Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2554
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
ธาตุทั้ง5

Smileyธาตุทั้ง5Smiley

Photobucket

ธาตุทั้ง 5 สัมพันธ์กับสุขภาพภายใน
ธาตุทั้ง 5 ของร่างกาย คือ 'ดิน' หมายถึง กล้ามเนื้อ อวัยวะ กระดูก และเส้นเอ็น 'น้ำ' คือ เลือดและของเหลวในร่างกาย 'ลม' หมายถึง อากาศ ช่องว่างในร่างกาย และ 'ไฟ' คือ อุณหภูมิของร่างกาย รวมถึง 'ปราณ' ซึ่งหมายถึง พลังธรรมชาติ หรือคลื่นแม่เหล็ก

จาค็อบ บอกว่า การกินอาหารผิด การใช้ชีวิตผิด ทำให้ธาตุต่างๆ ในร่างกายไม่สมดุล เป็นเหตุของความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน มะเร็ง ความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ เป็นต้น
ศิลปะในการใช้ชีวิตแบบธรรมชาติบำบัด คือ การปรับสมดุลของธาตุทั้ง ๕ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ การกิน และแม้กระทั่งการหายใจ คนทั่วไปหายใจโดยใช้ปอดแค่ ๒๐% ของความสามารถทั้งหมดของปอด ดังนั้น สุขภาพของคนๆ นั้นก็ดีได้แค่ ๒๐% หากสามารถปรับการหายใจให้ได้อย่างน้อย ๗๐% ก็จะดียิ่งขึ้น กระนั้นอากาศที่หายใจเข้าไปก็มีคุณภาพแย่

"การหายใจไม่เต็มที่สามารถ สร้างความอ่อนแอให้กับอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นปอด หัวใจ ระบบการย่อยอาหาร เมื่อเส้นเลือดไม่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ทุกอย่างก็พลอยมีปัญหา เพราะเลือดนำออกซิเจนและอาหารไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย เมื่อระบบรวนก็นำมาทั้งหวัด ภูมิแพ้ หอบหืด" จาค็อบ บอกถึงวิธีเยียวยารักษาตัวเองที่เริ่มต้นได้ง่ายที่สุด คือ การหายใจให้เป็น

จา ค็อบ ชี้ว่า วิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสังคมเมืองมักถูกเร้าให้เลือกสิ่งผิดๆ จะเห็นได้จากการคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยดื่มน้ำสะอาด แต่เลือกดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม แทนการดื่มน้ำจริงๆ อาหารที่รับประทานเข้าไปก็มักเป็นอาหารเชิงลบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทอด แป้งขัดขาวในขนมอบต่างๆ และโดยเฉพาะน้ำตาลฟอกขาว ที่นอกจากจะไม่ได้ให้สารอาหารที่สำคัญกับร่างกายแล้ว ยังดูดแคลเซียม ฟอสฟอรัส และไวตามินบี ไปจากร่างกายของเราด้วย

ปัจจุบันคนคุ้นเคยกับรสของน้ำตาล หวานๆ ไม่สามารถรับรสธรรมชาติของผัก ผลไม้ ได้อย่างแท้จริง ทำให้แทนที่เมื่อทานอาหารเข้าไปแล้วร่างกายจะได้ดูดซึม เพื่อเอาไปรักษาระบบเผาผลาญอาหารให้เหมาะสม เมื่อกินอาหารไม่ดีเข้าไป ร่างกายก็ต้องสูญเสียพลังงานต่อการย่อยและกำจัดสิ่งเหล่านั้นไป

"คนส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่เพื่อ กิน เป็นงานหนักที่สุดแล้วที่พวกเขาทำ หรือไม่ก็นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ มีแต่นิ้วมือ ปาก และอวัยวะเพศเท่านั้นที่คนสมัยใหม่ใช้ แม้กระทั่งเวลาทำความสะอาดเท้าเขายังไม่ก้มตัวลงไปขัดเลย ไม่ออกกำลังกาย ไม่มีใครอยากเดิน ทุกคนพยายามจัดหาให้มีรถจากบ้านไปที่ทำงาน" จาค็อบพูดถึงวิถีชีวิตของคนสมัยใหม่ที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุล และเป็นต้นเหตุของโรคคนเมืองนานาชนิด และสิ่งที่เหมาะสมกับคนเราที่สุดต้องไม่ห่างจากความเป็นธรรมชาติ

การ ดำรงชีวิตของมนุษย์นับแต่โบราณ พวกเขามีความเกื้อกูลและใกล้ชิดอยู่กับธรรมชาติ ยามเจ็บไข้ไม่สบายหนทางในการรักษาเขาใช้วิธีแบบธรรมชาติเป็นหลักผสมผสานกับ วิทยาการการรักษาโรคแบบดั้งเดิมที่ถือเป็นศาสตร์ทรงพลังอันเร้นลับ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงนำศาสตร์การรักษาแบบนี้มาใช้ควบคู่กันอยู่กับการแพทย์ แผนโบราณ

ศาสตร์แห่งพลังในการ “แมะ”เพื่อ ตรวจโรคเป็นวิชาที่กำเนิดจากประเทศจีนมานับพันๆ ปี หมอจีนแผนโบราณที่เชี่ยวชาญการรักษาโรคจะใช้เวลาในการสัมผัสชีพจรคนไข้เพียง ไม่กี่วินาทีก็จะรู้ได้ในทันทีว่า คนไข้ผู้นั้นเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร ซึ่งเป็นการทำนายโรคได้ถูกต้องและแม่นยำ

กล่าวกันว่า “วิชาแมะ”นี้เป็นศาสตร์แห่งการใช้พลังจิตอีกแขนงหนึ่ง เพราะเหตุที่ต้องใช้ “สมาธิ”ระหว่างการสัมผัส เพราะฉะนั้น “หมอแมะ”จะ ต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงพอจึงจะเป็นคนสัมผัสไวหรือมีความรู้สึกไวต่อการ สัมผัสชีพจรคนไข้ ขณะอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่งหมอแมะจะรับรู้สภาพความเป็นไปของผู้ป่วยทาง “จิต”

ใน เมืองไทยเรามีหมอแมะพลังจิตที่รับรักษาและตรวจโรคด้วยวิธีแบบจีนผสานกับการ ใช้สมุนไพรธรรมชาติหลายคนแต่มีอยู่คนหนึ่งที่รับรักษาด้วยวิธีการนี้มากกว่า 40 ปี และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคนหลายๆ วงการ จนได้รับการขนานนามว่า “หมอเส็ง...หมอเทวดา”

“หมอเส็ง”หรือคุณฉัตร แสงสุริยะฉัตร เดิมเป็นคนแปดริ้วแต่มาเติบโตตั้งรกรากอยู่ในกรุงเทพฯ ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 8 คน “หมอเส็ง”เป็นเพียงคนเดียวที่สืบทอดศาสตร์ในการรักษาโรคโดยแพทย์แผนโบราณมาจากคุณพ่อ

“คุณ พ่อผมมาจากเมืองจีน มณฑลกวางตุ้ง ตระกูลของคุณพ่อผมเป็นตระกูลแผนโบราณสืบทอดกันมานับร้อยๆ ปีก็ว่าได้สมัยพ่อผมท่านก็เปิดร้านขายยาสมุนไพรไทยมากขึ้น ผมเองก็เรียนรู้ด้วยการคลุกคลีกับท่านมาตั้งแต่เด็ก คอยเป็นลูกมือคุณพ่อ เขาใช้ให้ทำอะไรก็ทำ จะผสมยา หั่นยา กวาดยา หรือเก็บยายังไงก็ต้องทำ แล้วยาแต่ละตัวออกฤทธิ์ยังไง รสฝาดหรือขม อันนี้ก็ต้องรู้”

“หมอเส็ง”เริ่ม ต้นการเป็นแพทย์แผนโบราณเมื่ออายุ 18 ปี กระทั่งปัจจุบันผ่านมาถึง 45 ปีแล้ว หมอเส็งได้เล่าถึงประสบการณ์ในการรักษาคนไข้ในสมัยแรกเริ่มว่า

“สมัย แรกที่เริ่มปรึกษาผมก็รักษาโรคพื้นๆ ก่อนพวกปวดหัวตัวร้อน ปวดข้อ ปวดกระดูก ใจสั่น เป็นลม คนสมัยก่อนไม่ค่อยเป็นอะไรเพราะเขากินธรรมชาติ กินยาสมุนไพร และสมัยที่ผมอายุ 20 ย้อนหลังไป 40 กว่าปี คนสมัยนั้นไม่มีนะที่จะเป็นอะไรเพราะเขากินธรรมชาติ กินยาสมุนไพร และสมัยที่ผมอายุ 20 ย้อนหลังไป 40 กว่าปี คนสมัยนั้นไม่มีนะที่จะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็งสมัยก่อนก็ไม่ค่อยเห็น ตามร้านขายยาสมุนไพรสมัยนั้นมียาอยู่กี่ตัวกันมีแค่ยาเขียว ยาหมอ ยาแก้ไข้ ยามหาจักร ยากุมารอ้วนพี มีขายยาไม่กี่สิบตัว และสมุนไพรก็ใช้ที่เก็บจากป่า เดี๋ยวนี้ป่าหมดไปเยอะทำให้สมุนไพรไทยหายไป แต่ก่อนป่ามีทั่วไปในเมืองไทย มีป่าที่ไหนมีสมุนไพรที่นั่น ตามท้องนาใกล้บ้านก็มีสมุนไพรอยู่ สมัยก่อนคนที่ขายสมุนไพร เขาจะมีเรื่อไปเก็บสมุนไพรทางภาคเหนือและภาคใต้หรือมีเรือไปรับซื้อ บางครั้งก็มีชาวบ้านเอาลงเรือ ลงรถไฟมาขายให้ก็มี และวิธีรักษาของผมในยุคนั้นก็ใช้แพทย์แผนไทยผสมจีน มีการแมะ จับชีพจร”

Photobucket

โทร 0882786388

ข้อมูลจาก//www.morseng2010.com/index.php?mo=3&art=575274



Create Date : 30 พฤษภาคม 2554
Last Update : 30 พฤษภาคม 2554 15:11:20 น. 0 comments
Counter : 1183 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

lomsak123
Location :
เพชรบูรณ์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add lomsak123's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.