มิถุนายน 2557

2
3
5
6
7
9
10
12
13
14
16
17
18
20
21
23
24
25
26
27
28
29
 
 
1 มิถุนายน 2557
เนรมิตอักษรา บทนำ



การได้เจอกับเธอ..ยากราวกับงมเข็มในมหาสมุทร


-ฮ่าๆ- เสียงใสหัวเราะลั่นแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ของรถมากมายที่แล่นขวักไขว่บนท้องถนนยามเย็นโต๊ะไม้หลากสีสันขนาดกะทัดรัดวางเรียงรายภายในอาณาเขตของร้านกาแฟเล็กๆ ริมฟุตปาธหญิงสาวสองคนจับจองโต๊ะริมทางเดินซึ่งมีกระถางดอกไม้วางกั้นเขตฟุตปาธกับถนนเอาไว้อย่างสวยงาม



“ฉันไม่คิดเลยนะว่าพระเอกในนิยายของเธอจะซื่อบื้อไร้อารมณ์สุดขั้วขนาดนี้” สาวหน้าหวานผิวขาวปากแดงระเรื่อเพราะลิปกลอสมันวาวพูดกลั้วหัวเราะ เมื่อได้อ่านตัวหนังสือจากกระดาษเอสี่หนากว่าสองร้อยแผ่นซึ่งเพื่อนของเธอวางแหมะลงบนโต๊ะอย่างท้อใจ



“เพราะตัวละครไร้อารมณ์ไม่มีมิติต้นฉบับของฉันถึงไม่ผ่านการพิจารณาซะที” หญิงสาวอีกคนทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดพร้อมถอนใจหนักหน่วงสองมือยกเท้าคางอย่างเหนื่อยหน่ายจนคนที่นั่งตรงกันข้ามลดอาการขบขันและชำเลืองมองเธอ



‘วราลีวชิรบดี’ หญิงสาววัยเกือบยี่สิบสี่ปีผมตรงสลวยยาวระดับกลางหลัง ดำขลับเงางาม เธอรักในการเขียนมาตั้งแต่เด็ก อยากเจริญรอยตามคุณตาของเธอที่เป็นนักเขียนกิตติมศักดิ์และโด่งดังมากเมื่อครั้งอดีต



หลังจากเรียนจบวราลีก็เริ่มจริงจังกับความฝันของตัวเองเธอตั้งต้นหาข้อมูลเกี่ยวกับงานเขียนอ่านทุกอย่างตามเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตเพื่อเก็บความรู้ จดจำคำสละสลวยมาบรรยายประกอบกับงานของเธอทว่า...ผ่านไปปีกว่าความรู้เท่าหางอึ่งยังคงเดิม นิยายที่เริ่มต้น ไม่เคยสวยงามตามจินตนาการดังวาดหวังเอาไว้



“จะเอาดีทางเขียนนิยายจริงๆเหรอวรา คิดดูดีๆ นะ เธอจะมานั่งหลังขดหลังแข็งทำไม อีกหน่อยก็ต้องแต่งงาน แค่ฐานะพี่ศาสคนเดียวก็เลี้ยงดูเธอได้ตลอดชีวิตแล้ว”นิสากล่าวแกมหยอกกับเพื่อนที่นั่งทำหน้ามู่ทู่บอกบุญไม่รับ



“ฉันรักงานนี้อยากทำให้ความฝันเป็นจริง อีกอย่างฉันกับพี่ศาสยังไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อยจะมัวรอให้เขามาเลี้ยงดูอย่างเดียวคงไม่ได้หรอก อนาคตอะไรก็ไม่แน่นอน นิก็รู้ฉันไม่คู่ควรกับพี่ศาสเลยฐานะของฉันเรียกได้ว่ายากจนสุดขีดต่างกับเขาราวฟ้ากับดิน”



วราลีถอนใจอีกครั้งเมื่อนึกโทษดินโทษฟ้าที่ทำให้เธอเกิดมาไม่ร่ำรวยอย่างใครเขาแม้แต่ ‘นิสา ประดิษฐ์พงษ์’เพื่อนของเธอคนนี้ยังมีฐานะอยู่ในระดับเรียกว่าเศรษฐีอย่างไม่น้อยหน้าใคร



“เอาอีกแล้วดราม่าอีกจนได้ ฉันไม่น่าเริ่มเลยจริงๆ ทำไมล่ะ แค่ไม่มีเงินทองมากมายแถมยังถูกพ่อบังเกิดเกล้าขโมยเงินที่เก็บไว้ไปกินเหล้า เขาไม่ได้เรียกว่ายากจนหรอกนะวราอย่างน้อยเธอยังมีบ้านที่แม่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ถึงจะไม่ใหญ่โตก็เถอะแต่เธอก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าอย่างคนอื่นเขา”



ประโยคปลอบใจของนิสาทำให้วราลีกลืนความรู้สึกท้อแท้ลงคอแม้จะพยายามไม่คิดมากแต่ก็อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้เสียทุกที



ตั้งแต่แม่ล้มป่วยและเสียชีวิตโดยโรคมะเร็งตอนเธออายุได้สิบห้าขวบวราลีก็อาศัยอยู่กับกำพล พ่อที่ติดสุรางอมแงม เสียผู้เสียคนจนโดนไล่ออกจากงานเงินทองที่มีเหลือเก็บหลังจากใช้จ่ายค่าโรงพยาบาลก็เริ่มร่อยหรอ เขาคงเสียใจกับการสูญเสียภรรยาจึงต้องใช้แอลกอฮอล์ดับทุกข์ไปวันๆแม้วราลีเคยห้ามปรามและขอร้องให้เขาทำตัวให้สมกับเป็นผู้นำครอบครัวแต่ก็เปล่าประโยชน์ เธอต้องดิ้นรนทำงานพาร์ทไทม์ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบด้วยหยาดเหงื่อน้ำพักน้ำแรง



ทุกวันนี้วราลียังต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัวเธอจึงหวังว่างานเขียนของตัวเองคงพอเป็นรายได้เสริมประทังชีวิตบ้างก็เท่านั้น



หญิงสาวนัยน์ตาเศร้าถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะขยับร่างกายพิงพนักเก้าอี้ พยายามขจัดความคิดหดหู่ให้เลือนสลายไปกับสายลมที่พัดผ่านปะทะร่างกายยามดวงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า พลันดวงตาสวยแต่หม่นเศร้าคู่นั้นก็เหลือบเห็นชายชราคนหนึ่งทำท่ายึกยักจะข้ามถนนที่รถวิ่งไปมาราวกับม้าวิ่ง



“นิรอก่อนนะเดี๋ยวฉันมา” วราลีพูดพลางลุกขึ้นยืนอย่างมุ่งมั่นจนนิสามองตามความสนใจของเพื่อน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังทำอะไรสักอย่างตามนิสัยที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยใครคนนั้นอาจไม่เคยร้องขอหรือไม่ต้องการด้วยซ้ำไป



“คิดจะไปช่วยตาลุงคนนั้นข้ามถนนเนี้ยนะเตือนให้แกเดินไปหาสะพานลอยไม่ดีกว่าเหรอ” นิสากล่าวพร้อมหัวเราะเยาะในลำคอ เมื่อเห็นว่าเพื่อนพยายามทำในสิ่งที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลยที่คิดช่วยเหลือผู้ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน



“ก็เห็นอยู่ว่าแถวนี้ไม่มีสะพานลอยเอาน่าเดี๋ยวฉันมา ไปไม่นานหรอก” วราลีส่งยิ้มพร้อมอ้อมเก้าอี้ไปตรงทางเดินเล็กๆ ที่ร้านกาแฟจัดทำไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อย



นิสาส่ายหน้าเบาๆและยกถ้วยกาแฟดื่ม ไม่ใส่ใจเพื่อนที่รีบเดินจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง เพื่อไปให้ทันชายชราคนนั้นที่อาจต้องการความช่วยเหลืออยู่



“คุณตาคะจะข้ามไปฝั่งโน้นใช่หรือเปล่าคะ มาค่ะเดี๋ยวหนูพาข้ามไปเอง”หญิงสาวคว้าแขนของชายชราอย่างไม่นึกรังเกียจ แม้เนื้อตัวของเขาจะมอมแมมซอมซ่อเสื้อยืดสีขาวหม่นหมองจนกลายเป็นสีเทา มีคราบสกปรกเปรอะเปื้อนแทบทั้งตัว



“ขอบใจมากนะแม่หนู”ชายชราแย้มยิ้มผูกมิตร ยอมให้วราลีประคองข้ามถนนอย่างเต็มใจ



หญิงสาวยกมือโบกให้รถยนต์ที่วิ่งเกลื่อนถนนชะลอความเร็วหวังเจอผู้มีน้ำใจหยุดรอให้เธอนำชายชราข้ามถนนไปอีกฝั่งอย่างปลอดภัยเพียงไม่กี่นาทีเธอก็ทำสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้



“คุณตาจะไปไหนต่อคะ?ต้องรอรถโดยสารหรือเปล่า เดี๋ยวหนูจะส่งคุณตาขึ้นรถเองค่ะ” วราลีถาม



“เดี๋ยวตาเดินไปเรื่อยๆไม่ไกลก็ถึงบ้านตาแล้ว ขอบใจมากนะแม่หนู” กล่าวจบชายชราก็เริ่มออกเดินอย่างช้าๆ



วราลีมองตามชายผู้นั้นเดินห่างจากสายตาเรื่อยๆก่อนจะหันมองท้องถนน รอข้ามฝั่งกลับไปหานิสา และเมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็ต้องประหลาดใจชายชราที่เคยช่วยเหลือหายจากสายตา วราลีกวาดมองรอบบริเวณแต่ก็ไม่เห็นใครสักคน



‘ทำไมคุณตาเดินไวจัง’หญิงสาวถามตัวเองในใจแต่เพียงไม่นานก็ต้องสะบัดความคิดสับสนทิ้ง เพื่อเดินข้ามฝั่งกลับเข้าร้านกาแฟตามเดิม



“ไงล่ะรู้สึกอิ่มบุญหรือเปล่า” นิสาเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ “แล้วเป็นอะไรทำไมทำหน้าตื่นแบบนั้น” คนถามหันมองไปทางถนนสลับกับมองเพื่อนที่ส่ายหน้าให้ พร้อมปรับอาการงุนงงให้เป็นปกติ



“ไม่มีอะไร...”วราลีพูดพลางมองไปอีกฝั่ง ยังติดใจเกี่ยวกับการหายตัวไปของชายชราผู้นั้น แม้ไม่อยากใส่ใจแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าคุณตาหายไปไหนทั้งที่เธอเองก็คอยมองอยู่แทบจะตลอดเวลา



“กลับกันหรือยังมืดแล้วพรุ่งนี้ฉันต้องออกเดินทางแต่เช้า” นิสาเปลี่ยนเรื่องคุย ดึงให้วราลีหันกลับมามองพร้อมพยักหน้าตอบรับ“ว่าแต่เธอไม่สนใจไปเที่ยวกับฉันจริงๆ เหรอ”นิสาชักชวนถึงการท่องเที่ยวที่เคยเกริ่นก่อนหน้านี้ แต่วราลีปฏิเสธและครั้งนี้ก็เช่นกัน



“ไม่ล่ะ...ฉันต้องแก้ไขต้นฉบับคงไม่มีแก่ใจจะเที่ยว ไว้คราวหน้าแล้วกันนะ” วราลีฝืนยิ้มเมื่อต้องปฏิเสธคำเชิญชวนของเพื่อนบ่อยครั้งบ้างก็ติดภารกิจต้องดูแลพ่อ บ้างก็เห็นงานเขียนสำคัญกว่าการเที่ยวเตร่



“โอเคคราวหน้าอย่าปฏิเสธอีกล่ะ ถ้าไม่ไปฉันจะโกรธเธอจริงๆ คอยดู”นิสายืนยันเสียงแข็งทำให้วราลีส่งยิ้มแห้งและพยักหน้าเล็กน้อยแม้การท่องเที่ยวในครั้งนี้จะฟรีตลอดการเดินทาง เนื่องจากนิสาได้รางวัลจากการจับฉลากไปต่างประเทศหนึ่งอาทิตย์เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตครบตามกติกาเงื่อนไข แต่วราลีก็ยอมตัดใจเมื่อเห็นหน้าที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด






รถยนต์คันหรูหราสีแดงสดขับเคลื่อนมาหยุดยังริมถนนหน้าปากซอยซึ่งเป็นที่พักของเพื่อนสนิท วราลีก้าวลงจากรถและกล่าวคำร่ำลาก่อนผลักประตูปิดสนิทเธอยืนมองส่งรถยนต์คันดังกล่าวขับเคลื่อนออกไป



ใจจริงนิสาอยากขับรถไปส่งวราลียังหน้าประตูบ้านของเธอแต่เนื่องจากในซอยนั้นคับแคบ หากขับรถยนต์คันใหญ่เข้าไปคงกลับลำได้ลำบาก วราลีจึงบอกให้เพื่อนส่งตรงปากทางเข้าบ้านเพื่อความสบายใจของเธอและเพื่อความสะดวกของนิสาด้วยเช่นกัน



-เอี๊ยดดดด- เสียงเหยียบเบรกลากล้อยาวของรถยนต์ดังมาแต่ไกลฉุดวราลีให้หันขวับไปยังต้นทางเสียง ทว่า...ทุกอย่างว่างเปล่า รถราบนถนนยังแล่นฉิวไม่มีคันใดเบรกกะทันหันตามเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี้



‘ตัวเล็ก เสียงตะโกนคุ้นหูกังวานรอบบริเวณ หญิงสาวจำได้ดีว่านั่นคือเสียงของ‘ศาสวัต อัครกิจ’ แฟนหนุ่มแต่ทุกอย่างรอบตัวก็ยังคงปกติตามเดิม ไม่มีพี่ศาสของเธอตรงบริเวณนั้นหรือจะคิดถึงเขาเกินเหตุจนหูแว่วเช่นนี้ วราลีปัดความคิดทั้งหลายทิ้ง ปักใจเชื่อว่าเธอคงหูฝาดไปเอง



หญิงสาวนัยน์ตาเศร้าเดินเข้าซอยที่คุ้นเคยซึ่งอยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิดแม้จะเป็นซอยเล็กๆ บ้านแต่ละหลังปลูกห่างกันเป็นระยะ แต่ทุกคนภายในซอยก็รู้จักมักคุ้นและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีตลอดมาไม่เคยเบียดเบียนหรือมีปัญหาให้หนักอกหนักใจ ทุกคนคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันคล้ายคนในครอบครัว



ทว่าสิ่งเดียวที่ทำให้เธอไม่อยากกลับบ้าน ก็เมื่อพ่อของเธอเมามายไม่ได้สติพาลโหวกเหวกโวยวายจนเหนื่อยทั้งกายและใจ



“แม่หนู...”เสียงเยือกเย็นดังจากด้านหลังทำให้วราลีสะดุ้งโหยงและหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว



“อ้าวคุณตา!ทำไมมาอยู่แถวนี้ละคะ” หญิงสาวประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อชายชราที่เคยช่วยเหลือมายืนอยู่ตรงหน้าเธอพยายามมองหาว่าคุณตามากับใคร แต่ก็ไม่เห็นมีใครสักคน



“พอดีตาผ่านมาแถวนี้เห็นแม่หนูยืนส่งเพื่อนอยู่ ตาเลยแวะเอาของมาให้ สำหรับความมีน้ำใจที่ช่วยเหลือกันเมื่อเย็น”



“อะไรกันคะคุณตาหนูเต็มใจช่วยไม่หวังของตอบแทนหรอกค่ะ” วราลีระบายยิ้มอย่างเกรงอกเกรงใจเมื่อนึกถึงสิ่งของที่ชายชราอยากมอบให้แม้คุณตาจะดูไม่มีฐานะร่ำรวยอะไร แต่ยังมีน้ำใจอยากให้รางวัล เธอจึงอดภูมิใจไม่ได้ที่การสร้างความดีไม่สูญเปล่า



ชายชราไม่ฟังคำทักท้วงใดเขายื่นส่งลูกแก้วสีม่วงอ่อนขนาดเท่ากับเหรียญบาทให้ วราลีตกตะลึงในความงดงามจากประกายสดใสที่สะท้อนกับแสงไฟสลัวส่งผลให้ลูกแก้วนั้นแวววาวดึงดูดสายตา สิ่งมีค่าซึ่งเธอไม่อาจเก็บรักษาไว้ได้ตามความต้องการของชายชราผู้นั้น



“รับไปสิลูกแก้วนี้เป็นของโบราณที่ตาสะสมมานาน อยากมอบให้กับคนดีๆ อย่างหนู แม้มันอาจไม่มีค่ามากนักแต่ตาก็อยากให้หนูเก็บไว้” ชายชรากล่าวพร้อมระบายยิ้มน้อยๆ ให้เธอ



“คุณตาคะหนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ลูกแก้วนั้นคงเป็นสมบัติของคุณตา เพราะฉะนั้นคุณตาควรเก็บรักษาไว้อย่ายกให้หนูเลยนะคะ”



“อย่าทำลายความหวังของคนแก่เลยตาก็อายุปูนนี้แล้วคงดูแลสิ่งนี้ได้อีกไม่นาน ตาไม่มีลูกหลานที่ไหนแม่หนูช่วยเก็บรักษามันแทนตาหน่อยก็แล้วกัน” ชายชรายื่นลูกแก้วแวววาวนั้นเข้าใกล้วราลีอีกครั้งจนเธอเริ่มกระอักกระอ่วนอยากปฏิเสธแต่ก็เกรงว่าแกจะเสียน้ำใจ เธอจึงรับลูกแก้วนั้นไว้ตามความต้องการของเขา



“ขอบคุณมากนะคะหนูเกรงใจจังที่ต้องรับของชิ้นนี้ไว้” วราลียิ้มเจื่อนพลางก้มมองสิ่งของในมือ แม้คุณตาจะบอกว่าไม่มีค่ามากนักแต่สำหรับเธอคือสิ่งล้ำค่ามากที่สุดเท่าที่เคยได้รับมา



“มันคือแก้วนาคราหนูจะคิดว่าเป็นเครื่องรางของขลังก็ได้ จะได้สบายใจแต่ตาเชื่อว่าสักวันของสิ่งนี้คงช่วยเหลือหนูได้ในสักทาง”



“ค่ะหนูจะเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเลยนะคะคุณตา” วราลีกล่าวยิ้มๆ ตื่นเต้นที่ได้ครอบครองของมีค่าชิ้นนี้เธอมองชายชราเดินจากไปอีกครั้งอย่างไม่ละสายตา และครั้งนี้จะไม่ยอมให้ชายผู้นี้จากไปอย่างไร้ร่องรอยอีกแน่นอน




ปางสิตางศุ์






Create Date : 01 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 10:41:54 น.
Counter : 617 Pageviews.

4 comments
  
แวะมาเยี่ยมยามค่ำคืน…สวัสดีครับ
โดย: **mp5** วันที่: 1 มิถุนายน 2557 เวลา:22:05:34 น.
  
ขอบคุณมากๆ นะคะ คุณเอ็ม
โดย: มาโซคิส IP: 203.130.145.99 วันที่: 2 มิถุนายน 2557 เวลา:10:32:49 น.
  
ตามมาให้กำลังใจแล้วค่าาาา
โดย: crystal IP: 180.180.235.80 วันที่: 2 มิถุนายน 2557 เวลา:20:46:41 น.
  
ขอบคุณนะคะ คุณเอมี่
โดย: มาโซคิส IP: 203.130.144.222 วันที่: 3 มิถุนายน 2557 เวลา:7:47:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments