『ศิราพัชร ดวงใจนักรบ/ช่อง 3』
บทประพันธ์โดย : ไรวินทร์ (ศิรินยา พรมคำ)
ผลิตโดย : บริษัท ควิซ แอนด์ เควส จำกัด โดย โดย วัชระ คุปตะเวทิน
บทโทรทัศน์โดย : พรหมลิขิต
กำกับการแสดงโดย : อดุลย์ บุญบุตร


ดารานักแสดง

ศรราม เทพพิทักษ์ รับบทเป็น พชร
ศรีริต้า เจนเซ่น รับบทเป็น ลำธาร
ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ รับบทเป็น ธาม
หยาดทิพย์ ราชปาล รับบทเป็น บาจรีย์
มาวิน ทวีผล รับบทเป็น ภูษณะ
ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ รับบทเป็น พาริณ
อรรถชัย อนันตเมฆ รับบทเป็น ดารัณ
จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ รับบทเป็น ราชิต
สรพงษ์ ชาตรี รับบทเป็น อดิศร
สมรักษ์ คำสิงห์ รับบทเป็น จ่าแสง
สถาพร นาควิไล รับบทเป็น วาสิน
สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ รับบทเป็น เนตรา
พศิน เรืองวุฒิ รับบทเป็น ชาคร
อดิศร อรรถกฤษณ์ รับบทเป็น เวคิน
บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ รับบทเป็น หมอธีรัช
เวนช์ ฟอลโคเนอร์ รับบทเป็น มาดิสร์
นฤมล พงษ์สุภาพ รับบทเป็น ตวิษา
อรสา พรหมประทาน รับบทเป็น ศิรดา



เรื่องย่อ

มินาลิน รัฐอิสระเล็กๆ ที่มั่งคั่งด้วยเพชร ปกครองโดยผู้นำรัฐชื่อ วาสิน (สถาพร นาควิไล)มีภรรยาชื่อ เนตรา (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) ทั้งสองมีลูกชายด้วยกันคือ พชร (ศรราม เทพพิทักษ์) วาสินมีเพื่อนสนิทที่พ่อนำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม คือ ดารัณ (อรรถชัย อนันตเมฆ) ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันจนวาสินขึ้นเป็นผู้นำ ดารัณได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ดูแลด้านการทหารของมินาลิน เขามีอำนาจรองจากวาสิน

ต่อมาดารัณได้ทำการกบฎ ไพรสณฑ์ เป็นผู้บัญชาการทหารที่วาสินไว้ใจให้พาเนตราและพชรหนี แต่ไพรสณฑ์หักหลังวาสินและเข้าเป็นพวกของดารัณ โดยลวงสองแม่ลูกไปฆ่าทิ้ง แต่ถูกพชรฆ่าตายก่อน สองแม่ลูกได้รับการช่วยเหลือจาก มาดิสร์ (เวนช์ ฟอลโคเนอร์) ผู้นำรัฐอิสระเล็กๆ ชื่อรัฐ มินทุ โดยมาดิสร์บอกกับคนของเขาว่าทั้งสองเป็นญาติ ดารัณก่อการกบฏสำเร็จและจับวาสินไว้แล้วบังคับให้เปิดห้องนิรภัยที่เก็บ "ศิราพัชร" อัญมณีประจำตำแหน่งผู้นำแคว้น ซึ่งต้องใช้นิ้วของวาสินเป็นรหัส วาสินไม่ยอม ดารัณจึงตัดนิ้ววาสินและสั่งให้ ชาคร (พศิน เรืองวุฒิ) นำวาสินไปฆ่า

มาดิสร์มีลูกสาวชื่อ บาจรีย์ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และลูกชายชื่อ ภูษณะ (มาวิน ทวีผล) อดิสร (สรพงษ์ ชาตรี) ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษแห่งประเทศไทยเพื่อนรักของมาดิสร์มารับพชรไปเรียน การรบ พชรมาเรียนการทหารที่ประเทศไทยในนาม ชวิน อดิสรมีลูกชายที่เรียนทหารเหมือนกันชื่อ ธาม (ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ) และลูกสาวที่กำลังเรียนหมอชื่อ ลำธาร (ศรีริต้า เจนเซ่น) วันหนึ่งระหว่างการฝึกการทหารอย่างหนัก

พชรมีโอกาสได้ช่วยเหลือ ธาม ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต่อมาธามได้ช่วยชีวิตพชรในขณะที่จะถูกลอบฆ่าในระหว่างการฝึกภาคสนาม ทำให้ทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน ลำธารจัดงานวันเกิดที่ร้านอาหารในวันที่เรียนจบ พชรแอบมอบของขวัญวันเกิดเป็นสร้อยเพชรที่เคยเป็นของพ่อใช้หมั้นแม่โดยฝากบริกรไปมอบให้เธอ

วันแรกของการผ่าตัดจริงที่ น.ศ.แพทย์ลำธาร ต้องผ่าตัดด้วยตัวเองโดยมี น.ศ.แพทย์ ธีรัช (บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ) ลูกชายนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่หลงรักเธออีกคนคอยเป็นกำลังใจ และเธอก็สามารถผ่านการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี ดารัณสั่งเก็บผู้ที่เขาส่งไปลอบสังหารพชร แต่มีมุกริน ภรรยา และดิสรณ์ ลูกชายที่ไม่เห็นด้วย

วาสินที่ใครๆคิดว่าตาย กลับรอดชีวิตมาได้จากการช่วยเหลือของชาคร ชาครได้เข้ามาเป็นสายสืบโดยชาครมีเป้าหมายเพื่อจะให้วาสินฟื้นความจำ ในวันจบหลักสูตรขณะที่พชรเลี้ยงฉลอง คนของดารัณมาลอบฆ่าพชรแต่วพชรก็ได้หลบหนีไปได้ พชรหนีมาจี้รถและบังคับให้คนขับรถพาเขาหนี แต่คนที่จี้มากลายเป็นลำธาร พชรพาลำธารบุกป่าฝ่าเข้าไปซ่อนตัวในถ้ำแห่งหนึ่งทางเหนือ โดยมีพวกดารัณตามฆ่าทั้งสองตลอดเวลา แต่ความที่หลงรักมาหลายปี พชรหลอกลำธารว่ามีสัตว์ร้าย มีอันตรายสารพัดจนลำธารต้องหนีระหกระเหินไปกันสองคนเป็นเวลาถึง 7 วัน

ลำธารสัมผัสได้ถึงความเป็นสุภาพบุรุษและความเก่งกล้าสามารถ รวมถึงความอ่อนโยนที่พชรมีต่อเธอ จนทำให้เธอเกิดความรู้สึกพิเศษต่อเขา ลำธารไม่ยอมกลับกรุงเทพฯเมื่อพชรต้องเปลี่ยนแผนการหนี ลำธารยืนยันจะเป็นตัวประกันไปจนถึงชายแดน ด้านผู้หมวดธามได้รับแจ้งจากพชรว่าได้จี้รถของลำธารหนี จึงตกใจแต่ก็ได้คำอธิบายจึงยอมทำตามแผนของพชรโดยปล่อยให้น้องสาวไปกับเขา และก็ได้ตามขึ้นไปที่ชายแดนเพื่อรับน้องสาวกลับบ้าน

พชรเดินทางกลับ มินทุทั้งที่หัวใจของเขาอยู่กับลำธาร ชาครพาวาสินมาดักรอพบพชร พชรดีใจมากที่พ่อยังไม่ตายถึงแม้จะยังจำอะไรไม่ได้ เนตราพยายามดูแลวาสิน และทั้งหมดก็ร่วมกันวางแผนกู้มินาลินคืน จากการครอบครองรัฐโดยไม่มีคุณธรรมของดารัณ มินาลินที่เคยมีความสุขกลับตกต่ำ ประชาชนทุกข์ยาก มีการชุมนุมประท้วงดารัณโดยการนำของ พาริณ (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) เพื่อนสาวของพชร ทั้งสองแอบพบกันและร่วมกันวางแผนกู้มินาลินคืน การประท้วงของกลุ่มผู้ใช้แรงงานครั้งต่อๆมามี พชร และชาครชักใยอยู่เบื้องหลัง

ลำธารเฝ้าติดตามเรื่องราวของมินาลินอย่างใกล้ชิด และก็อาสาไปกับทีมแพทย์เพื่อไปดูแลผู้บาดเจ็บที่มินาลิน ชาครถูกดารัณปลดออกจากตำแหน่งและให้ ราชิต (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) ขึ้นรับตำแหน่งแทน พชรได้รับบาดเจ็บหนีเข้ามารักษาตัวที่หน่วยแพทย์อาสา และได้พบกับแพทย์หญิงศิรพัชร (ลำธาร) ดารัณตามล่าพชรลำธารจึงพาพชรหนี ดารัณใช้ให้ราชิตสลายม๊อบโดยใช้กำลังและสั่งจับแกนนำกลุ่มแล้วตั้งข้อหากบฏ ส่วนผู้ร่วมประท้วงถ้าหนีไม่ทันก็ถูกจับกุมโดยไม่รู้ชะตากรรม เวคิน (อดิศร อรรถกฤษณ์) แกนนำคนสำคัญหนีมาได้โดยมีคนของพชรช่วย

พาริณมองออกว่าพชรและลำธารรักกันเธอจึงพยายามเข้าใกล้ชิดพชร แต่พาริณก็ไม่สามารถทำให้พชรรักเธอได้ พชรเดินทางไปยังดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ รัฐมินทุจึงส่งภูษณะลูกชายของมาดิสร์เป็นตัวแทนมาเข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อ คอยช่วยพชร มานิตย์ นายทหารคนสนิทที่มีกำลังในมือพอสมควรเห็นว่าแผนของพชรช้าไป จึงชิงลงมือบุกเข้าไปเพื่อจับตัวดารัณก่อน แต่เกิดผิดพลาด จนพชรต้องนำกำลังเข้าไปช่วย

พาริณจับมือกับหมอธีรัช ที่จะทำให้พชรและลำธารเลิกร้างกัน และทั้งคู่ก็ทำสำเร็จ ทั้งสองจึงเข้าใจผิดกัน ความรักของทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีกันหรือไม่ และปฏิบัติการรบเพื่อกอบกู้เมืองมินาลินจะเป็นอย่างไร

ติดตามชมได้ใน "ศิราพัชร ดวงใจนักรบ" แพร่ภาพทุกคืนวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 20.30 น.
เริ่มตอนแรกวันเสาร์ที่ 18 กันยายน 2553







» ที่มา : baanseries






Create Date : 19 กันยายน 2553
Last Update : 19 กันยายน 2553 18:08:25 น.
Counter : 349 Pageviews.

0 comments

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
กันยายน 2553

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30