มิถุนายน 2557

2
3
5
6
7
9
10
12
13
14
16
17
18
20
21
23
24
25
26
27
28
29
 
 
15 มิถุนายน 2557
เนรมิตอักษรา 4


บทที่ 4

ตัวประกอบ...มาวิน


แสงสุดท้ายจากดวงอาทิตย์ ลาเลือนลับเส้นขอบฟ้าจนความมืดมิดทาบทาแทนที่ ทว่าบรรยากาศไม่ได้ทำให้เงียบเหงาเมื่อการเดินทางสิ้นสุดตรงที่หมายปลายทาง รถแท็กซี่จอดสนิทยังหน้าทางเข้าสนามแข่ง โครงเหล็กแน่นหนาดัดโค้งเสมือนประตูทางผ่าน คาดโลโก้สีแดงดำตรงด้านซ้าย‘BANGKOK DRAG AVENUE’ เด่นหรา มองถัดเข้าด้านในสถานที่เป็นลานถนนโล่งกว้าง ผู้คนมากมายยืนพลุกพล่านอยู่ริมทางถนนนั้น


กันดิศผลักประตูรถแท็กซี่ก้าวลงมายืนเต็มความสูงเมื่อจ่ายค่าโดยสารเป็นที่เรียบร้อย วราลีเปิดประตูลงอีกฝั่ง ยืนรอให้รถแท็กซี่เคลื่อนตัวออก เธอจึงก้าวเดินไปหาเขา


ระหว่างเดินพ้นด่านเก็บค่าผ่านทาง วราลียกมือข้างหนึ่งปิดหูรวดเร็ว อีกข้างยังกอดตุ๊กตาหมีแน่น เดินตามหลังกันดิศเข้ายังอาณาเขตสนามแข่ง ไม่ชอบเอาเสียเลยกับเสียงเร่งเครื่องยนต์ที่ดังบาดแก้วหูเช่นนี้


“นายมาทำอะไรที่นี่” วราลีตะเบ็งพูดจาแข่งกับเสียงประกาศผ่านลำโพงที่ดังกึกก้องรอบด้าน หนำซ้ำยังอึกทึกไปด้วยเสียงคำรามจากเครื่องยนต์และผู้คนมากมายภายในสนามแข่งนั้น ซึ่งทุกสิ่งที่ว่ากลบเสียงใสของเธอแทบหมดสิ้น


“หาเพื่อน” กันดิศตอบสั้นๆ ขณะก้าวเดินกระฉับกระเฉง เขาเอี้ยวใบหน้าเพียงเล็กน้อยเพื่อสนทนากับเธอที่สาวเท้าระรัวเกือบจะกลายเป็นวิ่ง


วราลีลอบถอนใจเมื่อคำตอบไม่เป็นที่น่ายินดีสักเท่าไร ทว่าคงหยุดซักไซ้ และรอคอยว่าใครคือ ‘เพื่อน’ ที่กันดิศต้องการพบเจอ


หญิงสาวหุ่นสูงเพรียว หน้าตาดูดีไปทางงดงามระดับดารานางแบบ ยืนเชิดหน้า อกผายไหล่ผึ่ง เสื้อผ้าเน้นเผยหน้าอกหน้าใจ รัดทรวดทรงองค์เอวจนมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง กระโปรงสั้นแค่คืบโชว์ขาเรียวสวย แม้แต่วราลีที่เป็นเพศเดียวกันยังต้องมองเหลียวหลัง


บางรายส่งสายตาหยาดเยิ้มเป็นประกาย มองกันดิศอย่างให้ความสนใจ ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจสายตาเย้ายวนเหล่านั้น เดินต่อเรื่อยๆ โดยไม่คิดชะลอฝีเท้า


รั้วกั้นเขตระหว่างขอบสนามกับอัฒจรรย์ที่นั่งสำหรับผู้ชมยาวเรียงตลอดแนว มีบางช่วงถูกเปิดเป็นช่องว่าง กันดิศชำเลืองมองคนด้านหลังคล้ายส่งสัญญาณให้เดินตามเข้าช่องทางนั้น และเดินต่ออีกระยะจึงชะลอฝีเท้า


“ไอ้ปลาทู” พระเอกในนิยายหยุดมองชายหนุ่มซึ่งสวมเสื้อยืดตัวโคร่งสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้มทรงกระบอก ก้มๆ เงยๆ ให้ความสนใจกับมอเตอร์ไซค์ Kawasaki ZX-10R สีดำเงางาม โฉบเฉี่ยวด้วยการตัดเส้นลายสีน้ำตาลทองหรูหรา มีผลิตเพียงห้าสิบคันทั่วโลก


ชายผู้นั้นละสายตาจากรถคันเท่มองกันดิศแว้บหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาทำเพียงพยักหน้าทักทาย และหันเหความสนใจกลับไปยังมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง


“นึกไงมาถึงนี่วะ” น้ำเสียงห้าวตั้งคำถามทั้งที่ยังสนใจเครื่องยนต์ของรถเพื่อดูแลความเรียบร้อย


“พาสาวมาแนะนำให้รู้จัก” กันดิศยกมือกอดอกพร้อมเบนสายตาทางหญิงสาวด้านข้างที่จ้องมอง ‘ไอ้ปลาทู’ อย่างนึกสงสัยในความคุ้นเคย


ทรงผมหยิกฟูถูกผ้าคาดหน้าผากรวบไปรวมอยู่ด้านบนศีรษะ ดวงตารียาวมีเสน่ห์ใต้คิ้วดกหนา จมูกโด่งเป็นสันราวกับชาวต่างชาติ ความคุ้นชินทั้งหมดคล้ายเขาคือตัวละครที่วราลีจินตนาการเอาไว้ในนิยาย หรือเขาผู้นี้จะหลุดออกจากตัวอักษร เฉกเช่นพระเอกของเธอ


“แม่สาวผมยาว นักเขียนคนเก่งนะเหรอ” สิ้นเสียงห้าววราลีถึงกับเบิกตากว้าง เกิดความใคร่รู้ว่าชายผู้นี้ทราบได้อย่างไรว่าเธอคือนักเขียน หรือใฝ่ฝันให้เป็นเช่นนั้น ผิดก็แต่ยังไม่ใช่คนเก่ง แค่มือสมัครเล่นไปวันๆ


กันดิศแอบขบขันใบหน้าเหรอหราของวราลีก่อนจะกระแอมแครกๆ ปรับท่าทางเป็นนิ่งเฉย เมื่อถูกแววตาคาดโทษมองมา เขาจึงตอบคำถามชายหนุ่มอีกคน “อืม นักเขียนคนเก่ง”


ชายเจ้าของรถวางมือจากมอเตอร์ไซค์คันโปรด หยิบผ้าสีฟ้าซึ่งมีคราบน้ำมันเครื่องเปรอะเปื้อนขึ้นเช็ดมือ และทิ้งลงบนเก้าอี้นั่งก่อนหันมองวราลีพร้อมฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวยงาม


“ผมมาวิน ยินดีที่ได้รู้จักกับนักเขียนสาวผู้สร้างฝัน” คนแนะนำตัวขยับเข้าใกล้หญิงสาวที่ยืนตัวแข็งทื่อ เขาฉวยมือของเธอขึ้นประทับริมฝีปากตรงหลังมือนวลเนียน เพื่อทักทาย “ผมไม่ใช่คนสุภาพมาดขรึม หรือโหดร้ายอย่างที่เจ๊บรรยายในงานเขียน แต่ที่ว่าผมเป็นคนหล่อ ข้อนั้นผมไม่เถียงสักคำ” มาวินยิ้มอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ได้ช่วยให้วราลีหายอื้ออึง


เธอค่อยๆ ชักมือกลับพร้อมแย้มยิ้มแห้ง ชำเลืองมองทางกันดิศด้วยอาการงุนงงไม่หาย เกิดแววถามไถ่ในดวงตาคู่สวยนั้น เหตุใดมาวินถึงรู้เรื่องราวในนิยายเป็นอย่างดี หรือเขาคือตัวประกอบที่เธอสร้างขึ้นจากความคิดไม่ผิดตัว


มาวินถอยหลังกลับไปยืนขนาบข้างกันดิศ ขอเวลาพูดคุยกันตามประสาชายหนุ่ม หัวข้อสนทนาคงไม่พ้นเรื่องของเครื่องยนต์กับความเร็ว ซึ่งอีกไม่นานคงได้เห็นฝีไม้ลายมือในการขับขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้น


วราลีหันมองรอบบริเวณเพื่อสำรวจสถานที่ ถนนยาวเป็นเส้นตรงโปร่งโล่งไม่มีสิ่งใดกีดขวางเส้นทาง คล้ายกับรอคอยการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่ช้า


กันดิศและมาวินพูดคุยถึงกำหนดการแข่งขัน โดยส่วนใหญ่สนามแข่งแห่งนี้จะเปิดเพื่อทำการซ้อมเครื่องยนต์ในวันศุกร์ และเตรียมตัวแข่งในหลากหลายประเภทรถ ทั้งเก๋ง กระบะ มอเตอร์ไซค์ ในวันเสาร์และอาทิตย์ แล้วแต่โอกาสกับความเหมาะสม โดยทุกอาทิตย์มาวินจะเข้าร่วมการแข่งขัน ตามเนื้อเรื่องที่นักเขียนสาวบรรยายไว้ในนิยายของเธอ


วราลีสำรวจสถานที่และนึกตามเรื่องราวในงานเขียน ช่างแตกต่างกันลิบลับ เมื่อสถานที่จริงมีความโอ่อ่าอลังการกว่าที่เคยจินตนาการไว้ เธอพยายามจดจำภาพและเสียงของบรรยากาศตามที่กันดิศเคยแนะนำ เพื่อไปปรับเปลี่ยนต้นฉบับให้ออกมามีสีสันและความสมจริง


“เจ๊” เสียงห้าวหยุดความคิดทั้งหลายทั้งปวงของวราลีให้หันไปมองยังต้นทางเสียงนั้น


“คะ ดวงตาคมหวานมองมาวินชั่วครู่ ก่อนหันหากันดิศที่ขยับตัวพิงรถมอเตอร์ไซค์ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืน


“วันนี้เจ๊ให้เกียรติเดินทางมาหาถึงสนามแข่ง ผมเลยตกลงกับไอ้กัน จะเป็นไกด์ไลน์อธิบายถึงลักษณะนิสัยของตัวละครที่เจ๊ควรรู้ และจำเป็นต้องรู้ในหลากหลายแง่มุม”


สีหน้าและแววตาจริงจังดึงให้วราลีมองมาวินอย่างไม่ละสายตา อยากเอื้อมมือเข้าไปจับสัมผัสใบหน้าคมเข้มนั้น เพื่อยืนยันว่าเขาคือตัวประกอบในนิยายของเธอจริงๆ


วราลีพยักหน้าน้อยๆ มองมาวินตาปริบๆ ก้าวเดินมานั่งตรงอัฒจรรย์ที่ทำเป็นขั้นบันได ซึ่งบริเวณนั้นอยู่ห่างไกลจากกลุ่มคนที่มาชมการแข่งซ้อมรถในระดับหนึ่ง โดยกันดิศมองตามเธออย่างไม่ละสายตา


ร่างสูงขยับขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์คันเท่ นำมือข้างหนึ่งเท้าคางมองดูชายหญิงเบื้องหน้าเริ่มต้นเจรจาอย่างมีสาระและเป็นทางการ


วราลียังนึกแปลกใจไม่หาย เหตุใดตัวละครในนิยายจึงออกมาเดินเล่นอยู่บนโลกแห่งความจริง หนำซ้ำยังสอนให้เธอรู้เทคนิคเกี่ยวกับงานเขียนอีกด้วย ทุกอย่างจึงกลายเป็นความหวาดระแวงว่าหลังจากนี้ ‘ใคร’ หรือ‘ตัวอะไร’ จะเดินออกจากนิยายของเธอ


“เจ๊เคยคิดไหม ว่างานของตัวเองห่วยแตกแค่ไหน” มาวินตั้งคำถามโดยไม่ใส่ใจว่าวราลีจะตอบหรือไม่ ทว่าประโยคนั้นกลับทำให้เจ้าของผลงานถึงกับหน้าชาจนลามไปยังแขนขาทั่วร่างกาย


แม้วราลีจะรู้ดีว่างานเขียนออกมา ‘ห่วยแตก’ แต่ไม่คิดว่าตัวละครของเธอจะพูดตรงจนทำร้ายจิตใจเช่นนี้ นักเขียนสาวจับตุ๊กตาหมีที่ตั้งอยู่บนตัก กระแทกวางตรงที่นั่งด้านข้างด้วยอารมณ์คุกรุ่นซึ่งถูกตำหนิรุนแรงจนแทบรับไม่ได้ ทว่าพร้อมยอมรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์นั้น


“งานฉันห่วยแตกยังไง ช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม” วราลีกัดฟันกรอดข่มอารมณ์หงุดหงิดไว้ภายในใจ โดยไม่ทันเห็นว่ากันดิศแอบหัวเราะเธออยู่ เขายกมือปิดปากและปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งที่ยังขบขันอยู่แบบนั้นอย่างอดไม่ได้


“พล็อตเรื่องของเจ๊มันก็โอเคอยู่นะ พระนางรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ต่างฝ่ายต่างแอบรักกันอย่างไม่รู้ตัว จนเวลาผ่านไปทั้งสองเกิดรู้ใจตัวเองเลยเริ่มต้นคบหากัน แต่ด้วยฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์ ทำให้เปิดเผยความสัมพันธ์ไม่ได้ และผมที่เป็นเพื่อนกับทั้งสองก็เข้ามาเป็นมือที่สาม แย่งชิงความรักนั้นจนเกิดการห้ำหั่นกัน"


“ใช่ แล้วมันห่วยตรงไหน หรือพล็อตแบบนี้มีเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง เลยดูธรรมดาไป” วราลีถามความเห็นจากตัวประกอบหนุ่ม


“นิยายของเจ๊ห่วยแตกตรงไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่มีเงื่อนงำที่ซับซ้อน ไม่มีปัญหาเริ่มต้น ไม่มีจุดไคลแมกซ์ เหมือนเขียนเรื่องราวทุกอย่างลอยๆ ตามความคิดของเจ๊คนเดียว ไม่สนใจบทบาทของตัวละครว่าควรเริ่มต้นและสิ้นสุดตรงไหน” มาวินหยุดพักเหนื่อยชั่วครู่ก่อนพูดต่อ “เจ๊รู้ไหมว่านิยายของเจ๊ทำให้ตัวประกอบอย่างผมน้อยใจแค่ไหน” น้ำเสียงห้าวแผ่วลงกว่าครึ่ง พร้อมส่งกระแสเว้าวอนจนคนฟังหัวใจกระตุกวูบ


วราลีเลิกคิ้วสูง อยากฟังคำอธิบายต่อ “เจ๊ไม่อธิบายที่มาที่ไปว่าผมเป็นใครมาจากไหน อยู่ดีๆ ก็โผล่มาปะทะกับพระเอก แล้วสุดท้ายก็ตาย นี่ละเหตุผลที่ผมน้อยใจที่สุด ปัญหาทะเลาะเบาะแว้งไม่หนักหนาสาหัสอะไร ทำไมต้องเขียนบทให้ผมตายด้วย” มาวินยกมือปิดหน้าตัวเองราวกับจะร้องไห้


วราลีตัวชาวาบ รู้สึกผิดอย่างกะทันหัน ไม่คิดว่านิยายที่ตนแต่งขึ้นจะทำร้ายจิตใจของตัวละครได้ขนาดนี้ ใช่...เธอวางบทบาทให้มาวินเป็นเพื่อนรักกับกันดิศและศีตลา โดยเขาหลงรักนางเอกสาวมากจนต้องหาวิธีกำจัดพระเอกให้พ้นทาง แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร เมื่อมาวินเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และต้องจบชีวิตลงอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ


มาวินยังคงตีหน้าเศร้าระหว่างอธิบายหลักในการสร้างบุคลิกลักษณะของตัวละคร (Characterization) แม้งานเขียนจะมีเทคนิคมากมายหลายรูปแบบ โดยผู้แต่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้แตกต่างและโดดเด่นได้


บางคนใช้การบอกเล่าในการบรรยายให้เห็นภาพของตัวละครนั้นๆ บางคนอาจแสดงให้เห็นจากการกระทำที่โต้ตอบสิ่งต่างๆ ตามเรื่องราวของงานเขียน หรือบางคนสื่อให้เห็นจากวิธีการพูดกับตัวละครอื่นๆ แม้แต่ความคิดของตัวละครเองก็สร้างเป็นบุคลิกให้กับตัวละครนั้นๆ ได้ตามที่เห็นในหนังสือนิยายทั่วไป


ตัวละครแบบมีมิติ (Round Character) สร้างขึ้นให้มีหลากหลายคุณสมบัติและอารมณ์ มีจุดเด่น จุดด้อย ความซับซ้อนเปลี่ยนไปตามเหตุการณ์ของเรื่องราว


ตัวละครแบบแบนราบ (Flat Character) มักเป็นตัวประกอบที่ไม่สำคัญมากนัก บุคลิกไม่ซับซ้อน อาจมีเพียงมิติเดียว และตรงจุดนี้เองทำให้มาวินไม่ชอบใจมากนัก ในเมื่อเขาเป็นตัวละครที่มีความสำคัญและมีบทบาทกับเรื่องราวในนิยายเช่นกัน เหตุใดวราลีจึงไม่สื่อความสำคัญให้เขาโดดเด่นเฉกเช่นตัวละครเอก (Protagonist) อย่างกันดิศหรือศีตลา แม้เขาจะได้รับบทเป็นตัวร้าย (antagonist) เขาก็ยังเป็นตัวละครที่สำคัญและไม่สมควรได้รับบท ‘ตาย’ อยู่ดี


“ถึงผมจะเป็นตัวประกอบ แต่ผมก็มีหัวใจ วันนี้เลยอยากให้เจ๊สัมผัสถึงความรู้สึกของการสูญเสีย เมื่อเห็นตัวละครต้องตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่” กล่าวจบมาวินก็ล้วงหยิบบางอย่างออกจากด้านหลัง


วราลีลุกพรวดและกระวีกระวาดถอยห่างจากตัวประกอบหนุ่ม เมื่อภาพที่เห็นคือ ‘ปืน


ไม่ผิดแน่ ลักษณะของที่มาวินถืออยู่ในมือ คือปืนพกสั้น .38สีดำขนาดเล็กกระชับมือ กระแสความหวาดผวาสื่อออกจากแววตาสั่นไหวที่มองไปทางกันดิศอย่างรวดเร็ว เมื่อปลายกระบอกปืนหันไปทางเขาพอดี


“อย่าเล่นอะไรบ้าๆ อย่างนี้นะมาวิน ฉันไม่รู้สึกสนุกไปกับนายด้วย” วราลีห้ามปรามอย่างร้อนรน เมื่อคิดว่าตัวประกอบหนุ่มคงกลั่นแกล้งเล่นเท่านั้น


มาวินตีสีหน้านิ่งเฉย สายตาเยือกเย็นหันมองกันดิศที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงจากมอเตอร์ไซค์ด้วยท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อย


“ในเมื่อเจ๊สร้างบทให้ผมตายตอนจบ แล้วไอ้กันได้นางเอกไปครอบครอง เพราะฉะนั้นคืนนี้ ผมจะจัดการไอ้กันซะ เพื่อไม่ให้มันเป็นเสี้ยนหนามตำหัวใจ และทำลายชีวิตผมตามนิยายของเจ๊”


ได้ฟังดังนั้นวราลีถึงกับหน้าถอดสี รู้สึกใจคอไม่ดี เมื่อเห็นแววตาของมาวินจ้องมองกันดิศอย่างเอาเรื่อง เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการจินตนาการอะไรลมๆ แล้งๆ จะสร้างความกดดันให้กับตัวละคร รวมถึงเธอด้วยในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่คล้ายเธอยืนหมิ่นเหม่อยู่ปากเหว จะตกไม่ตกแล่


ระหว่างกำลังคิดหาหนทางแก้ไข เสียง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


“กรี๊ด!” วราลียกมือปิดหู หลับตาปี๋ ก้มหน้ากรีดร้องอย่างลนลาน


หากมาวินลั่นไกระรัวอย่างนี้ กันดิศคงร่างพรุนและนอนจมกองเลือดอย่างแน่นอน “หยุดได้แล้ว! พอซะที!” นักเขียนสาวตะโกนลั่นทั้งที่ยังอุดหูหลับตาอยู่อย่างนั้นด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเริ่มไหลเอ่ออย่างอดกลั้นไม่อยู่


“ไอ้โรคจิต...” กันดิศเหล่มองมาวินอย่างนึกตำหนิที่คิดอะไรแผงๆ เขาสาวเท้าเข้าโอบหญิงสาวที่ยังร้องโวยวาย ทั้งสงสารทั้งขำขันในท่าทางหวาดกลัวของเธอ


เสียงปังระรัวสิ้นสุดพร้อมกับมาวินระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ไม่ใส่ใจผู้คนมากมายที่วิ่งมามุงดูจนเกิดความชุลมุน


“ผมไม่คิดว่าเจ๊จะกลัวเสียงประทัดขนาดนี้” ตัวประกอบหนุ่มหัวร่องอหาย น้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง มองวราลีที่ซุกหน้าเข้ากับแผงอกของกันดิศด้วยอาการสั่นเทา


เมื่อตั้งสติได้ วราลียกมือทุบอกคนใกล้ตัว เสียงการสนทนาระหว่างชายหนุ่มทำให้รู้ในทันทีว่าถูกแกล้งเข้าให้แล้ว และเมื่อเหตุการณ์สงบลง ผู้คนมากมายต่างเดินกลับไปยังจุดของตัวเอง ปล่อยให้สองหนุ่มปลอบประโลมหนึ่งสาวที่นึกแค้นอยู่ในใจ


“เจ้าพวกบ้า! ทำไมต้องแกล้งกันอย่างนี้ด้วย สนุกมากหรือไง!” วราลีโวยวายทั้งที่ยังทุบอกของกันดิศโทษฐานสมรู้ร่วมคิด จนเขาต้องคว้ามือเธอเอาไว้


วราลีคลายมืออีกข้างจากเสื้อเชิ้ตของพระเอกหนุ่มเพื่อยกปาดน้ำตาลวกๆ พร้อมถอยห่างจากเขา อดทนกลั้นสะอื้น รู้สึกคล้ายตนเองเป็นตัวตลกของวงสนทนา


“ฉันขอโทษแทนไอ้ปลาทูมันด้วย ที่แกล้งให้เธอตกใจกลัว” กันดิศกล่าวอย่างสำนึกผิด เขาเหล่มองมาวินที่ยังหัวเราะไม่เลิกเสียที วราลีดึงมือกลับจนหลุดพ้นการจับกุมจากพระเอกในนิยาย


“เอาน่า ถือว่าสนุกสนาน ต้อนรับว่าที่นักเขียนมืออาชีพในอนาคตแล้วกัน” มาวินสะกดกลั้นอารมณ์ขันเอาไว้ และเดินเข้าใกล้หญิงสาวที่ยังหลงเหลือสะอื้นเล็กน้อย


“ไม่ต้องทำเป็นพูดดี ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะ” วราลีตัดพ้อ พยายามถอนใจทิ้งความอกสั่นขวัญแขวน ในใจเกิดสลดขึ้นมา หากเมื่อครู่ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เป็นบทชีวิตจริงของเพื่อนรักที่กลายเป็นศัตรูความรักต่อกัน ความคิดวู่วามคงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมอย่างง่ายดาย


“วันนี้เจ๊คงไม่สนุกกับการดูผมซ้อมรถแล้วซี ให้ไอ้กันไปส่งไหม” มาวินปรับสถานการณ์ให้ดีขึ้นเมื่อเห็นว่านักเขียนสาวยังคงหน้าง้ำหน้างอไม่หาย


                “ไม่ต้อง ฉันนั่งรถกลับเองได้ เชิญพวกนายสนุกกันตามสบาย” วราลีมองกันดิศตาขวาง นึกพาลพาโล แม้เขาไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้เธอหวาดผวา แต่ก็มีส่วนร่วมกับการกลั่นแกล้งครั้งนี้อย่างแน่นอน เธอคิดเช่นนั้น ใบหน้านวลสะบัดหนีจนผมยาวสลวยปลิวตาม ตั้งใจเดินออกจากตรงนั้นเพื่อกลับบ้าน


ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวไปไหน ข้อมือของเธอก็ถูกกันดิศคว้าเอาไว้ “เดี๋ยวฉันไปส่ง” เขามองเธอนิ่งๆ แต่ในความนิ่งเฉยนั้นกลับมีอำนาจบางอย่างทำให้วราลีหวั่นเกรงจนไม่กล้าปฏิเสธ


“ไอ้กัน” มาวินโยนพวงกุญแจรถคันโปรดให้กันดิศรับไว้ “วันนี้ข้าเปลี่ยนใจไม่ซ้อมแข่งแล้วว่ะ เอ็งขับรถไปส่งเจ๊แล้วกัน”


กันดิศพยักหน้าและดึงมือให้วราลีเดินตามมาตรงมอเตอร์ไซค์คันเท่ เขาปล่อยเธอเป็นอิสระและยกหมวกกันน๊อคแบบเต็มใบยื่นส่งให้เธอรับไว้ มาวินหยิบหมวกกันน๊อคอีกใบให้กันดิศได้สวมใส่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเช่นกัน


พระเอกหนุ่มก้าวขึ้นค่อมบนรถมอเตอร์ไซค์และสตาร์ทเครื่องรอ คอยให้วราลีก้าวขึ้นรถตาม


“โชคดีเว้ย ขับรถดีๆ ละ อย่าพาเจ๊ของข้าไปเทกระจาดที่ไหน” มาวินกล่าวกลั้วหัวเราะ พร้อมหยิบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่วางด้านหน้ากันดิศตรงถังน้ำมันรถ


วราลีจัดท่านั่งพร้อมสวมหมวกกันน๊อคอย่างว่าง่าย เตรียมออกเดินทาง เมื่อทั้งสองพร้อมแล้ว กันดิศจึงบิดคันเร่งออกตัว ทำให้หญิงสาวด้านหลังผงะกายจนต้องรีบคว้าเอวของคนขับ กอดไว้แนบแน่น


หัวใจเต้นตึกตักจนหวิวไหวอย่างไม่ทราบสาเหตุ...


===== 


Kawasaki ZX-10R สีดำเงาวับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัวสีนวลตา รถสองล้อแล่นทะยานไปตามถนนทางหลวง การจราจรโปร่งโล่งไม่แออัดเนื่องจากดึกดื่นด้วยเวลาเกือบเที่ยงคืนเต็มที

ร่างผอมบางแนบอิงแผ่นหลังกว้าง แม้ร่างสูงของกันดิศจะต้านทานแรงลมที่พัดผ่านราวกับกำแพงกั้นจนเสื้อผ้าพัดพลิ้ว แต่ความเย็นจากกระแสลมยังคงถ่ายเทปะทะผิวกายจนต้องกระชับอ้อมแขนที่กอดเอวของเขาไว้ให้แน่นขึ้นอีก ไออุ่นจากร่างกายส่งผ่านระหว่างกัน ขณะทั้งสองแนบชิด


แม้พยายามขยับกายให้ถอยห่าง เมื่อนึกขึ้นได้ถึงความใกล้ชิดที่มีมากจนเกินไป ทว่ากันดิศก็ดึงแขนของวราลีไว้ให้กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก เกรงว่าเธอจะตกลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นถนนเสียก่อนที่จะถึงบ้าน


วราลีสะกดจิตใจไม่ให้สั่นไหว และพยายามนึกคิดว่ากันดิศคือศาสวัตร จินตนาการที่เธอสร้างเขาขึ้นมาจากลักษณะของแฟนหนุ่มเท่านั้น แต่จนแล้วจนรอด ก้อนเนื้อเต้นได้ก็ยังสั่นไหว จนได้ยินเสียงตึกตักของหัวใจเต้นเร่าอยู่ดี


เสียงเครื่องยนต์ดังฮึมๆ ระหว่างชะลอความเร็ว เมื่อเลี้ยวรถเข้าซอยเล็กๆ ก่อนจะจอดสนิทยังหน้าประตูบ้านของวราลี


กันดิศยืดเท้ายันพื้นดินเพื่อประคองรถ หมวกกันน๊อคถูกถอดออกทั้งคนขับและคนซ้อนท้าย ทั้งสองเสยผมจัดทรงให้เข้าที่ข้างทาง ก่อนวราลีก้าวลงจากรถ และโอบหมวกกันน๊อคไว้ข้างเอว


“นายต้องขับรถกลับไปคืนมาวินด้วยใช่หรือเปล่า” วราลีตั้งคำถามโดยหลบนัยน์ตาสีถ่านคู่นั้นที่จ้องมองเธออยู่ รู้สึกวูบไหวที่หัวใจชอบกล


“จริงๆ แค่เธอเขียนลงในต้นฉบับ รถคันนี้ก็จะกลับไปอยู่กับเจ้าของ ของมันตามเดิม” จริงสินะ เธอลืมไปเสียสนิทเกี่ยวกับอภินิหารที่เกิดขึ้น รวมถึงอานุภาพจากลูกแก้วนาครา ซึ่งคาดเดาไว้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะสิ่งล้ำค่าสิ่งนั้น “เว้นแต่ว่า เธอไม่อยากอยู่ใกล้ฉัน เลยคิดจะให้ฉันเอารถกลับไปคืนไอ้ปลาทูมัน” กันดิศกล่าวอย่างทีเล่นทีจริง อยากรู้ความคิดและความต้องการของเธอเช่นกัน


ระหว่างให้เขาอยู่ใกล้ๆ หรือผลักไสให้จากไปจนไกลสายตา...


วราลียืนทบทวนคำพูดของกันดิศชั่วครู่จนกระแสความลังเลส่อออกจากแววตาคู่นั้น ทำให้พระเอกในนิยายลอบยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดเหล่านั้น


และการชั่งใจคิดต้องเตลิด เมื่อเสียงคุ้นเคยดังจากด้านหลัง


“กุ้งแห้ง!” วราลีสะดุ้งโหยงพร้อมหันขวับยังต้นเสียงดุดันนั้น “เป็นสาวเป็นนาง ทำไมกลับบ้านดึกดื่นป่านนี้” กัมพลจ้องมองลูกสาวตาเขม็ง จนคนถูกมองยืนตะลึง ออกอาการลนลานจนทำอะไรไม่ถูก


“เอ่อ หนู” จะให้แก้ตัวอย่างไร เมื่อเหตุการณ์เมื่อเช้ากลับเข้ามายืนในความคิด สร้างความกดดันเพิ่มเติม


‘ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้าแทรกอีกระลอก’ พ่อของเธอคงตั้งใจรอไต่สวน เกี่ยวกับเรื่องที่กันดิศจูงมือเธอเดินออกจากบ้านเมื่อเช้านี้ แถมยังถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัด มาเจออยู่ทั้งคู่ด้วยกันอีก


วราลีหน้าซีดเผือด ยกมือเย็นเฉียบปาดเหงื่อด้วยอาการตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คงถูกพ่อเล่นงานยกใหญ่ เพราะถึงขนาดลงทุนไม่ดื่มเหล้าเมามายเพื่อรอคลี่คลายสิ่งที่ค้างคา


“ทำไมต้องอึกอัก แกมีอะไรปิดบังพ่อรึไง” กัมพลปั้นหน้าโหด “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว รู้บ้างไหม” เขายกข้อมือลูกสาวและชี้ไปที่หน้าปัดนาฬิกาของเธอ “เที่ยงคืนกว่าแล้ว เห็นบ้างหรือเปล่า ทำไมชอบทำให้พ่อเป็นห่วงอยู่เรื่อย”


“หนูขอโทษที่กลับดึก พอดีหนูแวะไปกับเพื่อน...” วราลีเอี้ยวกายไปด้านหลัง พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควรเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเผชิญหน้ากับความจริงเสียที


ทว่า...เบื้องหลังว่างเปล่า ไม่มีกันดิศกับรถมอเตอร์ไซค์คันเท่อีกแล้ว‘เขาหายไปไหน’ วราลีถามตนเองในใจระหว่างกวาดตามองไปรอบๆ


พระเอกในนิยายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...



To be continued...




Create Date : 15 มิถุนายน 2557
Last Update : 15 มิถุนายน 2557 8:05:23 น.
Counter : 626 Pageviews.

2 comments
  
แปลกดี..น่าติดตาม ตัวละครออกมาสอนคนแต่ง นิยาย เป็นกำลังใจให้จ้าเขียนให้จบนะคะ อยากรุ้ว่าจะจบอย่างไร
โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.78.246 วันที่: 17 มิถุนายน 2557 เวลา:10:48:27 น.
  
ขอบคุณนะคะ ที่ติดตาม
รอลุ้นว่านิยายเรื่องนี้จะลงเอยยังไงนะคะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 17 มิถุนายน 2557 เวลา:16:37:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments