ความอยากรู้อยากเห็น เพื่อบรรเทาความสงสัยของตนให้ได้นั้น
ย่อมมีอยู่สำหรับชนผู้เจริญโดยทั่วไป วิชาแต่ละศาสตร์แต่ละสาขา
ตั้งไว้เพื่อให้มนุษย์เกิดสงสัยอยากรู้ แล้วเพียรพยายามศึกษาปฏิบัติ
เพื่อรู้ถึงจุดหมายปลายทางของแต่ละศาสตร์นั้น
แต่พุทธศาสตร์ต้องศึกษาและปฏิบัติอย่างสมดุล และความเพียรขั้นอุกฤษฏ์
เพื่อเข้าถึงสิ่งสูงสุดของพุทธรวม ด้วยตนเองหมดข้อสงสัยได้เองโดยสิ้นเชิง
เปรียบเหมือนคนบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นกรุงเทพฯ
มีคนอธิบายให้ฟังว่า ที่กรุงเทพฯนั้น นอกจากมีความเจริญอย่างอื่นแล้ว
ยังมีกำแพงแก้วและภูเขาทองทั้งลูกอันมหึมาอีกด้วย เขาจึงตั้งใจไปกรุงเทพฯ ให้ได้
โดยคิดว่าจะไปเอาแก้วที่กำแพงและไปเอาทองที่ภูเขา ครั้นเพียรพยายามไปจนถึงแล้ว
ผู้รู้ก็ชี้บอกว่า นี่คือกำแพงแก้ว นี่คือภูเขาทอง
เพียงแค่นี้ความตั้งใจและความสงสัยของเขาก็สิ้นสุดลงทันที
มรรคผลนิพพานก็เช่นนั้นเหมือนกัน
จากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ บันทึกคติธรรมและธรรมเทศนา
ของพระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
รวบรวมบันทึกไว้โดย พระโพธินันทมุนี
มารับข้อคิดดีๆค่ะ