ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น จำกัด ร่วมกับ ไฮเปอร์ พิคเจอร์ นำเสนอภาพยนตร์รักโรแมนติก คอมมาดี้ ใน CoffeePlease แก้วนี้หัวใจสั่น กับเรื่องราวความรักหลายรูปแบบฉบับกาแฟหอมกรุ่นนำแสดงโดย อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์, ปิ๊บ- รวิชญ์ เทิดวงส์, จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข,จอย-ชลธิชา นวมสุคนธ์, มอร์-วสุพลเกรียงประภากิจ และนางเอกน้องใหม่ เจนนี่-วรรณิการ์ พุดชั่ง ผลงานการกำกับของ 2 ผู้กำกับ เจนไวยย์ ทองดีนอก และ ประกาศิตภัทรธีรานนท์( 2 คนนี้เคยร่วมงานกันในหนังเรื่อง ความสุขของกะทิ โดย เจนไวยย์ เป็นผู้กำกับ) เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 17 ตุลาคม 2556
2 ผู้กำกับ เจนไวยย์ ทองดีนอก, ประกาศิตภัทรธีรานนท์ พูดถึงการเข้ามาร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่องCoffeePlease แก้วนี้หัวใจสั่น
เจนไวยย์:
คือ RobertLi เขาเป็นเจ้าของโปรเจ็กต์เขาเริ่มเฟ้นหาผู้กำกับในฐานะเป็นผู้กำกับคนหนึ่งก็มองว่าการทำงานแบบนี้ผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันว่ามีโปรเจ็กต์มา มีคนเขียนบทมีนักแสดงที่เป็นเหมือนตุ๊กตาไว้แล้วหาผู้กำกับมาลองทำดูจนมาถึง ประกาศิตซึ่งประกาศิตก็เรียกผมมาช่วยด้วยเพราะผมก็เคยทำหนังยาวมาแล้วเรื่องหนึ่ง(ความสุขของกะทิ)น่าจะทำให้ไทม์มิ่งหรือเวลาที่มีไม่มากเนี่ยในช่วงเวลาที่กาแฟกำลังจะถูกเก็บ ถ้าช้ากว่านั้นเราก็จะไม่ได้ภาพแบบนี้เรียกมาไม่ใช่เพราะผมจะช่วยอะไรเขาได้มาก แต่เป็นเพราะเวลาอีกอย่างเราเป็นเพื่อนกันมานานการที่จะช่วยทำงานค่อนข้างง่ายและให้เสร็จทันเวลาด้วย
ประกาศิต:
ช่วง มกราฯ-มีนาฯ แล้วโปรเจ็กต์มาถึงผมเนี่ยเรามีเวลาเตรียมงานที่จำกัดมากๆผมเลยปรึกษากับเจนไวยย์ ว่าคงต้องช่วยกันทำแล้วล่ะเพราะไม่งั้นคงไม่ทันตามช่วงเวลาที่กาแฟต้องเก็บช่วงที่เป็นเม็ดแดงๆที่เป็นเชอร์รี่เลยได้ทำด้วยกัน
เจนไวยย์:
ปีหน้าอาจจะไม่ได้เพราะถ้าดูหนังกันมา บางเรื่องได้ในช่วงปีนี้จริงๆปีถัดไปอาจไม่ได้สภาพอากาศที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆกาแฟจะได้ผลผลิตเป็นยังไงก็ไม่รู้ถ้าตอนนี้สามารถถ่ายได้ก็ถ่ายเลย งั้น 2 คนก็ช่วยทำงานให้เร็วคุณภาพให้มากขึ้น
แล้วทำไมถึงเลือหประเด็นเกี่ยวกับกาแฟ
เจนไวยย์:
คือเราต้องการความแตกต่างทางภาพยนตร์ในพ.ศ.นี้ เราก็มองว่าเรื่องกาแฟจริงๆแล้วมันก็มีมานานแล้วแต่มันก็แผ่วไปซึ่งจริงๆมันไม่ได้แผ่วมันอยู่คงที่เท่านั้นเองแต่ช่วงนี้มันขึ้นมาอีกแล้วเรื่องกระแสการทานกาแฟหรือของคนเมืองคนทำงาน ที่มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้วทีนี้มันก็เป็นที่มาว่าทำยังไงเราถึงจะตอบโจทย์คนดูให้มามีส่วนร่วมได้มากที่สุดเพราะฉะนั้นการทำเรื่องกาแฟจึงเป็นคำตอบแล้วเป็นกาแฟแล้วยังไงงั้นก็ต้องไปถึงต้นกำเนิดของกาแฟเลย เพราะจะได้เห็นว่ากาแฟปลูกที่ไหนทำอะไรได้บ้าง ก่อนมาถึงให้เราได้ดื่มเนี่ยได้ผ่านกระบวนการอะไรบ้างแต่ว่ามันต้องเสิร์ฟด้วยเรื่องของความรัก ความโรแมนติกเข้าไปด้วยจริงๆถ้าเปรียบกันแล้วกาแฟก็คือ ความรักนั่นแหล่ะ เพราะมันมีหลายรูปแบบแล้วมันมีรสชาติ มีกลิ่นที่เย้ายวนคล้ายๆกันแล้วที่สำคัญอย่างที่บอกมันให้ความรู้สึกที่หอมหวน ติดใจในรสชาติได้ง่ายเพราะฉะนั้นมันจึงถูกเชื่อมโยงกับความรัก เพราะฉะนั้นหนังใน พ.ศ.นี้ถ้าเป็นหนังรักโรแมนติกคอมาดี้แล้วมีเรื่องของกลิ่นกาแฟอบอวลไปด้วยมีหลากหลายความรักให้เห็นในเรื่องมันน่าจะลงตัวแล้วน่าจะตอบโจทย์คนที่อยากดู
ต้องผสานความรักในหลายประเด็นกับเรื่องของกาแฟยากไหมในการผสานให้ลงตัว
ประกาศิต:
ช่วงแรกก็ยากอยู่เหมือนกันเพราะว่าต้องมาดูว่าเรื่องราวที่เอามาหลอมรวมกัยการทำกาแฟเนี่ยมันจากที่เจนไวยย์บอกว่าต้องเริ่มจากต้นกำเนิดมันเลยเราต้องคิดว่าเรื่องราวแบบไหนที่จะช่วยห่อหุ้มหรือว่า packageตัวกาแฟเนี่ยได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็คิดกับทีมเขียนบทก็เลยออกมาเป็น coffeeplease แก้วนี้หัวใจสั่นเรื่องราวตั้งแต่ไร่กาแฟไปจนถึงการแข่งขันกาแฟการเปิดร้านกาแฟเป็นการทำงานร่วมกันของทีมเขียนบท ผู้กำกับ แล้วก็โปรดิวเซอร์(RobertLi)
การทำงานกับบทที่ไม่ได้เขียนเองรู้สึกยังไง
เจนไวยย์:
เรื่องบทนี่แบบว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวผมก็เคยทั้งเขียนเอง เขียนกับเจ้าของบทประพันธ์ผมรู้สึกว่าจริงๆแล้วบทที่ดีจะมาจากใครก็เหมือนกัน ขอให้มันเป็นบทที่ดีมาปรับให้เข้ากับการทำงานที่เหมาะสมที่เราถนัดด้วยเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่คนอื่นเขียนบทแล้วเรามีส่วนร่วมในการปรับแต่งบ้างผมว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ก็อยากให้ทุกคนมาดูว่าการที่มีบทดีๆการที่ผู้กำกับไม่ได้เขียนบทเองเนี่ยออกมาแล้วหนังน่าสนใจแค่ไหน
ประกาศิต:
ผมรู้สึกว่าเป็นการทำงานเป็นทีมครับการที่เราได้มีไอเดียเป็นของตนเองแล้วก็เอาไอเดียของคนอื่นบวกเข้ามาจะช่วยส่งเสริมหรือพัฒนาในแง่ของบทแง่ของเนื้อเรื่องอย่างก้าวกระโดดมากกว่านั่งจมกับตัวเองแล้วเขียนเองครับ
วางให้เป็นหนังในแนวโรแมนติกคอมาดี้
เจนไวยย์:
แน่นอนเป็นโรแมนติกคอมาดี้เพราะตอนแรกตอนทำไปก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหนเพราะก็ทำตามบทไปเรื่อยๆแต่พอเห็นการเข้าฉากของตัวพระนาง การเข้าเจอกันของตัวตลกมีฉากสนุกสนานมันเลยมีความเป็นคอมาดี้อยู่แน่นอน มันเป็นเรื่องพัฒนาการความรักของ 2คู่ที่มีตั้งแต่เริ่ม มีช่วงกลาง ช่วงท้ายและบทสรุปก็สรุปได้เลยว่าเป็นโรแมนติกคอมาดี้แน่นอน
หลายๆสิ่งที่ต้องการนำเสนออยู่หลายอย่างเรื่องราวของกาแฟโดดเด่นมากน้อยแค่ไหน
ประกาศิต:
ผมว่าแยกเป็น 2 ส่วน กาแฟเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของเรื่องราวอยู่แล้วเพราะเป็นเรื่องความฝันของ 2พี่น้องคนพี่อยากทำตามฝันของตัวเอง คนน้องอยากเป็นบาบิสต้าสุดท้ายตัวกาแฟเองก็จะดึงการเดินทางของทั้ง 2 คนมห้มาร่วมกันกาแฟมีอยู่แล้ว ไม่ได้หายไปมันเป็นการชูรสของตัวรักโรแมนติกแล้วชูรสด้วยการเติมอารมณ์ขันเข้าไปมาเสริมทำให้เรื่องของกาแฟหอมหวนมากขึ้นด้วยซ้ไป
การคัดเลือกนักแสดงให้ลงตัวกับเรื่องนี้
เจนไวยย์:
จริงๆเราเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกแล้วกันไม่ได้เลือกโดยตรงว่าต้องการคนนั้น คนนี้ การทำงานเรื่องนี้อย่างที่บอกมันเป็นทีมเวิร์คมีโปรดิวเซอร์อย่างคุณ โรเบิร์ต ลีแล้วผู้กำกับก็มีตั้ง 2 คนเพราะฉะนั้นเนี่ยจะไม่สามารถฟันธงว่าจะเอาคนนั้นคนนี้ได้ทีนี้ก็มีการพิจารณษ มีการพูดคุยกันว่าทำไมเอาดาราคนนั้นคนนี้มาเล่นก็เหมือนเป็นการคาดเดาเหมือนกันว่าในช่วงปีนี้นี่มีใครที่แบบน่าสนใจแล้วก็อย่างที่เห็นเรื่องอื่นก็อาจจะดูซ้ำหน้ากันไปคราวนี้ทำยังไงให้คนตอบรับได้ง่ายแล้วไม่ดูช้ำจนเกินไปเพราะฉะนั้นมันก็เลยมาลงที่ดาราที่เล่นละคร อย่างอ๋อมเองที่ไม่เคยเล่นหนังไทยเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจมากในการเข้ามารับบทนำ รับบทที่แตกต่างจากที่เคยรับบทในละครมาทั้งหมดโดยสิ้นเชิงเรียกว่าพลิกคาแร็กเตอร์รอยยิ้มในละคร กับยิ้มในหนังเรื่องนี้ก็แทบจะแตกต่างกันเลยหรือความสนุกสนานขี้เล่นทุกอย่างก็จะแตกต่างกันไปเพราะฉะนนั้นเนี่ยมันเลยเป็นอะไรที่น่าลุ้นแล้วน่าติดตามมากว่า อ๋อม แล้วนักแสดงคนอื่นเนี่ยพาเรื่องนี้ไปถึงไหน
ประกาศิต:
ผมรู้สึกว่ามันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวอย่างที่เจน บอกพอเราได้ อ๋อมได้นางเอกใหม่คาแรกเตอร์ที่จะมาเป็นพี่ชายของอ๋อมเนี่ย ใครเหมาะสมซึ่งมองแล้วเนี่ยพี่ปิ๊บนี่แหล่ะที่สามารถที่จะมาเป็นพี่ชายอ๋อม ในแง่ของฝีมือการแสดง ในแง่ของร่างกายphysicalด้วยเพราะอ๋อมนี่ตัวใหญ่พอมาเข้าฉากด้วยกันแล้วจะช่วยเสริมให้ฉากนั้นๆของความเป็นพี่น้องมันทรงพลังมากขึ้นการที่เลือกนักแสดงมาทั้ง 4 คนเนี่ยเป็นส่วนผสมที่พยายามทำให้ลงตัวมากกว่าซึ่งผมคิดว่าเราทำได้ดีทีเดียวที่นำทั้ง 4 คนมารวมกัน
3 นักแสดงนำอย่างโดย อ๋อม-อรรคพันธ์, ปิ๊บ- รวิชญ์,จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ ก็มีชื่อเสียง ประสบการณ์พอควรแต่นางเอกน้องใหม่ เจนนี่-วรรณิการ์ ถูกกดดันไหม
เจนไวยย์:
กดดันมากอยู่ ยากด้วยตัวเขาเองเราก็ให้เขาแค่ผ่อนคลายว่าจริงๆแล้วเนี่ยนักแสดงมืออาชีพส่วนใหญ่เวลาอยู่ในฉากจริงๆเขาไม่ฆ่ากันหรอกเขาช่วยกันเพราะฉะนั้นน้องเขาก็จะเบาใจมีหลายฉากที่ จักจั่นก็ช่วย อ๋อมก็พยายามช่วยให้น้องรู้สึก relaxก็ต่อบทกันไปได้ เราเริ่มจากฉากง่ายๆ มีพัฒนาการน้อยๆฝึกจินตนาการของน้อง แล้วน้องเองก็มีการเตรียมตัวมาดี มีการworkshop มีการซ้อมบทแบบตลอดระยะเวลาที่เราเตรียมงาน พอมาเจอก็ค่อนข้างเกินหวังกลายเป็นว่าน้องเขาเล่นแล้วน่ารักการเป็นนางเอกใหม่สัดส่วนที่ลงตัวกับบทบาทไม่ทำให้ใครรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินกลายเป็นว่าทุกคนให้กำลังใจ
มีหนังรักออกมาอย่างต่อเนื่องจะทำให้คนดูเบื่อ แล้วส่งผลลบกับเรื่องนี้ไหม
เจนไวยย์:
คือหนังในประเทศไทยเราที่ผ่านมาเรียกว่าอะไรเป็นกรุ๊ปๆ คือหนังผีก็จะมาผี หนังตลกก็มาเป็นล็อตๆเพราะฉะนั้นก็ไม่น่าเชื่อว่าปีนี้เนี่ยจะเต็มไปด้วยหนังรักนะถ้าหนังรักที่เหมือนสมัยก่อนที่ถ่ายในสถานที่สวยๆบรรยากาศสวยงามใช้เรื่องราวโรแมนติกคอมมาดี้มาจับเนี่ยกลายเป็นว่าปีนี้เป็นปีแห่งความรักมั้งปีแห่งความโรแมนติกของคนซึ่งจริงๆบ้านเรามีความสับสนวุ่นวายเยอะมีเรื่องที่ต้องคิด ค่าครองชีพที่สูง หนังพวกนี้อาจจะทำให้คนดูรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเหมือนได้ชาร์ตแบต
หลังๆเนี่ยคนดูหนังเรื่องของกระแสหรือความซ้ำกันเนี่ยอยู่ที่ตัวเนื้อหาของหนังด้วย เนี่ยเนื้อหาหนังรัก coffeeplease ค่อนข้างแตกต่าง ไม่ใช่เรื่องจีบกันแล้วอกหักอยู่ในเมืองแต่เป็นเรื่องความฝันของคน คนนึงอยากเป็นบาบิสต้า อีกคนอยากทำไร่กาแฟต้องมาทำไร่กาแฟตั้งแต่ต้นจนจบ คนดูจะได้เห็นว่าเม็ดกาแฟเป็นยังไงได้เห็นวิวที่ดอยช้าง ดอยตุง ท้องฟ้าสวยๆดอกไม้งามๆจะได้เห็นด้วยทำให้หนังรักเรื่องนี้ไม่น่าห่วงว่าคนจะไม่รู้สึกว่าเอียน เพราะมีความแตกต่าง
หากพูดถึงเสน่ห์ความน่าสนใจของCoffee Please แก้วนี้หัวใจสั่น
ประกาศิต:
ก็ตั้งแต่ต้นเริ่มโปรเจ็กต์ทางเราตั้งใจอยู่ 2 อย่างคืออย่างแรกคืองานด้านภาพ คือน่าสนใจไปถ่ายถึงดอยช้าง เชียงรายเราคิดว่าช่วงหลังๆเราไม่เห็นหนังไทยมีวิวสวยๆเราก็อยากที่จะให้เหมือนให้กำไรกับคนดูที่ว่ามาดูหนังของเราน่าที่จะมีความอิ่มเอมกับบรรยากาศให้อิ่มแล้วอินไปกับบรรยากาศที่เราพยายามสร้างขึ้นมา อย่างที่ 2 ก็คือเราต้องการสร้างคอมาดี้หนังที่มีคอมาดี้เบาๆ มีรักโรแมนติกกรุ่นๆมีความอบอุ่นของรักของครอบครัวอยู่ผู้ชมที่ได้ชมก็จะมีความคิดเหมือนเราว่าเรื่องนี้มีครบรสกลมกล่อมในตัวของมันเองอยู่2 จุดนี้แหล่ะที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่อง coffee pleaseแตกต่างจากเรื่องอื่น
เจนไวยย์:
ผมว่าสิ่งที่เราทำมันแปลกมันมีความตลกและความโรแมนติกมีเรื่องความสัมพันธ์ที่ทับซ้อนอย่างพอดีเหมือนคอนเซ็ปตกาแฟที่กลมกล่อมสัดส่วนของเรื่องของพี่น้องพ่อลูก เรื่องของคู่รัก เรื่องของตัวละครที่เป็นหนุ่มสาว แม้กระทั่งการทำไร่กาแฟเรื่องที่ซับซ้อนกันหลากหลายเนี่ย มันทับซ้อนกันได้สนิท สอดประสานกันได้อย่างดีมันอาจจะเป็นเพราะว่าหนังดูแล้วเข้าใจง่าย มันดูแล้วให้รอยยิ้ม ได้ทุกฉากหนังดูแล้วให้ความอบอุ่นได้ตลอดผมรู้สึกว่ารอยยิ้มและความอบอุ่นเนี่ยมันหาซื้อได้ยากเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มความอบอุ่นนำ
ทำไมเลือกกาแฟอาบิก้า ของ ภาคเหนือ
ประกาศิต:
บ้านเรามีกาแฟ 2แบบคือ อบาบิก้าที่ภาคเหนือ แล้วก็โรบัตต้า ที่ภาคใต้อบาบิก้าเป็นพันธุ์ที่อร่อยแล้วปลูกเป็นอุตสาหกรรมที่ภาคเหนือเลยจากการรีเสิร์ชดอยช้างเป็นดอยที่ตอบโจทย์ที่สุดในแง่การถ่ายทำในแง่ต่างๆดอยช้างมีศักยภาพพอที่จะรองรับพวกเราที่ขึ้นไปถ่ายทำได้
คาดหวังกับCoffeePlease แก้วนี้หัวใจสั่น ไว้ยังไง
เจนไวยย์:
ผมคาดหวังว่าคนดูจะมีความสุขที่ได้ดูก่อนจะมีความสุขที่ได้ดูให้เปิดใจกว้างก่อนหนังไทยเราเนี่ยมันก็มีหลายเรื่องหลายรสน่าจะให้โอกาสหนังไทยตีตั๋วเข้ามาชมบ้าง หนังเรื่อง TargetGroup คือคนทั่วไปจริงๆ ไม่ใช่เป็นหนังแบบที่ดูยากเป็นหนังที่เหมาะกับคนทุกคน ดาราก็เป็นดาราละครที่คุ้นเคยดาราตลกที่เราเอามาเสริมช่วยให้เรื่องมีสีสัน บรรยากาศก็สวยงามผมคิดว่าอยากให้มาดูกัน รับรองว่ามันเป็นหนังคุณภาพ ให้ความสุขและรอยยิ้มแน่นอน
ประกาศิต:
คนดูจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆแตกต่างจากหนังไทยที่เคยๆดูมาเพราะผมกับเจนไวยย์ตั้งใจที่จะให้มันต่างจากเรื่องอื่นๆเราหวังว่าคนดูจะชอบเหมือนเราเพราะว่าเรื่องนี้เราทำให้กลมกล่อม ทำให้ครบรสจริงๆเป็นหนังไทยที่ไม่ค่อยเห็นมาดูหนังไทยที่ดูง่ายไม่ซับซ้อนดูแล้วก็สนุกไปกับมันอยากให้ลองเข้ามาดูว่าสิ่งที่เรา2คนพยายามทำเนี่ยจะชอบกันไหม