สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
พืชจัดสวนมีพิษที่ควรระมัดระวัง ตอนที่ 2

ลั่นทม


  

ชื่อพฤกษศาสตร์ :  Plumeria acuminata.,Ait.

วงศ์ :
APOCYNACEAE
ชื่อสามัญ : Frangipani
ชื่อ อื่น : จำเปย,จำปาขอม,จำปาลาว,ลีลาวดี


น้ำยางจากทุก ส่วนหากสัมผัสทำให้คัน ผิวหนังอักเสบ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ลำโพง

 

ชื่อวิทยาศาสตร์ Datura metel L.
ชื่ออื่น : มะเขือบ้า
วงศ์ :
SOLANACEAE

ไม้ล้มลุกอายุ หลายปี สูง1-2เมตร ดอกออกเป็นรูปแตรหรือลำโพงขนาดใหญ่ ผลรูปกลมแต่ปกคลุมด้วยหนาม เมื่อแก่จัดจะแตกออกเห็นเมล็ดกลมแบนอยู่ข้างในจำนวนมาก

ใบ ดอก และเมล็ด หากกินเข้าไปจะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน (โบราณท่านว่า "บ้าลำโพง")กระหายน้ำรุนแรง ปาก คอแห้ง ตาพร่า ม่านตาขยายสู้แสงไม่ได้  การหายใจช้าและขัดผิวหนังเป็นสีคล้ำ เพราะขาดอ็อกซิเจน  ในรายที่รุนแรงถึงหมดสติและโคม่า

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
แสยก



ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pedilanthus tithymaloides Poit.
ชื่อ สามัญ : Slipper Flower
ชื่ออื่น ; กะแหยก,มหาประสาน, ว่านสลี

ม้พ ุ่มมีน้ำยางมาก ลำต้นหักงอไปมาสีเขียว ผิวเรียบ ใบสลับซ้ายขวาระนาบเดียวกัน ยางจากต้นถ้าถูกผิวหนังจะทำให้เกิดการระคายเคืองทำให้ผิวอักเสบบวม หากน้ำยางถูกตาอาจทำให้ตาบอด หากกลืนน้ำยางเข้าไปจะทำให้ท้องเสียรุนแรงและอาจถึงตายเพราะสูญเสียน้ำจำนวน มาก

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

สายน้ำผึ้ง



ชื่อวิทยาศาสตร์ ; Lonicera japonica Thunb.
วงศ์ : CAPRIFOLIACEAE
เป็นไม้เลื้อย ใบเดี่ยวออกตรงข้าม ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบปลายกิ่ง ดอกสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นเหลืองอมส้ม มีกลิ่นหอม ผลเป็นผลสด เมื่อสุกสีดำ
ต้นและผลสด หากรับประทานจำนวนมากทำให้อาเจียน ท้องเสีย ม่านตาขยาย เหงื่อออก ตัวเย็นชืด หัวใจเต้นเร็ว ระบบหายใจล้มเหลว ชักและหมดสติ

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ส้มเช้า บ่ายมัน




ชื่อ วิทยาศาสตร์ : Euphorbia neriifolia L.
วงศ์ : EUPHORBIACEAE

ลำ ต้นไม่มีเนื้อไม้ เป็นสี่เหลี่ยม มีหนามคล้ายกระบองเพชรมียางสีขาว ตอนเช้ามีรสเปรี้ยวจัด ตอนบ่ายรสเปรี้ยวจะหายไป กลีบดอกสีขาวอมเหลืองผลเป็นชนิดแห้งไม่มีเนื้อมี3พู
น้ำยางสีขาวหากเข้า ตาจะทำให้เยื่อบุตาอักเสบ หากสัมผัสผิวหนังจะปวด และทำให้อักเสบเป็นปื้นแดง หากกลืนน้ำยางเข้าไปทำให้แสบร้อนปากและลำคอ ระคายเคืองกระเพาะอาหาร คลื่นไส้และอาเจียน ท้องเสีย

...............................................................................................

รัก
                                        


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Calotropis gigantean R.Br.
วงศ์ : ASCLEPIADACEAE
ชื่อสามัญ : Crown Flower, Giant Indian Milkweed

                 ไม้ พุ่มขนาดกลางอายุหลายปีสูงประมาณ3เมตร ลำต้นเปราะทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาว ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด สีขาว และม่วงอ่อนพบทั่วไปเกือบทุกภาคของไทย ตามที่รกร้างริมถนน ท้องนา
น้ำ ยางของรักมีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจและทางเดินเลือด หากเคี้ยวหรือกลืนส่วนของพืชชนิดนี้เข้าไปจะรัคายเคืองเยื่อบุช่องปาก และกระเพาะอาหาร ทำให้อาเจียน ท้องเสียและปวดศรีษะ ถ้าถูกยางบริเวณผิวหนังที่เป็นเนื้ออ่นจะทให้ระคายเคืองบวมแดงและเป็นหนอง

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
แสลงใจ


 

ชื่อวิทยาศาสตร์ :Stuychnos nux-vomica Linn.
วงศ์ : STRYCHNACEAE
ชื่อ สามัญ : Button Seed, Dog Button, Nux Vomica

ชื่ออื่น : โกฐกักกลิ้ง,กะจี้, เบ๊ไจ๊จี๊ (จีน), แสลงโทน, แถลง, แสง เบือ (โคราช), ว่านไฟต้น, ตูม กาแดง 

เป็น ไม้ยืนต้นขนาดกลาง  มีเส้นใบตามยาว 3 เส้น ใบดกทึบ เปลือกต้นสีเหลืองอมแดง  เนื้อ คล้ายไม้พญามือเหล็ก  ดอกช่อมีขนาดเล็ก ผลกลมโตเหมือนลูกมะตูม เมล็ดที่แก่จัด และแห้ง เรียกว่า โกฐกะกลิ้ง Nux Vomica
  ส่วนของต้นและเมล็ดทั้งหมดเป็นยาอันตรายทำให้กล้ามเนื้อ กระตุก ขาสั่น ชัก หัวใจเต้นแรง ขากรรไกรแข็ง และตายได้
   เนื้อในผล   เมื่อสุกมีสีเหลือง มีไกลโคไซด์ ชื่อ loganin มีรสขม
    Strychnine   เป็นสารพิษ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทไขสันหลัง เกิดความรู้สึกไวกว่าปกติ กลืนลำบาก  กล้ามเนื้อ แข็งตัว และบิดตัว ชักกระตุก


..........................................................................................

สลัดไดป่า




ชื่อวิทยาศาสตร์:  Euphobia antiquorum  L.
วงศ์ : Euphorbiaceae
ชื่อสามัญ : Triangular Spurge, Malayan Spurge Tree
ชื่ออื่น : สลัดไดป่า  เคียะผา  กะลำพัก
   ไม้พุ่มกึ่งไม้ต้น สูงประมาณ 8 เมตร ลำต้นกิ่งอวบน้ำมี 3-6 เหลี่ยมตามแนวสัน ที่สันมีหนาม ผิวสีเขียว ถ้าแก่จัดมีสีน้ำตาล ทุกส่วนมียางสีขาวขุ่น ใบ เดี่ยว มีจำนวนน้อย ออกตามแนวสัน รูปไข่กลับ ปลายใบกลม ดอก เป็นช่อสั้นๆ มีใบประดับออกเป็นคู่ตรงข้าม และมีใบประดับย่อยขนาดเล็กๆ รูปครึ่งวงกลมติดอยู่รอบดอก ในหนึ่งช่อดอกจะมีดอกเพศผู้หลายๆ ดอก และมีดอกเพศเมียดอกเดียว ผล เป็นผลสด
น้ำยางสีขาวที่ออกมาจากทุกส่วนเป็นสารพวก deoxyphorbol  น้ำยางถ้าถูกผิวหนังจะคันแดงแสบ ถ้าเข้าตา ตาจะอักเสบ ถ้ารับประทานยางเป็นยาถ่ายอย่างแรง จะทำให้อาเจียน


"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

เสน่ห์จันทร์แดง




ชื่อวิทยาศาสตร์ : Homalomena rubescens Kunth
วงศ์ :
ARACEAE

ต้นสูง 50-60เซนติเมตร ใบรูปหัวใจปลายเรียวแหลม แผ่นใบสีเขียวคล้ำเป็นมัน ก้านใบสีม่วงแดง
ทุกส่วนของต้น หากกินทำให้ปวดท้อง ท้องร่วง เกิดอาการประสาทหลอน หากสัมผัสถูกน้ำยางจะคัน ปวดแสบปวดร้อน ต่อมาจะอักเสบ บวมพองเป็นตุ่มใส

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

สกุลสาวน้อยประแป้ง



DIEFFENBACHIA SCHOTT

พืชสกุลนี้เป็น ไม้พุ่ม อายุหลายปี มีลำต้นอวบตั้งตรง เห็นข้อปล้องชัด ภายในมีน้ำยางเป็นพิษ หากกินเข้าไปจะทำให้เป็นใบ้ จึงมีชื่อเรียกอีกชชื่อว่า"ไอ้ใบ้" หรือ Dumb Cane

น้ำยางจากทุก ส่วนหากเข้าปากหรือตามีอันตรายมาก

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สนอินเดีย



ชื่อวิทยาศาสตร์ : Grevillea robusta A.M.Cunn.
ชื่อสามัญ : Silk Oak
วงศ์ : PROTEACEAE

ปัจจุบันเป็นไม้ ประดับที่นิยมกันมาก ใบและก้านหากสัมผัสให้ระวังผิวหนังอักเสบ


""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

หนุมานนั่ง แท่น



ชื่อวิทยาศาสตร์:   Jatropha podagrica  Hook.f.
วงศ์ : Euphorbiaceae
ชื่อสามัญ : Gout Plant, Guatemala Rhubarb, Fiddle-leaved Jatropha
ชื่ออื่น : ว่านเลือด , หัวละมานนั่งแท่น 
ไม้พุ่ม ลำต้นมีน้ำยางใส ใบ เดี่ยว ก้านใบยาว แผ่นใบเว้าลึก จะออกที่ปลายลำต้นแบบวนสลับ ดอก ช่อ ก้านดอกยาวมาก ก้านดอกย่อยและดอกย่อยสีแดงส้ม ออกเป็นช่อเหมือนซี่ร่ม ผล กลมยาว เป็นพูตามแนวยาว ผลแตกได้
 เมล็ดและ ยางมีสารพิษ
  น้ำยางเมื่อถูกผิวหนังเกิดอาการแพ้ บวมแดงแสบร้อน เมล็ดถ้ารับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย กล้ามเนื้อชักกระตุก หายใจเร็ว การเต้นของหัวใจผิดปกติ ความดันต่ำ



"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
หน้าวัวดอก



ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anthurium andraeanum Lind.
วงศ์ : ARACEAE
ถูกน้ำยางจะมีอาการคัน ปวดแสบร้อนต่อมาอักเสบบวมและพองมีน้ำใสๆ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

หางกระรอกแดง



ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acalypha hispida Burm.f.
วงศ์ : EUPHORBIACEAE
ชื่อสามัญ : Red-Hot Cattail, Phillipine Medusa

ไม้พุ่มขนาดกลาง สูง 1-3 เมตร ใบเดี่ยวออกสลับ ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ ช่อดอกห้อยลง ดอกมีขนาดเล็กจำนวนมากไม่มีกลีบดอก เกสรเพศเมียสีแดง ผลขนาดเล็กเมื่อแก่จะแตกออก
นำ้ยางหากสัมผัสผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นปื้นแดง หากกลืนน้ำยางเข้าไปจะทำให้ปวดแสบร้อนบริเวณปากและลำคอ กระเพาะอาหารเกิดการระคายเคืองทำให้อาเจียน ท้องเสีย

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


มะกล่ำตาหนู




ชื่อวิทยาศาสตร์ : Abrus precatorius Linn.


วงศ์ : PAPILIONACEAE


ชื่อสามัญ : Crab'Eye Vine, American Pea


ชื่ออื่น : กล่ำเครือ มะกล่ำเครือ กล่ำตาไก่ มะกล่ำแดง ตากล่ำ ไม้ไฟ มะแค๊ก เกมกรอม มะขามเถา ชะเอมเทศ


ไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อยออกเป็นคู่ขอบใบเรียบ โคนใบมนปลายใบมน ดอกออกเป็นช่อตามง่ามใบดอกคล้ายดอกถั่วกลีบดอกสีชมพูแกมม่วง กลีบรองดอกสีเขียว ผลเป็นฝักเวียนมีรอยคออดชัดเจน เมื่อแก่ฝักจะแตกตามยาวและบิดเพื่อกระจายเมล็ด เมล็ดสีแดงสดมีขั้วสีดำเห็นชัดเจนผิวเรียบเป็นมันแข็ง เมล็ดถ้าขบเมล็ดแตกกินเพียง1-2เมล็ดถึงตายได้ให้ระวังเด็กให้จงดีโดยจะเกิด อาการพิษดังต่อไปนี้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องอย่างแรง ระบบทางเดินอาหาร ตับและไตถูกทำลายให้รีบทำให้อาเจียนและส่งโรงพยาบาลด่วน


""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

เอื้องหมายนา




ชื่อวิทยาศาสตร์ :Costus speciosus Smith

วงศ์ : COSTACEAE


ชื่อสามัญ : Crape Ginger,Malay Ginger,Spiral Flag


ชื่ออื่น : เอื้องใหญ่, เอื้องต้น, เอื้องเพ็ดม้า


เป็นพืชที่มีเหง้าอยู่ใต้ดินดอกออกเป็นช่อรวมเป็นกระจุกแน่น ใบประดับสีม่วงแดงกลีบดอกติดกันเป็นหลอด ปลายแยกและมี1กลีบเป็นแผ่นสีขาวมีสีเหลืองตรงกลางขอบหยักเป็นคลื่น ผลกลมเนื้อแข็งสีแดง เมล็ดสีดำเป็นมัน ส่วนที่เป็นพิษคือเหง้าสด หากรับประทานเป็นจำนวนมากจะทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียนท้องร่วงอย่างรุนแรง

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


ไฮเดรนเยีย




ชื่อวิทยาศาสตร์: Hydrangea macrophylla Ser[Syn.H. hortensis Smith.]

วงศ์ : HYDRANGEACEAE


ชื่ออื่น : ดอกหกเดือน


ไม้พุ่มลำต้นและกิ่งสีน้ำตาลแดงดอกออกเป็นช่อกลุ่มสีชมพูขาว น้ำเงินเป็นไม้ประดับดอกสวยงาม แต่ทุกส่วนเป็นพิษ สารที่เป็นพิษได้แก่ cyanideมีฤทธิ์ต่อระบบหายใจและทางเดินโลหิต อาการที่เป็นพิษหากรับประทานพืชนี้สดๆจะทำให้คลื่นไส้อาเจียน หายใจขัด ชักกระตุก กล้ามเนื้อไม่มีแรง หายใจลำบาก อาจหมดสติ โคม่า ขั้นรุนแรงอาจถึงตาย

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


ปีบฝรั่ง



ชื่อวิทยาศาสตร์ : Laurentia longiflora Petrrm


วงศ์ : CAMPANULACEAE


ชื่ออื่น : แสนประสะ


ไม้ล้มลุกอายุหลายปีลำต้นตั้งตรง สูง 20-60เซนติเมตร มีน้ำยางขาว ใบเดี่ยวเรียงสลับรูปหอกแกมไข่กลับ ผิวใบมีขน ดอกออกเดี่ยวที่ซอกใบสีขาวกลิ่นหอม ผลรูประฆังแห้งแตก น้ำยางระคายเคืองปาก คอ และตาอาจทำให้ตาบอด







ขอบคุณข้อมูลจาก
//suan-theva.igetweb.com


Create Date : 04 ธันวาคม 2553
Last Update : 4 ธันวาคม 2553 8:46:41 น. 0 comments
Counter : 8815 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.