เสร็จแล้วก็วกกลับทางเดิมมาขึ้นมอเตอร์เวย์อีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าไปยังพัทยาเลยครับ โดยเราตรงดิ่งกันไปที่ Mimosa Pattaya ถือว่าเป็นจุดเช็คอินสุดฮิตอีกแห่งของพัทยาครับสามารถแวะเดินเล่น ช้อปปิ้ง ได้ตามสบาย หากมาช่วงเย็นๆ ก็จะมีโชว์การแสดงของที่นี่ด้วยนะครับ


พอเสร็จจากมิโมซ่าก็ได้เวลามื้อเที่ยงพอดี เลยขอแวะเติมพลังก่อนไปต่อโดยผมแวะร้านส้มตำชื่อดังของพัทยา นั่นก็คือร้านส้มตำป้ามล นั่นเองครับ ร้านนี้อยู่ตรงข้ามมิโมซ่าครับอยู่ริมถนนมีที่จอดรถมากมาย สะดวกสบาย แถมภายในร้านก็กว้าง โล่ง โปร่งลมพัดเย็นสบายๆ มื้อนี้เลยขอจัดเบาๆ โดยเริ่มที่ส้มตำปูม้า (50.-) ราคาเบาๆเพราะปูม้าที่ให้มานั้นตัวเล็กๆ รสชาติก็จัดจ้าน แต่ติดหวานเล็กน้อย ต่อที่ ลาบทะเล(70.-) จานนี้พลาดสุดๆ ครับเห็นเป็นเมนูแนะนำเลยสั่งมาสรุปทะเลนิดเดียวส่วนใหญ่เป็นเห็ดหูหนูขาว จานนี้ไม่ผ่านครับแต่สองจานที่เหลืออร่อยมากไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอดใบเตย (70.-) และหมูทอดตะไคร้ (70.-) ซึ่งทอดมาได้แห้ง และอร่อย มีรสชาติสมุนไพรอยู่ด้วยสรุปสองจานนี้หมดเกลี้ยงในพริบตาครับ โดยรวมแล้วถือว่ารสชาติโอเค ในราคาที่รับได้ แถมอาหารก็เสิร์ฟเร็วไม่รอนานแม้ว่าจะมีลูกค้าในร้านหลายโต๊ะก็ตามครับ




หลังจากอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าต่อไปทางสัตหีบเพราะเป้าหมายต่อไปคือแวะไปที่วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารซึ่งเป็นวัดอารามหลวงชั้นเอก เพื่อแวะไปไหว้พระและแสดงความเคารพถึงบุญกุศลของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งท่านเป็นองค์ประธานในการจัดสร้างวัดแห่งนี้ครับ



ไหว้พระเรียบร้อยก็ไปต่อยังวิหารเซียน หรือ อเนกกุศลศาลา เป็นแหล่งรวมของงานศิลปะของไทย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดญาณฯ ครับ โดยมีป้ายบอกทางตลอดที่วิหารเซียนแห่งนี้เสียค่าเข้าชม 50 บาท/คน ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะภายในเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่รวมศิลปกรรมไทย-จีน ที่สำคัญหลายอย่าง เหมาะสำหรับการไปศึกษาและเรียนรู้มากๆครับ




จากนั้นก็ไปต่อยังไร่องุ่นซิลเวอร์เลค (Silverlake) ไร่องุ่นที่ถือว่ามีบรรยากาศดีโด่งดังมาจากการเป็นฉากในละครเรื่องสูตรเสน่หา (นำแสดงโดย เคน ธีรเดช และ แอนทองประสม) จริงๆ แล้วสมัยก่อนเรามาที่ไร่นี้บ่อย แต่ก็นานมาแล้วดังนั้นจึงอยากขอมาย้อนรอยอีกครั้ง ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าอากาศคงเย็นสบายเพราะช่วงเช้าถือว่าเริ่มหนาวแล้วเหมือนกัน แต่ปรากฎว่ามาถึงที่ไร่แดดเปรี้ยงเลยครับ ร้อนสุดๆ ดีนะที่ยังมีลมพัดเย็นๆ บวกกับบรรยากาศที่สวยงามในไร่ถือว่ายังพอทนได้ครับ ซึ่งที่นี่ถือว่าเปลี่ยนไปเยอะ มีการต่อเติมอาคารขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวเยอะเลยครับ โดยหากใครจะเข้าไปชมภายในไร่ก็ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ70 บาท ที่สำคัญเข้าห้องน้ำต้องเตรียมเหรียญห้าบาทไว้หยอดด้วยนะครับแต่ด้วยบรรยากาศร้อนๆ ตอนเที่ยงแบบนี้ ขอแวะมาจิบน้ำองุ่นเย็นชื่นใจพร้อมกับชมบรรยากาศสวยๆ อยู่ด้านนอก ก็ถือว่าคุ้มค่แล้วครับโดยด้านข้างของไร่องุ่นคือเขาชีจรรย์ สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สลักบนหน้าผาที่มีชื่อเสียงด้วยนะครับเรียกได้ว่าถ้ามาแถวนี้ ได้เที่ยวสถานที่สำคัญๆ ถึง 4 แห่ง อยู่ใกล้กันด้วยนะครับซึ่งมีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เที่ยวครบแล้วครับ







หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเมืองพัทยาเพราะตั้งใจจะไปจิบกาแฟดูวิวสวยๆ บนเขาพระตำหนัก โดยร้านที่จะไปแวะนั่งพักก็คือร้าน Coffee Break Pattaya ซึ่งร้านจะอยู่บนเขาพระตำหนักพอดีโดยทางขึ้นเขาค่อนข้างเล็กและชัน การขึ้นเขาแบบนี้ไม่ต้องห่วงครับ เพราะว่า New Toyota Avanza มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่Dual VVT-i รวมทั้งช่วงล่างใหม่ที่รองรับทุกสภาพถนน ขับขึ้นไปได้อย่างง่ายดายไม่มีปัญหาเลยครับและบริเวณร้านมีที่จอดรถน้อยดังนั้นเมื่อเจอที่จอดรถตรงทางขึ้นเขาก็รีบแวะจอดเลยครับโชคดีที่วันนั้นได้ที่จอดตรงหน้าร้านพอดี ซึ่งก็เป็นทางลาดชันแต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับการจอดครับ สามารถจอดรถได้สบายๆ สำหรับร้านนี้ตัวร้านเป็นรถตู้สีส้มน่ารักๆโดยมีที่นั่งซึ่งเป็นจุดเด่นของร้านนั่นก็คือวิวที่มองเห็นเมืองพัทยาได้ทั้งเมืองเป็นวิวที่สวยงามสุดๆ ซึ่งแน่นอนว่าวิวสวยๆ แบบนี้ลูกค้าแน่นร้านแน่นอนครับถ้ามีโต๊ะว่างก็รีบจับจองก่อนเลยจากนั้นก็สั่งกาแฟลาเต้เย็นๆ (55.-)ซักแก้ว และก็บลูเบอร์รี่โซดา (50.-)สำหรับเครื่องดื่มอาจจะรอนานนิดนึงเพราะลูกค้าค่อนข้างเยอะแต่ก็ไม่ซีเรียสเพราะวิวสวยๆ ที่อยู่ตรงหน้าทำให้นั่งรอได้สบายๆแต่ก็ขอรองท้องด้วยขนมปังทาเนยซักแผ่น (30.-) แค่นี้ก็ฟินแล้วครับ




พักผ่อนจิบกาแฟเติมความสดชื่นแล้วก็ขอขับรถไปยังบางแสนต่อนะครับเพราะแถวพัทยารถติดและดูคนเยอะเกิน การเดินทางก็ไม่ยากครับออกจากพัทยาปุ๊บก็หาทางขึ้นมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าไปทางกลับกรุงเทพฯเพื่อเลี่ยงถนนสุขุมวิทครับ โดยไปลงบางแสนได้เลย แค่นี้ก็ประหยัดเวลาไปเยอะครับไม่ได้แวะมาบางแสนตั้งนาน รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้บางแสนสะอาดขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะขยะในทะเลก็น้อยลง รู้สึกว่าน้ำจะใสกว่าแต่ก่อนด้วยนะครับแต่ที่เหมือนเดิมคือคนเยอะมากกกกก



หลังจากเดินเล่นน้ำริมชายหาดบางแสนแล้วก็ได้เวลาไปชมพระอาทิตย์ตกดินกัน ซึ่งเมื่อก่อนเวลามาที่บางแสนก็มักจะแวะขึ้นไปบนเขาสามมุกเพราะที่นี่ถือว่าเป็นมุมที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในบางแสนแล้วครับซึ่งเย็นๆ ใกล้เวลาก็จะเห็นรถจอดเรียงรายกันเพราะรอชมบรรยากาศสวยๆเราสองคนก็ไม่พลาดเช่นกัน แต่จอดรถแถวนี้สิ่งที่ต้องระวังเลยก็คือลิงนั่นเองครับเราก็เลยเลือกจอดในจุดที่ไม่ค่อยมีลิงพลุกพล่านเท่าไร เรียกว่าปลอดภัยไว้ก่อนระหว่างรอเวลาก็ขอเอาจักรยานที่เราพกใส่ถ้ายรถมาปั่นเล่นแถวนี้ซักพักละกันครับ และรถAvanza ใหม่ ก็ยังสามารถปรับเบาะรถด้านหลัง ทำเป็นเบาะนอนดูวิวเล่นสบายๆโดยไม่ต้องพึ่งเก้าอี้แถวนั้นเลยครับ ถือว่าสะดวกสบายแล้วก็ปลอดภัยดีด้วยเรียกได้ว่านอกจากจะขนของได้เยอะแล้วยังสามารถปรับให้เป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้อีกด้วยครับ










หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วก็ได้เวลามื้อเย็นแล้วครับเย็นนี้เราขอแวะทานอาหารทะเลใกล้ๆ นี่แหละ กับร้านครัวปะการัง ร้านดังของบางแสนเค้าเลยครับซึ่งร้านนี้อยู่ตรงทางลงเขาสามมุกเลี้ยวขวามาไม่ไกลก็จะเจอร้านครับจากนั้นก็เลี้ยวซ้ายหาที่จอดได้สบายๆ บรรยากาศร้านก็ถือว่าดีครับ เพราะเป็นร้านเรือนไม้ที่อยู่ริมทะเลพอดีแม้จะมืดแล้วแต่บรรยากาศก็ถือว่าชิลดีครับ สำหรับมื้อนี้ขอจัดเต็มอาหารทะเลกันซักหน่อยครับโดยเริ่มที่ หอยแมลงภู่อบหม้อดิน (150.-) เสิร์ฟร้อนๆ หอยดูสด สะอาดยิ่งได้น้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน อร่อยลงตัวครับ ต่อด้วยเมนูเผ็ดร้อนอย่าง รวมมิตรผัดฉ่า(190.-) ทะเลผัดฉ่ารสเผ็ดร้อน ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยสุดๆ ตามมาด้วย ปลากะพงนึ่งมะนาว(380.-) ปลาตัวโตเนื้อแน่น เสิร์ฟมาในหม้อไปร้อนๆ น้ำยำรสเปรี้ยวจี๊ด จัดจ้านตัดกับรสหวานของเนื้อปลาได้ดีเลยครับจากนั้นก็ปิดท้ายด้วยเมนูซีฟู้ดสุดโปรดของเรานั่นก็คือ ปูทะเลนึ่ง(ตัวละครึ่งโล 425.-) ปูเนื้อตัวใหญ่ เนื้อหวาน สด อร่อยมากๆ เราสองคนแกะ แทะจิ้มน้ำจิ้มกันมันมือเลยครับ สรุปมื้อนี้ อร่อยสะใจสุดๆราคาก็ถือว่าไม่แรงเกินไปด้วยครับ




เมื่ออิ่มมื้อเย็นแล้วฟ้าก็มืดสนิท ดังนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้วครับ ซึ่ง One Day Trip ในครั้งนี้ถือว่าเช็คอินได้ครบทั้งที่กิน ที่เที่ยวแถมยังได้เดินทางมากับ New Toyota Avanza ซึ่งสามารถขนความสุขของเราสองคนมากันได้เยอะทีเดียวที่สำคัญด้วยเครื่องยนต์ใหม่ทำให้น้ำมันเต็มถังไปกลับ ได้สบายๆไม่ต้องแวะปั๊มเติมน้ำมันด้วยนะครับ ถือว่าประหยัดน้ำมันพอสมควรเอาเป็นว่าทริปนี้ต้องขอบคุณ New Toyota Avanza ที่พาเราสองคนไปพบกับความสุขในช่วงเวลาสั้นๆในหนึ่งวันได้อย่างเต็มที่ครับ ใครที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ในราคาสบายกระเป๋า ที่ปรับรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น




ภายในก็เพิ่มฟังค์ชั่นการใช้งานให้เหมาะกับทุกสภาวะที่นั่งตอนหลังก็มีช่องปรับอากาศช่วยเพิ่มความเย็นได้อย่างทั่วถึงทุกที่นั่งที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 สามารถปรับพับได้เป็นอิสระต่อกันจึงสามารถปรับพับเพื่อเพิ่มพื้นที่การบรรทุกของได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะจุคนหรือจุของก็ทำได้ดี ถ้าอยากลองสัมผัสด้วยตัวเองก็แวะไปทดลองขับ New Toyota Avanza ได้ที่โชว์รูมโตโยต้าใกล้บ้านได้นะครับ 
รถใหญ่จริง จุได้เยอะเลย
วันเดียวเที่ยวได้เยอะนะนี่
ชอบรุปนกบินกับวิหารหลวงพ่อโสธรหละ