ตอนที่ ๖ - ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
สรุปคำอธิบาย กฎหมายลักษณะห้างหุ้นส่วน ฉบับ 18-12-6 (สูตรเร่งโต) , ตอนที่ ๖ - ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน มาตรา 1064 - อันห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น จะจดทะเบียนก็ได้ ฯลฯ (...รู้แค่นี้พอ อยากรู้รายละเอียดอ่านในตัวบทเต็มๆ...) ผลของการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน 1. ผลทั่วไป - ทำให้ห้างหุ้นส่วนสามัญจะมีสภาพเป็นนิติบุคคล - มีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิด แยกต่างหากจากตัวผู้เป็นหุ้นส่วน เช่น ห้างหุ้นส่วนมีสิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน - มีความรับผิดเฉพาะในงานของห้างหุ้นส่วนเท่านั้น การกระทำที่นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างฯไม่ต้องรับผิด 2. ผลตามกฎหมายหุ้นส่วนโดยเฉพาะ
มาตรา 1065 - ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจถือเอาประโยชน์แก่บุคคลภายนอก ในบรรดาสิทธิอันห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้นได้มา แม้ในกิจการซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตน (ดูคำอธิบายในมาตรา 1049 ประกอบ มาตรานี้เป็นกรณีที่ ห้างหุ้นส่วนสามัญได้จดทะเบียนแล้ว จะมีผลตรงข้ามกัน) มาตรา 1066 - ห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใด อันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้น ไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์ผู้อื่น หรือไปเข้าเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอื่น ซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้น เว้นไว้แต่จะได้รับคำยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นทั้งหมด แต่ข้อห้ามเช่นว่ามานี้ ท่านว่าจะไม่พึงใช้ได้ ถ้าหากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายได้รู้อยู่แล้วในเวลาเมื่อลงทะเบียนห้างหุ้นส่วนนั้นว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งได้ทำกิจการ หรือเข้าเป็นหุ้นส่วนอยู่ในห้างหุ้นส่วนอื่นอันมีวัตถุที่ประสงค์อย่างเดียวกัน และในสัญญาเข้าหุ้นส่วนที่ทำไว้ต่อกันนั้นก็ไม่ได้บังคับให้ถอนตัวออก (*ดูคำอธิบายในมาตรา 1038 ประกอบ และเปรียบเทียบ) ห้างหุ้นส่วนสามัญที่ได้ทำการจดทะเบียนแล้ว นอกจะต้องห้ามทำกิจการแบบเดียวกับห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ตามมาตรา 1038 แล้ว ยังเพิ่มข้อห้ามขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คือห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนไปเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอื่น ซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้น เว้นแต่ กรณีดังนี้ (1) ได้รับคำยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นทั้งหมดแล้ว (2) ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายได้รู้อยู่แล้ว ในเวลาเมื่อลงทะเบียนห้างหุ้นส่วนนั้นว่า - ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งได้ทำกิจการ หรือเข้าเป็นหุ้นส่วนอยู่ในห้างหุ้นส่วนอื่นอันมีวัตถุที่ประสงค์อย่างเดียวกันอยู่ก่อนแล้ว - และในสัญญาเข้าหุ้นส่วนที่ทำไว้ต่อกัน ไม่ได้บังคับให้ถอนตัวออก มาตรา 1067 - ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดกระทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตราก่อนนี้ ท่านว่าห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนนั้นชอบที่จะเรียกเอาผลกำไรอันผู้นั้นหาได้ทั้งหมด หรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายซึ่งห้างหุ้นส่วนได้รับเพราะเหตุนั้น ทั้งนี้ท่านห้ามมิให้ฟ้องเรียกเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันทำการฝ่าฝืน อนึ่ง บทบัญญัติมาตรานี้ไม่ลบล้างสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายนอกนั้นในอันจะเรียกให้เลิกห้างหุ้นส่วน (*มาตรานี้เป็น ผลของการฝ่าฝืนมาตรา 1066 ต้องรับผิดเช่นเดียวกับมาตรา 1038 วรรคสอง จึงไม่มีอะไรซับซ้อน) มาตรา 1068 - ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน อันเกี่ยวแก่หนี้ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อน ที่ตนออกจากหุ้นส่วนนั้น ย่อมมีจำกัดเพียงสองปีนับแต่เมื่อออกจากหุ้นส่วน (*ดูคำอธิบายมาตรา 1051 คำอธิบายเนื้อหาเหมือนกัน เพียงแต่จะต่างกันที่อายุความการรับผิดจำกัดซึ่งมาตรานี้จำกัดไว้เพียงสองปี) มาตรา 1070 - เมื่อใดห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนผิดนัดชำระหนี้ เมื่อนั้นเจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนนั้นชอบที่จะเรียกให้ชำระหนี้เอาแต่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งก็ได้ (*หมายเหตุ นี่เป็นอีกมาตราที่ออกสอบบ่อยๆ ซึ่งมักจะพ่วงมากับมาตราอื่นๆ เช่น 1050 1080 1082 1088 ฯลฯ ฉะนั้นต้องจำไว้ให้ดีๆ) ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนผิดนัดชำระหนี้ มาตรานี้ได้กำหนดให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ของห้างฯที่จะเรียกหาคนให้รับผิดในการชำระหนี้ โดยเจ้าหนี้จะต้องกล่าวมาในฟ้องด้วยว่าห้างหุ้นสามัญจดทะเบียนได้ผิดนัดชำระหนี้แล้ว ซึ่งจะทำให้เจ้าหนี้มี 2ทางเลือกต่อไป คือ - เรียกให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนร่วมกันรับผิด อย่างลูกหนี้ร่วมก็ได้ - เรียกให้ลูกหนี้คนหนึ่งคนใด รับผิดชำระหนี้ก็ได้ ทั้งนี้ไม่ว่าเจ้าหนี้จะเลือกเอาอย่างใด ก็ย่อมมีสิทธิที่เรียกให้ลูกหนี้ชำระได้เต็มจำนวนหนี้ทั้งนั้น เพราะผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญต้องรับผิดในหนี้ของห้าง อย่างไม่จำกัดจำนวนอยู่แล้วตามมาตรา 1025 มาตรา1071 - ในกรณีที่กล่าวไว้ในมาตรา 1070 นั้น ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนนำพิสูจน์ได้ว่า (1) สินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนยังมีพอที่จะชำระหนี้ได้ทั้งหมด หรือบางส่วน และ (2) การที่จะบังคับเอาแก่ห้างหุ้นส่วนนั้นไม่เป็นการยาก ศาลจะบังคับให้เอาสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนนั้นชำระหนี้ก่อนก็ได้ สุดแต่ศาลจะเห็นสมควร มาตรานี้กฎหมายกำหนดให้มาเพื่อเป็นข้อต่อสู้ของผู้เป็นหุ้นส่วนในการเกี่ยงให้เจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วน ไปบังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนเสียก่อน โดยลูกหนี้จะต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ให้ได้ตามความในอนุมาตรา (1) และ (2) ซึ่งการบังคับใช้นั้น วรรคท้ายกำหนดให้เป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะให้ลูกหนี้เกี่ยงหรือไม่
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2555 15:51:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 7287 Pageviews. |
|
|