กาลครั้งหนึ่ง... จนวันนี้”( Until Now)

“กาลครั้งหนึ่ง... จนวันนี้”( Until Now)

หนังรักเรื่องใหม่ของ “เป้ อารักษ์”

โดยผู้กำกับหน้าใหม่ “ผดุง สมาจาร”

หนังใหม่เรื่อง “กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้”(Until Now) ผลิตโดย บริษัท เดอะ ริเวอร์ แคว บริดจ์ฟิล์ม กำกับฯ ภาพยนตร์โดย ผดุง สมาจาร นำแสดงโดยเป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ , นิกแน๊ก-อธิศาพัฒน์ วงศ์เงินยวง ,นิค-พาวิช ทรัพย์รุ่งโรจน์ , แม๊กกี้-อาภา ภาวิไล , ด.ช. อธิพิชญ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย, ด.ญ. ณิชาพัชร อรุณสันติโรจน์ , ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ,หนิง- กมลากำภู ณ อยุธยา , แชมเปญ เอ็กซ์-จันทร์เพ็ญ อินทรจักร , ธันคม เกษทอง เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 30 มกราคม 2557

ผดุงสมาจาร ผู้กำกับที่จบด้านภาพยนตร์จากอเมริกาและมีผลงานในวงการบันเทิงไทยมาไม่น้อย ได้พูดถึงแรงบันดาลใจจนทำให้เกิดหนังเรื่อง“กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้”

“เป็นเรื่องราวของตัวละครที่จมอยู่กับปมความรักที่ผ่านพ้นไปแล้วแต่แม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 15 ปีเขาก็ยังไม่ลืมความรักครั้งแรก ยังคงรอคอย รอจนแทบจะหมดหวังและพยายามบอกตัวเองว่าให้ลืม แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ เรื่องแบบนี้มีจริงในโลกของเราแต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจความรู้สึกของการรอคอย เป็นความท้าทายของภาพยนตร์เรื่องนี้ในการทำให้คนดูเชื่อเชื่อว่าถ้าเรารักใครจริงๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความรักก็จะยังคงอยู่ตลอดไป ความรักอยู่เหนือกาลเวลา เมื่อเราเชื่อในความรัก“ปาฎิหาริย์” ก็จะเกิดขึ้น ใน “กาลครั้งหนึ่ง... จนวันนี้” ไม่ได้ตัดสินว่าสิ่งที่ตัวละครทำนั้นถูกหรือผิดเพียงแต่ลองลดการทำงานของสมองเลิกกำหนดเส้นทางเดินหรือสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเป็นกรอบความคิดแล้วปล่อยให้หัวใจและความรู้สึกได้นำพาไปทำในสิ่งที่ต้องการแล้วผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร จะรักใครหรือเลือกทางไหน คนดูต้องเลือกเอาเอง ผมมีความเชื่อว่า “การได้ทำในสิ่งที่ต้องการนั้นสำคัญมากกว่าผลลัพธ์ที่ได้”แค่เรามีความสุขที่เราได้ทำ แค่นั้นก็มากเพียงพอแล้ว “การที่เราได้รักคนคนหนึ่งอาจจะสำคัญกว่าการได้เป็นคนรักกัน”

โดยโครงของเรื่องราวนี้มีที่มาอย่างไร

“โดยเรื่องนี่มาจากคุณรัตน์ โอสถานุเคราะห์) เขามีเรื่องที่อยากจะทำ เขาก็เลยหาทีมที่จะทำก็ได้มาเจอกับบริษัทเดอะ ริเวอร์ แคว บริดจ์ ฟิล์มที่เคยทำโปรดักชั่นเซอร์วิสให้กับบริษัทจากฮอลลีวู้ดเวลาที่เขามาถ่ายหนังในไทยเขาก็ให้ทางริเวอร์ แคว บริดจ์ หาทีมมาทำหนังให้หน่อย ก็เลยเกิดการรวมทีมกันขึ้นซึ่งผมเองเข้าไปในฐานะคนเขียนบท พอเขียนเสร็จคุณรัตน์ก็ถามว่าใครจะมาเป็นผู้กำกับดี แต่สุดท้ายคุณรัตน์ก็เลือกผมมาเป็นผู้กำกับซึ่งผมก็ดีใจมากเพราะผมก็เรียนมาทางด้านภาพยนตร์แล้วอยากทำหนังมานานมากพอได้ทำจริงๆก็ดีใจมาก”

ทำไมถึงตั้งชื่อเรื่องว่า“กาลครั้งหนึ่ง…จนวันนี้”

“ด้วยความที่เรื่องเป็นเรื่องอดีตผมรู้สึกว่าเป็นการเล่าเรื่องอย่างหนึ่งคำว่า กาลครั้งหนึ่ง มันเป็นวิธีการเล่าเรื่องบางอย่างเป็นคำที่ค่อนข้างติดปากแล้วคำว่า จนวันนี้ ก็อย่างที่บอกตัวละครเขายังอยู่กับรักครั้งแรกกระทั่งปัจจุบันก็เลยเป็น กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราพูดถึงอดีต จนวันนี้ เมื่อเราพูดถึงปัจจุบันเพราะมันมีผลกระทบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน”

เรื่องนี้วางแนวของหนังให้เป็นหนังแนวไหน

“หนังเป็นแนวโรแมนติกดราม่าอยู่ในช่วงวัยรุ่น 60%ตอนโต 40% สำหรับผมคนบางคน ชอบไม่เหมือนกันเป็นเด็กวัยรุ่นอาจจะชอบพาร์ทเด็ก เพราะมีความแก่นแก้ว มีการแกล้งกันเรื่องกุ๊กกิ๊กกัน แต่ในส่วนของพาร์ทดราม่าตอนโตเนี่ยมันก็มีความเข้มข้นของตัวละครที่ฉันต้องตัดสินใจต้องเลือกแล้วซึ่งคนทีอายุประมาณตัวละครเนี่ย จะพอเข้าใจว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งเนี่ยฉันต้องเลือก ตรงนี้อาจจะเป็นความสนุกของคนดูอีกกลุ่มหนึ่ง”

ประเด็นของหนังหรือสิ่งที่ต้องการจะบอกคืออะไร

“ตอนเขียนบทเราก็พยายามหาประเด็นให้หนังเพื่อที่เราจะเดินไปทางนั้น แต่พอเริ่มๆเขียนบางทีเราไปกำหนดกรอบให้มันมากจนเกินไปจะทำให้งานค่อนข้างแข็ง หลังๆก็ต้องปล่อย โอเคตัวละครเป็นแบบนี้มีความรู้สึกแบบนี้เราก็คือเขียนตามตัวละครมันจะเดินไปประเด็นที่เกิดขึ้นก็คือคนๆหนึ่งยังคงจมกับรักครั้งแรกแล้วเขาจะปลดปมของตัวเองยังไงตัวละครในเรื่องเมื่ออยากจะปลดมัน ก็ต้องตามหาให้เจอ แล้วไปคุยไปเคลียร์ซะเพื่อจะได้มีอิสระและทำอะไรต่อไป ก็คือคนที่ต้องเลือกระหว่างรักครั้งแรกกับรักในปัจจุบัน”

ทำไมเลือก“เป้-อารักษ์” มาเป็นพระเอกของเรื่อง

“ตอนที่เขียนบทเสร็จแล้วก็มองหานักแสดงที่จะเข้ากับตัวละครที่มีปมฝังใจ ตัวของเป้เองเนี่ย เวลาเขานิ่งๆเวลาที่เขาไม่พูด สีหน้าและแววตาก็ดูเป็นคนที่มีเรื่องในใจ มีเรื่องที่ฝังใจอยุ่แล้วก็มาดูเรื่องคิวก็เป็นช่วงเวลาที่เขาให้เราได้”

เหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนลุคของ เป้ ไปพอสมควร

“ตอนนั้นเป้ไว้ผมยาวก็อยากเปลี่ยนลุคให้เขาเป็นคนที่เรียบร้อยดูเงียบๆซึ่งตอนนั้นตัวของเป้เองเค้าไปแสดงเรื่อง ยังบาว มา แล้ววิธีการเปลี่ยนลุคหรืออะไรก็แล้วแต่มันใช้เวลาในการแต่งหน้าและเซ็ตอัพเนี่ยค่อนข้างนานเวลานัดกองก็ต้องนัดเผื่อตอนนั้นทางเป้กับผู้จัดการก็มีอาการลัลเล จะดีไหมที่จะเปลี่ยนทรงผมก็มีการปรึกษาหารือกัน สุดท้ายก็โอเคเป้บอกว่าเพื่อคาแร็กเตอร์แล้วทำให้งานออกมาดีที่สุด ผมก็พร้อมจะทำทุกอย่างถ้าบทเป็นอย่างนั้นก็จะไม่ฝืนก็เป็นสปิริตของเขามากๆเลย”

บุคลิกตัวละครของเป้ อารักษ์ ของเรื่องนี้ จะไปซ้ำๆกับบทจากเรื่องอื่นๆที่ เป้ เคยเล่น?

“ก็จะมีเรื่องความจำสั้นแต่รักฉันยาว ที่จะคล้ายๆกันที่ตัวละครเป้ที่ในอดีตเคยชอบญารินดา แล้วปัจจุบันก็ชอบอยู่ซึ่งผมว่าเป็นแค่กลิ่นก็ไม่ได้ซ้ำทางในเรื่องนี้เองด้วยหนังรักของไทยก็มีคนทำมาเยอะมาก ถ้าถามว่าเป็น originalไหมก็พูดยาก มันก็ต้องไปซ้ำไปคล้ายหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งหนังเรื่องนี้ก็อาจไปคล้ายเรื่องนั้น คล้ายเรื่องนี้ อะไรอย่างนี้ แต่เราก็พยายามทำให้เป็นoriginal ของเรา มันอาจจะมีคนทำแล้วแต่ไม่ได้ทำเหมือนเขาสักทีเดียว เราไม่ได้ก็อปปี้เขาคือมันไปตามทิศทางที่ตัวละครน่าจะเดินไป เหตุการณ์แบบนี้เหมือนหนังเรื่องนั้น โอเคไม่เป็นไรมาเป็นแรงบันดาลใจ ดูเป็นเรฟเฟอเร็นซ์ โอเคเคยมีซีนแบบนี้ทำให้ไม่เหมือนเขาหรือเป็นแรงบันดาลใจเพราะเราอยากให้มีอารมณ์แบบนี้ เพราะผมก็เชื่อว่าหนังฝรั่งหลายๆเรื่องคนดูอาจจะไม่เคยดู หรือว่าดูแล้วอาจจะไม่รู้สึกเหมือนกับเป็นคนไทย พอเป็นอะไรที่ใกล้ตัวก็อาจจะรู้สึกได้มากกว่า”

พอใจกับการทำหน้าทีผู้กำกับและหนังยาวเรื่องแรกยังไงบ้าง

“พอใจครับเพราะทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากพอใจกับการที่ได้ร่วมงานกับทุกๆคน พอใจที่เราได้ทดสอบฝีมือของเราพอใจในที่สุดเราก็ได้ทำแบบที่เรียกได้ว่าจากไอเดียเริ่มต้นกลายมาเป็นหนังจนได้ก็ค่อนข้างพอใจ”

หากจะบอกคนดูโดยสรุปถึงหนังเรื่อง“กาลครั้งหนึ่ง... จนวันนี้”

“สำหรับคนดูผมก็บอกว่ามันคือหนังรักหนังรักก็คือเหมาะกับคนที่มีความรักแล้วผมก็เชื่อว่าคนทุกคนเนี่ยเคยมีรักครั้งแรกแล้วมันก็เหมาะกับทุกคนที่มีรักครั้งแรก ไม่ว่ารักครั้งนั้นคุณจะสมหวังหรือผิดหวังเวลาคุณไปดูหนังเรื่องนี้คุณอาจจะระลึกถึงมันอีกสักครั้งหนึ่งว่ารักครั้งแรกของเราเป็นยังไง แล้วปัจจุบันเรายังคงคิดถึงมันอยู่ไหมซึ่งผมก็เชื่อว่าคนทุกคนน่าจะต้องเคบมีรักครั้งแรกแล้วน่าจะจำได้ว่านี่คือรักครั้งแรกของเรา เพราะฉะนั้นมันเป็นหนังที่เหมาะกับคนที่มีความรัก“กาลครั้งหนึ่ง... จนวันนี้” เป็นหนังรักโรแมนติกของค่ายหนังค่ายใหม่ผู้กำกับหน้าใหม่ ก็อาจจะมีอะไรที่แปลกหรือไม่มีเหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆซึ่งยิ่งในตอนจบก็เป็นหนังในแบบที่คนไทยยังไม่ชินกับหนังประเภทนี้ก็อยากให้มาลองเปิดใจ และลองสนับสนุนหนังไทยดูว่าคนผลิตและทีมงานทุกคนก็เป็นคนที่รักหนังไทยก็ต้องการให้คนไทยเนี่ย ช่วยให้การสนับสนุน แล้วหวังอยู่เสมอว่าในอนาคตจะได้ทำหนังให้ดีขึ้นเรื่อยๆทำหนังให้มีคุณภาพดีขึ้น ก็อย่าลืมมาดูกัน กาลครั้งหนึ่ง... จนวันนี้ 30มกราคมครับ”

Create Date : 30 มกราคม 2557		0 comments
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2557 5:56:26 น.
Counter : 1759 Pageviews.
Share Tweet