หม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes) เป็นพืชกินแมลงประเภทหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจ ในการเพาะเลี้ยงอันดับต้น ๆ เนื่องจากเราสามารถพบเห็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงได้ไม่ยาก นัก ประกอบกับหม้อข้าวหม้อแกงลิงมีสายพันธุ์ (Species) อยู่ประมาณ 90 กว่าชนิด ทั่วโลก ตามเขตโซนร้อนทั่วไป โดยเฉพาะบนเกาะบอร์เนียวพบถึง 30 กว่าชนิด
หม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
Lowland คือ กลุ่มที่กำเนิดในระดับความสูงต่ำกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลลงมา หรือมีอุณหภูมิตอนกลางวัน ตั้งแต่ 80-95 F หรือ 27-35 C และกลางคืน ตั้งแต่ 70-80 F หรือ 21-27ํ C
Highland คือ กลุ่มที่กำเนิดในระดับความสูงมากกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลขึ้นไป หรือมีอุณหภูมิตอนกลางวัน ตั้งแต่ 70-85 F หรือ 21-29 C และกลางคืน ตั้งแต่ 50-65 F หรือ 12-18 C
หม้อ(Pitcher) ของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง คือ เครื่องมือหรือกับดักที่ใช้หลอกล่อ เหยื่อที่เป็นสัตว์ หรือแมลง สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ให้เดินเข้าหากับดัก โดยอาศัยกลิ่นเลียนแบบของเหยื่อ ที่อาจเป็น น้ำหวาน กลิ่นแมลงตัวเมีย หรือสีสันที่สะดุดตาบวกกับกลิ่นที่เหย้ายวนเร้าใจ ที่จะเป็น เครื่องดึงดูดเหล่าสัตว์หรือแมลงทั้งเหล่ามาสู่กับดักมรณะนี้
ด้านในและใต้ส่วนที่งุ้มโค้งของปากหม้อ (peristome หรือ lip) เป็นส่วนที่สร้างน้ำหวาน เมื่อเหยื่อหลงเข้ามาตอมน้ำหวานบริเวณปากหม้อที่ถูกเคลือบด้วยสารที่มีลักษณะมันลื่น ประกอบกับผิวเป็นคลื่นตามแนวลงภายในหม้อ เหยื่อจึงมีโอกาสลื่นพลัดตกลงไป ในหม้อ ได้อย่างง่ายดาย และภายในหม้อจะมีน้ำย่อยอยู่ เมื่อมองดูต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเผินๆ ก็เหมือนกับต้นไม้จำพวกเถาเลื้อย ทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อหันมาดูที่บริเวณปลายใบ โอ้!! พระเจ้าจอร์ช มันเป็นสิ่งที่แปลกมหัศจรรย์ อะไรอย่างนี้ เพราะมันมีหม้อครับ หม้อกลม ๆ ที่ด้านบนมีฝาปิด ซึ่งหลาย ๆ คนมองว่าหม้อ เหล่านี้มันคือลูกของไม้ต้นนั้น ๆ เมื่อมารู้ว่า มันคือ หม้อ (Pitcher) ที่เป็นเครื่องมือหรือกับดักที่ใช้ล่อเหยื่อ แล้วก็สงสัยอีกว่ามันจะจับเหยื่อหรือแมลงกัน ยังไง หลาย ๆ คนต่างลงความเห็นว่า เมื่อแมลงหลงเข้าไปในหม้อนั้นแล้ว ฝาหม้อ ที่อยู่ด้านบนจะงับปิดลงมา เพื่อขังเหยื่อหรือ แมลงนั้นไว้ภายในหม้อ เพื่อกินเหยื่อหรือแมลงเหล่านั้นต่อไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถึงเหยื่อหรือแมลงจะ ตกลงไปภายในหม้อสักเท่าไร ฝาหม้อ(lid) นั้นก็จะ ไม่หุบปิดลงมาแต่อย่างใด และที่เราเห็นเป็น หม้อลูกใหญ่นั้น ก็ไม่ใช่ลูกหรือผลแต่อย่างใด มันคือแผ่นใบแท้ที่แปลงสภาพห่อตัวเป็นรูปหม้อ ส่วนปลายใบก็กลายเป็นฝาปิด กันน้ำฝนไม่ให้ ตกลงในหม้อมากเกินไปจนปริมาณน้ำย่อยที่ ผลิตได้เจือจางลง หรือมาหจนกระทั่งน้ำเต็ม หม้อไม่สามารถกักเหยื่อหรือแมลงไว้ได้
หม้อของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงมี 2 ลักษณะคือ
1.หม้อล่าง (Lower Pitcher) หรือเขียนย่อๆ ว่า L/P
2.หม้อบน (Upper Pictcher) หรือเขียนย่อๆ ว่า U/P
หม้อข้าวหม้อแกงลิงจะผลิตหม้อแรก ๆ เป็นหม้อล่าง(Lower Pitcher) ซึ่งมักจะมีสีสันสดใส เพื่อ ทำหน้าที่ล่อเหยื่อหรือแมลงให้มาติดกับ เมื่อต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเติบโตสูงขึ้น เนื่องจากเป็นประเภทไม้เถาเลื้อย จึงจำเป็นต้องมีที่ยึดเกาะเพื่อพยุงลำต้นให้ตั้ง ตรงขึ้นไปกับต้นไม้อื่น ๆ หรือสิ่งอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ให้สามารถส่งยอดขึ้นไปรับ แสงแดดได้มากขึ้น มันจึงพัฒนาก้านใบเป็นให้ม้วนเป็นวงเกาะเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ รอบข้าง และรูปทรงของหม้อจะเปลี่ยนไป เพราะลดบทบาท ในการหาอาหารลง โดยปีก (Wing) จะหดสั้นหรือหายไป เพื่อไม่ขัดกับการยึดเกาะของก้านใบ สีสันของหม้อ ก็จะลดหายลงไป ก้นหม้อจะเรียวเล็กลงด้วย เพราะไม่ต้องใช้เป็นเครื่องล่อเหยื่อหรือแมลง และทำหน้าที่ย่อยอาหารอีกต่อไป เราเรียกหม้อแบบนี้ว่า หม้อบน(Upper Pictcher)
ลํกษณะของหม้อล่าง (Lower Pitcher)
1. มีสีสันจัดสดใส
2. ก้านใบ /สายดิ่ง หรือสายหม้อ (Tendril) อยู่ฝั่งเดียว กับปีก (Wing)
3. ปีก (Wing) มีลักษณะกว้างใหญ่
ลํกษณะของหม้อบน (Upper Pitcher)
1. มีสีสันซีดจาง หรือน้อยลง
2. ก้านใบ /สายดิ่ง หรือสายหม้อ (Tendril) อยู่คนละฝั่ง กับปีก (Wing)
3. ปีก (Wing) มีลักษณะลดสั้นลง หรือหายไป
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก //www.siamexotica.com
|