Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
25 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
เมียของผมบนโลกนี้มีเพียง ‘คาโอรุ’ คนเดียว





ตอนแรกไอ้เราก็นึกไปว่าเรื่องนี้อิงลิเกฝรั่ง “โรมิโอ&จูเลียต” ซะอีก
เห็นเล่นปมเรื่องความขัดแย้ง ไม่ถูกกันของสองตระกูล

แต่ไปๆมาๆ
ไอ้ลิเกฝรั่ง มันดั๊นกลายเป็นบทละครนอกบ้านเราไปเสียฉิบ

บทประพันธ์เรื่องขุนช้างขุนแผนกับนางวันทองลอยมาทาทาบซะเกือบมิด

ดีที่นายน้อยโซคิจิไม่มีคราบขุนแผนแสนสะท้านแม้สักนิด
แต่ไอ้ตรงขุนช้างกับนางวันทองนี่จิ....
ฮ่วย~!!!


เพลงประกอบบล็อกนี้มีแค่เพียงเพลงเดียวเท่านั้น
แทนความรู้สึกระหว่างนายน้อยโซคิจิและคาโอรุสาวน้อยในดวงใจ
และ
แทนความรู้สึกที่เจ้าของบล็อกมีต่อตัวละครอัน(เคย)เป็นที่รัก


~เจ็บก็ทน ช้ำก็จะทน รักเธอจนไม่มีหัวใจให้ใคร~

.........

~ทั้งรักและทั้งเกลียด~









ละครพีเรียดNHK เรื่อง คลื่นรักคลื่นชีวิต



หลังจากโซคิจิประสพภัยและหายตัวไปได้สามปีกว่าๆ
คาโอรุก็แต่งงานกับสามีที่ดัและมีลูก เธออยู่กับพ่อแม่ของตัวเอง อยู่ท่ามกลางความรักและความเข้าใจกัน คงไม่มีอะไรที่เป็นสุขไปยิ่งกว่านี้อีกแล้ว



จนมาวันหนึ่ง...
ริซึโกะกลับมายังโจชิ แจ้งข่าวแก่คาโอรุและครอบครัวว่า เจอชายหนุ่มหน้าตาคล้ายโซคิจิซัง แต่เขากลับจำความใดใดไม่ได้ทั้งสิ้น จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าตนเองเป็นคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ
เมื่อริซึโกะยืนยันหนักแน่นว่านั่นคือโซคิจิจริงๆ คาโอรุแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่


หลังจากปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว...
ทำให้คาโอรุตัดสินใจไปยังโตเกียวพร้อมกับอุเมกิสามี



โซคิจินั้นถูกคุมตัวไว้โดยสันติบาลเนื่องจากเขาถูกส่งตัวกลับมาเรือจากฟิลิปปินส์
เขาเองนั้นพูดและฟังภาษาญี่ปุ่นแทบไม่ได้
แต่ที่มาทราบว่าเขาเป็นคนญี่ปุ่นนั้นเนื่องจากวันหนึ่งเขาสามารถกินปลาดิบโดยใช้ตะเกียบคีบเฉยเลย
เออ...เหตุผลนี้มัน...ถ้าเอามาใช้ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ คงมีชาวญี่ปุ่นค่อนโลกไปแล้วนะเอ๊อ~




เพียงแวบแรกที่คาโอรุเห็นชายหนุ่มคนนั้น เธอก็มั่นใจ ร้องเรียกจากหัวใจ
“คุณโซคิจิ...นี่ฉันเอง จำได้ไหม?” เธอร่ำร้องตัดพ้อ “คุณหายไปไหนมาตั้งสี่ปี”
แต่โซคิจิกลับย้อนถามมาว่า
“who are you?”




หัวใจของคาโอรุสั่นระริก ชายหนุ่มอันเป็นที่รักจำเธอไม่ได้แม้สักนิด



ขณะที่คาโอรุร้องขอให้โซคิจิกลับไปยังบ้านเกิด ไปยังโทงาวะด้วยกัน
โซคิจิจับจ้องมองไม่ละสายตา แล้วถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “คุณเป็นใครหรือครับ”
คาโอรุชะงักไป ก่อนตอบว่า เธอคือภรรยาของอุเมกิ
โซคิจิได้แต่จ้องกลับไปมาระหว่างสองสามีภรรยาตรงหน้า





ส่วนอิฉัน...น้ำตาร่วงแผละเม็ดแรก
สงสารนายน้อยแทบขาดใจ






ณ คินิงาฮามะ ริมหาดโทงาวะ
คลื่นสีขาวซัดกระทบชายหาดตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินกระจ่างกับประภาคารสีขาวตั้งตระหง่านไม่ห่าง




คาโอรุเดินเคียงข้างสองคนกับโซคิจิ
ด้วยความหวังว่าถ้าได้เห็นทะเลนี้และได้เห็นนกนางนวล โซคิจิก็อาจจะจำอะไรได้บ้าง




ประภาคารสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
คาโอรุชี้ชวนแล้วถามว่า
“จำประภาคารนั่นได้หรือเปล่าคะ คุณน่ะเคยรอคนคนหนึ่งอยู่ที่ประภาคารนั่นมาก่อนนะคะ”



...ประภาคารแห่งนี้เอง
ที่โซคิจิเคยส่งจดหมายไปหาคาโอรุ นัดหมายไว้ว่าตนเองจะเฝ้ารอเธออยู่ที่นั่นจนกว่าจะพบกัน
แต่เกิดเหตุคุณนายใหญ่ล้มเจ็บเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน
จนทำให้คาโอรุไม่สามารถไปพบตามนัดได้
ครั้งนั้นเธอร้องไห้ปริ่มขาดใจกับอุปสรรคความรักของทั้งสองคน







เมื่อทั้งสองทรุดตัวลงนั่งริมชายหาด ณ แห่งเดิมเมื่อครั้งนั้น




คาโอรุเอ่ยขึ้นราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน
“คืนหนึ่งเมื่อเจ็ดปีก่อน คืนที่แสงจันทร์ส่องทั่วท้องทะเล ได้ยินเสียงคลื่นซัดอย่างแผ่วเบา คุณนั่งอยู่ตรงนี้” เสียงของคาโอรุลอยไปตามสายลม “แล้วที่ตรงนี้...มีคนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่กับคุณด้วย”
โซคิจิหันจ้องมอง
“คน...คนหนึ่ง?”



“คุณโอบกอดคนคนนั้นเอาไว้ กอดอย่างแนบแน่น แล้ว...จูบเขาด้วย”
“จูบ...เหรอ?”
คาโอรุก้มลงหลบสายตาคู่นั้น
“kissยังไงล่ะ”
สีหน้าของโซคิจิเข้าใจในคำพูดและ...ขบคิด
“kiss”
สายตาของชายหนุ่มยังคงว่างเปล่า ไร้ซึ่งการจดจำใดใด








สาวน้อยใจสะท้อนแทบขาดรอน เธอร่ำร้องขึ้นมาปานใจจะขาด
“คุณลืมไปแล้วเหรอคะ”




น้ำตาหยดน้อยที่คลออยู่ในดวงตากลมโตทำให้โซคิจิเหลือบมองด้วยความแปลกใจ




คาโอรุนำโซคิจิขึ้นเรือพายลำเล็ก
เธอกระตุ้นให้โซคิจิจับไม้พายเอาไว้
“คุณเป็นชาวประมง เป็นเจ้าของเรือประมง ยังไงคุณก็ต้องแจวเป็น”
แล้วเธอก็ทรุดตัวลงนั่ง โยกเรือไปมา ร้องขึ้นมาว่า
“เอาเลย! แจวเลย!”





มือแกร่งเกร็งจับไม้พายไว้แน่น
แม้ความทรงจำยังคงว่างเปล่า แต่ความรู้สึกคุ้นชินยังคงติดตัวไม่ห่างหาย
นายน้อยเจ้าของเรือโทเนงาวะมารุพลิกไม้พายตามจังหวะ เร็วขึ้นและเร็วขึ้น





เรือลำน้อยแล่นสู่กลางทะเลอย่างมั่นคง
ความทรงจำต่างๆ เรื่องราวมากมายเริ่มไหลรินกลับคืนมา
“รู้ตัวหรือยังคะ...คุณน่ะกำลังแจวเรืออยู่” คาโอรุกระตุ้นตามมา “คุณน่ะจับปลาอิวาชิได้ตังเยอะที่โทงาวะนะคะ”





เรือลำน้อยแล่นอยู่กลางทะเลภายใต้ท้องฟ้าสีคราม




แล้วโซคิจิก็เอ่ยขึ้นครั้งแรก
“ที่นี่”
คาโอรุรอฟังอย่างคาดหวัง
“ที่นี่มัน...ทะเลที่โทงาวะนี่”
“คุณโซคิจิ”
“ฉันคือโยชิทาเกะ โซคิจิ”
“จำได้แล้วใช่ไหมคะ ความทรงจำของคุณกลับมาแล้วเหรอ”




โซคิจิมองสบตาสาวน้อยตรงหน้า
ราวกับเมฆหมอกแห่งความฝันจางหายไป
ชีวิตทั้งชีวิตย้อนกลับคืนมาพร้อมภาพสาวน้อยผู้ครอบครองเป็นเจ้าของหัวใจ
“คาโอรุ” โซคิจิเอ่ยเรียกราวกับละเมอ “นี่เธอเองเหรอ


หัวใจสองดวงกลับคืนมาพบกันอีกครั้ง



สาวน้อยตัดพ้อ
“ตั้งสี่ปี...คุณหายไปไหนมา”
ความทรงจำค่อยๆไหลรินกลับคืนมา
“ฉันอยู่ที่ฟิลิปปินส์”
“ไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกัน” โซคิจิยังคงสับสน “แล้วก่อนหน้านั้นฉันไปอยู่ที่ไหน?”


คาโอรุค่อยๆย้อนเหตุการณ์ให้ฟังเมื่อครั้งเรือเจอพายุและโซคิจิพลัดตกเรือไป
ความทรงจำเริ่มปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นมา




เมื่อชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวคนรัก
เขารู้สึกได้...
และก้มหัวกล่าวขอโทษ
“ขอโทษนะ...ที่ทิ้งให้เธออยู่ตัวคนเดียวตั้งสี่ปี”


ชายหนุ่มผวาหาสาวคนรัก
“เธอคงลำบากมากใช่ไหม
สาวน้อยตัดใจร้องบอกขึ้นมาว่า
“ฉันน่ะ...แต่งงานใหม่แล้ว”
โซคิจิแทบไม่อยากเชื่อหูกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ ครางออกมา
“แต่งงานใหม่!”


นายน้อยแห่งโทงาวะรับรู้ด้วยความรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าลงมากลางหัวใจ




ท่ามกลางความวุ่นวายของชาวโทงาวะที่ต่างทยอยมาริมหาดเมื่อมีคนไปป่าวประกาศว่าเห็นผีของโซคิจิซัง
นายหญิงโทเนะ แม่ของโซคิจิพร้อมเซนคิจิน้องชายมายืนออรอริมชายหาด


เมื่อเรือลำน้อยกลับคืนมา
โซคิจิตกอยู่ท่ามกลางการแสดงความยินดีของครอบครัว
คาโอรุปลีกตัวจากไปเงียบๆ ไปสู่อ้อมกอดของอุเมกิ ยึดเขาไว้แน่นราวกับจะให้เป็นปราการกั้นความรู้สึกในใจเอาไว้



ณ ตระกูลโยชิทาเกะ



นายน้อยแห่งโทงาวะในชุดกิโมโนอันคุ้นตา
(นายน้อยไม่เหมาะกับชุดอื่นใดนอกจากกิโมโนเจ้าค่ะ...อิฉันขอยืนยัน)
ย้อนเล่าเรื่องราวให้กับตำรวจที่คุมตัวมาฟังว่า
ตนเองฟื้นขึ้นมาในเรืออเมริกา เพราะคิดว่าจะเป็นพวกลักลอบเข้าอเมริกาจึงถูกนำไปใช้แรงงานถึงประเทศฟิลิปปินส์ด้วยความที่ตนเองจำอะไรไม่ได้นั่นเอง
เมื่อผ่านไปสองปีกว่าจึงมีคนรู้ว่าตนเป็นคนญี่ปุ่น และไม่ถูกปล่อยตัวกลับเพราะถูกตั้งข้อหาว่าเป็นสายลับ
และออกมาจากฟิลิปปินส์ด้วยเรือใหญ่ที่ขนไม้เลาอัน



จากนั้นราวกับนึกขึ้นมาได้
โซคิจิหันมองจนรอบแล้วถามว่า “แล้วคาโอรุล่ะ คาโอรุไปไหนแล้ว”
“กลับไปแล้ว” เซนคิจิบอก
“ไปไหน?” โซคิจิถามอย่างไม่เข้าใจ
แต่เมื่อเห็นความกระอักกระอ่วนของคนรอบข้างทำให้เขานึกย้อนไปถึงคำพูดของคาโอรุบนเรือ

ชายหนุ่มที่เพิ่งตื่นจากฝันอันยาวนาน มาพบกับความเป็นจริงอันโหดร้ายหล่นใส่หน้า
ภรรยาที่รักจากไปโดยตนเองไม่สามารถแย่งชิงกลับคืนมาสู่อ้อมกอดได้อีกต่อไป และยังลูกน้อยที่ตายจาก




ที่ชายหาดโทงาวะ ชาวบ้านจัดงานฉลองให้กับการกลับมาของโซคิจิ
ครอบครัวโยชิทาเกะไปไหว้สุสานของพ่อ

โทเนะบอกให้โซคิจิทิ้งอดีตไปให้หมด เริ่มต้นใหม่ นั่นคือให้ตัดใจจากคาโอรุไปเสีย
โซคิจิได้แต่นิ่งฟัง
เมื่อพูดไปถึงว่า คาโอรุแต่งงานไปเมื่อสองปีก่อน สองผัวเมียต่างรักกันดีและมีลูกชายฝาแฝดด้วยกัน




โซคิจิทนฟังต่อไปไม่ไหว




โทเนะยังไม่ยอมแพ้ บอกให้โซคิจิเป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ไปทำลายความสุขของคาโอรุ
ฟุนามูระหัวหน้าคนงานจึงเสนอให้นายน้อยแต่งงานใหม่เสียหลังจากเซนจังแต่งงานเรียบร้อยแล้ว

ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ดวงตาคมกริบแน่วแน่
ยืนกรานจากหัวใจ




“เมียของผม...บนโลกนี้มีแค่คนเดียว”


แผ่นหลังของนายน้อยแห่งโทงาวะแฝงไว้ซึ่งความเศร้าชวนใจหาย



...นายน้อยคะ
อิฉันน้ำตาร่วงแหมะ ร่วงแหมะ แทบขาดใจแทน




หัวใจของนายน้อยยิ่งใหญ่และมั่นคงไม่เคยแปรเปลี่ยน






เมื่อฝ่ายชายมั่นคงกับความรู้สึกของตนขนาดนี้
แล้วฝ่ายหญิงล่ะ...หัวใจของเธอจะยังคงเหมือนเดิมไหม


โซคิจิเดินทางมายังร้านอิริโจเพื่อขอพบนายท่าน บันโด คิวเบเพื่อกล่าวขอบคุณ
แต่กลับถูกพวกคนงานโชยุเหยียดหยามว่าเป็นผีที่โผล่มาจากทะเล
จากนั้นอุเมกิจึงออกมาพบ

โซคิจิก้มหัวขอบคุณในความช่วยเหลือที่ผ่านมา
เมื่อโซคิจิขอพบคุณพ่อของคาโอรุก็ได้การบอกว่าท่านวางมือไปแล้ว และอุเมกิได้ขึ้นมารักษาการแทน แถมปฏิเศษเมื่อโซคิจิขอพบคาโอรุ
โซคิจิถูกไล่กลับไปอย่างไม่ให้เกียรติ






คาโอรุนั่งเผชิญหน้ากับอุเมกิ
ความหวั่นไหวทางอารมณ์ของอุเมกินั้นส่งผ่านออกมาให้เห็นชัดเจนเมื่อถามว่าคาโอรุอยากเจอ ‘เขา’ ไหม
คาโอรุยืนยันหนักแน่นกลับไปว่า
“ไม่ค่ะ”


อิฉันเพิ่งรู้ซึ้งกับสุภาษิตที่ว่า “สามวัน(ปี)จาก นารีเป็นอื่น”
หาใช่... “สามวัน(ปี)จากนารี เป็นอื่น” ...ไม่!!!

ความคลั่งแค้นในใจอิฉันกระหึ่มดังสวนมา
อิฉันขอประกาศก้อง “อิฉันเป็นฝ่ายนายน้อยโซคิจิแห่งโทงาวะ...เท่านั้น!!!”




สามปีจาก นารีเป็นอื่น






เรื่องราวการกลับคืนมาของโซคิจิเป็นข่าวก้องไปทั่วทั้งโจชิ
ทางฝ่ายตระกูลบันโดต่างมีความกังวลใจ
ลูกน้องคนทำโชยุเหยียดหยันถึงโซคิจิว่าเป็น ‘ผี’ ที่ย้อนคืนกลับมา


ทางฝ่ายตระกูลโยชิทาเกะ
ลูกน้องชาวประมงต่างคับแค้นแทนนายน้อยของตนกับการที่ภรรยาถูกแย่งชิงไป


ความกระฮึ่มกระฮั่มระหว่างสองตระกูลราวกับคลื่นใต้น้ำรอวันปะทุ


วันที่ 24 กันยายน ปีโชวะที่ 10 พื้นที่แถบคันโตประสพกับฝนฟ้าคะนอง

วันที่ 26 สายน้ำโทเนกาวะเอ่อล้นทำให้สามจังหวัดอย่างอุนนะ อิบารากิและจิบะได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ในคืนฝนฟ้าคะนอง
คาโอรุไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ห่วงไปถึงความปลอดภัยของโซคิจิ หวังว่าเขาคงไม่ได้ออกไปหาปลาในเวลานี้
อุเมกิที่เฝ้ามองบอกขึ้นมาว่า ตนเองเสียพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก ว้าแหว่มาตลอดเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ต้องการให้ลูกต้องประสบเช่นเดียวกับตนและย้ำว่า
“คาโอรุ...ฉันไม่ให้เธอไปไหนนะ ถึงตายก็ไม่ให้ไป”


โธ่~คุณพี่ ว่ากันตามตรง คุณพี่น่ะแย่งเมียชาวบ้านเขามาครอง ชิงความสุขของผู้ชายอื่นมาเป็นของตัวเองนะเฟ้ย!!!
โมโหว่ะ!!!




ทำนบกันน้ำโทเนกาวะพังทลาย เมืองโจชิน้ำท่วมไปทั้งเมือง
ร้านอิริโจก็รับผลกระทบมากทั้งร้านทั้งวัตถุดิบเสียหายไม่ใช่น้อยจนเกิดการขาดสภาพคล่องทางการเงิน
คาโอรุจึงต้องออกไปขอกู้ยืมเงินพ่อค้าเงินกู้ที่สนิทสนมแต่ก่อน


ขากลับมา
คาโอรุเจอกับชาวประมงโทงาวะ และถูกจับตัวกลับไป


เมื่อมาถึงตระกูลโยชิทาเกะ
คาโอรุยืนกรานไม่ขอพบกับโซคิจิ เพราะความไม่เหมาะควร เนื่องจากตนแต่งงานใหม่ไปแล้ว


ทางตระกูลบันโดทราบข่าวการถูกจับตัวไปของคาโอรุ
ทุกคนโดยเฉพาะอุเมกิคลั่งแค้น จะเดินทางไปรับตัวคาโอรุกลับคืน
เพียงแต่ว่า โทเนะ นายหญิงแห่งโทงาวะโทรศัพท์มาขอโทษก่อน และรับปากจะส่งตัวคาโอรุคืนมา
พร้อมจะขอโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากงานแต่งงานของเซนคิจิ


แม้ทางตระกูลบันโดจะยอมรับฟัง
แต่ลูกน้องคนทำโชยุต่างไม่พอใจ
จึงวางแผนไปถล่มงานแต่งงานของเซนคิจิเป็นการแก้แค้น


วันงานแต่งงานของเซนคิจิ
ลูกน้องร้านอิริโจบุกไปทำลายงานแต่งงาน
จนทำให้ชาวประมงบาดเจ็บจนถึงต้องเข้าโรงพยาบาล


ทางตระกูลบันโดคือ เอย์อิจิโร่น้องชาย ผู้เป็นเพื่อนสนิทกับเซนคิจิด้วย เดินทางไปยังโทงาวะเพื่อขอโทษ
แต่ทางตระกูลโยชิทาเกะไม่ยอมรับ
และยื่นคำขาดว่าการตกลงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ “คาโอรุเดินทางมาเป็นคนมาเจรจายังโทงาวะเท่านั้น”



เมื่อคาโอรุทราบดังนั้นจึงตกลงใจที่จะกลับไปยังโทงาวะเพื่อยุติปัญหาทุกอย่าง
อุเมกินั้นแม้ไม่เห็นด้วยแต่ต้องจำยอม
คืนนั้น อุเมกิกล่าวคาดโทษด้วยประโยคทำร้ายความรู้สึกผู้ฟัง
“แต่ขอบอกให้รู้ไว้นะ ว่าถ้าเรื่องครั้งนี้ทำให้เราสองคนต้องมีรอยร้าวขึ้นมาเป็นเพราะเธอคิดอะไรง่ายๆเอง”




เช้าวันต่อมา
คาโอรุเดินทางไปยังโทงาวะ
ยิ่งรถไฟใกล้จุดหมายมากขึ้นเพียงใด หัวใจของเธอยิ่งเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ




เมื่ออดีตสามีภรรยาพบกันอีกครั้ง
โซคิจิทักทายด้วยท่างทางสบายๆขึ้นมา
“ไง”



คาโอรุรู้สึกปวดใจขึ้นมาชั่วขณะ เป็นความปวดใจที่ปนมากับความเศร้าใจ
ชายหนุ่มจ้องหน้าสาวน้อยนิ่ง ความรู้สึกในใจฉายชัดแม้ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดใด

เมื่อโซคิจิก้มหัวขอบคุณ
“ความทรงจำของฉันกลับมาเพราะว่าได้เธอช่วย ฉันไปอิริโจก็เพื่อขอบคุณเธอ”
ทำให้คาโอรุต้องกล่าวขอโทษในเหตุการณ์วันนั้น
แต่โซคิจิกลับยิ้มร่ารับแล้วพูดขึ้นว่า
“ฉันน่ะชินกับการที่ถูกอิริโจไล่มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว”


โซคิจิหมายถึงตอนช่วงที่ตนตามตื้อพ่อคาโอรุเพื่อขอแต่งงาน
จากนั้นราวกับอดีตชวนคิดคำนึงก็หวนกลับมา ทำให้บรรยากาศในการพูดคุยกันของครอบครัวโยชิทาเกะและคาโอรุผ่อนคลายลง
เมื่อพูดคุยไปถึงว่า ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่คนงานหันมาเขม่นใส่กัน
คาโอรุจึงว่าสาเหตุมาจากตนเอง และว่า
“ฉันไม่น่าแต่งงานมาอยู่ที่นี่เลย”
แค่ประโยคนี้ ทำให้นายน้อยเจ็บปวดจนถามสวนมาว่า
“เธอเสียใจที่แต่งงานกับฉันหรือ”
คาโอรุจึงรีบปฏิเศษอย่างจริงจัง
“ฉันไม่เคยเสียใจเลย แต่ว่าที่พวกเขามีเรื่องกันก็เพราะเรื่องนี้”
โซคิจิจ้องมองไม่วางตา ดวงตาคู่นั้นแน่วแน่ปฏิเศษชัดเจนไม่ยอมให้สาวคนรักรับความผิดกดทับไว้ที่บ่า
“ไม่ใช่หรอก” ชายหนุ่มยอมรับความผิดเป็นของตนเอง “เพราะฉันที่น่าจะตายไปแล้วกลับมาต่างหาก นั่นล่ะคือข้อผิดพลาด”


น้ำตาอิฉันร่วงพรู
นายน้อย...นายน้อยแมนมากกกก




แล้วความใจร้ายขอสาวเจ้าตามสวนมา
เมื่อหัวหน้าคนงานพูดขึ้นมาว่าอยากให้คาโอรุกับโซคิจิกลับมาคืนดีกัน และขอรับเลี้ยงดูลูกแฝดเอาไว้ด้วย

คาโอรุปฏิเศษด้วยถ้อยคำทำร้ายความรู้สึกคนฟัง โดยเฉพาะชายหนุ่มที่เธอเคยพร่ำบอกว่ารักนักรักหนา
“ฉันไม่ได้คิดกลับมาโทงาวะหรอก”
โซคิจิที่เอาแต่นิ่งฟัง เหลือบมองสาวน้อยด้วยแววตาที่ราวถูกคมมีดแห่งคำพูดนั้นกรีดลงกลางใจ

คาโอรุได้แต่กล่าวคำเสียใจต่อโซคิจิ เธอว่าถ้าย้อนเวลากลับมาได้คงดีไม่น้อย
เพียงแต่ว่า...ตอนนี้เธอมีสามีที่ชื่ออุเมกิ เซนซาขุอยู่แล้วและเธอหักหลังสามีเธอไม่ได้


โหย~อีหนู ใจร้ายจิฟ
หักหลังสามีไม่ได้ แล้วโซคิจิก็สามีเธอเหมือนกันนะยะ
อิฉันล่ะกลุ้ม



เมื่อการเจรจาขอโทษเป็นที่ยอมรับ

โซคิจิขอคุยเป็นการส่วนตัวกับคาโอรุเพื่ออยากรู้ ‘ใจจริง’ของเธอ


ณ ริมชายหาด




สาวน้อยเดินตามมาข้างหลังชายหนุ่มเช่นดังก่อน




ชายหนุ่มยืนนิ่งราวกับชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนถามขึ้นมา
“คาโอรุ ฉันเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนไหม”
“ไม่ค่ะ...ไม่เลยสักนิด”
“แต่ว่า...เธอเองกลับเปลี่ยนไป” ชายหนุ่มเหม่อมองไกลไปยังท้องทะเล
สาวน้อยได้แต่รู้สึกผิด
โซคิจิหันมาช้าๆ
“หน้าตาของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ไม่สิ...เธอสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มตัดพ้อ
“แต่ว่าหัวใจของเธอก็ไม่อยู่กับฉันแล้ว”

ใครไม่เสียน้ำตาให้นายน้อย...ทนไหวเหรอเจ้าคะ


เมื่อโซคิจิถามย้ำอีกครั้งว่า
“เธอบอกว่าเธอไม่คิดจะกลับมาโทงาวะ...อย่างงั้นใช่ไหม”
“ค่ะ”

คำตอบนี้บาดลึกจนทำให้นายน้อยผินกายหันหนีห่างไป
คาโอรุทำได้เพียงมองตามไปเท่านั้น



เมื่อนายน้อยหักใจได้หันกลับมา
ถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอหน่อย”
นายน้อยเดินลิ่วตรงมาหา หยุดตรงใกล้แค่เอื้อมมือ
“ตอนนี้เธอ...มีความสุขดีหรือเปล่า”


โอย...นายน้อยเจ้าคะ
ความรักของนายน้อยนี่มัน....



เมื่อคาโอรุรับคำ
โซคิจิเดิมพันครั้งสุดท้ายด้วยหัวใจ
“เธอรักอุเมกิหรือเปล่า”
คาโอรุนิ่งงันไป แล้วตัดสินใจตอบไปโดยไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยซ้ำ
“ฉันรักเขาค่ะ”
“เป็นความจริงเหรอ”





คาโอรุเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากสั่นระริกก่อนรับคำอีกครั้งด้วยใบหน้าเหยเก
“ค่ะ”
โซคิจิจ้องสาวน้อยไม่วางตา เขารับรู้ถึงหัวใจของเธอ


แล้วตัดสินใจ...จะไม่สร้างความลำบากใจให้แก่คาโอรุอีกต่อไป
“เข้าใจแล้ว”
เขายิ้มให้เธอ พยักหน้าให้เธอสบายใจ
“เรากลับกันเถอะ”
ชายหนุ่มเดินเฉียดร่างสาวน้อยไป
ระยะห่างเพียงเล็กน้อยแต่เส้นทางระหว่างคนรักทั้งสองกลับไกลห่างจนยากจะกลับคืน





สาวน้อยเดินตามหลังชายหนุ่ม
ขาแต่ละข้างหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงไว้ เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
แผ่นหลังของนายน้อยดูอ้างว้างและเงียบงัน
แวบหนึ่ง เธออยากทำตามหัวใจที่ปรารถนา ขาของเธอไล่ตามโซคิจิไป แต่ความรับผิดชอบในฐานะเมียและแม่ ทำให้เธอต้องหยุดตัวเองเอาไว้
ร่างกายเธอเริ่มสั่นระริก ขาเริ่มไร้เรี่ยวแรง ตัวทรุดซบลงกับพื้น
โซคิจิที่เดินนำไปไม่เหลียวหลัง ยอมหันกลับมาพยุงสาวน้อยขึ้นมา
น้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้ตลอดไหลรินออกมา
โซคิจิรีบปล่อยมือจากคาโอรุก่อนที่เขาจะทำตามหัวใจตัวเองสวมกอดเธอไว้และดึงเธอคืนกลับมาโดยไม่ปล่อยไปอีกจนชั่วชีวิต




ชะตากรรมอันโหดร้ายแยกคนรักสองคนให้ห่างกันไกลอีกครั้งหนึ่ง








คาโอรุกลับมายังตระกูลบันโด
ภาพถ่ายระหว่างเธอกับโซคิจิเมื่อครั้งไปเที่ยวยังอิตาโกะ
ภาพถ่ายแห่งความรักความหลังที่เธอเก็บซุกไว้ในตู้เก็บของถูกวางกระจายบนโต๊ะ
คาโอรุรู้ทันที อุเมกิค้นเจอและวางทิ้งไว้ให้เธอเห็นและรู้ถึงความแค้นที่ซ่อนอยู่ในอกของเขา


คาโอรุเฝ้ารออุเมกิจนดึกดื่น
อุเมกิกลับมาพร้อมอาการเมามาย
คำพูดเชือดเฉือนก็ตามมา
“ฉันไม่ยอมถูกหลอกหรอกนะ คาโอรุ...ฉันไม่มีทางถูกหลอกแน่...ไม่มีทางหรอก!”

รอยร้าวระหว่างสองสามีภรรยาเริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัดกว่าเคย





พิธีการขอขมาระหว่างสองตระกูลถูกจัดขึ้นที่ร้านอาหาร
บันโด คิวเบขึ้นมากล่าวให้ต่างฝ่ายต่างจับมือฉันท์มิตร
แต่โยชิทาเกะ โทเมะกลับกล่าวว่า ความแตกต่างระหว่างลูกชาวเลกับคนบกบกที่มีอยู่นั้น ไม่อาจทำ
ให้ต่างมารักกันได้ ขอเพียงแค่ทั้งสองฝ่ายเลิกทะเลาะหาเรื่องกันก็พอ


โห~นี่ล่ะความสู้ชีวิต การมองชีวิตมันต่างกันจริงๆ
คนนึงมองโลกในแง่อุดมคติ
แต่อีกคนมองโลกในความเป็นจริง



เอย์อิจิโร่และเซนคิจิรินสาเกลงจอกเหล้าใบใหญ่


อุเมกิร้องเชิญโซคิจิ
โซคิจิเชิญกลับ
อุเมกิเริ่มดื่มเป็นคนแรก
โซคิจิรับจอกเหล้ามาดื่มต่อ



หัวหน้าฝ่ายโยชิทาเกะและอิริโจต่างพลิกท้องปลาคนละตัวให้หันมาเจอกัน
เพื่อแสดงการเริ่มเข้าหากัน ต่างยอมรับกันของทั้งสองฝ่าย


คาโอรุเองนั้นไม่กล้าที่จะเข้าร่วมงานนี้
เธอนั่งเผารูปภาพความรักความหลังระหว่างเธอกับโซคิจิ


เอย์อิจิโร่นำเสื้อคลุมของโซคิจิที่คาโอรุได้รับไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงโซคิจิครั้งที่เขาหายตัวไปกลับคืนเจ้าของ
โทเนะจึงบอกว่า ทางฝ่ายตนจะคืนภาพวาดของคาโอรุกลับคืนให้

โซคิจิกลับปฏิเศษเสียงแข็ง
“รูปนั้นผมเป็นคนเสียเงินซื้อมา ผมไม่ให้ใครหรอก”
และอ้างว่ารูปภาพนั้นพ่อของตนชอบมากเพราะมีเรือโทเนงาวะมารุอยู่ในนั้นด้วย




บันโด คิวเบร้องขอให้โซคิจิรีบแต่งงานใหม่ไปเสีย เพื่อทุกฝ่ายจะได้สบายใจ พร้อมอ้างถึงการก้าวขึ้นเป็นผุ้นำตระกูล
แต่โซคิจิกลับปฏิเศษ และบอกว่าเซนคิจิจะรับช่วงต่อบ้านโยชิทาเกะไม่ใช่ตนเอง
เพราะว่า
“ฉันเคยตายไปแล้วและผีก็ควรอยู่อย่างผี”

แต่ความจริง...ที่มีอยู่ในนั้นก็คือ
โซคิจิยืนยันก่อนหน้านี้อย่างแน่วแน่แล้วว่า ตนเองจะไม่แต่งงานใหม่เพราะเมียของตนนั้นมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
นี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่โซคิจิไม่รับตำแหน่งผู้นำของบ้านโยชิทาเกะ

หัวใจผู้ชายคนนี้คือทองคำ



ผู้ชายสองคนที่ต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกันเผชิญหน้าอย่างไม่ยอมแพ้


นายน้อยแห่งโทงาวะกล่าวอย่างหนักแน่น ลงลึกความรู้สึก
“คุณอุเมกิ...ได้โปรดช่วยทำให้คุณคาโอรุมีความสุขด้วยนะครับ...ผมขอร้องล่ะครับ”
เพื่อความสุขของหญิงสาวคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่แสนสง่าผ่าเผยก้มหัวขอร้องศัตรูหัวใจ





ชายหนุ่มทระนงกำชับกร้าวแกร่งด้วยสายตาร้อนแรงตามมา
“ถ้าทำให้เขาเสียใจ...ผมก็จะเอาเขาคืน”











สายตาคมกริบคู่นั้นบ่งบอกว่าเขาหมายความตามนั้นทุกถ้อยคำ








Create Date : 25 กรกฎาคม 2552
Last Update : 25 กรกฎาคม 2552 16:16:51 น. 5 comments
Counter : 3359 Pageviews.

 
สนุกมาก ประทับใจกับนายน้อยมากๆๆ กรี๊ดๆๆ
แล้วตอนจบ ตอนหน้าหรือเปล่าเนี้ย



โดย: dolores วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:23:56 น.  

 
คิดว่าตอนวัยรุ่นคงผ่านตาบ้างล่ะ จำหน้านางเอกได้ หน้าตาน่ารักเนอะ ถ้าคาโอรุ เสียใจผมจะเอาเค้าคืน กรี๊ดรักเรามากๆเลย แมนมาก


โดย: dolores วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:27:17 น.  

 

เป๊ะ!!!!!

ตรงใจอย่างแรง ชื่นชมในสำนวนการเขียนของคุณ Q มานาน
เขียนได้ตรงใจที่ซู้ดดดด

ขอบคุณมากๆๆ ที่แวะไปเยี่ยมบล๊อคด้วยนะคะ ^ ^


โดย: pigasso วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:17:39 น.  

 
Photobucket

เรื่องนี้น่าอ่านค่ะ มีบรรยากาศญี่ปุ่น เหมี่ยวจังชอบ อิอิ เรื่องอ่าน ๆ เนี่ย รออ่านเสาร์อาทิตย์ค่ะ เป็นคนตั้งใจอ่านหนังสือ แม้หนังสืออ่านเล่นก็ตั้งใจค่ะ

สบายดีนะคะคุณจขบ

เพลง falling in love at a coffee shop~
เป็นเพลงโฆษณาเพชรค่ะ ดังเพราะโฆษณานะเนี่ย เมื่อปีที่แล้วนี่เอง

นักร้องน่ารักน๊า


โดย: fleuri วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:46:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ

เพิ่งหาบล็อกนี้เจอ พอดีเข้าไปค้นข้อมูลเรื่องนี้ในวิกิค่ะ ดีใจที่ได้รู้จักคนรักซีรีส์เรื่องนี้มากพอกัน เราชอบเรื่องนี้มาก ได้ดูเวอร์ชั่นแรกที่ฉายทางช่องห้าเลยค่ะ (พูดแล้วรู้เลยว่าวัยไหน )

อ่านบล็อกแล้วชอบมากค่ะ แถมมี gif ให้รำลึกภาพเก่า ​(ที่หายากมาก) ในละครอีกด้วย ปิ๊งพระเอกมาก ดูฉากที่แต่งเป็นทหารแล้ว นึกอยากให้แกเป็นโกโบริเลยค่ะ

ขอบคุณทำให้ได้รำลึกถึงความหลังอันแสนสุขนะคะ


โดย: haiku วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:7:18:55 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.