มิถุนายน 2557

2
3
5
6
7
9
10
12
13
14
16
17
18
20
21
23
24
25
26
27
28
29
 
 
4 มิถุนายน 2557
เนรมิตอักษรา 1

บทที่ 1

การปรากฏตัวของ...กันดิศ


ประตูรั้วเหล็กดัดสูงเทียมอกถูกล้วงเปิดกลอนจากด้านในแสงไฟสว่างจ้าในตัวบ้านบ่งบอกให้รับรู้ว่าบุคคลภายในอาจยังไม่นอน ส่วนหนึ่งคงรอลูกสาวกลับบ้านอีกส่วนคงไม่พ้นกำลังดื่มแอลกอฮอล์ชนิดที่เรียกได้ว่า ‘ไม่เมาไม่เลิกรา’


วราลีถอนใจระหว่างเดินเข้าอาณาเขตของบ้านเธอลงกลอนที่ประตูรั้วจนเรียบร้อยก่อนเดินตรงเข้าบ้านชั้นเดียวเพื่อเผชิญกับชายวัยกลางคนซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ


ประตูมุ้งลวดเหล็กดัดถูกผลักเปิดพร้อมมองหา‘กัมพล วชิรบดี’ ที่อาจจะนั่งโงนเงนอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆซึ่งเป็นที่ประจำของเขา และเป็นไปตามคาด พ่อของเธออยู่ตรงนั้นจริงๆแต่ผิดตรงที่เขานอนแอ้งแม้งหลับปุ๋ยเพราะฤทธิ์เบียร์ที่ดื่มเข้าไปถึงหกขวดตามที่เห็นวางเรียงรายยังไม่นับที่เขาอาจดื่มอยู่ทั้งวันซึ่งไม่เห็นร่องรอยตรงนั้นวราลีส่ายหน้าเหนื่อยใจเมื่อรู้ตัวว่าต้องเหนื่อยกับการหอบหิ้วฉุดลากให้เขาไปนอนอย่างทุลักทุเล


ทุกค่ำคืนหลังกลับจากทำงานเธอต้องคอยห้ามปรามกัมพลให้หยุดดื่มสุรา หากเขาเมาหนักจนขาดสติจะออกฤทธิ์ด้วยการโหวกเหวกโวยวายต้องคอยระวังไม่ให้เขาส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านคนอื่น จะดีหน่อยก็อย่างวันนี้ เมาจนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวแม้ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการลากเขาไปนอน ยังดีกว่าคอยห้ามปาวๆ แต่ไม่เป็นผลใดๆ


“พ่อนะพ่อทำไมต้องทำให้หนูลำบากอย่างนี้” วราลีจับกระเป๋าสะพายวางลงกับพื้นคิ้วเรียวเข้มขมวดยุ่งระหว่างหน้าผากมน ใบหน้าสวยหวานเวลานี้ออกอาการละเหี่ยใจ บ่นพึมพำระหว่างรวบมัดผมแบบลวกๆแขนเสื้อถูกถลกขึ้นทั้งสองข้าง ลงมือลากพ่อของตัวเองให้เคลื่อนที่จากโต๊ะญี่ปุ่นอีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงที่นอนของเขา ด้วยร่างผอมบางจนเรี่ยวแรงก็แทบไม่มีวราลีจึงต้องใช้แรงอย่างมากกับการช่วยเหลือให้คนเมาได้นอนหลับสบาย


เมื่อกัมพลอยู่ในตำแหน่งฟูกที่นอนเป็นที่เรียบร้อยหญิงสาวก็นำผ้าขนหนูกับกะละมังไปรองน้ำ และเดินกลับมานั่งลงข้างคนเมา ชุบผ้าแล้วบิดให้พอหมาดเช็ดตามใบหน้าและลำตัวของเขาให้พอสบายตัวระหว่างหลับใหล


วราลียืนหอบเหนื่อยหลังจากเก็บกวาดเช็ดถูรอบบ้านจนสะอาดเอี่ยมเธอมองสำรวจรอบๆ อยู่พักใหญ่ก่อนจะกดปิดไฟจนมืดสนิท ประตูห้องส่วนตัวถูกเปิดพร้อมเดินเข้าด้านในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่คว้าถือไว้ถูกวางบนเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่งซึ่งปูด้วยผ้าสีชมพูลายการ์ตูนน่ารักสดใส


ปึกกระดาษเอสี่ถูกหยิบออกจากกระเป๋าสะพายโดยเจ้าของผลงานระบายลมหายใจเหนื่อยล้า อยากถอดใจกับงานเขียนของตัวเอง แต่ก็ละทิ้งความฝันไม่ได้พยายามเตือนสติขอฮึดสู้ใหม่อีกสักครั้ง ไม่ว่าการให้กำลังใจตัวเองจะเริ่มต้นด้วยรอบที่ร้อยแล้วก็ตาม


ต้นฉบับนิยายที่เพิ่งถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งฉุดกำลังใจให้หดหาย จำเป็นอย่างมากที่ต้องปลุกขวัญกำลังใจขึ้นใหม่กระดาษกว่าสองร้อยแผ่นถูกวางบนโต๊ะทำงานพร้อมกับวราลีลากเก้าอี้หย่อนกายนั่ง เปิดลิ้นชักและหยิบปากกาขึ้นมาเตรียมความพร้อมพลันนึกถึงลูกแก้วแวววาวที่ได้รับจากชายชราอย่างกะทันหันเธอจึงเบนความสนใจกลับไปที่เตียงนอนอีกครั้ง


ประกายสีม่วงเปล่งแสงวูบหนึ่งขณะวราลีกำลังหยิบลูกแก้วออกจากกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตเห็นแสงแวววาวนั้น หญิงสาวมองหาที่วางเหมาะๆจนเหลือบไปเห็นกล่องใส่เครื่องประดับที่ไม่ได้ใช้งาน และตอนนี้คงทำประโยชน์ได้บ้างแววตาคู่สวยจ้องมองลูกแก้วนั้นอย่างชื่นชมในความงดงาม โดยแก้วนาคราถูกถือประคองวางลงในกล่องดังกล่าวอย่างทะนุถนอมราวกับเปลือกไข่บอบบางที่พร้อมจะแตกได้ทุกเวลา


หลังจากจัดการกับของล้ำค่าเสร็จสิ้นวราลีจึงหันมาใส่ใจยังต้นฉบับอีกครั้ง


‘สำนวนการบรรยายสับสนวกไปวนมาจนไม่รู้ว่าอยากสื่ออะไร ลำดับเหตุการณ์เนื้อเรื่องไม่ชวนติดตามเท่าที่ควรตัวละครไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก อ่านแล้วเหมือนคนเขียนพร่ำเพ้อไปเองมากกว่า’


การวิพากษ์วิจารณ์ของบรรณาธิการในสำนักพิมพ์ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดแม้สิ่งเหล่านั้นจะบั่นทอนความรู้สึกและทำลายความเชื่อมั่นอย่างราบคาบแต่ต้องนำจุดบกพร่องเหล่านี้มาปรับเปลี่ยนและแก้ไขต้นฉบับใหม่ทั้งหมดหากยังคิดที่จะเดินอยู่บนเส้นทางของนักเขียนต่อไปคงท้อแท้ไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ทันเริ่มต้นด้วยซ้ำ


วราลีเปิดกระดาษแผ่นที่เป็นชื่อเรื่อง‘เนรมิตอักษรา’ เพื่อเริ่มต้นไล่อ่านงานเขียนของตัวเองตั้งแต่บรรทัดแรกพลันฉุกคิด จริงอย่างที่ถูกวิจารณ์ คำบรรยายสับสนวกวนเปิดฉากมาก็เห็นความไม่สมจริงเสียแล้ว


“ยายวราเธอจะบ้าหรือไง แมวที่ไหนร้องมุ้งมิ้ง” วราลีบ่นตัวเองพึมพำ เมื่อตัวละครเริ่มแรกของเธอคือแมวน้อยกำลังคลอเคลียอยู่ข้างคนเลี้ยงซึ่งเป็นพระเอกในนิยายที่จินตนาการไว้หล่อเหลา


-เมี๊ยวววว-ยังไม่ทันได้ลงมือแก้ไข เสียงของแมวก็ดังครางเข้าโสตประสาท วราลีชะงักกับที่ เงี่ยหูฟังเสียงแว่วนั้นว่ามาจากทิศทางใด


-เมี๊ยวววว-ข้างหน้าต่าง เสียงร้องของแมวดังจากทางนั้นวราลีไม่รีรอลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตามหาเสียงของเจ้าแมวเหมียวทันที


มุ้งลวดเหล็กดัดถูกดึงเปิดบานหน้าต่างที่แง้มรับลมก็ถูกผลักออกกว้างพร้อมเจ้าของห้องชะโงกหน้ามองฝ่าความมืดหาเจ้าของเสียงเมี๊ยวนั้นแมวน้อยขนสีขาวสะอาด นั่งยันสองขาหน้าจดจ้องวราลีดวงตาสีเหลืองแวววาวราวกับลูกแก้วคมดุ ทั้งคนและแมวต่างมองกันอย่างไม่ละสายตา


“เจ้าเหมียวน้อยแกมาร้องเมี๊ยวๆ แถวนี้ คิดจะอ้อนกินขนมหรือไง” วราลีเริ่มต้นสื่อสารทั้งที่รู้ว่าแมวคงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือหากฟังรู้เรื่อง คงเป็นเธอเสียเองที่ไม่รู้ว่าเสียงโต้ตอบเมี๊ยวๆ นั้นต้องการสิ่งใด


“รอฉันก่อนนะเดี๋ยวหาอะไรมาให้กิน” วราลีหมุนตัวกลับพร้อมเดินออกจากห้องราวกับย่องเบา ไม่อยากส่งเสียงดังรบกวนคนเมาที่กำลังหลับใหลวราลีเดินไปถึงห้องครัวค้นหากับข้าวที่อาจมีหลงเหลือ พอเป็นอาหารให้แมวพเนจรได้กินรองท้อง


และนับว่าโชคดีที่มีปลาทูทอดหลงเหลืออยู่ครึ่งตัวพ่อของเธอคงกินปลาทูไม่หมด ตั้งแต่ที่ทอดไว้เป็นกับข้าวเมื่อเช้านี้ เธอเดินกลับมาที่ห้องตัวเองพร้อมกับถือจานปลาทูในมือ


“เจ้าแมวน้อยมากินปลาเร็วเข้า ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจไม่ยกปลาตัวนี้ให้แก” วราลีหยิบปลาทูครึ่งตัวจากจานทรงกลมสีขาวหย่อนวางไว้ตรงข้างหน้าต่าง เนื่องจากบ้านของเธอเป็นกึ่งไม้กึ่งปูนมีชั้นเดียว จึงสะดวกกับการโน้มกายจากหน้าต่างและวางปลาทูครึ่งตัวนั้นให้เจ้าแมวได้กินอาหารสมใจ


เสียงครางเมี๊ยวส่งร้องระหว่างลุกเดินมาใกล้หน้าต่าง แมวพเนจรจดจ้องวราลีคล้ายบอกขอบคุณที่นำปลาทูครึ่งซีกมาให้มันได้กินแก้หิวโหยวราลีแย้มยิ้มเมื่ออาหารของเธอถูกปากเจ้าแมวตัวนั้น ฉับพลันนึกได้ สิ่งที่ต้องแก้ไขในงานเขียนคือเสียงร้องของแมวนี่เอง


“ขอบใจมากนะเจ้าแมวน้อยแกทำให้ฉันนึกออก ว่าจริงๆ แล้วแมวร้องแบบไหน เพราะแกคงไม่ร้องมุ้งมิ้งหรอกจริงไหม”วราลีขบขันและมองดูแมวพเนจรกินปลาทูอย่างเอร็ดอร่อยและเมื่อมันจัดการอาหารจนไม่เหลือซาก เธอก็ได้แต่มองดูเจ้าแมวตัวนั้นเดินหายไปท่ามกลางความมืด


หญิงสาวร่างบอบบางกลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสืออีกครั้งเธอวางจานเปล่าลงตรงชั้นวางของด้านข้าง และลงมือจับปากกาขึ้นมาขีดฆ่าตัวอักษรในต้นฉบับ


พระเอกหนุ่มนัยน์ตาคมผมยาวประต้นคอ อุ้มแมวขึ้นโอบกอดพร้อมลูบไล้ขนของสัตว์เลี้ยงกล่อมให้แมวน้อยในอ้อมกอดหลับใหล เสียงเหมียวหง่าวครางเบาๆ ทำเคลิบเคลิ้ม


วราลีเริ่มสนุกกับการแก้ต้นฉบับนิยาย เมื่อในสมองของเธอมีแต่ภาพชายหนุ่ม ‘กันดิศ’ หมายถึง เจ้าแห่งความรัก ชื่อของพระเอกนิยายซึ่งใช้เวลาร่วมชั่วโมงเลือกหา เพื่อให้เข้ากับบทบาทของผู้ชายที่มีแต่ความรัก ความอบอุ่นมอบให้คนใกล้ตัว


ในนิยายของเธอกันดิศมีหลายบทบาทตามจินตนาการส่วนตัว เขาเป็นทั้งอาจารย์ผู้สอนวิชาเศรษฐศาสตร์อีกทั้งยังเป็นช่างภาพมืออาชีพ แถมท้ายด้วยศิลปินอย่างนักร้องนำ ทำให้การหาข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทเหล่านี้ตกหล่นไปบ้างหรือบางทีก็หลุดคาแรคเตอร์จากที่วางกรอบเอาไว้


ต้นฉบับถูกอ่านไปพร้อมกับแก้ไขวราลีเห็นจุดบกพร่องมากมาย ซึ่งระหว่างเขียนในรอบแรก เธอไม่เคยได้ย้อนกลับมาอ่านหรือทบทวนนิยายสักครั้งและนั่นคือสิ่งผิดพลาดมหันต์ เมื่อคิดส่งต้นฉบับให้กับสำนักพิมพ์พิจารณาโดยไม่ตรวจทานเสียก่อนจึงไม่แปลกหากจะถูกวิจารณ์จนหน้าชาและตีกลับมาเช่นนั้น


‘หากมีคอมพิวเตอร์สักเครื่องคงช่วยเรื่องงานเขียนได้เยอะเลย’ วราลีเริ่มนึกเสียดาย เมื่อครั้งหนึ่งศาสวัตเคยออกปากจะซื้อคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาให้ทว่าเธอเกรงใจจึงไม่อยากไปรบกวนให้เดือดร้อนเงินทองของเขาลำพังรายได้ของเธอในแต่ละเดือน หากหักค่าใช้จ่ายก็เหลือเก็บไม่มากพอจะซื้อคอมพิวเตอร์สักเครื่องจึงได้แต่อดทนรอ เขียนงานด้วยมือเปล่าไปก่อน


“กันดิศนี่นายเป็นผู้ชายคนแรกที่มีตัวตนในจินตนาการของฉันเลยนะ”วราลีพึมพำเมื่ออ่านถึงฉากที่พระเอกของเธอกำลังตามหาหญิงสาวในฝัน เธอวาดจินตนาการของพระเอกนิยายไว้คร่าวๆชายหนุ่มรูปร่างสูงผอม ชอบใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ทรงเดฟ ลักษณะการแต่งกายคล้ายศิลปินแนวร็อกสวมแหวนและสร้อยเงินเป็นเครื่องประดับตามร่างกาย หญิงสาวหลุดยิ้มเมื่อลักษณะของกันดิศตามที่นึกคิดคล้ายศาสวัตอย่างกับแกะ เธอนำลักษณะของแฟนหนุ่มมาสวมบทบาทใส่ให้กับพระเอกในนิยาย


เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนค่อนไปทางดึกดื่นความเพลินเพลิดกับการแก้ไขยังคงสนุกจนไม่อยากหยุดพัก แต่เมื่อนึกถึงงานประจำและต้องตื่นแต่เช้าวราลีจึงยอมตัดใจพักกับงานเขียนวางมือจากปากกาและลุกขึ้นยืนบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยล้าก่อนจะหันเดินไปหยิบผ้าขนหนูพร้อมทำภารกิจส่วนตัว จึงค่อยเข้านอน


แว่วเสียงกีตาร์ดังแผ่วไกลๆเสียงซึ่งคุ้นเคยเพราะเป็นเพลงโปรดที่ชอบให้ศาสวัตเล่นให้ฟังบ่อยครั้ง ‘ใครกันนะมาเล่นกีตาร์แถวนี้’วราลีก้าวเดินออกจากห้องน้ำ ชะลอมือที่จับผ้าขนหนูขยี้บนเส้นผมเพื่อซับน้ำให้แห้งหมาดเงี่ยหูฟังว่าเสียงดนตรีนั้นมาจากทิศทางใด หากแต่ไร้จุดหมายเมื่อมันกึกก้องรอบกายเธอ


ฉับพลันนึกได้‘แปลก’ วันนี้ไม่มีสายของศาสวัตโทรหาเธอ หรือเขาจะยุ่งจนไม่มีเวลาวราลีนิ่งคิดจนลืมเสียงกีตาร์แผ่วเบาไปชั่วคราว เธอปัดความคิดทั้งหลายทิ้งไม่ควรคิดมาก นอนพักเอาแรงไว้เพื่อวันพรุ่งนี้จะได้ทำงานอย่างสดชื่นกระปรี้กระเปร่า



===== 


‘ตัวเล็กตื่นได้แล้ว’ เปลือกตากะพริบถี่ๆเมื่อเสียงคุ้นเคยเรียกปลุก นานแค่ไหนไม่อาจทราบ เพียงพักสายตาชั่วครู่วูบเดียวเท่านั้นก็จมสู่ห้วงนิทราเมื่อคืนนี้


แสงสว่างแยงดวงตาจนต้องปรับให้คุ้นชินก่อนจะเปิดเปลือกตามองไปทางหน้าต่างห้องแดดรำไรปลุกให้หญิงสาวที่นอนงัวเงียตื่นเต็มตาระหว่างนึกในใจ ‘สายแล้วร่างผอมบางดึงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนที่พร้อมจะรั้งเรือนร่างของเธอไว้ทุกเมื่อหากคิดจะนอนต่อ


ทว่า...หางตากลับเห็นความเคลื่อนไหวของใครบางคนด้านข้างวราลีจึงหันขวับยังการเคลื่อนไหวน้อยๆ นั้นทันที


ชายหนุ่มผิวสองสีผมตรงเส้นเล็กโทนน้ำตาลอ่อน มองเห็นแค่เสี้ยวหน้า นอนหลับตาพริ้มบนเตียงเดียวกับเธอหนำซ้ำยังห่มผ้าผืนเดียวกัน โดยผ้าห่มผืนนั้นปิดร่างกายท่อนล่างเอาไว้ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า เขานอนตะแคงหันหน้ามาทางเธอ


ด้วยความประหลาดใจและคิดไปว่าคงกำลังฝันหวานวราลีจึงบิดเนื้อที่แขนของตัวเองแรงๆ จนแทบส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเธอยกมือปิดปากและเบิกตากว้างมองชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับไล่สำรวจทุกสัดส่วนของเขา


แผ่นอกผาย ไหล่กว้างกล้ามเนื้อรวมตัวเป็นมัด แม้จะไม่มากมายอย่างนักกล้ามทั่วไป แต่ก็พอมองเป็นกลุ่มก้อนจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูปคิ้วหนาดกดำเป็นแนวขนานกับขนตาที่ปิดพริ้มหลับใหล


วราลีหลับตาแน่นพร้อมสะบัดหน้าอย่างแรง เพื่อความแน่ใจว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน และเมื่อลืมตามองอีกครั้งชายผู้นั้นยังคงปรากฏต่อสายตาทางที่ดีควรตั้งสติและถอยห่างเพื่อดูลาดเลา เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวค่อยๆขยับตัวพลางสืบเท้าลงจากเตียงนอน แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนไกล ฝ่ามือเย็นเยียบก็คว้าแขนของวราลีเอาไว้จนร้องลั่น


-ว๊ายยย-แขนเล็กสะบัดจนหลุดพ้นพันธนาการด้วยความตกใจจึงกระโจนลงจากเตียงนอน และวิ่งไปยืนเบียดกับตู้เสื้อผ้าแทบจะแทรกกายเข้าไปอยู่ในนั้น


“นายเป็นใคร!ทำไมถึงมานอนอยู่ในห้องของฉัน!”


ชายหนุ่มยกศีรษะมองคนตั้งคำถามพร้อมขมวดคิ้วหงุดหงิดเมื่อเสียงของเธอปลุกให้เขาตื่นเต็มตา แขนยืดเหยียดบิดไล่ความเกียจคร้าน ก่อนจะยันกายลุกขึ้นนั่งในท่าขัดสมาธิโดยมีผ้าห่มปิดเรือนกายท่อนล่างเอาไว้


“ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้จักฉันดีกว่าใคร”น้ำเสียงแหบห้าวกล่าวทั้งที่อ้าปากหาวพร้อมยกมือขึ้นปิดปาก


“ฉันไม่รู้จักนาย!”วราลีตวาดแว้ด เมื่อคำพูดของเขาออกไปทางสองแง่สองง่าม ชายหญิงที่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันภายในห้องสองต่อสองหากไม่ใช่ญาติ เพื่อน หรือคนในครอบครัว ก็ต้องเป็นแฟน หรือสามีแต่กับเขาคนนี้เธอไม่รู้จักด้วยซ้ำ แม้จะรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


วราลีตั้งท่าเตรียมรับมือหากเขาคิดทำมิดีมิร้ายพยายามเบียดกายกับตู้เสื้อผ้าจนหมดหนทางถอยร่น จ้องมองบุคคลเบื้องหน้าอย่างไตร่ตรองและหาสาเหตุว่าเขามาอยู่ในห้องของเธอได้อย่างไร


ชายหนุ่มยกมือเสยผมยาวประต้นคอขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะทอดมองยังคู่สนทนาที่แสดงท่าทางเกรงกลัวเขาเสียเต็มประดาและเมื่อผมตรงเส้นเล็กที่เคยปกปิดใบหน้าจนมองไม่ถนัดถูกเสยลวกๆเผยให้เห็นความหล่อเหลาชัดเจน ทำให้วราลีถึงกับใจกระตุกเล็กน้อยเหตุใดเขาถึงมีความละม้ายกับศาสวัตอย่างนี้ น้ำเสียงที่พูดคุยกับเธอก็คล้ายกันหากแต่ศาสวัตไม่มีทางเข้ามานอนอยู่ในห้องของเธออย่างนี้แน่นอน


“นี่เธอไม่รู้จักฉันจริงๆว่างั้น?” ชายหนุ่มถาม


วราลีพยักหน้าอย่างลังเลพยายามตรองความคุ้นชินก่อนถาม “นายเป็นใครกันแน่”


“ฉันชื่อกันดิศ...เป็นพระเอกในนิยายของเธอ”


คำตอบของชายหนุ่มทำให้วราลีถึงกับเบิกตากว้างตกตะลึงในสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อครู่นี้ หญิงสาวตะโกนบอกตัวเองในใจ ‘นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริง’ เธอยังไม่อยากปักใจเชื่อเขาง่ายๆ


“เธอเป็นคนสร้างฉันขึ้นมา...เข้าใจหรือยัง”


วราลีได้แต่ส่ายหน้าแรงๆปฏิเสธ ความตกตะลึงทำให้เธอพูดไม่ออกสักประโยคจะเป็นไปได้อย่างไรที่พระเอกในนิยายจะออกมามีชีวิตในโลกแห่งความจริงอย่างนี้


“กุ้งแห้ง!”เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงเรียกฉายาของเธอซึ่งกัมพลเป็นคนตั้งให้ “ไม่ไปทำงานหรือไงสายโด่งแล้ว” วราลีสะดุ้งเฮือกหันมองทางชายหนุ่มที่อ้างตนเป็น ‘กันดิศ’ พระเอกในนิยายของเธออย่างเลิกลั่กหากพ่อเห็นว่ามีชายแปลกหน้ามานั่งเปลือยกายอยู่ในห้องนอนอย่างนี้ คงมีใครสักคนหัวร้างข้างแตกกันบ้าง


ท่าทางร้อนรนยืนกระสับกระส่ายหาทางคิดว่าควรทำอย่างไรไม่ว่าเขาจะเป็นพระเอกในนิยายหรือใครก็ตาม เวลานี้คงไม่ใช่การหาคำตอบวราลีรีบสาวเท้าเข้าไปคว้าข้อมือของชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนอย่างเร่งด่วน ทว่าเขากลับยื้อแรงเอาไว้


“เธอแน่ใจเหรอว่าอยากให้ฉันลุกขึ้นจริงๆบนตัวฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่สักชิ้น” เพียงเท่านั้น วราลีรีบปล่อยมือของเขาทันทีราวกับจับถูกของร้อน


“แล้วจะให้ฉันทำไง!ถ้าพ่อมาเห็นนายในสภาพนี้ ฉันคงถูกตบหน้าชาแน่ๆ” ระหว่างที่ทั้งสองปรึกษาหารือเสียงเคาะประตูยังคงดังไม่ขาดระยะ สร้างความหวาดผวาให้เธอมองซ้ายทีขวาทีอย่างร้อนใจ


“เธอก็หาเสื้อผ้าให้ฉันสิ”เสียงแหบห้าวไม่ใส่ใจต่อท่าทีลนลานของหญิงสาวที่เม้มปากแน่น คิดหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า


“นายรออยู่ตรงนี้!”วราลีผลักให้ชายหนุ่มนอนราบไปกับพื้นที่นอน พร้อมดึงผ้าห่มคลุมร่างเขาไว้ทั้งตัว เพื่อปิดบังการมีตัวตนในห้องนี้


“จ้าพ่อหนูตื่นแล้ว” หญิงสาวรีบรุดไปยังประตูห้องพร้อมเปิดออกด้วยใจเต้นแรงตุ้มๆ ต่อมๆ


“นอนดึกหรือไงถึงปลุกไม่อยากตื่น” กัมพลถามด้วยท่าทางงัวเงียและยังไม่สร่างเมาดีเขาจึงไม่ใส่ใจสีหน้าตื่นเต้นของลูกสาวเท่าไร


“ใช่ๆหนูนอนดึก ว่าแต่ทำไมพ่อตื่นเช้าจัง” คนแก้ตัวรีบก้าวออกจากห้องพร้อมงับประตูปิดไว้กลบเกลื่อนความลับที่ปรากฏตัวอยู่ภายในห้องของเธอ


“ปวดหัวเลยจะออกไปหากาแฟกินสักหน่อย จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวพ่อซื้อมาฝาก”


“ไม่เอาจ๊ะว่าแต่พ่อคิดจะหากาแฟหรือไปซื้อเหล้าเบียร์อีกกันแน่” เสียงใสแขวะใส่ แต่คนฟังกลับไม่สะทกสะท้านใดๆยกมือโบกปัดไม่ตอบคำถาม กัมพลไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธในคราวเดียวกัน ทำให้ลูกสาวลอบถอนใจและมองตามเขาเดินออกจากบ้าน


วราลีย่างกรายไปที่หน้าประตูและชะเง้อมองให้แน่ใจว่าพ่อของเธอออกไปแล้วจริงๆจึงเดินลิ่วๆ ไปยังตู้เสื้อผ้าของเขา เพื่อหาเสื้อกับกางเกงให้ชายหนุ่มที่หลบอยู่ใต้ผ้าห่มได้สวมใส่ก่อนจะเจรจากันให้รู้เรื่องรู้ราว


“คงใส่ได้มั้งพ่อตัวใหญ่กว่านิดหน่อย” เสียงใสพึมพำพร้อมเดินกลับเข้าห้องอีกครั้ง


ลูกบิดประตูถูกกดล็อกพลางมองไปยังเตียงนอนทว่า...หัวใจร่วงหายลงตาตุ่ม เมื่อไม่เห็นพระเอกนิยายนอนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ‘เขาหายไปไหน’วราลีกวาดมองรอบห้อง ข้างตู้เสื้อผ้า ในห้องน้ำ บริเวณที่นอน แต่ก็ไม่เจอใครสักคน


“มองหาฉันอยู่เหรอ”เสียงแผ่วกระซิบข้างหูทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวพร้อมสะบัดใบหน้าอย่างรวดเร็วสันจมูกเรียวสวยหันชนกับแก้มของเขาอย่างจัง “มองหาอย่างเดียวไม่พอ ยังแอบหอมแก้มกันอีก”ชายหนุ่มหัวเราะร่วน สร้างความอุ่นร้อนบนใบหน้าของวราลีให้แดงระเรื่อร่างบางรีบถอยหนีเมื่อตั้งสติได้


“บ้าหรือไง!ใครไปหอมแก้มนาย เล่นมายืนหลบอยู่ตรงนี้ ฉันจะรู้ได้ไง”วราลีกล่าวด้วยอารมณ์คุกรุ่นไม่พอใจ เธอยื่นส่งเสื้อผ้าในมือให้เขา กลบความรู้สึกหวั่นไหวแต่ต้องชะงักการกระทำในทันที เมื่อเห็นเขามีเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงยีนส์ทรงเดฟสวมใส่อยู่แล้ว“ไหนนายบอกไม่มีเสื้อผ้าไง” วราลีขึงตาดุใส่


“ใช่...ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีเสื้อผ้าแต่ตอนนี้มีแล้ว” คนตอบยักไหล่ ทำทีไม่แยแส


“นายไปเอาเสื้อผ้าพวกนั้นมาจากไหน”วราลีถาม


“ก็เขียนลงไปในต้นฉบับของเธอถามจริงเหอะ ชอบให้ฉันใส่ชุดแบบนี้แล้วทำไมถึงไม่เขียนมันลงไปในนิยาย มัวแต่จินตนาการว่าอยากได้ยังงั้นยังงี้แต่ไม่บรรยายออกมา นิยายเธอมันเลยขาดๆ เกินๆ ไง”


หญิงสาวยืนนิ่งราวกับถูกไม้หน้าสามฟาดที่ศีรษะอย่างแรงนี่คือเหตุผลที่ทำให้พระเอกในนิยายของเธอไม่มีเสื้อผ้าใส่อย่างนั้นหรือวราลีเดินไปยังโต๊ะทำงานและมองดูต้นฉบับของตัวเอง ใช่...เขาเขียนลักษณะของชุดตามที่สวมใส่ลงไปในนั้นจริงๆ


ว่าแล้วเธอจึงลองทดสอบดูบ้างหากทั้งหมดที่เขาบอกกล่าวเป็นความจริง คงได้เห็นกันซึ่งหน้ามือขวาจับปากกาขีดเขียน ‘แมวน้อยสีขาวเดินคลอเคลียชายหนุ่ม’เพียงไม่ถึงนาทีแมวพเนจรที่ได้เจอเมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นข้างๆ พระเอกในนิยายของเธอ ส่งเสียงเมี๊ยวหง่าวเดินวนรอบขาของเขาและเมื่อลองขีดฆ่าตัวอักษร เจ้าแมวตัวนั้นก็สลายหายไปต่อหน้าต่อตา


จริงอย่างที่เขาว่าไว้ วราลีหันมองชายร่างสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร ที่ยืนมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างอื้ออึงไม่คิดว่าเรื่องพิสดารเหล่านี้จะเกิดขึ้น เขาคือ ‘กันดิศ’ พระเอกในนิยายที่มีลักษณะคล้ายกับศาสวัตราวกับถอดรูปออกมาครั้งแรกที่ได้เห็นยังไม่ชินตา แต่เวลานี้เริ่มรับรู้ได้ว่า ‘เขา’ ที่เธอเคยสร้างตามจินตนาการได้ออกมาปรากฏกายยืนอยู่เบื้องหน้านี่เอง


“จะมัวจ้องฉันอยู่ทำไมรีบไปอาบน้ำแต่งตัวสิ เธอต้องพาฉันไปตามหาคนๆ หนึ่ง”


“นายจะรู้จักใครในโลกนี้ด้วยเหรอ?”วราลีถามด้วยความสงสัย ในเมื่อกันดิศเพิ่งออกจากโลกตัวอักษรที่เธอเนรมิตขึ้นมา แล้วเขาจะรู้จักใครที่ไหนได้นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น


“ไม่ต้องถามหรอกน่ารีบไปเร็วๆ เข้า ฉันมีเวลาไม่มากพอที่จะตอบคำถามเธอทุกข้อหรือต้องให้ฉันอุ้มเธอเข้าห้องน้ำ” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปาก บอกเป็นนัยว่ายินดีและเต็มใจพาเธอไปอาบน้ำหากต้องการอย่างนั้น


วราลียืนแข็งทื่อเมื่อความรู้สึกชาวาบไปทั้งร่างกาย ถอยหลังตั้งหลักเล็กน้อยและปลอบใจตัวเองว่าเขาคงขู่เธอเล่นเท่านั้น กันดิศ...ผู้ชายแสนอบอุ่นและใจดี คงไม่ทำอะไรป่าเถื่อนอย่างนั้น


“หนึ่ง...”


“ไปแล้วๆไม่ต้องขู่” เสียงแหบห้าวเริ่มต้นนับ วราลีก็วิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เขาได้เอ่ยคำว่าสองและสามออกมา


To be continued...



Create Date : 04 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 10:41:33 น.
Counter : 651 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments