินทาจงใจกระทบกระเทียบหล่อน โทษฐานเข้ามายุ่มย่าม มองผู้ชายหน้าตาดีเข้าขั้นหล่อเหลาขวัญใจหญิงแท้ หญิงเทียมด้วยกันทั้งนั้น เวลานี้จึงถึงทีเอาคืน... เธอจะมากับ ศาส ของเจ๊ได้อย่างไร คนพูดเน้นคำ ยกนิ้วชี้กรีดกรายเล็งไปยังเพื่อนด้านข้างและอีกหลายคนที่กวาดสายตาผ่าน รู้ไหมว่าพวกเจ๊ เก้ง กวาง ชะนี ทั้งหลายจ้องตะครุบกันอยู่ตั้งแต่เปิดกล้องละครเรื่องนี้ จนเนี่ย!จะปิดกล้องอยู่แล้ว พวกเจ๊ ยังไม่ได้แอ้มซักคน เขาสะบัดสายตาส่งค้อนอีกหลายที ให้หล่อนที่เข้ามายืนชุบมือเปิบ ตายจริง! พวกเจ๊จ้องจะงาบคนรักของฉันหรือคะ ศีตลาเดินเข้าใกล้สองหนุ่ม เขย่งปลายเท้ากระซิบข้างหูเจ๊ ที่ปาวประกาศว่า หวง ศาสวัตออกนอกหน้า ลืมบอกไป คนรักของฉันไม่ชอบเก้ง กวาง หรือกระเทยแก่ๆ หล่อนเน้นเสียงหนักกับคำสุดท้าย อ่อยให้ตายเขาก็ไม่ชายตามองหรอกนะเจ๊ สองหนุ่มควันออกหู มองหน้ากันเลิ่กลั่กกำมือแน่นเกร็งจนสั่นไปทั้งตัว ทั้งโกรธและอับอาย ถูกกล่าวหาว่าเป็น กระเทยแก่ๆ จนลืมนึกไปว่าศาสวัตก็แค่มนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่จิตวิญญาณแห่งตัวละครอย่างที่พวกเขาเป็น ศีตลาหัวเราะร่วนราวกับหล่อนคือผู้ชนะเมื่อเห็นกระแสความเกรี้ยวกราด แต่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ากรีดร้องในใจและมองหล่อนด้วยหางตา สองหนุ่มเริ่มมีอารมณ์โกรธเคืองปะทุหนักนึกไปถึงการทำร้ายร่างกาย...หญิงสาวตรงหน้า อยากสวมบทเป็นนางร้ายตามละครดังหลังข่าวเสียเดี๋ยวนี้ หนีมากองถ่ายอีกแล้วเสียงห้าวคุ้นเคยทำนางเอกสาวหุบยิ้ม เบิกตาโตก่อนหันขวับด้านหลัง บังเอิญความหล่อเหลาของคนที่เข้ามาขัดจังหวะกระแทกสายตาสองหนุ่มหัวใจสาว จนลืมโมโหไปชั่วขณะ สิ่งร้ายๆที่นึกคิดเมื่อครู่หลุดลอย ทั้งสองยืนนิ่ง กะพริบตาปริบๆคล้ายถูกความคมคายดึดดูดจนแทบหยุดหายใจ ศีตลาขยิบตา ทำปากขมุบขมิบส่งสัญญาณให้ เขา หยุดยืนกับที่ก่อนทำเสียเรื่องอุตส่าห์พ่นคำ อวดศักดาไม่ยั้ง จะมาตกม้าตายเพราะความแตกในเรื่องของ คนรัก และหลอกด่า กระเทยแก่ ให้เจ็บใจเล่น แม้ศาสวัตจะเป็นที่รักของคนอื่น ทว่าเขาคือตัวแทนของกันดิศซึ่งเป็นคนรักของหล่อนเช่นกัน นางเอกสาวตีหน้าซื่อ แสร้งยิ้มเก้อๆหันหาสองหนุ่มหัวใจสาวที่ยืนมองมาวินตาค้าง ขอตัวก่อนนะคะพอดีเพื่อนของคนรักมาหา กล่าวจบ หล่อนถลาหาคนคุ้นเคยและคว้าต้นแขนหมับลากเขาออกจากสถานที่ตรงนั้นในทันที มาวินลอบยิ้มขณะถูกพาออกนอกอาคารสถานที่ซึ่งศาสวัตใช้ถ่ายทำละคร จริงๆ แล้วตัวประกอบหนุ่มเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลตั้งแต่ศีตลาแยกจากวราลี และติดตามศาสวัตมายังอาคารแห่งนี้ จนทะเลาะกับชายหนุ่มหัวใจสาวและหล่อนก็ตอกหน้าหงายได้สำเร็จ นายมาที่นี่ทำไม! ศีตลาตวาดเสียงแข็ง มาตามเธอกลับ ตรงนี้มันนอกเขตของพวกเรายังจะหาเรื่องใส่ตัว เที่ยวแขวะจิตวิญญาณแห่งละครไปทั่วไม่กลัวพวกนั้นรุมทำร้ายหรือไง นางเอกสาวเบือนหน้าหนียกมือกอดอกอย่างกระแทกกระทั้นขัดใจ จะต้องกลัวใครหน้าไหนในเมื่อคนถูกรังแกคือหล่อน เสียงหึดังอยู่ในลำคอ บ่งบอกว่าไม่พอใจ นายไม่อยู่ตอนกระเทยแก่นินทาฉันนี่ไม่ต้องทำเป็นพูดดี และอย่ามาขู่กันซะให้ยาก ฉันไม่กลัวพวกนั้นหรอกนะ มาวินหลุดยิ้มและยืนกอดอกมองหล่อนทำไมชอบหนีมาแอบดูเขาถ่ายละครกัน เธออยากเป็นจิตวิญญาณแห่งละครแบบพวกนั้นเหรอเสียงห้าวกล่าวอย่างละมุนละม้อม อยากพูดด้วยดีกับหญิงสาวซึ่งเขามีใจให้ไม่เพียงบทบาทจากนิยายที่วราลีสร้างขึ้น เขากลับหลงรักและคอยมองหล่อนอย่างไม่คลาดสายตาตั้งแต่ถูกสร้างเป็นตัวละครด้วยกัน ศีตลาลดอาการขุ่นเคืองชำเลืองมองคู่สนทนาอย่างญาติดี แค่บังเอิญผ่านมาเจอเท่านั้นละ บังเอิญ? มาวินทวนคำ ไม่เข้าใจกับเรื่องบังเอิญของหล่อน แต่ไหนแต่ไรเขาคอยติดตามนางเอกสาวซึ่งชอบหายตัวบ่อยครั้งและทุกครั้งมักเจอหล่อนอยู่ตามกองถ่ายละครบ้างละ ตามโรงภาพยนตร์บ้างละคล้ายกำลังศึกษาบทบาทการเป็นจิตวิญญาณแห่งละครเฉกเช่นตอนนี้ โดยจิตวิญญาณนี้ถือเป็นความหวังสูงสุดของตัวละครอย่างพวกเขาถึงแม้จะมีบทบาทเป็นพระนางหรือตัวประกอบฉากตามหน้ากระดาษของนิยายแล้วทว่าการได้สวมตัวตนแห่งจิตวิญญาณของละครนั้น นับว่าสูงสุดกว่า ใช่ บังเอิญฉันตามผู้ชายมาเจอกองถ่ายเข้าศีตลาพูดอย่างใจคิด ไม่ทันสังเกตมาวินที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นตึงเครียดกะทันหัน ติดใจต่อคำว่าตามผู้ชาย นางเอกสาวอาจไม่ทราบว่าเขา ที่ติดตามหล่อนมานั้นไม่อยากรับฟังว่าหล่อนให้ความสนใจชายอื่นอย่างนี้ อาการ หึงหวง จึงขึ้นหน้า เหรอ... มาวินเบือนหน้าหนีทิ้งมือที่กอดอกลงข้างลำตัว ทำท่าจะเดินหนี นายรู้ไหมว่าวราลีมีแฟน? ศีตลาชวนคุยและรั้งเขาไว้ ไม่ใส่ใจต่อท่าทางบึ้งตึง จากสีหน้าและน้ำเสียง รู้... เขาตอบสั้นๆ โดยไม่อธิบายต่อ จะไม่รู้ได้อย่างไรในเมื่อมาวินถูกพระเอกหนุ่มสั่งการให้เฝ้าสังเกตวราลีตลอดเวลาตั้งแต่เธอหลุดเข้ามาอยู่ในโลกแห่งจินตนาการนี้ ระหว่างนี้เขาจึงไม่มีเวลาคอยติดตามหล่อนตรงหน้าเท่าที่ควร ศีตลาจ้องมาวินตาเขม็งกระแสคาดคั้นออกจากประกายตาคู่นั้น พี่กันบอกนายใช่ไหม เสียงใสดุดันจนคนถูกถามพยักหน้าให้นายรู้ใช่ไหมว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเหมือนพี่กันของฉัน เขาพยักหน้าซ้ำอีกรอบ ทำไมวราลีต้องสร้างพระเอกของฉันเหมือนแฟนเธอด้วย เธอไม่รู้เหรอ การเขียนนิยายส่วนหนึ่งได้แรงบันดาลใจจากคนใกล้ตัว บางคนคลั่งไคล้ดารา ก็หยิบอิมเมจของดาราคนนั้นมาใส่ในนิยายบางคนขุดชีวิตดราม่าของเพื่อนมาสร้างพล็อตเรื่อง บางคนยกปัญหาครอบครัวมาเป็นข้อมูลก็ไม่แปลกที่วราลีจะเขียนให้พระเอกในนิยายหน้าตาเหมือนแฟนตัวเองอย่างนั้น ก็ฉันไม่ชอบ! หล่อนตวาด เมื่อรู้สึกคล้ายตนเองถูกแย่งความรักเพราะความคล้ายคลึงของแฟนหนุ่มกับกันดิศ อาจทำให้นักเขียนสาวสับสนจนไม่รู้ต้องเลือกใครกันแน่ วงหน้าสดใสวูบลงเล็กน้อย หล่อนเสมองทางอื่นไม่อยากให้มาวินเห็นความหวั่นไหวที่ส่อจากแววตาคู่นั้น ความรักอยู่รอบตัวเธอมองไม่เห็นเองต่างหาก มาวินมองหล่อนคล้ายอยากบอกเป็นนัยเขาอาจเป็นความรักรอบตัวที่ว่านั้น จะยังไงก็ช่าง ตอนนี้นายคงตกกระไดพลอยโจรแล้วละศีตลาตัดบทด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อคิดแผนการบางอย่างออก ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยซีนะ นะ หล่อนโอบแขนของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน มาวินเลิกคิ้วสงสัย ตระหนักดีว่านางเอกสาวคงไม่บอกกล่าวจนกว่าเขาจะยอมตกลงปลงใจและถึงอย่างไรเขาคงไม่ปฏิเสธเช่นกัน ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ เขาพร้อมไปด้วยอย่างเต็มใจ
ภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบสงบไร้เสียงพูดจาเมื่อเหลือกัมพลนั่งอยู่ข้างเตียงนอนของบุตรสาว หลังจากนิสากลับไปแล้วเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เธอแวะมาเยี่ยมเยียนถามไถ่อาการของวราลีตั้งแต่ช่วงเช้า และนั่งเล่นอยู่เป็นเพื่อนกัมพลจนเห็นว่าค่ำแล้วจึงขอตัวกลับไปพักผ่อนปล่อยให้บิดานั่งเฝ้าบุตรสาวอย่างนั้น จนกว่าศาสวัตจะกลับมารับหน้าที่ต่อ กัมพลยกมือลูบศีรษะพร้อมเกลี่ยไรผมให้หญิงสาวที่นอนนิ่งอย่างทะนุถนอมกุ้งแห้ง...นี่พ่ออดเหล้ามาเกือบอาทิตย์แล้วนะ ทำไมแกยังไม่ฟื้นเสียที วราลีถอนใจหนักเมื่อได้ยินคำพูดนั้นแม้เธอจะทำให้พ่อลำบากกับการเฝ้าดูแลร่างไร้วิญญาณแล้ว ยังทำให้เขาฝืนใจเลิกดื่มเหล้าอีกด้วยถึงใจจริงอยากให้เขาเลิกเมามาย แต่ไม่ใช่ตกอยู่ในสภาวะหดหู่เช่นนี้ เธอคุ้นชินกับการเห็นกัมพลโหวกเหวกโวยวายกลายเป็นคนขี้เมาและเชื่อว่านั้นคือตัวตนของเขาที่พยายามละทิ้งความโศกเศร้าทั้งหลาย สร้างเกราะกักกั้นความเสียใจตั้งแต่สูญเสียภรรยาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ทว่าครั้งนี้ เขายอมละทิ้งทุกอย่าง เพื่อแลกกับชีวิตของบุตรสาวซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมจะลงเอยอย่างไร หนูคงทำให้พ่อลำบากใจมากๆเลยสินะ เสียงเปิดประตู ดึงสายตาคนในห้องให้หันมองผู้มาเยือน ศาสวัตส่งยิ้มให้กัมพลพร้อมยกมือไหว้ก่อนทักทายวันนี้อาการของวราเป็นไงบ้างครับ แววตาสลดจากชายวัยกลางคนทำให้ทราบในทันทีว่าอาการของเธอไม่ดีขึ้นจากเมื่อวานนี้เขาเดินมาหยุดยืนข้างเตียงคนป่วย แตะสำรวจตามร่างกายของหญิงสาวและระบายลมหายใจท้อแท้ ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ได้แต่ปลอบใจตนเอง วราลีต้องดีขึ้นและฟื้นในที่สุด แต่จนแล้วจนรอดเธอยังหลับใหลอย่างนี้ ศาสวัตนึกถึงรอยยิ้มสดใสเสียงหัวเราะร่าเริง แววตาหวานซึ้ง ที่เคียงข้างกันไม่เคยห่าง ทว่าเวลานี้กลับ เหงา เมื่อไม่ได้เห็นหรือได้ยินสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว ถ่ายละครเป็นไงบ้างรึคำถามของกัมพลทำให้ความคิดหลุดลอย ศาสวัตระบายยิ้มจางๆ ก็ดีครับ ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับรู้เกิดความเห็นใจศาสวัตเป็นอย่างมาก เมื่อเขาต้องแบกรับภาระหนักอึ้ง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆการเฝ้าดูแล กุ้งแห้ง อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักครั้งพาลทำให้นึกถึงเรื่องราวในอดีต... สมัยก่อน ตอนวราลีพาศาสวัตมาแนะนำให้รู้จักกัมพลไม่ถูกชะตากับคนรักของบุตรสาวตั้งแต่แรกเจอ ด้วยท่าทางการแต่งกายเฮี้ยวๆตามประสาวัยรุ่น เสื้อเชิ้ตหลุดรุ่ย กางเกงยีนส์ขาดๆ แบบสมัยนิยม รองเท้าผ้าใบสีสดเครื่องเงินจำพวกสร้อยแหวนเต็มตัว ทั้งนิ้ว คอ หู ผมยาวระต้นคอ ดูอย่างไรก็ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เสียเลยคิดอย่างเดียว ศาสวัตไม่มีทางดูแลบุตรสาวของตนได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน ตอนนั้นเคยคิดต่อต้านไม่อยากให้ทั้งสองคบหากัน แต่ด้วยนิสัยดื้อรันของวราลี จึงไม่อาจห้ามปรามกอปรกับเขาไม่เป็นโล้เป็นพาย ขาดความเป็นผู้นำครอบครัว เลยหยุดคัดค้านและเฝ้าดูพฤติกรรมของทั้งคู่อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ในใจแอบนึก แช่ง ให้เลิกคบหากันโดยเร็วเสียด้วยซ้ำ ณ เวลานี้ศาสวัตกลับเป็นที่พึ่งพิงเพียงคนเดียวที่เขาและบุตรสาวมี โดยหวังว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นเสาหลักให้กับวราลีตลอดไปในภายภาคหน้า พ่อครับ วันนี้รบกวนอยู่เฝ้าวราสักคืนนะครับ ได้ มีธุระก็ไปทำเถอะไม่ต้องห่วงกุ้งแห้ง พ่อเฝ้าให้เอง ศาสวัตพยักหน้า ทว่าคนช่างซักยังพูดต่อเอ...หรือธุระที่ว่าคือซักผ้าดึกดื่นงั้นรึ ผู้ชายตัวคนเดียวก็ลำบากอย่างนี้อีกหน่อยคงพึ่งไอ้กุ้งแห้งมันได้ กัมพลกล่าวยิ้มๆ ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของศาสวัตที่เจื่อนลงอย่างละอายแก่ใจเมื่อเหตุผลของเขาไม่ใช่กลับไปซักผ้าอย่างที่ตั้งใจเสียแล้ว ร่างสูงลอบถอนใจระหว่างหันหาแฟนสาวอีกครั้งเขาเอื้อมมือสัมผัสแก้มนวล ทว่าซีดขาว พรุ่งนี้เช้าผมแวะมานะครับ สิ้นคำศาสวัตนำมือล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบพวงกุญแจรถเตรียมเดินทาง ขับรถขับราดีๆ กัมพลกล่าว ครับ ไม่ทันออกจากห้องเสียงดนตรีของโทรศัพท์มือถือดังเตือนให้รับสาย ศาสวัตผงกศีรษะเพื่อขอตัวออกจากห้องอย่างรีบร้อน วราลียืนมองเหตุการณ์ด้วยหัวใจเจ็บแปลบเมื่อสัมผัสได้ว่าศาสวัตไม่ได้กลับไปซักผ้าอย่างที่กัมพลเข้าใจ ภายในความรู้สึกเชื่อว่าเขาคงไปพบใครสักคนที่โทรเข้ามาและใครคนนั้นอาจเป็นหญิงสาวซึ่งอยู่ในความคิดเวลานี้ เธอรู้สึกอย่างนั้น ว่าไงตา ศาสวัตกดรับสาย ขณะนักเขียนสาวเดินตามออกจากห้องพี่กำลังไปหาเดี๋ยวนี้ละ ได้ยินเพียงเท่านั้นก็อยากห้ามปรามไม่ให้เขาจากไป... วราลีพยายามคว้าลำแขนของศาสวัตไว้อย่างลืมตัวทว่าความร้อนระอุทำให้เธอรีบชักมือกลับรวดเร็ว จำเป็นต้องกำมือแน่นๆเมื่อความร้อนนั้นสร้างความเจ็บปวด แววตาประหลาดใจมองตามคนรักเดินจากไปและคิดทบทวน เหตุใดการสัมผัสถูกศาสวัตจึงรุ่มร้อนราวกับถูกไฟแผดเผาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เสียงเพลงคลอเบาภายในห้องโดยสารรถยนต์เข้ากับบรรยากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดทำงานตั้งแต่เจ้าของขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับและออกเดินทางไปยังจุดนัดพบ ศาสวัตขับรถเรื่อยๆด้วยความเร็วแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้สายตาจับจ้องอยู่บนถนนทอดยาวทว่าความคิดกลับค้นหาความทรงจำระหว่างวราลี... ตัวเล็ก...เราจะทิ้งพี่ไปอีกคนหรือเปล่า คำถามซึ่งมีแต่ความลังเลไม่แน่ใจต่อคำตอบที่กำลังจะได้รับแต่เธอไม่เคยทำให้ผิดหวังสักครั้ง เมื่อเสียงใสตอบรับฉะฉานจะไม่ปล่อยให้เขาต้องเดียวดายเพียงลำพัง ตั้งแต่บุพการีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตศาสวัตก็ไม่เหลือใครข้างกาย นอกจากวราลีเพียงคนเดียว เธอคอยปลอบประโลมและให้กำลังใจด้วยรอยยิ้มสดใสเสมอแม้เธอเคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายกับการเสียมารดาไปทั้งคนด้วยโรคร้ายคร่าชีวิต ไหนต้องดูแลพ่อซึ่งทำตัวเหลวแหลกเมามายอย่างไม่ย่อท้อเขาจึงซึมซับความเข้มแข็งเหล่านั้นจากเธอ วราจะอยู่เป็นคู่ปาท่องโก๋กับพี่ศาสตลอดไป ดีไหม คำพูดของเธอแม้จะฟังคล้ายไม่จริงจังแต่การกระทำนั้นเป็นอย่างที่พูดไว้ไม่ผิด ทุกสิ่ง ทุกเวลาที่ ตัวเล็ก ทำเพื่อเขาจึงคอยสะกิดใจและทำให้เชื่อว่ามีเธออยู่ใกล้ทุกขณะแม้จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราก็ตาม เสียงแตรรถดังเตือนจากด้านหลัง ศาสวัตหลุดจากภวังค์ความคิดทั้งหลายในทันทีสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวนานแล้ว แต่ชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่หน้าพวงมาลัยรถเพิ่งเหยียบคันเร่งออกตัวความคิดทั้งหลายหลุดลอย และนึกถึงหญิงสาวอีกคนซึ่งจะได้พบเจอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ตัวประกอบหนุ่มตรงเบาะด้านหลังจ้องมองศาสวัตผ่านกระจกส่องหลังเป็นระยะ โดยมีนางเอกสาวหลับซบอยู่ตรงไหล่บึกบึน มาวินพาศีตลาขึ้นรถยนต์ของศาสวัตตั้งแต่เขาเดินทางออกจากกองถ่ายละครและแวะเข้าโรงพยาบาล ก่อนเดินขึ้นรถและขับออกมาอีกครั้ง แรกๆ ศีตลาก็พูดเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องราวของศาสวัตแอบนัดหญิงสาวเอาไว้จนเผลอหลับในที่สุดเขาจึงจับศีรษะของหล่อนให้ซบตรงไหล่อยู่อย่างนั้น และในใจของเขากลับครุ่นคิดถึง เพื่อน ป่านนี้จะอยู่ตรงส่วนไหน ระหว่างมิติแห่งห้วงฝันหรือโลกของความจริง สำหรับวราลี To be continued... |
มาโซคิส
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?] เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล Blood A_Blood Type Series เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
Link |