มะเร็ง..ไม่ได้อยู่ไกลตัวคนเราเลย...มันอยู่กับคุณ..และคุณก็อยู่กับมัน...
ข้อควรรู้เกี่ยวกับมะเร็ง 1 มนุษย์ทุกคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลล์พวกนี้จะไม่สามารถตรวจพบโดยเครื่องมือการแพทย์ได้ จนกว่ามันจะมีปริมาณเซลล์ 2 -3 ร้อยล้านเซลล์ขึ้นไป หากคุณไปตรวจร่างกาย แล้วหมอบอกว่า ไม่พบเซลล์มะเร็งในร่างกายของคุณ นั่นแค่หมายความว่า ที่หมอตรวจไม่พบก็เพราะว่า ขนาดของเซลล์มะเร็งยังไม่มากหรือไม่ใหญ่พอที่เครื่องมือการแพทย์จะตรวจพบได้ 2 เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นได้ 6-10 ครั้ง ในช่วงหนึ่งชีวิตของมนุษย์ 3 เมื่อระบบภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรง เซลล์มะเร็งก็จะถูกทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งขยายตัวและสร้างก้อนเนื้อร้ายได้ 4 เมื่อผู้ป่วยถูกบ่งชี้ว่าเป็นมะเร็ง นั่นแสดงว่าร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด หรือโภชนาการไม่ดี หรือเกิดจากกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อมและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต 5 การเอาชนะเซลล์มะเร็ง สามารถทำได้โดยสร้างความแข็งแกร่งให้เซลล์เม็ดเลือดขาว หรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย 6 การให้คีโมหรือสารเคมีบางชนิด ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันมันก็จะทำลายเซลล์ที่ดีของร่างกายไปด้วยอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอาจทำลาย ระบบอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น ตับ ไต หัวใจ และปอด ด้วย 7 การฉายรังสีก็จะทำลายเซลล์มะเร็ง และทำลายเนื้อเยื่อที่ดีไปด้วยเช่นกัน ทำให้เนื้อเยื่อบางส่วนไหม้เป็นแผลเป็น 8 โดยทั่วไปแล้ว การให้คีโมหรือฉายรังสี อาจจะทำให้ก้อนเซลล์ของมะเร็งลดลง แต่ก็ไม่ได้มีผลทำลายก้อนเนื้อไปมากกว่านั้น 9 จากการให้คีโมหรือฉายรังสี ร่างกายก็จะได้รับสารพิษจำนวนมาก ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะถูกทำลายลงไป ทำให้ร่างกายง่ายต่อการติดเชื้อหรือพ่ายแพ้ต่อเซลล์มะเร็ง 10 การให้คีโมหรือฉายรังสี อาจเป็นเหตุให้เซลล์มะเร็งกลายพันธุ์หรือดื้อยาได้ ทำให้ยากแก่การรักษา การผ่าตัดก็สามารถทำให้เซลล์มะเร็งกระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่นของร่างกายได้ 11 วิธีที่จะต่อสู้กับเซลล์มะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ หยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยการหยุดให้อาหารที่เซลล์มะเร็งจำเป็นต้องใช้
คนที่เป็นมะเร็งต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทดังต่อไปนี้ เพราะเป็นสารอาหารที่เซลล์มะเร็งต้องการ
1 น้ำตาล เช่น น้ำตาลทรายขาว equal ควรงด ให้ใช้น้ำตาลธรรมชาติแทน เช่น น้ำผึ้ง แต่ต้องใช้ในปริมาณที่น้อยมากๆ 2 เกลือ ควรงดหรือใช้ในปริมาณน้อย 3 นม ควรดื่มน้ำนมจากถั่วเหลืองแทน 4 เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู การบริโภคเนื้อสัตว์ทำให้เกิดสภาพเป็นกรด มีแบคทีเรียที่ใช้ฮอร์โมนในการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปนเปื้อน ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนไข้ที่เป็นมะเร็ง ควรบริโภคอาหารประเภทเนื้อปลาแทน อีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื้อสัตว์ย่อยยากและต้องการเอ็นไซม์ในการย่อยสูง เนื้อที่ย่อยไม่หมดจะคงตกค้างอยู่ในลำไส้ อันนำไปสู่การมีสารพิษตกค้างในร่างกาย 5 ชา กาแฟ ชอกโกแล็ต และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำประปาและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ควรดื่มชาเขียวที่มีสารต้านมะเร็ง และดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำกรองแทนสิ่งที่ควรบริโภคและควรปฏิบัติสำหรับคนที่เป็นมะเร็ง 1 ผักและผลไม้สด เมล็ดถั่วแห้ง ธัญญาพืช อาหารเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายมีสภาพเป็นด่าง 80 % (ร่างกายจะได้จากอาหารที่ปรุงสุกแล้วเพียง 20%) น้ำจากผักและผลไม้สดจะให้เอ็นไซม์ที่ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อไปเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ที่ดี เพราะฉนั้นผู้ป่วยจึงไม่ควรกินผักที่ถูกนำไปปรุงให้สุกแล้ว เพราะเอ็นไซม์ในผักจะถูกทำลายไปที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส ควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำผลไม้สดและกินผักสด 2-3 ครั้งต่อวัน 2 อาหารเสริมบางชนิด ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพื่อไปทำลายเซลล์มะเร็ง เช่น วิตามินอี วิตามินซี 3 เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตในที่ๆมีออกซิเจนได้ การออกกำลังกายทุกวันและสูดหายใจเข้าลึกๆ จะช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในเซลล์ของร่างกาย การบำบัดด้วยออกซิเจนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำลายเซลล์มะเร็งได้ 4 เซลล์มะเร็ง เป็นเชื้อโรคของจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาน การควบคุมอารมณ์และมองโลกในแง่ดี จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น อารมณ์โกรธ ขมขื่น หรือเครียด จะสร้างสภาพความเป็นกรดให้ร่างกาย ควรเรียนรู้ที่จะรัก รู้จักให้อภัย พักผ่อนและสนุกสนานกับการใช้ชีวิตให้มากที่สุด วิธีสังเกตุอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ
1 มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งๆที่ไม่ใช่เวลาการมีรอบเดือนปกติของคุณ มีการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว การตรวจโดยการขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้นจึงจะรู้ได้ 2 มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง 3 มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ ท้องอืด อาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง 4 มะเร็งในเม็ดเลือด(ลูคีเมีย) อาการ เหนื่อยง่าย ซีดเซียวกว่าปกติ มักเกิดการฟกช้ำดำเขียวหรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่างๆทั่วร่างกาย บางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง 5 มะเร็งปอด อาการ ไอบ่อยๆ มีเลือดและเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก หรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วย 6 มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตาและผิวจะมีสีออกเหลืองถึงเหลืองจนเห็นได้ชัด 7 มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดออกปนมากับปัสสาวะ 8 มะเร็งสมอง อาการ ปวดศรีษะนานๆและบ่อยๆ มักมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียน หรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และมองเห็นสีเขียวๆแดงๆลอยไปมาเวลาปวดศรีษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือการเป็นลมกระทันหัน อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน เช่น มีอาการชาหรือเป็นอัมพาตชั่วคราว หากคุณเคยปวดหัวและมีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย ควรให้ความระวังเป็นพิเศษ 9 มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปากหรือที่ลิ้นเป็นเวลานาน มีแผลเปื่อยที่ปากแล้วไม่ได้รักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานานๆ 10 มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าหรือมีก้อนบวมในทันที ทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้ 11 มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยบ่อยๆ รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง หรือรู้สึกอิ่มตื้อแม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ 12 มะเร็งทรวงอก อาการ มีเลือดหรือของเหลวไหลออกมาจากหัวนม ผิวเนื้อทรวงอกหนาหรือบวมขึ้น มีก้อนบวมจนจับได้ บริเวณใต้รักแร้มีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ค้นหาสาเหตุของอาการบวมให้ชัดเจนเสียก่อน เพราะอาจจะเป็นแค่ซีสต์ก็ได้ ผู้หญิง 9 ใน 10 คน จะมีอาการบวมของก้อนเนื้อทรวงอกเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์ขึ้นมา 13 มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการปวดท้องอย่างมาก ระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระคล้ายๆอาการของริดสีดวง แต่ริดสีดวงนั้นถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดจะมีสีแดงสด ส่วนมะเร็งลำไส้เลือดจะมีสีแดงคล้ำ 14 มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการ มีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบ โดยที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในบางส่วนร่างกาย 15 มะเร็งผิวหนัง อาการ เกิดจากการที่มีแผลเปื่อยพุพองแล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานไม่ได้รักษา ตลอดจนไฝหรือหูดที่มีการเปลี่ยนสี รูปร่างหรือขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าเมลาโนมา (Melanoma) คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระ จุดด่าง หรือ ไฝ ถ้าหากว่าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกาย หรือว่าคนในครอบครัวมีประวัติเคยเป็นโรคนี้มาก่อน คุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ
** ที่มา ----->>> Forward Mail
Create Date : 19 มกราคม 2551
24 comments
Last Update : 26 พฤษภาคม 2561 3:41:36 น.
Counter : 1188 Pageviews.
โดย: NuHring 19 มกราคม 2551 9:31:09 น.
โดย: PriYa 19 มกราคม 2551 9:49:51 น.
โดย: catenjoy 19 มกราคม 2551 19:47:15 น.
โดย: veeda 20 มกราคม 2551 20:00:37 น.
โดย: veeda 26 มกราคม 2551 17:40:55 น.
โดย: veeda 2 กุมภาพันธ์ 2551 18:25:32 น.
โดย: NuHring 5 กุมภาพันธ์ 2551 15:59:28 น.
โดย: sailamon 7 กุมภาพันธ์ 2551 13:05:17 น.
โดย: catenjoy 7 กุมภาพันธ์ 2551 18:52:29 น.
โดย: sailamon 13 กุมภาพันธ์ 2551 22:45:23 น.
Location :
Thailand Germany
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [? ]
**..นิสัยส่วนตั๊ว..ส่วนตัว..** ตามใจตัวเองที่ซู๊ดดดด... รักแมวเป็นชีวิตจิตใจ อารมณ์ดีเหลือหลาย (แต่ถ้าร้ายขึ้นมาละก็ให้อยู่ห่างๆนะจ๊ะ) ความเครียดไม่เคยย่างกรายมาในชีวิต .. ติดจะบ้าๆ ... (อย่างหลังต้องทำใจกันหน่อยนะ อิอิ)**..คติ "ทำ" ประจำใจ..** Before you speak, listen Before you write, think Before you spend, earn Before you invest, investigate Before you quite, try Before you retire, save Before you die, give
1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30 31
อยากเสริมอีกนิด.....
การให้เคมีบำบัดหรือการฉายรังสีจะช่วยลดขนาดของก้อนมะเร็ง แต่เซลล์มะเร็งยังคงมีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในรูปแบบทวีคูณ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้เคมีบำบัดหรือฉายรังสีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อควบคุมขนาดของเซลล์มะเร็งให้อยู่ในภาวะที่ร่างกายสามารถควบคุมได้เอง...โดยอาศัยภูมิคุ้มกันของร่างกายเอง
ดังนั้น เราควรจะดูแลตัวเองทั้งกายและใจ ให้พร้อมเสมอค่ะ....
ขออนุญาติแอดบล็อกด้วยนะค่ะ