Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
8 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
จูบแรก...อีกหลายต่อหลายครั้ง






"You're going to have a lot of first kisses.


You want it to be special.


That's when you go from being a stranger to knowing someone."






ครั้งแรกที่ได้ยินประโยคนี้ ความสะกิดใจอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้นมา

คือ

"มันไม่น่ามารวมกันอยู่ได้"




เราไม่เคยคิดเลยนะว่า จูบแรกของแต่ละคน จะ...เกิดขึ้นได้อีกหลายครั้ง

คำว่า "แรก" เมื่อขยายหน้าคำไหนแล้ว มันน่าจะเกิดขึ้นได้แค่ "ครั้งเดียว" เท่านั้นของแต่ละคำ
.......ไม่ใช่หรือ!?



หรือว่า...มันไม่ใช่อย่างนั้น
หรือว่า...มุมมองของเรามันจำกัดเกินไป?!



ประโยคนี้ออกจากปากแม่คนหนึ่ง
เพื่อสั่งสอนลูกสาวตัวน้อย ที่ยังไม่แม้แต่จะก้าวเข้าสู่วัยสาวด้วยซ้ำ
และเพื่อ....


เพื่อแก้ตัว เพื่อบอกตัวเอง เพื่อทบทวนความรู้สึกบางอย่าง
ในฐานะของ "หญิงสาว" หนึ่งคน

ไม่ใช่ทั้งแม่ และไม่ใช่ทั้งเมีย




เด็กน้อยมอบจูบแรกของเธอให้กับเด็กผู้ชายข้างบ้านคนหนึ่ง
ด้วยแรงอารมณ์ของตัวเอง โดยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ


เมื่อแม่รู้เข้า
ได้สั่งสอนไปว่า "จูบแรกนั้นมันพิเศษ"


ลูกสาวฟังแล้วคร่ำครวญออกมาว่า เธอนั้นเสียจูบแรกไปแล้ว
...โดยความหมายว่า เธอได้สูญเสียความพิเศษที่แม่ได้บอกมา และจะไม่มีวันได้รับรู้ถึงความพิเศษนั้นได้อีกแล้ว


แม่กลับตอบมาว่า "ลูกจะได้มีจูบแรกอีกหลายต่อหลายครั้ง"


ถ้ามีความสงสัยอยู่
คำพูดต่อจากนั้นคือคำตอบ


"จูบนั้นจะเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นคนคุ้นเคย"



นี่คือคำตอบของสาวในยุค 60
ยุคที่ผู้หญิงยังไม่รู้จักคำว่า "feminist"


ความขัดแย้งในตัวตนของแม่ หรือที่เรารู้จักในชื่อ "เบตตี้ "

เธอเป็นสาวสวย สวยราวกับเกรซ เคลลี่


ความเหมือนนั้นไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา
แต่รวมไปถึงบุคลิกท่าทาง การแต่งกาย การพูดจา
และแน่นอนก็คือ "ความคิดอ่าน"


เบตตี้เธอวางตัวเองให้ปรากฏในสายตาคนรอบข้างว่าเธองดงาม เหมาะสม ในความเป็นเมียและแม่

เธอไม่ใช่ผู้หญิงทำงานอย่างที่เราคุ้นเคยกับผู้หญิงในยุคปัจจุบัน



แต่ถ้าบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงหัวเก่า

!!??




มีหนึ่งประโยคหลุดออกจากปากเธอในฐานะแม่และเมียในกรณีจูบแรกของลูกสาวก็คือ


เธอบอกกับลูกสาวว่า “You don’t kiss boys; boys kiss you.”


แต่...


เธอก็ยังตามด้วยอีกว่า "You're going to have a lot of first kisses"



นี่คือการเปิดให้เห็นความขัดแย้งในตัวเองของสาวยุค 60 อย่างเบตตี้
...ถือเป็นความครึ่งๆกลางๆทางความคิด

เมื่อโลกยุคเก่ารั้งแขนข้างหนึ่งไว้
และโลกแห่งสิทธิและเสรีภาพ ความเท่าเทียมของหญิงและชายกำลังเปิดกว้าง กวักมือเรียกอยู่ข้างหน้า





คำตอบที่เบตตี้มอบให้กับลูกสาว
เปิดเผยให้เรามองเห็นความรู้สึกของเธอในสถานการณ์หนึ่งก่อนหน้านี้



เบตตี้ได้มี 'จูบแรก' กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ใช่สามีของตัวเอง


ผู้ชายคนนี้ก้าวเข้ามาในวงจรชีวิตของเธอด้วยการมอบความช่วยเหลือบางอย่าง
เมื่อเขาจัดการให้จนเธอพึงพอใจ


เขาชะโงกเข้ามาในรถหลังจากบอกเธอว่าคืนนี้เธอดูมีความสุข
แล้วถามลองเชิงไปอีกว่า ความสุขที่เธอมีนั้น ตัวเขามีส่วนด้วยไหม

หญิงสาวรู้ดี
เธอรู้ถึงความ 'ต้องการ' ของชายหนุ่มตรงหน้า
เธอเฟิร์ต
เธอท้าทายด้วยการตอบรับ


ชายหนุ่มขยุ้มผมนุ่มสลวยของหญิงสาว ดึงเธอมาจนชิด จุมพิตที่ไม่ใช่แค่การจูบลา
หญิงสาวไม่ขัดขืน และตอบสนอง




ตอนที่แม่สั่งสอนลูกสาว
ถ้อยคำเหล่านั้น
กับ

ความพิเศษของจูบแรก
จูบแรกอีกหลายต่อหลายครั้ง
และ...


คนแปลกหน้ากลับกลายมาเป็นคนคุ้นเคย










....นี่คือส่วนหนึ่งในตอน "Souvenir" ของซีรี่ส์เรื่อง Mad Men


กับตัวเองแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อซีรี่ส์เรื่องนี้คือคำว่า "ชอบ"


mad men ไม่ใช่เรื่องประเภทที่ทำให้คนดูนั่งไม่ติดทุก 5 หรือ 10 นาทีอย่าง 24
ไม่มีปริศนาให้ขบคิดถึงความน่าจะเป็น หรือความจะเป็นไปอย่าง Lost


ถ้าจะให้เปรียบ
ซีรี่ส์เรื่องนี้คงเปรียบได้กับการนั่งดื่มชาอูหลงก้านอ่อน
...อบอวลด้วยกลิ่นหอมกรุ่นจางๆ ในอุ้มมืออบอุ่นจากถ้วยน้ำชากระเบื้องเนื้อบางเฉียบ
ค่อยๆจิบค่อยๆลิ้มรส
และค่อยๆย่อยทางความคิด




เมื่อเปิดให้เราเห็นโลกของผู้ชายเป็นใหญ่ในที่ทำงาน
ผู้หญิงก้าวเข้าสู่โลกส่วนนี้ได้แค่เพียงหน้าที่เลขานุการ
จนมีหญิงสาวหนึ่งคนอย่างเพกกี้ ก้าวข้ามเขตแดนนั้นไปทำหน้าที่ของผู้ชายด้วยตำแหน่งก็อปปี้ไร้ท์เตอร์


และก็ยังฉายถึงความเป็นจริงที่ว่า
ไม่ว่าผู้ชายจะใหญ่แค่ไหน เมื่อก้าวเข้าสู่ประตู 'บ้าน'
ผู้หญิง...แม่บ้าน ก็ใหญ่กว่า


ถือเป็นความเป็นจริงในทุกยุคทุกสมัยและอาจเกือบทุกชาติพันธุ์


แต่...
บางอย่างก็สะกิดให้คิด


ไม่มีสถานที่ไหนที่จะมีใคร 'ใหญ่' ได้ฝ่ายเดียวและตลอดเวลา


อย่าง "โจน" หัวหน้าเลขานุการ
เธอดูเหมือนคอยรับใช้เหล่าผู้ชายในที่ทำงาน
เหมือนเธอยอมรับว่าความเป็นผู้หญิงทำให้ก้าวไปไม่ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งๆที่ความสามารถของเธอมีเกินกว่านั้นก็ตาม


เธอต่างจากเพกกี้


เพกกี้เพื่อก้าวเข้าไปในโลกของผู้ชาย
เธอทำตัวให้ไม่ต่างจากพวกเขา...เหล้า บุหรี่ เดอร์ตี้โจ๊ก
เพียงเพื่อประกาศว่าเธอเป็นได้ เธอทำได้และทำได้ดีกว่าผู้ชายเหล่านั้น


แต่โจนเธอกลับใช้ความเป็นผู้หญิง
ครอบครองสิ่งที่ต้องการ
ชักจูงอย่างชาญฉลาดโดยผู้ชายทั้งไม่รู้ตัว และเต็มใจให้จูงจมูก
โจนไม่ปฏิเศษความต้องการของตัวเอง ไม่เสแสร้งแกล้งเป็นในสิ่งที่เธอไม่ 'เป็น'


ส่วนเบตตี้
เธอคือผู้หญิงที่บังคับตัวเองอยู่ในกรอบแห่งความเหมาะควร
โดยที่หัวใจเธอร่ำร้องต้องการอะไรต่อมิอะไรมากมาย
ไม่พอใจ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความพอใจที่เธอต้องการคืออะไร




เบตตี้ โจน เพกกี้

คือตัวแทนของผู้หญิงในยุคที่กำลังก้าวหลุดจากห่วงที่ผู้หญิงถูกล่ามมาเนิ่นนาน
ต่างคนต่างวิธี ต่างการจัดการ


และแน่นอน




แตกต่างด้วยความสำเร็จของความสมหวัง







Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 1:43:11 น. 2 comments
Counter : 1034 Pageviews.

 
เขียนได้น่าดูเชียว


โดย: บางส้มเปรี้ยว วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:16:26 น.  

 
บล็อกน่ารักจัง



โดย: ผีเสื้อยิปซี วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:03:03 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.