Group Blog
All Blog
|
เนรมิตอักษรา 1 บทที่ 1 การปรากฏตัวของ...กันดิศ
ประตูรั้วเหล็กดัดสูงเทียมอกถูกล้วงเปิดกลอนจากด้านในแสงไฟสว่างจ้าในตัวบ้านบ่งบอกให้รับรู้ว่าบุคคลภายในอาจยังไม่นอน ส่วนหนึ่งคงรอลูกสาวกลับบ้านอีกส่วนคงไม่พ้นกำลังดื่มแอลกอฮอล์ชนิดที่เรียกได้ว่า ไม่เมาไม่เลิกรา วราลีถอนใจระหว่างเดินเข้าอาณาเขตของบ้านเธอลงกลอนที่ประตูรั้วจนเรียบร้อยก่อนเดินตรงเข้าบ้านชั้นเดียวเพื่อเผชิญกับชายวัยกลางคนซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ ประตูมุ้งลวดเหล็กดัดถูกผลักเปิดพร้อมมองหากัมพล วชิรบดี ที่อาจจะนั่งโงนเงนอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆซึ่งเป็นที่ประจำของเขา และเป็นไปตามคาด พ่อของเธออยู่ตรงนั้นจริงๆแต่ผิดตรงที่เขานอนแอ้งแม้งหลับปุ๋ยเพราะฤทธิ์เบียร์ที่ดื่มเข้าไปถึงหกขวดตามที่เห็นวางเรียงรายยังไม่นับที่เขาอาจดื่มอยู่ทั้งวันซึ่งไม่เห็นร่องรอยตรงนั้นวราลีส่ายหน้าเหนื่อยใจเมื่อรู้ตัวว่าต้องเหนื่อยกับการหอบหิ้วฉุดลากให้เขาไปนอนอย่างทุลักทุเล ทุกค่ำคืนหลังกลับจากทำงานเธอต้องคอยห้ามปรามกัมพลให้หยุดดื่มสุรา หากเขาเมาหนักจนขาดสติจะออกฤทธิ์ด้วยการโหวกเหวกโวยวายต้องคอยระวังไม่ให้เขาส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านคนอื่น จะดีหน่อยก็อย่างวันนี้ เมาจนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวแม้ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการลากเขาไปนอน ยังดีกว่าคอยห้ามปาวๆ แต่ไม่เป็นผลใดๆ พ่อนะพ่อทำไมต้องทำให้หนูลำบากอย่างนี้ วราลีจับกระเป๋าสะพายวางลงกับพื้นคิ้วเรียวเข้มขมวดยุ่งระหว่างหน้าผากมน ใบหน้าสวยหวานเวลานี้ออกอาการละเหี่ยใจ บ่นพึมพำระหว่างรวบมัดผมแบบลวกๆแขนเสื้อถูกถลกขึ้นทั้งสองข้าง ลงมือลากพ่อของตัวเองให้เคลื่อนที่จากโต๊ะญี่ปุ่นอีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงที่นอนของเขา ด้วยร่างผอมบางจนเรี่ยวแรงก็แทบไม่มีวราลีจึงต้องใช้แรงอย่างมากกับการช่วยเหลือให้คนเมาได้นอนหลับสบาย เมื่อกัมพลอยู่ในตำแหน่งฟูกที่นอนเป็นที่เรียบร้อยหญิงสาวก็นำผ้าขนหนูกับกะละมังไปรองน้ำ และเดินกลับมานั่งลงข้างคนเมา ชุบผ้าแล้วบิดให้พอหมาดเช็ดตามใบหน้าและลำตัวของเขาให้พอสบายตัวระหว่างหลับใหล วราลียืนหอบเหนื่อยหลังจากเก็บกวาดเช็ดถูรอบบ้านจนสะอาดเอี่ยมเธอมองสำรวจรอบๆ อยู่พักใหญ่ก่อนจะกดปิดไฟจนมืดสนิท ประตูห้องส่วนตัวถูกเปิดพร้อมเดินเข้าด้านในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่คว้าถือไว้ถูกวางบนเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่งซึ่งปูด้วยผ้าสีชมพูลายการ์ตูนน่ารักสดใส ปึกกระดาษเอสี่ถูกหยิบออกจากกระเป๋าสะพายโดยเจ้าของผลงานระบายลมหายใจเหนื่อยล้า อยากถอดใจกับงานเขียนของตัวเอง แต่ก็ละทิ้งความฝันไม่ได้พยายามเตือนสติขอฮึดสู้ใหม่อีกสักครั้ง ไม่ว่าการให้กำลังใจตัวเองจะเริ่มต้นด้วยรอบที่ร้อยแล้วก็ตาม ต้นฉบับนิยายที่เพิ่งถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งฉุดกำลังใจให้หดหาย จำเป็นอย่างมากที่ต้องปลุกขวัญกำลังใจขึ้นใหม่กระดาษกว่าสองร้อยแผ่นถูกวางบนโต๊ะทำงานพร้อมกับวราลีลากเก้าอี้หย่อนกายนั่ง เปิดลิ้นชักและหยิบปากกาขึ้นมาเตรียมความพร้อมพลันนึกถึงลูกแก้วแวววาวที่ได้รับจากชายชราอย่างกะทันหันเธอจึงเบนความสนใจกลับไปที่เตียงนอนอีกครั้ง ประกายสีม่วงเปล่งแสงวูบหนึ่งขณะวราลีกำลังหยิบลูกแก้วออกจากกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตเห็นแสงแวววาวนั้น หญิงสาวมองหาที่วางเหมาะๆจนเหลือบไปเห็นกล่องใส่เครื่องประดับที่ไม่ได้ใช้งาน และตอนนี้คงทำประโยชน์ได้บ้างแววตาคู่สวยจ้องมองลูกแก้วนั้นอย่างชื่นชมในความงดงาม โดยแก้วนาคราถูกถือประคองวางลงในกล่องดังกล่าวอย่างทะนุถนอมราวกับเปลือกไข่บอบบางที่พร้อมจะแตกได้ทุกเวลา หลังจากจัดการกับของล้ำค่าเสร็จสิ้นวราลีจึงหันมาใส่ใจยังต้นฉบับอีกครั้ง สำนวนการบรรยายสับสนวกไปวนมาจนไม่รู้ว่าอยากสื่ออะไร ลำดับเหตุการณ์เนื้อเรื่องไม่ชวนติดตามเท่าที่ควรตัวละครไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก อ่านแล้วเหมือนคนเขียนพร่ำเพ้อไปเองมากกว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของบรรณาธิการในสำนักพิมพ์ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดแม้สิ่งเหล่านั้นจะบั่นทอนความรู้สึกและทำลายความเชื่อมั่นอย่างราบคาบแต่ต้องนำจุดบกพร่องเหล่านี้มาปรับเปลี่ยนและแก้ไขต้นฉบับใหม่ทั้งหมดหากยังคิดที่จะเดินอยู่บนเส้นทางของนักเขียนต่อไปคงท้อแท้ไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ทันเริ่มต้นด้วยซ้ำ วราลีเปิดกระดาษแผ่นที่เป็นชื่อเรื่องเนรมิตอักษรา เพื่อเริ่มต้นไล่อ่านงานเขียนของตัวเองตั้งแต่บรรทัดแรกพลันฉุกคิด จริงอย่างที่ถูกวิจารณ์ คำบรรยายสับสนวกวนเปิดฉากมาก็เห็นความไม่สมจริงเสียแล้ว ยายวราเธอจะบ้าหรือไง แมวที่ไหนร้องมุ้งมิ้ง วราลีบ่นตัวเองพึมพำ เมื่อตัวละครเริ่มแรกของเธอคือแมวน้อยกำลังคลอเคลียอยู่ข้างคนเลี้ยงซึ่งเป็นพระเอกในนิยายที่จินตนาการไว้หล่อเหลา -เมี๊ยวววว-ยังไม่ทันได้ลงมือแก้ไข เสียงของแมวก็ดังครางเข้าโสตประสาท วราลีชะงักกับที่ เงี่ยหูฟังเสียงแว่วนั้นว่ามาจากทิศทางใด -เมี๊ยวววว-ข้างหน้าต่าง เสียงร้องของแมวดังจากทางนั้นวราลีไม่รีรอลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตามหาเสียงของเจ้าแมวเหมียวทันที มุ้งลวดเหล็กดัดถูกดึงเปิดบานหน้าต่างที่แง้มรับลมก็ถูกผลักออกกว้างพร้อมเจ้าของห้องชะโงกหน้ามองฝ่าความมืดหาเจ้าของเสียงเมี๊ยวนั้นแมวน้อยขนสีขาวสะอาด นั่งยันสองขาหน้าจดจ้องวราลีดวงตาสีเหลืองแวววาวราวกับลูกแก้วคมดุ ทั้งคนและแมวต่างมองกันอย่างไม่ละสายตา เจ้าเหมียวน้อยแกมาร้องเมี๊ยวๆ แถวนี้ คิดจะอ้อนกินขนมหรือไง วราลีเริ่มต้นสื่อสารทั้งที่รู้ว่าแมวคงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือหากฟังรู้เรื่อง คงเป็นเธอเสียเองที่ไม่รู้ว่าเสียงโต้ตอบเมี๊ยวๆ นั้นต้องการสิ่งใด รอฉันก่อนนะเดี๋ยวหาอะไรมาให้กิน วราลีหมุนตัวกลับพร้อมเดินออกจากห้องราวกับย่องเบา ไม่อยากส่งเสียงดังรบกวนคนเมาที่กำลังหลับใหลวราลีเดินไปถึงห้องครัวค้นหากับข้าวที่อาจมีหลงเหลือ พอเป็นอาหารให้แมวพเนจรได้กินรองท้อง และนับว่าโชคดีที่มีปลาทูทอดหลงเหลืออยู่ครึ่งตัวพ่อของเธอคงกินปลาทูไม่หมด ตั้งแต่ที่ทอดไว้เป็นกับข้าวเมื่อเช้านี้ เธอเดินกลับมาที่ห้องตัวเองพร้อมกับถือจานปลาทูในมือ เจ้าแมวน้อยมากินปลาเร็วเข้า ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจไม่ยกปลาตัวนี้ให้แก วราลีหยิบปลาทูครึ่งตัวจากจานทรงกลมสีขาวหย่อนวางไว้ตรงข้างหน้าต่าง เนื่องจากบ้านของเธอเป็นกึ่งไม้กึ่งปูนมีชั้นเดียว จึงสะดวกกับการโน้มกายจากหน้าต่างและวางปลาทูครึ่งตัวนั้นให้เจ้าแมวได้กินอาหารสมใจ เสียงครางเมี๊ยวส่งร้องระหว่างลุกเดินมาใกล้หน้าต่าง แมวพเนจรจดจ้องวราลีคล้ายบอกขอบคุณที่นำปลาทูครึ่งซีกมาให้มันได้กินแก้หิวโหยวราลีแย้มยิ้มเมื่ออาหารของเธอถูกปากเจ้าแมวตัวนั้น ฉับพลันนึกได้ สิ่งที่ต้องแก้ไขในงานเขียนคือเสียงร้องของแมวนี่เอง ขอบใจมากนะเจ้าแมวน้อยแกทำให้ฉันนึกออก ว่าจริงๆ แล้วแมวร้องแบบไหน เพราะแกคงไม่ร้องมุ้งมิ้งหรอกจริงไหมวราลีขบขันและมองดูแมวพเนจรกินปลาทูอย่างเอร็ดอร่อยและเมื่อมันจัดการอาหารจนไม่เหลือซาก เธอก็ได้แต่มองดูเจ้าแมวตัวนั้นเดินหายไปท่ามกลางความมืด หญิงสาวร่างบอบบางกลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสืออีกครั้งเธอวางจานเปล่าลงตรงชั้นวางของด้านข้าง และลงมือจับปากกาขึ้นมาขีดฆ่าตัวอักษรในต้นฉบับ พระเอกหนุ่มนัยน์ตาคมผมยาวประต้นคอ อุ้มแมวขึ้นโอบกอดพร้อมลูบไล้ขนของสัตว์เลี้ยงกล่อมให้แมวน้อยในอ้อมกอดหลับใหล เสียงเหมียวหง่าวครางเบาๆ ทำเคลิบเคลิ้ม วราลีเริ่มสนุกกับการแก้ต้นฉบับนิยาย เมื่อในสมองของเธอมีแต่ภาพชายหนุ่ม กันดิศ หมายถึง เจ้าแห่งความรัก ชื่อของพระเอกนิยายซึ่งใช้เวลาร่วมชั่วโมงเลือกหา เพื่อให้เข้ากับบทบาทของผู้ชายที่มีแต่ความรัก ความอบอุ่นมอบให้คนใกล้ตัว ในนิยายของเธอกันดิศมีหลายบทบาทตามจินตนาการส่วนตัว เขาเป็นทั้งอาจารย์ผู้สอนวิชาเศรษฐศาสตร์อีกทั้งยังเป็นช่างภาพมืออาชีพ แถมท้ายด้วยศิลปินอย่างนักร้องนำ ทำให้การหาข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทเหล่านี้ตกหล่นไปบ้างหรือบางทีก็หลุดคาแรคเตอร์จากที่วางกรอบเอาไว้ ต้นฉบับถูกอ่านไปพร้อมกับแก้ไขวราลีเห็นจุดบกพร่องมากมาย ซึ่งระหว่างเขียนในรอบแรก เธอไม่เคยได้ย้อนกลับมาอ่านหรือทบทวนนิยายสักครั้งและนั่นคือสิ่งผิดพลาดมหันต์ เมื่อคิดส่งต้นฉบับให้กับสำนักพิมพ์พิจารณาโดยไม่ตรวจทานเสียก่อนจึงไม่แปลกหากจะถูกวิจารณ์จนหน้าชาและตีกลับมาเช่นนั้น หากมีคอมพิวเตอร์สักเครื่องคงช่วยเรื่องงานเขียนได้เยอะเลย วราลีเริ่มนึกเสียดาย เมื่อครั้งหนึ่งศาสวัตเคยออกปากจะซื้อคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาให้ทว่าเธอเกรงใจจึงไม่อยากไปรบกวนให้เดือดร้อนเงินทองของเขาลำพังรายได้ของเธอในแต่ละเดือน หากหักค่าใช้จ่ายก็เหลือเก็บไม่มากพอจะซื้อคอมพิวเตอร์สักเครื่องจึงได้แต่อดทนรอ เขียนงานด้วยมือเปล่าไปก่อน กันดิศนี่นายเป็นผู้ชายคนแรกที่มีตัวตนในจินตนาการของฉันเลยนะวราลีพึมพำเมื่ออ่านถึงฉากที่พระเอกของเธอกำลังตามหาหญิงสาวในฝัน เธอวาดจินตนาการของพระเอกนิยายไว้คร่าวๆชายหนุ่มรูปร่างสูงผอม ชอบใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ทรงเดฟ ลักษณะการแต่งกายคล้ายศิลปินแนวร็อกสวมแหวนและสร้อยเงินเป็นเครื่องประดับตามร่างกาย หญิงสาวหลุดยิ้มเมื่อลักษณะของกันดิศตามที่นึกคิดคล้ายศาสวัตอย่างกับแกะ เธอนำลักษณะของแฟนหนุ่มมาสวมบทบาทใส่ให้กับพระเอกในนิยาย เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนค่อนไปทางดึกดื่นความเพลินเพลิดกับการแก้ไขยังคงสนุกจนไม่อยากหยุดพัก แต่เมื่อนึกถึงงานประจำและต้องตื่นแต่เช้าวราลีจึงยอมตัดใจพักกับงานเขียนวางมือจากปากกาและลุกขึ้นยืนบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยล้าก่อนจะหันเดินไปหยิบผ้าขนหนูพร้อมทำภารกิจส่วนตัว จึงค่อยเข้านอน แว่วเสียงกีตาร์ดังแผ่วไกลๆเสียงซึ่งคุ้นเคยเพราะเป็นเพลงโปรดที่ชอบให้ศาสวัตเล่นให้ฟังบ่อยครั้ง ใครกันนะมาเล่นกีตาร์แถวนี้วราลีก้าวเดินออกจากห้องน้ำ ชะลอมือที่จับผ้าขนหนูขยี้บนเส้นผมเพื่อซับน้ำให้แห้งหมาดเงี่ยหูฟังว่าเสียงดนตรีนั้นมาจากทิศทางใด หากแต่ไร้จุดหมายเมื่อมันกึกก้องรอบกายเธอ ฉับพลันนึกได้แปลก วันนี้ไม่มีสายของศาสวัตโทรหาเธอ หรือเขาจะยุ่งจนไม่มีเวลาวราลีนิ่งคิดจนลืมเสียงกีตาร์แผ่วเบาไปชั่วคราว เธอปัดความคิดทั้งหลายทิ้งไม่ควรคิดมาก นอนพักเอาแรงไว้เพื่อวันพรุ่งนี้จะได้ทำงานอย่างสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ===== ตัวเล็กตื่นได้แล้ว เปลือกตากะพริบถี่ๆเมื่อเสียงคุ้นเคยเรียกปลุก นานแค่ไหนไม่อาจทราบ เพียงพักสายตาชั่วครู่วูบเดียวเท่านั้นก็จมสู่ห้วงนิทราเมื่อคืนนี้ แสงสว่างแยงดวงตาจนต้องปรับให้คุ้นชินก่อนจะเปิดเปลือกตามองไปทางหน้าต่างห้องแดดรำไรปลุกให้หญิงสาวที่นอนงัวเงียตื่นเต็มตาระหว่างนึกในใจ สายแล้ว!ร่างผอมบางดึงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนที่พร้อมจะรั้งเรือนร่างของเธอไว้ทุกเมื่อหากคิดจะนอนต่อ ทว่า...หางตากลับเห็นความเคลื่อนไหวของใครบางคนด้านข้างวราลีจึงหันขวับยังการเคลื่อนไหวน้อยๆ นั้นทันที ชายหนุ่มผิวสองสีผมตรงเส้นเล็กโทนน้ำตาลอ่อน มองเห็นแค่เสี้ยวหน้า นอนหลับตาพริ้มบนเตียงเดียวกับเธอหนำซ้ำยังห่มผ้าผืนเดียวกัน โดยผ้าห่มผืนนั้นปิดร่างกายท่อนล่างเอาไว้ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า เขานอนตะแคงหันหน้ามาทางเธอ ด้วยความประหลาดใจและคิดไปว่าคงกำลังฝันหวานวราลีจึงบิดเนื้อที่แขนของตัวเองแรงๆ จนแทบส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเธอยกมือปิดปากและเบิกตากว้างมองชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับไล่สำรวจทุกสัดส่วนของเขา แผ่นอกผาย ไหล่กว้างกล้ามเนื้อรวมตัวเป็นมัด แม้จะไม่มากมายอย่างนักกล้ามทั่วไป แต่ก็พอมองเป็นกลุ่มก้อนจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูปคิ้วหนาดกดำเป็นแนวขนานกับขนตาที่ปิดพริ้มหลับใหล วราลีหลับตาแน่นพร้อมสะบัดหน้าอย่างแรง เพื่อความแน่ใจว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน และเมื่อลืมตามองอีกครั้งชายผู้นั้นยังคงปรากฏต่อสายตาทางที่ดีควรตั้งสติและถอยห่างเพื่อดูลาดเลา เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวค่อยๆขยับตัวพลางสืบเท้าลงจากเตียงนอน แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนไกล ฝ่ามือเย็นเยียบก็คว้าแขนของวราลีเอาไว้จนร้องลั่น -ว๊ายยย-แขนเล็กสะบัดจนหลุดพ้นพันธนาการด้วยความตกใจจึงกระโจนลงจากเตียงนอน และวิ่งไปยืนเบียดกับตู้เสื้อผ้าแทบจะแทรกกายเข้าไปอยู่ในนั้น นายเป็นใคร!ทำไมถึงมานอนอยู่ในห้องของฉัน! ชายหนุ่มยกศีรษะมองคนตั้งคำถามพร้อมขมวดคิ้วหงุดหงิดเมื่อเสียงของเธอปลุกให้เขาตื่นเต็มตา แขนยืดเหยียดบิดไล่ความเกียจคร้าน ก่อนจะยันกายลุกขึ้นนั่งในท่าขัดสมาธิโดยมีผ้าห่มปิดเรือนกายท่อนล่างเอาไว้ ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้จักฉันดีกว่าใครน้ำเสียงแหบห้าวกล่าวทั้งที่อ้าปากหาวพร้อมยกมือขึ้นปิดปาก ฉันไม่รู้จักนาย!วราลีตวาดแว้ด เมื่อคำพูดของเขาออกไปทางสองแง่สองง่าม ชายหญิงที่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันภายในห้องสองต่อสองหากไม่ใช่ญาติ เพื่อน หรือคนในครอบครัว ก็ต้องเป็นแฟน หรือสามีแต่กับเขาคนนี้เธอไม่รู้จักด้วยซ้ำ แม้จะรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น วราลีตั้งท่าเตรียมรับมือหากเขาคิดทำมิดีมิร้ายพยายามเบียดกายกับตู้เสื้อผ้าจนหมดหนทางถอยร่น จ้องมองบุคคลเบื้องหน้าอย่างไตร่ตรองและหาสาเหตุว่าเขามาอยู่ในห้องของเธอได้อย่างไร ชายหนุ่มยกมือเสยผมยาวประต้นคอขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะทอดมองยังคู่สนทนาที่แสดงท่าทางเกรงกลัวเขาเสียเต็มประดาและเมื่อผมตรงเส้นเล็กที่เคยปกปิดใบหน้าจนมองไม่ถนัดถูกเสยลวกๆเผยให้เห็นความหล่อเหลาชัดเจน ทำให้วราลีถึงกับใจกระตุกเล็กน้อยเหตุใดเขาถึงมีความละม้ายกับศาสวัตอย่างนี้ น้ำเสียงที่พูดคุยกับเธอก็คล้ายกันหากแต่ศาสวัตไม่มีทางเข้ามานอนอยู่ในห้องของเธออย่างนี้แน่นอน นี่เธอไม่รู้จักฉันจริงๆว่างั้น? ชายหนุ่มถาม วราลีพยักหน้าอย่างลังเลพยายามตรองความคุ้นชินก่อนถาม นายเป็นใครกันแน่ ฉันชื่อกันดิศ...เป็นพระเอกในนิยายของเธอ คำตอบของชายหนุ่มทำให้วราลีถึงกับเบิกตากว้างตกตะลึงในสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อครู่นี้ หญิงสาวตะโกนบอกตัวเองในใจ นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริง เธอยังไม่อยากปักใจเชื่อเขาง่ายๆ เธอเป็นคนสร้างฉันขึ้นมา...เข้าใจหรือยัง วราลีได้แต่ส่ายหน้าแรงๆปฏิเสธ ความตกตะลึงทำให้เธอพูดไม่ออกสักประโยคจะเป็นไปได้อย่างไรที่พระเอกในนิยายจะออกมามีชีวิตในโลกแห่งความจริงอย่างนี้ กุ้งแห้ง!เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงเรียกฉายาของเธอซึ่งกัมพลเป็นคนตั้งให้ ไม่ไปทำงานหรือไงสายโด่งแล้ว วราลีสะดุ้งเฮือกหันมองทางชายหนุ่มที่อ้างตนเป็น กันดิศ พระเอกในนิยายของเธออย่างเลิกลั่กหากพ่อเห็นว่ามีชายแปลกหน้ามานั่งเปลือยกายอยู่ในห้องนอนอย่างนี้ คงมีใครสักคนหัวร้างข้างแตกกันบ้าง ท่าทางร้อนรนยืนกระสับกระส่ายหาทางคิดว่าควรทำอย่างไรไม่ว่าเขาจะเป็นพระเอกในนิยายหรือใครก็ตาม เวลานี้คงไม่ใช่การหาคำตอบวราลีรีบสาวเท้าเข้าไปคว้าข้อมือของชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนอย่างเร่งด่วน ทว่าเขากลับยื้อแรงเอาไว้ เธอแน่ใจเหรอว่าอยากให้ฉันลุกขึ้นจริงๆบนตัวฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่สักชิ้น เพียงเท่านั้น วราลีรีบปล่อยมือของเขาทันทีราวกับจับถูกของร้อน แล้วจะให้ฉันทำไง!ถ้าพ่อมาเห็นนายในสภาพนี้ ฉันคงถูกตบหน้าชาแน่ๆ ระหว่างที่ทั้งสองปรึกษาหารือเสียงเคาะประตูยังคงดังไม่ขาดระยะ สร้างความหวาดผวาให้เธอมองซ้ายทีขวาทีอย่างร้อนใจ เธอก็หาเสื้อผ้าให้ฉันสิเสียงแหบห้าวไม่ใส่ใจต่อท่าทีลนลานของหญิงสาวที่เม้มปากแน่น คิดหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า นายรออยู่ตรงนี้!วราลีผลักให้ชายหนุ่มนอนราบไปกับพื้นที่นอน พร้อมดึงผ้าห่มคลุมร่างเขาไว้ทั้งตัว เพื่อปิดบังการมีตัวตนในห้องนี้ จ้าพ่อหนูตื่นแล้ว หญิงสาวรีบรุดไปยังประตูห้องพร้อมเปิดออกด้วยใจเต้นแรงตุ้มๆ ต่อมๆ นอนดึกหรือไงถึงปลุกไม่อยากตื่น กัมพลถามด้วยท่าทางงัวเงียและยังไม่สร่างเมาดีเขาจึงไม่ใส่ใจสีหน้าตื่นเต้นของลูกสาวเท่าไร ใช่ๆหนูนอนดึก ว่าแต่ทำไมพ่อตื่นเช้าจัง คนแก้ตัวรีบก้าวออกจากห้องพร้อมงับประตูปิดไว้กลบเกลื่อนความลับที่ปรากฏตัวอยู่ภายในห้องของเธอ ปวดหัวเลยจะออกไปหากาแฟกินสักหน่อย จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวพ่อซื้อมาฝาก ไม่เอาจ๊ะว่าแต่พ่อคิดจะหากาแฟหรือไปซื้อเหล้าเบียร์อีกกันแน่ เสียงใสแขวะใส่ แต่คนฟังกลับไม่สะทกสะท้านใดๆยกมือโบกปัดไม่ตอบคำถาม กัมพลไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธในคราวเดียวกัน ทำให้ลูกสาวลอบถอนใจและมองตามเขาเดินออกจากบ้าน วราลีย่างกรายไปที่หน้าประตูและชะเง้อมองให้แน่ใจว่าพ่อของเธอออกไปแล้วจริงๆจึงเดินลิ่วๆ ไปยังตู้เสื้อผ้าของเขา เพื่อหาเสื้อกับกางเกงให้ชายหนุ่มที่หลบอยู่ใต้ผ้าห่มได้สวมใส่ก่อนจะเจรจากันให้รู้เรื่องรู้ราว คงใส่ได้มั้งพ่อตัวใหญ่กว่านิดหน่อย เสียงใสพึมพำพร้อมเดินกลับเข้าห้องอีกครั้ง ลูกบิดประตูถูกกดล็อกพลางมองไปยังเตียงนอนทว่า...หัวใจร่วงหายลงตาตุ่ม เมื่อไม่เห็นพระเอกนิยายนอนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว เขาหายไปไหนวราลีกวาดมองรอบห้อง ข้างตู้เสื้อผ้า ในห้องน้ำ บริเวณที่นอน แต่ก็ไม่เจอใครสักคน มองหาฉันอยู่เหรอเสียงแผ่วกระซิบข้างหูทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวพร้อมสะบัดใบหน้าอย่างรวดเร็วสันจมูกเรียวสวยหันชนกับแก้มของเขาอย่างจัง มองหาอย่างเดียวไม่พอ ยังแอบหอมแก้มกันอีกชายหนุ่มหัวเราะร่วน สร้างความอุ่นร้อนบนใบหน้าของวราลีให้แดงระเรื่อร่างบางรีบถอยหนีเมื่อตั้งสติได้ บ้าหรือไง!ใครไปหอมแก้มนาย เล่นมายืนหลบอยู่ตรงนี้ ฉันจะรู้ได้ไงวราลีกล่าวด้วยอารมณ์คุกรุ่นไม่พอใจ เธอยื่นส่งเสื้อผ้าในมือให้เขา กลบความรู้สึกหวั่นไหวแต่ต้องชะงักการกระทำในทันที เมื่อเห็นเขามีเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงยีนส์ทรงเดฟสวมใส่อยู่แล้วไหนนายบอกไม่มีเสื้อผ้าไง วราลีขึงตาดุใส่ ใช่...ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีเสื้อผ้าแต่ตอนนี้มีแล้ว คนตอบยักไหล่ ทำทีไม่แยแส นายไปเอาเสื้อผ้าพวกนั้นมาจากไหนวราลีถาม ก็เขียนลงไปในต้นฉบับของเธอถามจริงเหอะ ชอบให้ฉันใส่ชุดแบบนี้แล้วทำไมถึงไม่เขียนมันลงไปในนิยาย มัวแต่จินตนาการว่าอยากได้ยังงั้นยังงี้แต่ไม่บรรยายออกมา นิยายเธอมันเลยขาดๆ เกินๆ ไง หญิงสาวยืนนิ่งราวกับถูกไม้หน้าสามฟาดที่ศีรษะอย่างแรงนี่คือเหตุผลที่ทำให้พระเอกในนิยายของเธอไม่มีเสื้อผ้าใส่อย่างนั้นหรือวราลีเดินไปยังโต๊ะทำงานและมองดูต้นฉบับของตัวเอง ใช่...เขาเขียนลักษณะของชุดตามที่สวมใส่ลงไปในนั้นจริงๆ ว่าแล้วเธอจึงลองทดสอบดูบ้างหากทั้งหมดที่เขาบอกกล่าวเป็นความจริง คงได้เห็นกันซึ่งหน้ามือขวาจับปากกาขีดเขียน แมวน้อยสีขาวเดินคลอเคลียชายหนุ่มเพียงไม่ถึงนาทีแมวพเนจรที่ได้เจอเมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นข้างๆ พระเอกในนิยายของเธอ ส่งเสียงเมี๊ยวหง่าวเดินวนรอบขาของเขาและเมื่อลองขีดฆ่าตัวอักษร เจ้าแมวตัวนั้นก็สลายหายไปต่อหน้าต่อตา จริงอย่างที่เขาว่าไว้ วราลีหันมองชายร่างสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร ที่ยืนมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างอื้ออึงไม่คิดว่าเรื่องพิสดารเหล่านี้จะเกิดขึ้น เขาคือ กันดิศ พระเอกในนิยายที่มีลักษณะคล้ายกับศาสวัตราวกับถอดรูปออกมาครั้งแรกที่ได้เห็นยังไม่ชินตา แต่เวลานี้เริ่มรับรู้ได้ว่า เขา ที่เธอเคยสร้างตามจินตนาการได้ออกมาปรากฏกายยืนอยู่เบื้องหน้านี่เอง จะมัวจ้องฉันอยู่ทำไมรีบไปอาบน้ำแต่งตัวสิ เธอต้องพาฉันไปตามหาคนๆ หนึ่ง นายจะรู้จักใครในโลกนี้ด้วยเหรอ?วราลีถามด้วยความสงสัย ในเมื่อกันดิศเพิ่งออกจากโลกตัวอักษรที่เธอเนรมิตขึ้นมา แล้วเขาจะรู้จักใครที่ไหนได้นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น ไม่ต้องถามหรอกน่ารีบไปเร็วๆ เข้า ฉันมีเวลาไม่มากพอที่จะตอบคำถามเธอทุกข้อหรือต้องให้ฉันอุ้มเธอเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปาก บอกเป็นนัยว่ายินดีและเต็มใจพาเธอไปอาบน้ำหากต้องการอย่างนั้น วราลียืนแข็งทื่อเมื่อความรู้สึกชาวาบไปทั้งร่างกาย ถอยหลังตั้งหลักเล็กน้อยและปลอบใจตัวเองว่าเขาคงขู่เธอเล่นเท่านั้น กันดิศ...ผู้ชายแสนอบอุ่นและใจดี คงไม่ทำอะไรป่าเถื่อนอย่างนั้น หนึ่ง... To be continued... |
มาโซคิส
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?] เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล Blood A_Blood Type Series เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
Link |