ผู้กำกับ “พิงค์-กัลป์” พูดถึงการเข้ามารับงานที่ท้าทายเรื่องนี้ว่า

“ตอนสงกรานต์ปีนี้พี่สง่า(สง่า ฉัตรชัยรุ่งเรือง)ที่เป็นเจ้านายเก่าของผม เขาโทร.มาหาให้มาคุยหน่อยมีโปรเจ็กต์ให้ทำ ตอนนั้นก็กำลังทำเรื่อง จิต สัมผัส 3Dอยู่ ก็เข้ามาคุยมาเจอพี่วิทยา ศุภพรโอภาสก็เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกฟลุคครับคือเขาหาผู้กำกับที่มีโปรไฟล์เคยทำค่ายเพลงมาก่อน แล้วก็ทำหนังพอดีเรื่องที่แล้วพี่อ๊อด บัณฑิต ทำแล้วแกไม่ว่างมาทำเรื่องนี้แกไปติดทำละครครับพี่สง่า ก็เลยแนะนำผมให้พี่วิทยารู้จักผมรู้จักพี่วิทยาแค่แฟนเพลงแฟนรายการแค่นั้น ก็ได้โอกาสวันนั้น”

เตรียมงานหนังเรื่องนี้ยังไงบ้าง

“ก็ได้ฟังพล็อตจากพี่วิทยาก็มีการปรับบ้าง แกก็รับฟังทีแรกนึกว่าแกไม่ฟังแกดูแบบเสียงดังจริงๆแกไม่มีอะไรก็ขอปรับแกก็ยอมรับฟัง พอคุยกันช่วงสงกรานต์ บทเสร็จพฤษภา มิถุนาฯ เปิดกล้อง 7กรกฎาฯ ปิดกล้อง สิงหาฯ”

จากภาคก่อน“มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม” มีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง

“ผมได้ดูภาคแรกที่พี่อ๊อด(บัณฑิต ทองดี) กำกับเมื่อ12ปีที่แล้ว ก็ยังมีบางตัวที่ดึงมาอยู่แต่ผมก็บอกพี่วิทยาว่าโจทย์เรื่องนี้คือให้หนังลูกทุ่งที่ให้คนรุ่นใหม่กล้ามาดูหมายถึงวัยรุ่นหรือคนที่ไม่กล้ามาดูเพราะอาจคิดว่าเชยเพราะฉะนั้นต้องมีคนรุ่นใหม่เข้ามาด้วย คนรุ่นใหม่เจอคนรุ่นใหญ่คนรุ่นใหม่ผมก็เลยดึงไผ่(ไผ่ พงศธร) เปา(เปาวลี พรพิมล)หญิงลี กระแต กระต่าย อาร์สยาม บลูเบอร์รี่ ดึงเข้ามา”

ทำไมถึงต้องปรับภาพลักษณ์ของลูกทุ่ง

“โดยภาพรวม คนมักจะมองว่าลูกทุ่งเชยเสี่ยว อะไรอย่างเนี่ย ผมก็บอกพี่วิทยา ต้องทำให้มันเป็นแฟชั่น ทำให้สมัยใหม่ขึ้น เพื่อดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาพี่เขาก็โอเคเพื่อจับคนรุ่นใหม่ ครึ่งนึงก็กลุ่มเก่าผมว่าทุกคนก็มีแฟนเพลงอยู่แล้ว ดึงคนกลุ่มใหม่เข้ามาทำหนังให้แฟชั่นขึ้น สมัยใหม่ขึ้นคนถึงจะกล้ามาเปิดใจดูเรื่องนี้ ผมว่าวัยรุ่นดูได้ ทุกเพศทุกวัยครับ”

ความเกี่ยวเนื่องจากเรื่องก่อน“มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม

“ยังมีเรื่องโจรพันหน้าพี่เอกชัยเป็นโจรพันหน้าแล้วก็หมวดยิ่งยง หมวดเสริมเวช แล้วก็กลุ่มลูกทุ่งเก่าแล้วก็พูดถึงเงินล้านการแย่งชิงเงินล้าน แต่ผมเพิ่มความสามัคคีของลูกทุ่งครับผมว่าคนไทยขาดเรื่องความสามัคคีไปนานแล้ว ผมว่าคนลูกทุ่งน่ารักดีความอลหม่านวุ่นวายที่เกิดขึ้นในรถ การแก้ปัญหาง่ายๆเลยคือพระทศพลในภาคที่แล้วต้องการหาเงิน 1 ล้านเพื่อมาบูรณะวัดก็บอกกลุ่มคนลูกทุ่ง พวกเขาก็กระจายตัวจัดทอดผ้าป่าสามัคคีหาเงิน 1 ล้าน โจรพันหน้าที่ติดคุกจากภาคที่แล้วได้ออกจากคุกก็รู้ว่าจะมีการรวมพลก็ต้องการแก้แค้นเอาเงินล้านและฆ่าพวกลูกทุ่งเรื่องก็เกิดขึ้นและอลหม่านในรถบัส เงินล้านหายไป ลูกทุ่งเลยต้องจัดงานเพื่อเอาเงิน1 ล้านกลับมาให้ได้ หนังเรื่องนี้มีพลิกครับ แต่บอกไม่ได้”

ฉากในรถทัวร์มีมากน้อยแค่ไหน

“หนังแบ่งเป็น 3 พาร์ทครับ พาร์ทเปิดเรื่อง อยู่ในรถกับอยู่ในวัดครับ ในรถก็ประมาณ 40%ครับ”

ทำไมถึงอยากถ่ายทำฉากในรถทัวร์

“ผมบอกพี่วิทยาว่าอยากมีอารมณ์แบบหนังเรื่องSpeedครับไปด้วยกันในความเร็ว 80 แต่เรื่องนี้แค่ 40แล้วก็ไปเจอผี เจออะไรครับ สนุกครับช่วงที่ผมอยู่ค่ายเพลงแล้วท่านป๊ะกำพล(กำพล วัชรพล ไทยรัฐ)จัดงานไปเปิดโรงเรียนไทยรัฐวิทยา)จะมีนักร้องมาเฮฮาบนรถผมชอบอารมณ์นั้นครับ ก็เลยได้ไอเดียนี้มา แล้วลูกทุ่งต้องมีงานวัด ต้องมีคอนเสิร์ตก็หยิบตรงนี้มาทำ”

การถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้างปัญหาในการถ่ายทำ

“ก็สนุกมากมีปัญหาก็คิวแต่ละคนครับ คิวทองกันหมดต่มารวมกันได้ ทำยังไงให้คน 30-40 คนมาถ่ายแล้วถ่ายให้ทัน ใช้กล้องประมาณ 4 ตัวอย่างต่ำครับถึง9 ตัวบางครั้งเพื่อให้รับให้ทัน เพราะเป็นมุกสดเยอะเหมือนกันผมมีเส้นเรื่อง มีมุกแล้ว แต่คนลูกทุ่งพี่ๆเขาเสนอมุกกันเยอะ โฟลมุกกันเยอะเพราะงั้นเราต้องจับให้ทัน เพราะเทค 2 จะไม่เหมือนเทคแรกแล้วผมก็เลยต้องเอากล้องจับให้เยอะที่สุด”

ใช้ดารานักร้องเยอะมากวางใครให้เป็นพระเอก-นางเอก

“มีนักร้อง 40กว่าๆถึง 50 คน แต่เรื่องนี้ไม่มีพระเอกนางเอกแต่พยายามโยนให้ทุกคนเป็นตัวเอก พี่วิทยาบอกว่าพยายามทำให้ทุกคนเด่นหมดก็พยายามให้คนนี้เป็นนี่ คนนั้นเป็นนี้ มุกนี้ขอคนนี้เกิด ไปบอกพี่เขามุกนี้ขอให้คนนี้มุกนนี้ของพี่สุนารี มุกนี้ของพี่ฮาย มุกนี้ให้ไผ่ให้เปา มุกนนี้ให้กระแตกระต่ายมุกนี้พี่เอก พยายามแบ่งๆทุกๆคนเล่นเป็นตัวเองแต่เราก็ใส่คาแร็กเตอร์ไปด้วยไผ่เป็นไผ่ หญิงลีเป็นหญิงลี อะไรอย่างเนี่ยแต่ก็มีใส่เรื่องให้เขาใส่คาแร็กเตอร์ไปบ้าง กระต่ายมาชนพี่ฮาย อาภาพร กระแตเก่งมวย บลูเบอร์รี่พูดพร้อมกัน หญิงลี ไผ่ เปาวลี เป็นรักสามเส้า เราสร้างเรื่องให้เขา”

ดูเหมือนหนังจะยาวมากจริงๆแล้วเป็นอย่างไร

“ประมาณ 100 นาทีต้นๆเองครับ ประมาณ 105 นาทีประมาณนี้”

ความรู้สึกในการกำกับหนังเรื่องนี้

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาทำผมสนุก ไม่ได้หนักใจ ผมทำให้ดีที่สุด ปรุงอาหารให้ดีที่สุดผมบอกว่าเรื่องนี้จะเป็นสมตำขึ้นห้าง ไม่ได้อยู่ตามปั๊ม ผมชอบมากพูดจริงๆผมเป็นคนสตริง ทำวงการเพลงสตริง อันนี้มาทำลูกทุ่งผมรู้สึกลูกทุ่งมีมนต์เสน่ห์ น่ารัก ทำให้ผมอยากออกกองทุกวัน ผมเห็นลูกทุ่งเขาน่ารักอยากออกกองทุกวันแล้วก็หนังเรื่องนี้สนุกแล้วจะเห็นว่าลูกทุ่งไม่ได้เชย ไม่ได้เสี่ยว”

ใช้เพลงเข้ามาเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน

“หยิบเพลงฮิตของแต่ละคนมาแต่ไม่ได้เดินเป็นหนังเพลง ไม่ได้เต็มเพลงมาเป็นมุก แล้วมีเพลงใหม่ทำใหม่เลย 1 เพลง แล้วพี่วิทยาไปได้ลิขสิทธิ์หนุ่มนาข้าว-สาวนาเกลือมาด้วย”

การทำงานกับดาราลูกทุ่งเป็นอย่างไร

“ผมปลื้ม สุนารีราชสีมา ทำทุกอย่างด้วยสปิริต รวมถึงทุกๆคน เขาทำด้วยสปิริต พี่ฮายก็เป็นตัวชงมุกแก๊งค์พวกพี่เอก พี่ปีเตอร์ คือทุกคนเหมือนอัจฉริยะ ทุกคนไม่มีบ่นอะไรจริงๆหนังมีคน 40-50 คนต้องมีเรื่องเยอะปัญหาแยะแต่ไม่มีเลย สนุกมากผมชอบที่ทุกคนมาเล่นผมแฮปปี้ครับทุกคนถึงดังแล้วแต่ไม่มีใคถือตัว เขาไม่มีอัตตาว่าเขาต้องเป็นอะไร เขาง่ายๆทำงานง่าย ให้เกียรติคนอื่น”

โดยส่วนตัวคิดว่าความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือ?

“หนึ่งเป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยแล้วหนังอย่างนี้ก็หายไปนานแล้วเป็นอีกครั้งที่เอาดารานักร้องลูกทุ่งมารวมมากที่สุด ได้กลับมาแล้วสร้างเสียงหัวเราะเสียงฮาให้กับทุกคน โดยมีแก่นเรื่องของความสามัคคีไม่ได้ตลกอย่างเดียวมีดราม่าด้วย มีซึ้งด้วย ดูเรื่องนี้คุณจะรักลูกทุ่งอยากฟังเพลงลูกทุ่ง ไม่ได้เสี่ยวอย่างที่ทุกคนคิดครับ อยากให้ทุกคนหันมามันคือรากเง้าของคนไทย เปิดโอกาสเปิดใจลองมาดูบ้าง เหมือนเพลงหญิงลี ตอนนี้ขอใจแลกเบอร์โทร. ใครๆก็เต้นได้คุณได้เปิดใจแล้ว หนังลูกทุ่งทุกคนก็สามารถดูได้ เรื่องนี้ก็เช่นกันทุกคนดูได้หมด”