มิโอะ ทสุขุฉิ...ฉันจะเป็นเหมือนกับไม้หลักนำทางเรือให้กับเธอ
Love looks not with the eyes, but with the mind, and therefore is winged Cupid painted blind
A Midsummer Night's Dream ~William Shakespeare
ละครพีเรียด NHK เรื่อง คลื่นรักคลื่นชีวิต
คืนวันที่ 20 กรกฎาคม ปีโชวะที่ 20
...เครื่องบินB-29 ที่โจมตีโจชิมีมากกว่า 90 เครื่อง เริ่มจากการทิ้งระเบิดแสงเพื่อให้เมืองสว่างขึ้นแล้วตามด้วยระเบิดทำลายล้าง ผู้คนที่หนีตายจากเมืองที่กลายเป็นทะเลเพลิงต่างได้รับบาดเจ็บจากการระดมยิงอย่างไม่ปราณี
คาโอรุนำพ่อและแม่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโดนสะเก็ดระเบิดขึ้นรถเข็นไปยังโรงพยาบาล ผู้ได้รับบาดเจ็บแน่นขนัดจนหมอและพยาบาลไม่สามารถดูแลรักษาได้ทั่วถึง
บันโดผู้เป็นพ่อเพ้อถึงเรื่องการจัดงานครบรอบสามร้อยปีของอิริโจ ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ โชยุเป็นเหมือนชีวิตของชาวญี่ปุ่น ตราบใดที่จักรวรรดิญี่ปุ่นไม่ล่มสลาย โชยุก็จะไม่หายไป วันนี้อิริโจครบสามร้อยปี..... อาการของบันโดทรุดหนักลง เขาเพ้อเรียกหาริซึโกะลูกสาวสุดที่รักไม่ขาดปาก มือยกไขว่คว้าหาลูกสาวที่จากไปไกลสุดเอื้อมมือ คาโอรุตัดสินใจคว้ามือพ่อมากุมไว้ ร้องบอกแทนไปว่า คุณพ่อคะ หนูอยู่นี่ ริซึโกะลูกกลับมาแล้ว จิตใจของผู้เป็นพ่อสงบลง กลับมาแล้วหรือลูก...ตอนนี้พ่ออยากสูบบุหรี่สักหน่อย ซื้อบุหรี่ให้หน่อยได้ไหม รอแป็บนึงนะคะ
คาโอรุวิ่งออกจากห้องไปขอบุหรี่จากทหาร เมื่อกลับมา...
คุณพ่อคะ บุหรี่ได้แล้วล่ะค่ะ บุหรี่ที่คาโอรุค่อยๆวางไว้จดริมฝีปากผู้เป็นพ่อกลับร่วงหล่น ...บันโด คิวเบ จากไปแล้ว~
คาโอรุรับศพของพ่อและแม่ มาเผาที่ซากของร้านอิริโจ
เช้าวันต่อมา... โยชิทาเกะ โทเนะ เดินทางมาเคารพศพพร้อมเอาข้าวที่หุงเสร็จแล้วมาเยี่ยม เมื่อเห็นบ้านเรือนที่ถูกไฟไหม้ เซนคิจิจึงชักชวนให้คาโอรุและครอบครัวไปอยู่ที่โทงาวะ แต่คาโอรุกลับปฏิเศษความหวังดีด้วยความเกรงใจเพราะอยากสานต่อความตั้งใจของคุณพ่อที่สั่งเสียไว้ ให้สร้างอิริโจขึ้นมาใหม่ และว่าตราบใดที่ยังมีคนญี่ปุ่นอยู่ โชยุไม่มีทางหายไป คาโอรุกล่าวอย่างมุ่งมั่นว่า ฉันจะอยู่ทำโชยุที่นี่ต่อค่ะ
โทเนะชมเชยความมุ่งมั่นของคาโอรุเป็นอย่างมาก แต่ขอเอาลูกชายฝาแฝดของคาโอรุไปดูแลจนกว่าบ้านจะซ่อมแซมเสร็จ
พอตึกดึกคาโอรุเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเสียพ่อและแม่ไปแล้วจริงๆ พ่อที่ตัวเองรักตอนนี้ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ส่วนแม่ที่แสนใจดีและร่าเริงก็กลายเป็นเถ้ากระดูกแค่กองเดียว แล้วสามีที่เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวก็ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า คาโอรุต้องเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลแห่งความเศร้าโศกเหมือนกับเรือที่ขาดหางเสือ
ปีโชวะที่ 20 วันที่ 25 สิงหาคม
ญี่ปุ่นแพ้แล้ว พระจักรพรรดิประกาศยอมแพ้แล้ว ...ญี่ปุ่นยอมรับข้อเสนอและยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงยุติลง
คาโอรุเดินทางไปยังโทงาวะ โทเนะกล่าวชมเชยลูกทั้งสองของคาโอรุว่าเป็นเด็กดีมากและทำเซนคิจิปวดหัวแทบทุกวันเพราะ... จะขอขึ้นเรือให้ได้เลยน่ะสิ เกนซังหัวหน้าคนงานชาวประมงเสริมว่า เพราะเราหันมาใช้เรือแจว...มันจึงอันตรายสำหรับเด็ก
....อิ อิ อิ ลูกน่ารัก
คาโอรุเล่าให้ฟังว่าการซ่อมแซมโรงงานโชยุนั้นทำหลังคาโรงหมักเรียบร้อยแล้ว และว่าในเมืองกำลังเดือดร้อมมากเพราะขาดแคลนโชยุ โทเนะจึงบอกให้เกนซังนำไม้เก่าที่รื้อจากซากเรือเก่าขนไปให้ร้านอิริโจไว้ใช้
เมื่อมีการถามไถ่ถึงข่าวคราวของอุเมกิ คาโอรุกลับตอบมาว่า ฉันทำใจได้แล้วค่ะ เพราะฟิลิปปินส์มีการรบกันหนักมาก โทเนะดุกลับมาว่า โอกินาว่าเองก็รบกันหนัก แต่ฉันเองก็ยังไม่ถอดใจ โทเนะกล่าวอย่างเชื่อมั่น ฉันเชื่อว่าโซคิจิต้องกลับมาแน่ ในฐานะแม่คนหนึ่งและชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง โทเนะเอ่ยอย่างคลั่งแค้นใจมาว่า หรือว่าไม่จริง ถ้ารู้ว่าจะแพ้ก็คงไม่มีใครไปหรอก ยอมแพ้! ยอมแพ้แบบนี้! ไม่มีเงื่อนไขได้ไง! แล้วคนที่ตายไปจะทำยังไง พวกเขายอมพลีชีพไปเพื่ออะไร ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!!! ไม่ตลกเลย!
คาโอรุเองก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน เพราะถ้าสงครามยุติเร็วกว่านี้หน่อย ทั้งพ่อและแม่ก็คงไม่ต้องมาจบชีวิตลง
ชาวประมงที่โทงาวะนอกจากนำไม้เก่ามาให้แล้ว ยังมาช่วยสร้างโรงงานให้อีกด้วย ฟุนามูระหัวหน้าคนงานโชยุกล่าวขอบใจ คนงานชาวประมงก็เลยเอ่ยขึ้นอย่างติดตลกว่าไม่นึกเลยว่าชาวเลจะได้ขึ้นมาสร้างโรงงานบนบก เกนซังหัวหน้าคนงานชาวประมงจึงติงว่า อย่าพูดอย่างนี้สิ เพราะกองทัพบกกับทัพเรือเอาแต่ทะเลาะกัน เราถึงได้แพ้สงคราม
เฮ้ออออ แค่ประโยคเดียวอธิบายกินความเป็นมาของกองทัพสมัยนั้นจนเกลี้ยง
ภาวะผู้แพ้สงครามเริ่มต้น ผู้หญิงญี่ปุ่นต้องออกไปทำงาน(บางอย่าง)กับทหารอเมริกันสร้างความคับแค้นใจให้กับชาวญี่ปุ่นหัวเก่าบางคนเป็นอย่างมาก เด็กๆชาวญี่ปุ่นต่างตื่นเต้นดีใจกับช็อคโกแลตและหมากฝรั่งที่ได้รับแจกจ่ายมา
...คงจำฉากแบบนี้กันได้ แม้ในประเทศไทยเองช่วงนั้น ภาพทหารจีไอนั่งรถจี๊ปโยนช็อคโกแล็ตและหมากฝรั่งจากรถให้เด็กๆวิ่งตามเก็บ
อาคิฮิโกะและคาซึฮิโกะก็ไปรับช็อคโกแลตและหมากฝรั่งนั้นเหมือนกัน คาโอรุจึงว่ากล่าวไม่ให้รับเพราะพวกเขาไม่ใช่เด็กกำพร้าและต้องมีศักดิ์ศรีของชาวญี่ปุ่น
พอเข้าสู่ปีโชวะที่ 21 ก็มีทหารและประชานที่ไปร่วมรบจากที่ต่างๆเริ่มทยอยกลับมามากขึ้น คาโอรุไปรอที่สถานีรถไฟโจชิแทบทุกวัน ด้วยความหวังที่มีเหลืออยู่น้อยนิด
วันหนึ่ง.... ริซึโกะโซซัดโซเซลงมาจากรถไฟ เธอเจ็บป่วยเนื่องด้วยอยู่ในค่ายกักกันในเฮอปิน
เดือนกุมภาพันธ์ ปีโชวะที่ 21 ริซึโกะที่กลับมาจากแมนจูก็ป่วยหนักด้วยวัณโรคปอด ถึงแม้อยากจะเข้าโรงพยาบาลแต่ก็ถูกไฟไหม้จนเกือบหมด ส่วนที่เหลืออยู่ก็มีคนเต็มหมดแล้ว เธอรู้ตัวดีว่าอาการหนักจนอยู่ได้อีกไม่นาน
สองพี่น้องที่นิสัยใจคอต่างกันสุดขั้ว ริซึโกะสาวหัวยุคก้าวหน้าที่ใฝ่ในอยากเปลี่ยนแปลงสังคมแต่กลับถูกยุคสมัยทำร้ายเอา ได้แต่ไหลไปตามกระแสสังคมที่ตนเองต่อต้านมาตลอดโดยเฉพาะเรื่องการต่อต้านสงคราม แต่ตนเองกลับต้องแต่งงานกับทหาร มีส่วนร่วมในการก่อการนั่นเอง ส่วนคาโอรุ สาวน้อยในขนบธรรมเนียมยุคเก่า แต่กล้าแหกยุคสมัยทำตามหัวใจตนเองด้วยการแต่งงานกับชายที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย แล้วจากนั้นก็ได้กลายมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของร้านอิริโจในที่สุด
ริซึโกะกล่าวอย่างเสียใจที่ไม่ได้กลับมาดูใจพ่อ และกล่าวอย่างโทษตัวเองว่าผู้เป็นพ่อคงโกรธแค้นตนเองเป็นแน่ คาโอรุจึงกล่าวลลอบใจให้รับรู้ว่า คุณพ่อก็ยังเป็นห่วงริซึโกะแม้วาระสุดท้ายของชีวิต จนก่อนที่จะสิ้นลมคุณพ่อจับมือเอาไว้แล้วบอกว่า ริซึโกะ...ลูกกลับมาแล้วหรือ ลูกสาวที่ขัดแย้งกับผู้เป็นพ่อเสมอมาได้แต่สำนึกผิด
ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน เอย์อิจิโร่ก็กลับมา เขาขาพิการเนื่องจากโดนกระสุนยิงทะลุขา
ผ่านไปไม่นาน ริซึโกะอาการทรุดหนัก ไอออกมาเป็นเลือด ริซึ่โกะใช้กำลังใจสุดท้ายร้องบอกคาโอรุว่า
เรียกฉันว่า พี่ สิ...เธอไม่เคยเรียกฉันว่าพี่เลยสักครั้ง พี่คะ...พี่คะ
คาโอรุแม้จะเป็นน้องสาวแต่เนื่องจากเป็นลูกเมียน้อยจึงถูกสั่งสอนปนห้ามเรียกริซึโกะว่า พี่สาว มาโดยตลอด
คำสั่งเสียสุดท้ายของริซึโกะนั้นค้างคาไว้ด้วย.... ถ้าหาก โคฮามะกลับมาเมื่อไร.... ลมหายใจเฮือกสุดท้ายผ่านจากไปแล้ว
ค่ำคืนหนึ่ง คาโอรุเดินตัดผ่านกอหญ้าที่สูงจนท่วมศีรษะ เธอเดินตามเสียงกลองที่ดังแว่วมาไม่ไกล ภาพที่เห็นตรงหน้า
พ่ออันเป็นที่รักกำลังร่ายรำอย่างเป็นท่ามกลางคุณนายใหญ่ แม่ และพี่สาวริซึโกะ ส่วนด้านข้างนั้นอุเมกิเป็นคนตีกลองให้จังหวะอยู่
คาโอรุร้องเรียกอย่างดีใจ เธอร่ำร้องอยากเข้าไปหา แต่ทุกคนร้องห้ามไม่ให้เธอกลับไปเพราะว่ายังไม่ถึงเวลา เสียงระเบิดดังกึกก้อง คาโอรุทรุดตัวก้มหลบลง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนที่เธอรักก็จากหายไป
คาโอรุตื่นมาอย่างตระหนกพร้อมเสียงตบประตูดังลั่น ทุกคนคาดหวังว่าอาจเป็นอุเมกิ แต่คนที่กลับมากลับเป็นเอย์จิ ลูกน้องที่เดินทางไปทำโรงงานโชยุที่ฟิลิปปินส์ด้วยกันกับอุเมกิ เมื่อคาโอรุถามถึงสามี คำตอบที่ได้รับคือ นี่...ไม่ได้รับโทรเลขหรือครับ
เอย์จินำกระดูกอุเมกิกลับมา เขานำคำสั่งเสียของอุเมกิต่อลูกชายทั้งสองมาบอก โรงงานที่เกาะเซบูปิดตัวลงเนื่องจากโดนทิ้งระเบิดและถูกระดมยิง พออเมริกายกพลขึ้นฝั่งเดือนเมษายน ปีโชวะที่ 20 ก็ต้องหนีขึ้นเขาไป อุเมกิได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถหนีต่อไปได้อีก เขาฝากฝังเอย์จิมาว่า ชื่ออาคิฮิโกะกับคาซึฮิโกะเป็นชื่อที่เอาคำว่า โชวะ มาแยกออกเป็นสองคำ ฉันอยากให้เขาเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อสมัยโชวะ
และในมือของอุเมกินั้นมีจดหมายกำไว้จนแน่น ข้อความในนั้นมีเพียง
คาโอรุ...ฉัน
ความเศร้าโศกและเจ็บช้ำจากการสูญเสียผ่านสงครามครั้งนี้ คาโอรุย้ำเตือนลูกชายทั้งสองต่อหน้าป้ายวิญญาณ โรงงานถูกเผา บ้านถูกไฟไหม้ ทั้งคุณตาคุณยาย คุณพ่อและคุณป้าริซึโกะต้องมาตายไป ตอนนี้ทุกคนต่างก็ลำบากกันทั้งนั้น ไม่อยากให้มีสงครามอีกแล้ว ถ้าหากว่า...ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก คนญี่ปุ่นก็คงบ้าไปแล้ว คาโอรุหันไปสั่งลูกชายอย่างจริงจังผ่านคราบน้ำตาว่า เมื่อถึงตอนนั้น พวกลูกๆต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อหยุดสงครามให้ได้ นั่นล่ะคือการเซ่นไหว้คุณพ่อของลูกที่ดีที่สุดแล้ว
...ไม่ใช่แค่คนญี่ปุ่นคิดหรอก คนทั้งโลกก็กลัวความบ้าคลั่งเรื่องนี้ของคนญี่ปุ่นไม่ต่างกันหรอก
เดือนมิถุนายน ปีโชวะที่ 21 คาโอรุก็เอากระดูกของอุเมกิไปฝัง
ในขณะเดียวกัน ที่โทงาวะก็แตกตื่นด้วยความดีใจ
...โซคิจิรอดกลับมาอย่างปลอดภัย
...พ่อแมวเก้าชีวิต~!!
การกลับมาของโซคิจิทำให้คาโอรุรู้สึกสับสนไปหมด ถึงแม้จะดีใจที่อดีตสามีรอดตายกลับมาแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้เขามาสางสารเรื่องอุเมกิตายจากไป คาโอรุคิดว่า...บางทีอาจเป็นเพราะดวงจิตของอุเมกิเข้ามาสิงอยู่กับตัวเธอเองก็ได้
...จ้าแม่นางเอก ขอประชดสักทีเฮ๊อะ~!!!
เมื่อถึงเดือนกรกฎาคมก็มีการจัดงานฉลองครบรอบสามร้อยปีของอิริโจอย่างที่คิวเบเคยฝันไว้
พิธีการนั้นเริ่มจากการไว้อาลัยให้กับผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม
เอย์อิจิโร่ก้าวขึ้นมารับช่วงเป็นผู้นำร้านอิริโจรุ่นที่ 12 เขากล่าวว่าจะทำโชยุให้เป็นที่รู้จักของชาวโลกให้ได้
ขณะที่ทุกคนต่างเฉลิมฉลองกันนั้น โทเนะ เซนคิจิและชาวประมงนำสาเกและปลามาร่วมแสดงความยินดีด้วยอย่างกันเอง
โทเนะกล่าวออกตัวขอโทษที่จู่ๆก็มาร่วมงานกับคาโอรุ แต่ก็กระซิบบอกอย่างขบขันตามมาว่า นี่เป็นเรื่องที่เอย์อิจิโร่ซังและเซนคิจิเตี๊ยมกันมาก่อนล่วงหน้าแล้ว อดีตแม่สามีแอบแย็บชงบางอย่างให้ลูกชายคนโตว่า จริงๆแล้ว ฉันก็ชวนโซคิจิมาด้วย แต่...เขาปฏิเศษ คาโอรุทำตัวไม่ถูกได้แต่เลี่ยงไปแสดงความยินดีที่โซคิจิกลับมาอย่างปลอดภัย
อดีตแม่สามีเหลือบมองอดีตลูกสะใภ้อย่างชั่งใจปนมีความนัย คาโอรุไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้ เธอไม่กล้าที่จะสบตาด้วยซ้ำไป ความรู้สึกสับสนบางอย่างวิ่งวนในใจเธอจนยุ่งเหยิงไปหมด
ในเวลาเดียวกัน
โซคิจิพ่อหนุ่มปากแข็งได้แต่หมกตัวอยู่กับภาพวาดสีน้ำมันภายในห้องนอน เขาจับจ้องสาวน้อยในภาพไม่วางตา มือแข็งแกร่งคล้ำรอยแดดเอื้อมไปลูบไล้แก้มนวลของสายน้อยอย่างอ่อนโยน ด้วยความโหยหาของความรู้สึกที่ฝังลึกในหัวใจมาเนิ่นนาน ...โซคิจิตัดสินใจบางอย่าง
ขณะที่การเฉลิมฉลองงานครบรอบร้านอิริโจกำลังดำเนินอย่างสนุกสนานอยู่นั้น โคฮามะ สามีของริซึโกะก็กลับมา... ความเศร้าเสียใจเมื่อได้รับข่าวการเสียชีวิตของริซึโกะนั้นได้รับการปลอบโยนจากทุกคน ไม่ว่าใคร...ไม่มีใครไม่สูญเสียอันเนื่องมากจากการก่อสงครามครั้งนี้
คาโอรุนำลูกชายมาเยี่ยมหลุมฝังศพ ขณะที่คาโอรุกล่าวเล่าความคืบหน้าของร้านอิริโจให้อุเมกิอยู่นั้น....
โซคิจิเดินมาอย่างเงียบๆและหยุด...รอ ชายหนุ่มยืนจังก้า สีหน้าตั้งมั่นจริงจังบ่งบอกว่าจะไม่ถอยแม้สักก้าว เมื่อคาโอรุลุกขึ้นยืนและหันกลับมา...หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ แม้เธออาจเคยนึกไว้ว่า...สักวัน วันเช่นนี้จะต้องมาถึง แต่เมื่อมาถึงจริงๆเช่นนี้ เธอกลับทำอะไรไม่ถูก ราวเวลาย้อนกลับคืนไปยังเมื่อแรกเจอชายหนุ่มซึ่งเธอตกหลุมรักตั้งแต่แว้บแรกที่ได้สบตากัน
สวัสดี เสียงโซคิจิทักทายอย่างสุภาพทำให้คาโอรุรู้สึกตัว เธอก้มตัวโค้งรับ พร้อมๆกับที่ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาหาอย่างไม่รอช้าพร้อมพูดว่า ฉันถามเอย์อิจิโร่คุงถึงได้รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ...พ่อสื่อคนเดิม
ดีใจด้วยนะคะที่ได้กลับมา อย่างปลอดภัยน่ะค่ะ โซคิจิแสดงความเสียใจการสูญเสียคนในครอบครัวรวมทั้งอุเมกิต่อคาโอรุ ฉันต้องเสียใจด้วยนะ คาโอรุแทบจะทำตัวไม่ถูก เธอไม่กล้าแม้จะสบตาเขาด้วยซ้ำ เมื่อนึกอะไรได้ เธอหันไปบอกลูกชายทั้งสองให้ทักทายแขก
เด็กทั้งสองกล่าวสวัสดีอย่างเด็กที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี โซคิจิตอบกลับมาเต็มยศว่า สวัสดี ฉันชื่อโยชิทาเกะ โซคิจิจากโทงาวะ...รู้จักหรือเปล่า ครับ ขอเอาดอกไม้ไปไหว้สุสานหน่อยจะได้ไหม เชิญครับ
โซคิจิก้าวเดินมาเคารพสุสาน เขานั่งเคารพสุสานอยู่นาน คาโอรุกับโซคิจิรู้จักกันมานานถึง 21 ปีแล้ว ถึงจะเป็นเพราะโชคชะตาเล่นตลกแต่เขาก็เป็นรักแรกและครั้งหนึ่งและทั้งคู่ก็เคยเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาก แต่ว่า...หลังจากที่อุเมกิตายไป คาโอรุก็พยายามที่ไม่คิดถึงโซคิจิ เฝ้าบอกกับตัวเองว่า จะต้องไม่คิดถึงเขา ...ห้ามอะไรก็ห้ามได้ แต่ห้ามใจเรานั้นมันช่างยากช่างเย็น...จ้า~
โซคิจิเหยียดกายลุกขึ้นยืน สีหน้ามุ่งมั่น เขาสบตาคาโอรุ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอต่อหน้าคุณอุเมกิ
....อิฉันกรี๊ดขึ้นมาจนสุดเสียง
คาโอรุขาสั่น เธอรู้สึกราวกับกำลังถูกต้อนจนจนมุมจากถ้อยคำและความแรงกล้าของแววตาคมกริบคู่นั้น คนรับใช้จึงขอตัวกลับพร้อมกับลูกชายทั้งสอง คาโอรุรีบร้องยื้อให้อยู่ด้วยกัน แต่โซคิจิกลับสวนอย่างเด็ดขาดเช่นเคยว่า
ไม่ต้อง! ขอให้ เรา อยู่กันสองต่อสองเถอะ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
...กรี๊ดดดดดอีกรอบ นายน้อยเอาคำว่า เรา มาใช้อ่ะ อุ อุ อุ
พระอาทิตย์ไล่ลงลับขอบฟ้า สองหนุ่มสาวต่างเผชิญหน้ากันอีกครั้งตามลำพัง
จริงๆแล้วฉันควรจะตาย แล้วให้คุณอุเมกิกลับมามากกว่า พ่อพระเอกยังคงคอนเซ็บจนถึงที่สุด ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงไม่เป็นปัญหาแล้ว คาโอรุได้แต่ก้มหน้ารับฟัง ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดใด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร มันถึงได้กลับกันแบบนี้ โซคิจิกล่าวปนฉุนเฉียว คาโอรุพยายามตั้งป้อมปราการป้องกันหัวใจตัวเองไว้จากโจรจอมขโมยหัวใจตรงหน้า อุเมกิยังอยู่ในใจฉันเสมอ
....โห แม่นางเอกผู้แสนดี ขอประชดรอบสอง
ถ้อยคำนี้บาดลงหัวใจนายน้อย เขานิ่งขึงไปก่อนหันขวับจ้องมองมายังหญิงสาวเจ้าของหัวใจ เขารู้จักคาโอรุดีเกินกว่าจะยอมแพ้ ส่งเสียงดุกลับมา คำพูดแบบนี้ช่วยอะไรไม่ได้หรอก! ชายหนุ่มหยุด...ทิ้งเวลาไว้ชั่วครู่ เสียงอ่อนลงประกาศอย่างอหังการ์ เมื่อกี้ฉันบอกต่อหน้าหลุมศพเขาไปแล้วว่า ฉันจะทำให้คาโอรุมีความสุขแทนอุเมกิเอง
...ฮ่า ฮ่า ฮ่า กลับมาแล้วครับผม นายน้อยผู้ดื้อดึงหยิ่งผยองไม่ยอมแพ้ใคร
คาโอรุที่ตลอดเวลาไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นมาถึงกับสะดุ้งผวาขึ้นมาสบตาหนุ่มตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระทึกจากความรุนแรงของความรู้สึกผ่านวาจานั้น อะ...อะไรกัน โซคิจิเดินเข้ามาหาจนใกล้แค่เอื้อม นายน้อยไม่ยอมเก็บงำความรู้สึกในใจอีกต่อไปแล้ว ฉันรอมานาน ตั้งแต่ประสพภัยที่คาโงชิมะ ก็รอมาถึง 15 ปี อย่าพูดอย่างงั้นเลย คาโอรุพยายามห้ามปรามทั้งเขาและหัวใจเธอเช่นกัน และเธอก็พยายามหลีกหนีให้พ้นด้วย... คิดถึงหัวอกของฉันบ้างสิ ฉันแต่งงานกับคุณแล้วแยกจากกันแบบนั้น แต่พออุเมกิตายก็จะให้กลับไปหาคุณอีกอย่างงั้นเหรอ
...โอ๊ย! ขัดใจ ถ้านายน้อยไม่คิดถึงหักอกหร่อน เขาฉุดหนีไปอยู่ด้วยกันตั้งแต่หายความจำเสื่อมแล้วย่ะอีหนู นี่นายน้อยอุตส่าห์อดกลั้นความต้องการของตัวเองเพื่อเธอมาตั้งนานนะยะ ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้สาวคนรักไปอยู่ในอ้อมกอดชายอื่นอยู่ตั้งนานสองนานหรอกย่ะ ...อิฉันอินจัด แปลงร่างเป็นนางมารพราด้าในบัดดล
มาฟังกันต่อว่าลูกผู้ชายซึ่งไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆจะจัดการกับสาวหัวดื้อคนนี้ให้กลับคืนมาสู่อ้อมกอดอย่างไรดีกว่า
คุณอุเมกิต้องเข้าใจความรู้สึกของฉันแน่ คุณโซคิจิ! ชายหนุ่มผู้แสนสง่าผ่าเผยและมีหัวใจเดียวตลอดมายืนยันหนักแน่น ฉันมีเมียแค่คนเดียวคือเธอ หัวใจของคาโอรุสั่นไหวจากความจริงใจนี้ เธอรู้สึกราวกับกำลังจะยอมแพ้ อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ คาโอรุฮึดกลับขึ้นมาอีกครั้ง ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้กับการ ทำโชยุ
โซคิจิเหมือนถูกน็อคเข้าปลายคางกับถ้อยคำนี้ เขาเคยถอยเพื่อคืนความสุขให้กับครอบครัวสาวอันเป็นที่รัก แล้วครั้งนี้...จะให้เขายอมถอยเพื่อ โชยุ ...อย่างนั้นหรือ!??
คาโอรุพยายามอธิบายให้ชัดเจน ฉันทิ้งอิริโจที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมาใหม่ไปไม่ได้ ก็...มีเอย์อิจิโรคุงอยู่แล้วทั้งคน นายน้อยพยายามสู้ต่อทั้งๆที่กำลังเมาหมัด น้องชายฉันขาพิการนะ ฉันต้องอยู่ข้างๆคอยช่วยเหลือเขาต่อไป น้องชายฉันมีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะส่งโชยุไปขายต่างประเทศ ฉันอยากช่วยทำให้ความใฝ่ฝันของเขาเป็นจริง นายน้อยชักได้กลิ่นของความพ่ายแพ้โชยมา
ถ้าอย่างงั้น...จะให้ฉันรอถึงเมื่อไร เสียงตัดพ้อของนายน้อยนั้นแสนรวดร้าวปนกล่าวหา ใจของคาโอรุแทบขาดรอน เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมา ตะกุกตะกักออกมาว่า อะ...ขอ...ขอร้องล่ะค่ะ สาวน้อยตัดใจร้องขอ ได้โปรดลืมฉันเสียเถอะ
...จะใจร้ายไปถึงไหนวะเนี่ย~!!
โซคิจิจับจ้องหญิงสาวที่ไม่กล้าสบตาเขาถ้วยซ้ำเมื่อหลุดคำพูดที่บาดลึกลงจิตใจออกมา ทำไมเขาจะไม่เข้าใจเธอ ลูกผุ้ชายที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเสมอมาไม่เคยแปรเปลี่ยน ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีกแล้ว เขาและเธอต่างรู้จักหัวใจของกันและกันดี
คาโอรุ...รู้จักไม้หลักนำทางใช่ไหม สายตาของนายน้อยยังแน่วแน่มั่นคง คาโอรุเหลือบขึ้นมาอย่างแปลกใจในคำพูดนี้ คำพูดซึ่งริซึโกะเคยอวยพรให้เธอเมื่อครั้งที่เธอตัดสินใจตกลงแต่งงานกับอุเมกิ ฉันจะเป็นเหมือนกับไม้หลักนำทางเรือที่คอยดูแลคาโอรุและพวกเด็กๆตลอดไป ดวงตาดำคมกริบนั้นราวกับดึงให้หญิงสาวน้อยตรงหน้าด่ำดิ่งลึกสู่ก้นมหาสมุทร จะดูแลพวกเธอด้วยชีวิต...นั่นเป็นความต้องการของฉัน
ถ้อยคำนี้สั่นสะเทือนหัวใจของคาโอรุไม่น้อย น้ำตาหยดน้อยไหลรินด้วยความรู้สึกไม่ขาดสาย เพียงแต่ว่า... ความดื้อรั้นครั้งนี้ของโซคิจิยังต้องพ่ายแพ้หัวใจอันมุ่งมั่นของคาโอรุ เธอว่า... อย่าโกรธกันเลยนะคะ ฉันได้ยินคำภาวนาของบรรพบุรุษ คุณพ่อและอุเมกิซัง ชีวิตของโชยุมันสิงอยู่ในตัวฉันแล้ว
โซคิจิจนถ้อยคำจะต่อกร เขารับรู้ถึงภาระความรับผิดชอบที่คาโอรุต้องแบกรับไว้ เขาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว และยิ่งกับคาโอรุ... ชายหนุ่มที่แสนมุ่งมั่นดึงดัน ไม่เคยยอมแพ้ผู้ใดมาตลอดทั้งชีวิต แต่เขากลับต้องยอมจำนนหัวใจต่อหญิงสาวตัวเล็กบอบบางผู้นี้ทุกครั้งไป
เส้นทางความรักของหนุ่มสาวที่โชคชะตาเล่นตลกกับคนทั้งคู่มาโดยตลอดนั้นต้องแยกห่างออกจากกันอีกครั้งอย่างงั้นหรือ~
โซคิจิยอมถอยหนึ่งก้าว อย่างงั้นหรือ เขารำพึงออกมาด้วยความเจ็บช้ำ เข้าใจแล้วล่ะ
นายน้อยยืนยันต่อหน้าสาวน้อย ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว การยอมแพ้ง่ายดายครั้งนี้ตามความต้องการของคาโอรุแต่กลับ...ทำให้หัวใจเธอปวดร้าวยิ่งกว่า คุณโซคิจิ ไปนะ เสียงอ่อนโยนกล่าวลาโดยไม่หลงเหลือคำกล่าวหาในนั้นแม้สักนิด
อีกครั้งที่คาโอรุได้แต่มองตามหลังโซคิจิไปอย่างเงียบงัน และเป็นอีกครั้งที่เธอทำร้ายจิตใจของเขา เมื่อเธอเลือกครอบครัวแทนหัวใจตนเอง
ณ ตระกูลโยชิทาเกะ เกนซังยืนฟังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง โทเนะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขันเมื่อรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากโซคิจิ นายน้อยทำได้แต่เพียงยกชาขึ้นมาดื่มระงับความขัดเขิน
ถูกเขาปฏิเศษมา...น่าขายหน้าจริงๆ โทเนะเยาะลูกชายตัวเอง อย่าไปบอกใครเชียวล่ะ ถูกบอกมาว่า หลงรักโชยุ มากกว่าโซคิจิซังแบบนี้ ไม่รู้จะเอาหน้าไปตั้งไว้ที่ไหน เกนซังพูดด้วยอารมณ์ปลงปนกลุ้มใจแทน พี่คงหว่านล้อมไม่ดีพอล่ะมั๊ง เซนจังเสนอตัวขึ้นมา เอางี้...พรุ่งนี้ผมจะไปเกลี้ยกล่อมให้เอง พี่ชายอย่างโซคิจิรีบร้องห้ามขึ้นมา อย่าทำแบบนั้นเชียวนะ!
โทเนะจึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย โซคิจิ...อย่าบอกนะว่าลูกตัดใจจากเขาได้แล้วน่ะ พูดเป็นเล่นไปได้ ลูกชายโพล่งสวนความในใจออกมา ใครจะยอมตัดใจให้โง่
....กรี๊ดดดดดด ฮ่า ฮ่า ฮ่า...นี่ล่ะนายน้อยที่อิฉันรู้จัก สุภาพบุรุษอะไรนั้น ยัดเก็บลงกะเป๋าไปซะ~
เซนจังยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจในพี่ชาย โทเนะร้องออกมาอย่างถูกใจเต็มที่ ก็นั่นน่ะสิ...มันต้องอย่างนั้นสิ นายหญิงแห่งโทงาวะกำหมัดอย่างภูมิใจในลูกชาย จะได้ไม่เสียชื่อชาวประมง รอยยิ้มในแววตานายน้อยส่งออกมาบ่งชัดว่าเขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ เกนซังรีบเสนอวางแผนการบุกชิงหัวใจสาวออกมา ถ้าอย่างงั้นเอาอย่างงี้...หาจังหวะดีๆอีกครั้งแล้วค่อยไปใหม่ละกัน พูดได้น่าฟังดีนี่ โทเนะตบบ่าเกนซังอย่างชอบอกชอบใจในความคิดนี้
ความมั่นคงของโซคิจินั้นไม่มีทางทลายโดยง่ายเพียงแค่คำปฏิเศษของคาโอรุครั้งนี้ เขาคงยืนหยัดมั่นคงไม่ต่างจากวันวารที่สามารถชิงเจ้าหญิงของวงการโชยุมาสู่อ้อมกอดหนุ่มชาวเลเป็นผลสำเร็จ นายน้อยไม่มีวันยอมแพ้และยิ่งไม่มีวันถอดใจ
ในขณะเดียวกันที่ร้านอิริโจ เอย์อิจิโร่พ่อสื่อตัวดีนั้นกล่าวอย่างขัดใจในการกระทำของพี่สาว พี่นี่โง่จังเลย ไม่เข้าใจหรือไงว่าคุณโซคิจิมาขอแต่งงานด้วยความรู้สึกอย่างไร พี่น่ะจะมีชีวิตอยู่เพื่อโชยุ ขอให้พี่ได้ทำงานอย่างสงบเถอะนะ ไม่เอาด้วยหรอก น้องชายเข้าสวมบทบาทของคุณพ่อทันที ในฐานะที่ผมเป็นทายาทรุ่นที่ 12 ขอสั่งให้พี่ออกจากงานและก็ออกไปจากอิริโจด้วย คาโอรุหลุดรอยยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ เธอทำคนเดียวไม่ได้หรอก คิดว่าผมไร้ความสามารถหรือยังไง น้องชายชักจะน้อยใจ ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก พี่สาวต้องรีบปลอบใจ จนกว่าเธอจะแต่งงานแล้วมีทายาท แล้วการผลิตโชยุเข้ารูปเข้ารอยจนมีคำสั่งซื้อมาจากต่างประเทศแล้ว...พี่ก็จะขออยู่ที่นี่ เอย์อิจิโร่คุงจึงเย้าขึ้นมาว่า ขืนรอนานขนาดนั้น พี่ต้องแก่ก่อนแน่ เพราะฉะนั้น เธอก็ต้องพยายามนะ คาโอรุผลักดันน้องชาย เอย์อิจิโรซาบซึ้งใยความใจดีของพี่สาว เขาเปรยขึ้นมา แล้วถ้าหากคุณโซคิจิไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วจะทำยังไง
คำพูดนี้ทำให้หัวใจของคาโอรุหวั่นไหวไม่น้อย เพียงแค่นึกว่ามันอาจเป็นไปในรูปแบบนั้น หัวใจเธอก็แทบขาดรอน
ถ้าเป็นอย่างนั้น...มันก็ช่วยไม่ได้ คาโอรุพยายามหลอกใจตัวเอง แต่...รอยยิ้มที่พยายามฝืนไว้นั้นเหี่ยวแห้งลงราวกับดอกไม้ที่โดนแดดแผดเผา
เอยจังผู้เป็นพยานในความรักของพี่สาวคนนี้มาตั้งแต่ต้นเข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างนี้ สวนกลับมาว่า พูดอย่างงี้แสดงว่ายังรักเขาอยู่นี่นา
ราวกับว่าหัวใจตนเองถูกกระชากออกมาตีแผ่ให้เห็นตรงหน้ากับคำพูดตรงไปตรงมาของเอย์อิจิโร่ ความพยายามหลอกตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จแม้คนอื่นรอบข้างยังมองออก
คาโอรุเดินขึ้นไปยังเขาอิตาโกะ ท้องทะเลสีครามตัดกับเส้นขอบฟ้าส่องแสงประกายระยิบระยับ
คาโอรุฝันว่าสักวันหนึ่งทั่วโลกจะได้รู้จักกับรสชาติและกลิ่นหอมของโชยุ และรับรู้ถึงจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่น และเมื่อความฝันนั้นเป็นจริงเมื่อไร เธอก็หวังอยากให้โซคิจิมาขอตนเองแต่งงานอีกครั้งหนึ่ง
ภาพความหลังตั้งแต่ครั้งแรกที่สองหนุ่มสาวที่แตกต่างกันทางสังคมได้พบเจอกัน
หนุ่มน้อยเดินตรงมาหาอย่างทระนง ก้มลงใช้ปากกัดเอาเสี้ยนที่มือสาวน้อยออกโดยไม่ฟังเสียงร้องปฏิเศษ ....เพียงแค่วินาทีนั้น หัวใจของทั้งสองก็หลอมหลวมเข้าด้วยกัน มิอาจแยกจากกันได้แม้เพียงเศษเสี้ยว
สาวน้อยอิงแนบบนหลังอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มท่ามกลางปุยหิมะสีขาวโปรยปรายครั้งที่พบกันโดยบังเอิญเมื่อเธอหกล้มจนขาแพลง ...หัวใจอันเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะของทั้งสอง ต่างดำเนินท่วงทำนองเดียวกันในครานั้นที่ต่างภาวนาให้หนทางทอดยาวไกลกว่าที่มันควรเป็น
จูบแรกของสาวน้อยที่มีพระจันทร์ทอแสงเป็นประจักษ์พยาน ณ ชายหาดโทงาวะ ...ที่ทำให้หัวใจของทั้งสองไม่ยอมรับความแตกต่างทางสังคมอีกต่อไป
เมื่ออุปสรรคที่ร่วมฝ่าฝันกันมาทลายลงไป เจ้าสาวแสนสวย มีเจ้าบ่าวเคียงข้างอย่างภาคภูมิใจ ...ในที่สุดเส้นทางความรักของคนทั้งคู่ก็มาประจบเป็นเส้นเดียวกันจนได้
ความหลังครั้งอิตาเกะที่ผัวหนุ่มเมียสาวได้เดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกัน ...คือความทรงจำอันแสนสุขที่ฝังใจไม่รู้ลืม
จากนั้นโชคชะตาก็เริ่มเล่นตลกแยกทั้งสองห่างกันอย่างโหดร้ายกว่าจะได้กลับมาพบเจอกันแต่ก็ต้องพรากจากกัน ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าที่จะก้าวเดินตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ เส้นทางคนรักสองคนจึงห่างกันไกลไปทุกที
แต่แล้ว...ราวกับเทพเจ้าเบื้องบนเล่นตลกจนพอใจแล้ว กระดาษเนื้อคู่ที่ฉีกแล้วโปรยลงมาตั้งแต่ครั้งแรก จึงสามารถกลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง
ความรักคือผู้มาเยือนที่มีภัย
สายตาคาโอรุทอดไกลไปยังท้องทะเลเบื้องล่าง ไม่ไกลนั้น.... เรือสีขาวลำน้อยแล่นออกมาราวกับนกนางนวลโบกบินท้าทายระลอกคลื่น นายน้อยโยชิทาเกะแห่งโทงาวะยืนหยัดอย่างทระนง
แต่ทว่าเราทุกคนต่างก็รอคอยความรัก ชีวิตที่ไม่ได้พบกับความรักนั้นจะมีแต่ความว่างเปล่าและเงียบเหงา
เส้นทางความรักของสาวน้อยโรงโชยุและหนุ่มน้อยชาวประมง เริ่มออกเดินทางเคียงข้างจนมาบรรจบ...อีกครั้งในสักวัน
Love is not love which alters when it alteration finds. ~William Shakespeare
Create Date : 15 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 15 สิงหาคม 2552 15:44:38 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1257 Pageviews. |
|
|
ลุ้นตัวโกงเลย อะ ขอบคุณจขบ ที่นำเรื่องสนุกๆ มานำเสนอ ช๊อบชอบ รักนายน้อย อะ ชอบกลอนเปิดคะ