ที่มาอัญมณีกาญจนบุรีและแหล่งของ พลอยเมืองกาญจน์

ที่มาอัญมณีกาญจนบุรีและแหล่งของ พลอยเมืองกาญจน์



เมื่อกล่าวถึงเมืองจังหวัดกาญจนบุรีแล้วแล้ว ถ้าอยากจะอธิบายจังหวัดนี้สั้นๆ น่าจะต้องกล่าวคำขวัญเป็นอย่างแรก“แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ พลอยเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก” ซึ่งแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดกาญจนบุรีได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

หลายๆท่านคงจะได้เคยไปเที่ยวสถานที่เที่ยวหลายที่มาแล้วมากมายเช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว, ประสาทเมืองสิงห์, อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ, ฝายศรีนครินทร์, ถ้ำพระธาตุ, น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น แต่จากคำขวัญแล้ว คำว่า “พลอยเมืองกาญจน์” มีที่มาจากไหนกัน ไฉนถึงเข้าไปอยู่ในคำขวัญได้

หากกล่าวถึง อัญมณีกาญจนบุรี แล้วที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดคงหนีไม่พ้น พลอยเมืองกาญจน์ ซึ่งชนิดที่โด่งดังและได้รับความนิยมชมชอบมากคือ นิล และ ไพลิน ซึ่งเป็นพลอยที่เห็นได้มากในเมืองกาญจน์เท่านั้น สถานที่ๆจำเพาะเจาะจงลงไปอีกคือ อ.บ่อพลอย ชื่อเรื่องคงชี้แจงชัดอยู่แล้วว่า เป็นถิ่นสำคัญของอัญมณีกาญจนบุรีเลย มีการทำเหมืองฝายพลอยให้มองเห็นอยู่มากมาย

อ.บ่อพลอยนั้นอยู่ไม่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแควเท่าใดนัก เริ่มแรกอ.บ่อพลอยซึ่งเป็นแหล่งยิ่งใหญ่ของพลอยเมืองกาญจน์นั้น เป็นเพียงแค่ กิ่งอำเภอบ่อพลอย เท่านั้น แต่ตอนหลังได้รับการยกฐานะขึ้นไปเป็น อ.บ่อพลอย ด้วยว่าถือเป็นอำเภอที่เด่นต่ออัญมณีกาญจนบุรี หรือ พลอยเมืองกาญจน์เป็นอย่างสูง อัญมณีกาญจนบุรี

ตามเหตุการณ์ในอดีตที่เล่ากันมาเรื่องราวความเป็นมาของ อ.บ่อพลอยนั้น ยังไม่มีหลักฐานและข้อมูลที่ชัดเจน มีแต่คนที่เล่าบอกต่อกันมาเรื่อยๆว่า ในสมัยโบร่ำโบราณ มีหมู่บ้านซึ่งค้นเจอว่ามี อัญมณีกาญจนบุรีและก้อนหินสีต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก โดยพบทั้งตามแหล่งน้ำลำธาร และตามเชิงเขา ชาวบ้านทั่วไปเจอะเจอได้เก็บเพชรพลอยพวกนั้นมา โดยไม่รู้เรื่องว่าสิ่งนั้นคืออะไร จากนั้น

ทางราชการได้รับทราบว่าหินสีนั้นเป็นพลอยกาญจนบุรี เลยได้ตั้งแต่งชาวกระเหรี่ยงขึ้นมาเป็นผู้เป็นนายกองนายหนึ่ง และมอบหมายให้หน้าที่ให้ไปเก็บสั่งสมพลอยเมืองกาญ เพื่อส่งไปยังเมืองกาญจนบุรีปีละครั้ง หลังจากนั้นเจ้าผู้ครองเมืองกาญจนบุรี จะส่งพลอยจำนวนนี้ทั้งหลายไปยังกรุงเทพ เรียกว่า “ส่งส่วยพลอย”



ในหมู่บ้านนั้นมีแหล่งน้ำเป็นแอ่งน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งใช้ล้างพลอย เรียกว่า “บึงหัวแหวน” ภายหลัง ข่าวคราวเกี่ยวข้องหมู่บ้านแห่งนี้ได้แพร่ขยายออกไป ทำให้นักหาโชคทั้งหลาย ได้อพยพถิ่นกำเนิดเข้ามาเพื่อขุดพลอย ภายหลังจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านนี้มาเป็น “บ้านบ่อพลอย” ซึ่งขึ้นตรงต่ออ.พนมพวน เมื่อมีมวลชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ประกาศยกฐานะที่ตั้งขึ้นเป็น อ.บ่อพลอย จนถึงตอนนี้

ภูมิประเทศของอ.บ่อพลอย จะอยู่ไกลจากเมืองกาญจนบุรีราว 48 กม. ระหว่างทางจะพบเหมืองพลอยตามข้างทางอยู่ทั่วไป ส่วนมากแล้วจะเป็น พลอยเมืองกาญจน์กลุ่ม พลอยไพลิน บุษราคัม และนิล อัญมณีกาญจนบุรี

พลเมืองของ อ.บ่อพลอยนั้น จัดว่าไม่คับคั่งมาก รวมทั้งสิ้น 53,928 คน

การท่องเที่ยวได้ถึง 3 ทาง ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศหลังจากนั้นได้มีการตั้งคำขวัญของอำเภอบ่อพลอยขึ้นมาว่า“แหล่งแร่พลอยไพลิน หลวงพ่อนิลเลื่องลือไกล ปล่องภูเขาไฟปรากฏ สับปะรดหวานฉ่ำ งามล้ำถ้ำผาวังจันทร์”

อัญมณีกาญจนบุรี และ พลอยเมืองกาญจน์ ที่มาจากอำเภอบ่อพลอยนั้น จะนำมาดัดแปลง เพื่อให้ขึ้นเป็นงานตามต้นแบบที่งดงาม ทั้งเป็นพลอยเม็ด และทำเป็นสิ่งประดับ เช่น สร้อยคอ กำไล วงแหวน และอื่นๆ ทั้งปริมาตรเล็กไปถึงขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่หากว่าผู้บริโภคปราศจากความเข้าใจในการดูพลอย แล้วเราชี้ช่องทางว่าเหมาะสมซื้อจากร้านค้าที่อาจวางใจและเชื่อถือได้ รวมทั้งสามารถออกหนังสือรับรองให้กับสินค้าได้ เพื่อการันตีว่าพลอยเมืองกาญจน์ที่จ่ายเงินมานั้นเป็นของจริงแน่นอนจะเป็นเยี่ยม คุณจะไม่ต้องเสียเงินเสียทองฟรี กับพวกต้มตุ๋น หลอกจำหน่ายพลอยปลอม

ขอบคุณข้อเขียนดีดีจาก //www.kanchanaburi.com/



Create Date : 17 มกราคม 2556
Last Update : 14 มีนาคม 2556 10:51:11 น.
Counter : 5494 Pageviews.

0 comments

DJT
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มกราคม 2556

 
 
2
3
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31