เรื่องลาวลาว ตอนเจ็ด "หลง" พระบาง
ออกจากโพนสะหวันแต่เช้า นั่งกระดิก ทีน ฟังเพลงไทยในรถบัสไม่ติดแอร์ตามเคย รถเขียนทุกอย่างเป็นภาษาลาว แต่ทำเก๋ด้วยการติดสติกเกอร์ภาษาไทยไว้หน้ารถหราว่า โชเฟอร์สุดหล่อ เตะตาเป็นอันมาก มีคนถามว่าแล้วตัวโชเฟอร์หล่อไหม...อืมม์ ก็อยู่ที่ว่ามองมุมไหน ใครเป็นคนมอง
หลวงพระบาง มุ่งหน้าไปสู่เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง อากาศเย็นค่อยๆจางลงเมื่อรถลัดเลาะลงจากเขาสูง แต่ความคดเคี้ยวของเส้นทางเขาก็ยังไม่บางเบาแม้ว่าเราจะเลี้ยวขวาที่สามแยกภูคูนเพื่อมุ่งหน้าหลวงพระบางนานแล้วก็ตาม สิ่งนี้อาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้ลาวพัฒนากิจกรรมต่างๆได้ช้าเช่นนี้ ที่เห็นได้ชัดก็คือการเดินทาง ระยะทางไม่กี่ร้อยกิโลเมตรต้องใช้เวลาเป็นวันๆ แม้ว่าสภาพถนนจะดี แต่ความคดเคี้ยวทำให้ไม่สามารถทำความเร็วได้ ยังดีที่ทิวทัศน์ของเนินเขาสีเขียวสารพัดเฉดและประติมากรรมแห่งสายหมอก ช่วยชดเชยให้การเดินทางไม่น่าเบื่อเท่าไรนัก
แต่ที่น่าทึ่งอย่างหนึ่งก็คือคนขับรถของเขานี่แหละ คนขับรถบัสสี่คนที่เจอตลอดการเดินทางดูจะอารมณ์ดี ใจเย็น และบริหารจัดการเส้นทางได้อย่างดี ทำให้นั่งสบาย รู้สึกว่าฝากชีวิตไว้ได้ ถึงแม้ว่าบางคนจะดูหน้าละอ่อนจนไม่อยากไว้ใจก็เถอะ ขากลับหนุ่มน้อยคนขับทำหวาดเสียวด้วยการเอากระจกมองหลังไปเกี่ยวเสาตั้งแต่ตอนถอยออกจากชานชาลา เล่นเอาเราซึ่งนั่งแถวแรกสุดไม่กล้าหลับ ต้องเอาใจช่วยน้องคนขับฝ่าสายหมอกจัดตลอดเช้า (รถในลาวขับชิดขวาแต่พวงมาลัยซ้าย เราเลือกนั่งฝั่งขวาของรถ จะได้ไม่หวาดเสียวเวลารถสวนกัน แลกกับความเสียวไส้เวลาแล่นผ่านหุบเหวแทน )
สุขาอยู่ทุกหนแห่ง การเดินทางเป็นวันๆนั้น รถทุกคันจะจอดพักกินข้าวกลางทาง เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารได้เข้าห้องน้ำ (ที่เป็นห้องน้ำปิดมิดชิดจริงๆ) อย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่กระเพาะปัสสาวะของคนเราบางครั้งมันก็อดอั้นไม่ได้อย่างนั้น เมื่อธรรมชาติเรียกร้องให้ปลดปล่อย แต่สองข้างทางไม่มีเมือง ไม่มีห้องน้ำบริการ ผู้โดยสารจึงต้องอาศัยผืนป่าและสุมทุมพุ่มไม้เป็นห้องน้ำ (ท่าจะยังไม่มีใครได้ไปดูงานหมู่บ้านห้องน้ำที่ตั้งอยู่ระหว่างปอยเปต-เสียมเรียบในกัมพูชากระมัง) แล้วพี่น้องลาวก็ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ พอรถจอดและคนขับประกาศให้ไปเบาปั๊บ ทุกคนก็เดินลงจากรถอย่างเชื่อฟัง ไม่เว้นแม้พระสงฆ์องค์เจ้า ผู้ชายไปด้านหน้าๆ ผู้หญิงไปด้านท้ายๆ เสร็จสรรพก็กลับขึ้นรถ เป็นที่อัศจรรย์และน่าชื่นชมของผู้ผ่านทางอย่างเราเป็นอันมาก แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถจริงๆ ทำได้แค่จำกัดปริมาณน้ำดื่ม และใช้พลังในการอดทนอดกลั้นเมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเท่านั้น นี่ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ มีหวังกลับมาคงได้นิ่วรับประทานกันบ้าง
ซ่อนหา...ซ่อนหาย นอกจากจักรยาน หน้าต่าง ประตูแล้ว ป้ายจราจรเป็นความสนใจพิเศษอีกอย่างหนึ่งเวลาเดินทาง เริ่มจากป้ายทะเบียนรถที่เมืองลาว ซึ่งมีสีสันไม่ใช่เล่น เขามีป้ายพื้นขาว (จำไม่ได้แล้ว) พื้นเหลือง (เอกชน) พื้นฟ้า (ราชการ) และพื้นแดง (ทหารตำรวจ) ส่วนป้ายอื่นๆตามถนนก็น่ารัก เช่น ป้ายโค้งอันตะลาย หรือป้ายคนข้ามถนนซึ่งมีหลากหลายมาก ถ้าปักอยู่หน้าโรงเรียนจะเป็นเด็กชายกับเด็กหญิงกำลังเดิน ถ้าอยู่ก่อนเข้าหมู่บ้านเป็นพ่อจูงลูกสาววิ่งบ้าง ลูกสาวนำหน้าพ่อบ้าง ส่วนที่หลวงพระบางเป็นรูปผู้สาวนุ่งซิ่น
หลักกิโลเมตรของลาวจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบนๆ ปลายด้านบนมนและทาสีแดง คล้ายๆของเวียดนาม ขณะที่หลักกิโลเมตรบ้านเราเป็นแท่งสี่เหลี่ยมอ้วนๆ มีจุดหมายสองแห่ง คือ เมืองที่ใกล้จะถึงกับเมืองถัดออกไป แต่หลักกิโลของลาวมีเมืองเดียว เขียนเป็นภาษาลาวและมีภาษาอังกฤษเล็กๆ
ขอบ่นสักนิดเถอะว่าหลักกิโลเมตรลาวนี่เป็นตัวอย่างของการมั่วจริงๆ เพราะดูเหมือนคนปักจะเลือกปักทางซ้ายหรือทางขวาของถนนตามอำเภอใจ ซ้าย ขวา ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ซ้าย มั่วไปหมด ดูตั้งนานก็จับหลักไม่ถูกสักที นอกจากปักมั่วแล้ว ข้อความในป้ายยังสลับสับไปมา จากภูคูนไปหลวงพระบางมีป้ายสลับกันไปเรื่อยๆ ทั้งกิ่วกระจำ เชียงเงิน หลวงพระบาง และอื่นๆ ทำเอาคนรอดูป้ายปวดเศียรเวียนกบาลมากถึงมากที่สุด
Free TextEditor
Create Date : 11 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 11 ตุลาคม 2551 4:06:34 น. |
|
0 comments
|
Counter : 358 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|