เรื่องของกล้วยๆ
กล้วยกัทลี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa uranoscopus Lour.
ชื่ออื่น : กล้วยรักตกัทลี
วงศ์ : MUSACEAE
ถิ่นกำเนิด : ประเทศในแถบอินโดจีน
ต้น สูง 1-1.5 เมตร ช่อดอกตั้งขึ้นกาบรองดอกแคบเรียวยาวสีแดงสด สามารถติดผลแต่มีเมล็ดมากนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ แตกหน่อช้า ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ
กล้วยดอกบัวอัสสัม
ชื่อวิทยาศาสตร์ ; Musa velutina H. Wendl. & Drude ชื่ออื่น : กล้วยรุ่งอรุณ ถิ่นกำเนิด : รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย วงศ์ MUSACEAE
ต้น สูง 1-1.5 เมตร ปลีตั้งตรงสีแดงอมชมพูเป็นมัน ผลโตผิวสีแดงเป็นกำมะหยี่ มี3-6หวี หวีละ 7-10ผล แตกหน่อช้าขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ ดอก(หมายถึงหัวปลี) นิยมนำมาปักแจกันได้ กล้วยบัวสีส้ม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa laterita Cheesman ถิ่นกำเนิด : ประเทศไทย
ต้น สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นเล็กปลีดอกตั้งขึ้นกาบรองดอกสีชมพูอมส้มมากหน่อย ติดผลได้เนื้อน้อยเมล็ดเยอะ แตกหน่อได้ดี ช่อดอกตัดปักแจกันได้ กล้วยบัวสีชมพู
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa ornata Roxb.
เป็น กล้วยปลูกประดับอีกชนิดหนึ่ง คล้ายกล้วยบัวสีส้ม แต่กาบรองดอกมีสีชมพู ดอกย่อยสีเหลือง ติดผลได้เหมือนกัน ปลูกขึ้นง่าย โตเร็ว ใช้หน่อขยายพันธุ์
กล้วยเสือพราน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa gracilis Holttum ชื่ออื่น : กล้วยเลือด วงศ์ : MUSACEAE
ต้นสูง 2-5 เมตรแผ่นใบด้านบนมีแถบด่างสีม่วงแดง ด้านหลังใบสีม่วงแดงเรื่อ กาบรองดอกสีม่วงแดง ผลเล็กเนื้อสีขาวมีเมล็ดจำนวนมาก กล้วยผา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ensete superbum (Roxb.) Chessman ชื่ออื่น : กล้วยโทน กล้วยบายศรี กล้วยป้ำ วงศ์ : MUSACEAE ถิ่นกำเนิด : ประเทศอินเดีย และทางภาคเหนือของไทย
พบ ขึ้นอยู่ตามหน้าผาที่มีความชื้นสูง โคนต้นอวบอ้วนมีเส้นรอบวงถึง1เมตรสูงถึง4เมตรถ้าอยู่ในป่าสภาพแวดล้อมเดิม ใบเขียวสดตกปลีออกผลมีเมล็ดมากเนื้อน้อย ไม่นิยมรับประทาน ปัจจุบันมีการนำมาเป็นไม้ประดับตกแต่งสวน โตช้า มักพักตัวในฤดูหนาว
กล้วยร้อยหวี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa chilicarpa Backer (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อวิทยาศาสตร์เป็น Musa (AAB. group) cv.Pisang Sesibu) ชื่ออื่น : กล้วยงวงช้าง
เห็นรูปแล้วไม่ต้องบรรยายตามนั้นเลย เป็นไม้ล้มลุก มีขนาดเล็กกว่าต้นกล้วยน้ำว้าที่พบเห็นกันได้ทั่วไป ลำต้นสูงราว 2-3 เมตร ดอกออกที่ปลายต้น ซึ่งช่อดอกมีดอกหนาแน่นมาก ใช้เวลา 6 เดือนจึงตกเป็นปลีห้อยลงมา และทยอยออกผลเป็นหวีกล้วยขนาดเล็กราวร้อยหวี แต่ละหวีมีผลประมาณ 10-15 ผล เครือหนึ่งมีความยาวราวเมตรกว่าๆ ถึงสองเมตร มีลักษณะคล้ายงวงช้าง เมื่อรวมจำนวนกล้วยทั้งหมดในหนึ่งเครือตกราว 1,000 กว่าผล แต่หากเป็นเครือที่สมบูรณ์ผลอาจมากกว่านี้ ของกล้วยชนิดนี้มีขนาดเล็ก เนื้อน้อย แต่มีเมล็ดมาก และจะออกผลเพียงปีละครั้งเท่านั้น เพราะระยะเวลาในการเป็นหวีกล้วยเล็กๆ จนสุดเครือ นั้นยาวนานมากราว 9-12 เดือน เมื่อออกผลแล้วก็จะตายไป แต่สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยหน่อ แต่ปัจจุบันหาหน่อมาปลูกยากเหมือนกัน
กล้วยนวล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ensete glaucum(Roxb.)Cheesman ชื่อสามัญ : Snow Banana ชื่ออื่น : กล้วยโทน,กล้วยบายศรี
ชาวเนปาลเชื่อว่าเป็นกล้วยที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ควรแก่การบูชา ลักษณะเตี้ยค่อมโคนต้นอวบปลายเรียว และมีนวลสีขาวปกคลุม ช่อดอกห้อยปลีสีเขียว กาบติดอยู่กับเครือไม่หล่นเหมือนกล้วยทั่วไป ช่อดอกจึงติดปลีเป็นระย้าสวยงาม ผลสุกกินได้แต่มีเมล็ดใหญ่จำนวนมาก
ปัจจุบันมีการปลูกเป็นไม้ประดับตกแต่งสวนแต่การพักตัวในฤดูหนาวทำให้ใบเหี่ยวแห้งไม่สวยนัก กล้วยแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ensete ventricosum (welw.) Cheesman ชื่อสามัญ : Abyssinian Banana, Ethiopian Banana มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแอฟริกาตะวันออก แอฟริกากลางและทวีปแอฟริกาใต้ ในต่างประเทศนิยมปลูกกันมาก ชาวยุโรปและอเมริกันนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ต้นสูง 8-12เมตร ใบแน่นสีเขียว-เหลือง มีเส้นกลางใบสีม่วงแดง ก้านใบสั้น ผลมีเมล็ดมาก ใช้ทำเครื่องประดับ กล้วยป่า
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa acuminata Colla ชื่ออื่น : กล้วยเถื่อน มีถิ่นกำเนิดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และทางเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ประเทศออสเตรเลีย ลักษณะทั่วไปมีลำต้นเล็กผอม ใบเล็กแคบ ผลเล็ก มีเนื้อบางสีขาว รสหวาน ใช้รับประทานได้แต่ส่วนมากใช้เป็นอาหารสัตว์ ออกดอก ติดผล ตลอดปี สำหรับประเทศไทยใช้เป็นไม้เบิกนำที่ดี
กล้วยตานี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa balbisiana Colla มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของจีน ฟิลิปปินส์และเกาะนิวกินี
ลักษณะเด่นของกล้วยชนิดนี้คือ ผลมีเมล็ดมาก เนื้อน้อย ไม่นิยมรับประทาน แต่ต้นและใบนำมาห่ออาหาร บ้างก็ทำเป็นกระทง หรือนำมาตากแห้ง หรือทำบายศรีเพราะใบเหนียวไม่แตกง่าย กล้วยคุณหมิง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa violascens Ridl. ชื่ออื่น : กล้วยหยุนหนาน,กล้วยบัวทอง(Musella lasiocarpa) กล้วยสกุลใหม่มีถิ่นกำเนิดในจีนและออสเตรเลีย เริ่มมีผู้นำมาปลูกประดับในเมืองไทยแล้ว กล้วยในกลุ่มMusa ปัจจุบันมีหลายพันธุ์ที่นำมาบริโภค ซึ่งแต่ละพันธุ์เกิดจากการกลายพันธุ์และผสมพันธุ์กันในธรรมชาติ จนมีลักษณะคล้ายคลึงกัน บ้างก็แตกต่างกัน จึงมีการจำแนกตามจีโนม (genome)เป็นหลักคือ กล้วยป่า(Musa acuminata)มีจีโนม AA กล้วยตานี(Musa balbisiana) มีจีโนม BB ซึ่งแบ่งกลุ่มได้ตามนี้
(ตามแต่เท่าที่หาตัวอย่างได้ตอนนี้...)
กล้วยเล็บมือนาง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa (AA group) "Kluai Leb Mu Nang" ชื่ออื่น : กล้วยข้าว กล้วยข้าวหมาก วงศ์ : MUSACEAE
ไม้ล้มลุกลำต้นสูงไม่เกิน 2.5 เมตร ดอกเรียกว่า หัวปลี ผลเรียกว่าเครือ หนึ่งหวีมี10-16ผล เล็กรูปโค้งงอก้านผลสั้นเปลือกหนาสีเขียวเมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กลิ่นหอมแรงเนื้อสีเหลืองรสหวาน ปลูกได้ทั่วไปทนต่ออากาศแล้งได้ดี
กล้วยน้ำว้าค่อม
Musa (AA Group) "Kluai Nam Wa Khom" พันธุ์แท้ของกล้วยป่าหรือกลายพันธุ์ไปแต่มีลักษณะของพันธุ์แท้อยู่มาก ลำต้นสูง1.5-3เมตร ช่องว่างระหว่างหวีน้อยกว่ากล้วยน้ำว้าทั่วไป จึงค่อนข้างแน่น บางครั้งเบียดกันมากจนทำให้บางผลมีลักษณะเรียวแหลม เมื่อสุกมีสีเหลืองอมขาว ไส้กลางสีเหลืองรสหวาน
กล้วยน้ำว้าดำ
Musa (ABB group) " Kluai Nam Wa Dam" ลำต้นสูง2.5-3เมตร กาบนอกสีเขียวอ่อน ก้านใบสีเขียวอ่อน โคนก้านใบมีปื้นดำ ดอกเรียวปลายแหลม ด้านนอกสีม่วงแดง ด้านในสีแดง เครือหนึ่งมี5-7หวี ผลอ่อนมีลายตามผิว สีผลเหมือนสนิม เมื่อผลแก่ลายจะมีเกือบเต็มผล และมีสีน้ำตาลเข้ม
กล้วยน้ำว้านวล Musa (ABB group) "Kluai Nam Wa Naun"
ลำต้นสูง3เมตร กาบด้านนอกสีเขียวเข้มมีนวลก้านใบสีเขียวนวลฐานใบโค้งมนกางออก ก้านผลบาวเมื่อสุกเหลี่ยมจะหายไป ผลอ่อนจะมีสีเขียวมีนวลสีขาวปกคลุมหนา เมื่อสุกจะกลายเป็นสีเหลืองนวล กล้วยนาก
Musa (AAA group) "KLuai Nak" ชื่อสามัญ : Red Banana ต้นสูง 3-4 เมตร กาบด้านนอกมีสีเขียวปนแดง ด้านในมีสีชมพูปื้นแดงเป็นแถบ ปลีรูปไข่ปลายแหลม ปลีสีม่วงอมแดง กลีบปลีบิดม้วนงอขึ้น เครือหนึ่งมี5-7หวี ผลดิบมีสีแดงสดใส แก่จัดสีเขียวอมแดง เมื่อสุกสีแดงอมเหลือง เนื้ผลสีเหลืองส้มรสหวานกลิ่นหอมเย็น สำหรับใบนิยมนำไปประกอบเครื่องบูชาเทวดาในงานมงคล
กล้วยนางพญา
Musa (AฺฺBB Group)"Kluai Nang paya"
คือพันธุ์ที่กลายจากกล้วยป่ามาแล้ว ต้นสูง2.5-3.5เมตรผลมีเหลี่ยมชัดเจนผลดิบสีเขียวเข้มก้านผลยาวสุกสีเหลืองสดใสและมีจุดประสีน้ำตาลเนื้อในสีเหลืองอมส้ม รสหวาน
กล้วยน้ำไท
Musa (AA group) "Kluai Nam Thai" ต้นสูง2.5เมตร ผลสุกสีเหลืองส้มมีจุดดำเล็กๆคล้ายจุดดำของกล้วยไข่ เนื้อสีสีส้มเหลืองกลิ่นหอมแรงคล้ายกลิ่นหอมดอกไม้ รสหวานชื่นใจ เป็นยาเจริญธาตุ ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆเช่นการบวงสรวงขวัญข้าว หรือไหว้ครู หมอหรือพราหมณ์จะใช้กล้วยน้ำไทประกอบพิธีทั้งสิ้น จึงนับว่าเป็นกล้วยพิธีที่ยึดถือกันมาแต่บรรพกาล แต่ปัจจุบันหายากจึงใช้กล้วยน้ำว้าแทน กล้วยกล้าย
Musa paradisiaca L. เรียกกันว่ากล้วยกล้าย กล้าย หรือกล้วยโกก กล้วยชนิดนี้ผลยาวเรียวและโค้งงอคล้ายเคียว เนื้อสีส้ม นิยมนำมาต้มรับประทานได้เนื้อเหนียวปัจจุบันเปลี่ยนเป็น (Musa AABgroup)cv.Kluai Klai ลำต้นสูง3.5-4เมตร กาบลำต้นด้านนอกสีชมพูแดงประดำค่อนข้างมาก ด้านในสีเขียวอ่อนมีประดำเล้กน้อย มีร่องค่อนข้างแคบปีกสีชมพูอ่อน
กล้วยนิ้วมือนาง
Musa (AAB group) "Kluai Niu Mu Nang"
พันธุ์ลูกผสมที่มีลักษณะค่อนไปทางกล้วยตานี ลำต้นสูง2.5-3.5เมตร ก้านเครือมีขน เครือหนึ่งมีประมาณ7หวี สุกสีเหลือง รสหวานเล็กน้อย
กล้วยเทพรส
Musa (ABB Bgroup) "Kluai Teparod" พันธุ์ลูกผสมที่มีลักษณะค่อนไปทางกล้วยตานีแต่กลายพันธุ์ไปแล้ว ต้นสูง3.5-4เมตร กล้วยชนิดนี้ส่วนใหญ่ไม่มีปลี แต่บางครั้งเกิดปลีขึ้นได้ ตั้งแต่1-3ปลี ต้นที่ไม่มีปลีเรียกว่า เทพรส ส่วนต้นที่มีปลีเรียก ทิพรส ผลใหญ่คล้ายกล้วยหักมุก ใช้รับประทานสดและแปรรูป
กล้วยเทพพนม
(BBBgroup) พันธุ์ที่กลายพันธุ์ไปจากกล้วยตานี
ขอบคุณข้อมูลจาก //suan-theva.igetweb.com/index.php?mo=3&art=395223
Create Date : 13 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2554 10:12:43 น. |
|
3 comments
|
Counter : 20688 Pageviews. |
|
|
ขอบกิน ค่ะ มีประโยชน์ มากมาย..