|
บุคลิกความเป็นผู้นำ.....คุณก็ทำได้
พลังแห่งความเป็นผู้นำ มีคำกล่าวว่า ผู้นำที่ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องสร้างพลังแห่งความสำเร็จ 5 ประการ คือ 1. พลังแห่งการคิด 2. พลังแห่งการกระทำ หรือพลังแห่งผลงาน 3. พลังแห่งกุศโลบายในการมัดใจผู้อื่น หรือพลังแห่งมนุษยสัมพันธ์ 4. พลังแห่งการพูด 5. พลังแห่งบุคลิกภาพ ในทั้ง 5 พลังนี้ เริ่มที่พลังแห่งการคิด จะต้องเป็นนักคิด โดยเฉพาะคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดทางบวก ไม่คิดทางลบ คิดวางแผน และต้องเป็นแผนกลยุทธ์ด้วย ส่วน พลังแห่งการกระทำหรือพลังแห่งผลงาน ต้องมุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงาน ถือคติว่า สิ่งใดก็ตามที่มีคุณค่าในชีวิต ล้วนได้มาด้วยคุณค่าของการทำงานทั้งสิ้น สำหรับพลังแห่งกุศโลบายในการมัดใจผู้อื่น หรือพลังแห่งมนุษยสัมพันธ์ ก็จะต้องเป็นคนที่มีพรรคพวกเพื่อนพ้องและลูกน้องมาก ในด้านพลังแห่งการพูด ก็ย่อมแน่นอน เพราะเมื่อเป็นผู้นำ ก็ต้องพูดได้ พูดเป็น โดยเฉพาะการพูดต่อหน้าที่ชุมนุมชนยิ่งจำเป็น เพราะผู้นำหากไม่สามารถพูดต่อหน้าที่ชุมนุมชนได้ หลวงวิจิตรวาทการกล่าวว่า อย่าหมายที่จะเป็นผู้นำ สุดท้ายของพลังทั้ง 5 ก็คือ พลังแห่งบุคลิกภาพ ซึ่งถือเป็นพลังที่สำคัญ เนื่องจากบุคลิกภาพเป็นประตู เป็นหน้าต่างของเรา ไปไหนใคร ๆ ก็เห็นก่อน ผู้นำจึงต้องพยายามสร้างสรรค์ให้มาก ซึ่งหลักการของการสร้างพลังแห่งบุคลิกภาพ มีดังนี้ คือ -
ประการที่หนึ่ง ความกระตือรือร้น คนเป็นผู้นำนั้น ต้องคึกคักเข้มแข็งกระปรี้กระเปร่า เพราะฉะนั้นเวลาเดินต้ององอาจ อกผายไหล่ผึ่ง อย่าเดินอ้อยสร้อย หมดเรี่ยวหมดแรง หรือเหมือนหมดอาลัยตายอยาก เป็นไปได้ต้องเดินให้ไวแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่บอกว่า เมื่อยังวิ่งได้อยู่ ทำไมต้องเดินด้วยล่ะ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่วิ่งจี๋เกินไป อันนี้เป็นการเปรียบเทียบ เพราะจริง ๆ คงไม่ต้องถึงกับวิ่ง เพียงแต่ให้เดินด้วยความสดชื่น เป็นใช้ได้ คำว่า ความกระตือรือร้น ในที่นี้ นอกจากการเดินเหิน การวางท่า วางตัวที่ดูคึกคักแล้ว การทำงานที่กระตือรือร้น ไม่เฉื่อยแฉะ ไม่เช้าชาม เย็นสองชาม ก็ถือว่าอยู่ในการสร้างพลังแห่งบุคลิกภาพเช่นกัน
- ประการที่สอง ความมีชีวิตชีวา รายการนี้เป็นเรื่องต่อเนื่องกับ ความกระตือรือร้น แต่เป็นเรื่องของภาวะจิตใจเป็นหลัก คนเราจะมีชีวิตชีวา ใบหน้าต้องไม่เศร้า ไม่หงอยเหงา ทางที่ดี หน้าต้องเปื้อนยิ้มเข้าไว้ พูดถึงความมีชีวิตชีวา มีอยู่คนหนึ่ง ชอบสร้างพลังแห่งความมีชีวิตชีวามาก เขาบอกบอกคนเราถ้าได้ทำอะไรตามที่ตัวเองชอบ จะมีชีวิตชีวามาก ความชอบของเขามี 3 ประการ คือชอบทานไอศกรีม ชอบร้องคาราโอเกะ และชอบนวดแผนโบราณ เขาถามว่าชอบอะไรบ้าง ได้บอกชอบเหมือนเขา 2 อย่าง ยกเว้นไอศกรีมไม่ชอบเพราะทำให้อ้วนมาก ทุกวันนี้ก็อ้วนจนจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว เลยขอชอบอ่านหนังสือแทน เกี่ยวกับเรื่องนี้ หากลองเอาไปถามบุคคลหลายคน ให้ลองค้นหาความชอบมาคนละ 3 อย่าง เพื่อสร้างชีวิตชีวาจะปรากฏว่าส่วนใหญ่จะเป็นชอบดูกีฬา ชอบดูหนัง และชอบฟังเพลง แต่ร้องเพลงแบบคาราโอเกะก็มีคนชอบมากเหมือนกัน และมีข้อแม้เหมือนกัน ขอให้ร้องแบบที่มีเพื่อนฟังด้วย คือร้องแบบเสียเงิน ประเภทร้องที่บ้านคนเดียวไม่ชอบ ถามว่าทำไมบอกร้องที่บ้านไม่มีใครฟัง และไม่มีใครปรบมือให้ ไม่มันส์ ไม่มีชีวิตชีวา
- ประการที่สาม ความต้องตา ต้องใจ คนที่จะมีพลังแห่งบุคลิกภาพ ใครมองแล้วต้อง ต้องตา ต้องใจ เขาเรียก มาดน่ามอง ด้วยเหตุนี้เอง คนสวยคนหล่อจึงได้เปรียบกว่าคนอื่น เพราะจะมีเสน่ห์แห่งใบหน้าและเรือนกาย ที่ทำให้ต้องชะงักงัน ตะลึงแล และหญิงคอยชะแง้มองหา อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่หล่อไม่สวยก็อาจต้องตาต้องใจได้ ถ้าแต่งตัวดี มีความทันสมัย วางท่าวางทางดี คนก็เหลียวมองได้เช่นกัน พูดถึงคำว่า ต้องตา ต้องใจ นี้ ทำให้คิดถึงอาจารย์ ดร.นิพนธ์ ศศิธร อายุมากแล้ว แถมศีรษะก็ผมน้อย ท่านไปพบสาวแรกรุ่นคนหนึ่งด้วยบุคลิกภาพมาดเฉียบสาวเลยตกหลุมรัก มีคนถามว่า ตัวท่านกับสาวน้อยทำไมจึงรักกัน ท่านบอกว่า ที่รักเพราะ ตัดใจที่ใจ ติดตาที่ตา ฟังดูแล้วสงสัยจะเพราะคารมเป็นต่อมากกว่า
- ประการที่สี่ ความมีรสนิยมเหมาะสม ในเรื่องของรสนิยมนี้ คำว่า รสนิยม ตามพจนานุกรม หมายถึง ความพอใจ สิ่งที่เป็นความพึงพอใจ เพราะฉะนั้น หากเราทำอะไรที่ทำให้ผู้คนเขาพึงใจ พอใจ ด้วยความเหมาะสมใจแล้ว ใคร ๆ ก็คงจะรัก ใคร ๆ ก็คงจะชอบ และพอคนรัก คนชอบ เขาก็มองเราดูดีไปหมด บุคลิกภาพเลยดูดีตามไปด้วย พูดถึงคำว่า รสนิยม ต่ออีกนิด ถ้าเราสังเกตให้ดี คำ ๆ นี้ ชอบใช้พูดกันมาก โดยเฉพาะเวลาใครทำอะไรถูกอกถูกใจเรา เช่น เขาแต่งตัวดี ก็เรียกว่า แต่งตัวมีรสนิยมดี เขาถือกระเป๋ายี่ห้อดีเด่นดังยี่ห้อหนึ่ง ก็บอกแหม เขาเข้าใจเลือกของใช้ เช่น กระเป๋ายี่ห้อนั้น แสดงว่ามีรสนิยมดีมาก กลายเป็นอย่างนั้นไป
- ประการที่ห้า ความสะอาด คนที่จะมีบุคลิกภาพดีนั้น เรื่องความสะอาดของร่างกาย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนับว่าสำคัญมาก ถ้าสกปรก บุคลิกภาพจะติดลบทันที ซึ่งเรื่องของความสะอาดนี้ บางคนรวมไปถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อมรอบกาย เช่น ห้องทำงาน เครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์ด้วย เรียกว่าต้องสะอาดไปหมด
- ประการที่หก ความมีสง่าราศี เรื่องความมีสง่าราศีนี้ ถ้าจะแปลกันทีละคำ คำว่า สง่า หมายถึง ผ่าเผย ผึ่งผาย ภาคภูมิดี มีภูมิฐาน น่าเกรงขาม น่าเคารพนับถือ ส่วนคำว่า ราศี หมายถึง ความสง่า ผิวพรรณมีน้ำนวลที่แสดงความมีบุญวาสนาของคน สรุปรวมแบบผมก็คือ เท่ แบบ มาดเข้ม
- ประการที่เจ็ด ความเป็นผู้ดี พูดถึงความเป็น ผู้ดี ในความหมายนี้ หมายถึง คนที่มีกิริยาวาจาและจิตใจที่ดีงาม แต่บางคนก็เข้าใจผิด คิดว่าคนที่มั่งมี หรือคนมีตระกูลสูง หรือคนมีบรรดาศักดิ์เท่านั้นจึงจะเรียกว่า ผู้ดี ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะบุคคลเหล่านี้หากเขามีกิริยาวาจาหยาบคายและจิตใจทราม ก็หานับว่าเป็นผู้ดีไม่ อนึ่ง ความเป็น ผู้ดี นี้ ห้ามเป็นผู้ดีแบบ ผู้ดีแปดสาแหรก ซึ่งหมายถึงคนหยิบหย่ง หรือคนดัดจริต ทำอะไรไม่เป็น ส่วนความเป็นผู้ดีจริง ๆ จะต้องทำอย่างไรบ้าง ว่ากันว่า หนังสือเรื่อง สมบัติผู้ดี ได้สรุปไว้อย่างครบถ้วนทีเดียว ใครที่สนใจลองไปหาอ่านดู วันหลังก็ว่าจะอ่านเช่นกัน เผื่อจะได้เป็นผู้ดีกับเขาบ้าง
- ประการที่แปด ความเป็นผู้มีวัฒนธรรม เรื่องของวัฒนธรรมนี้ คำว่า วัฒนธรรม หมายถึง ลักษณะที่แสดงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียวก้าวหน้าของชาติ และศีลธรรมของประชาชน ดังนั้น ใครมีวัฒนธรรม ก็ถือเป็นคนที่มีความเจริญงอกงาม เป็นคนน่านับถือ ว่างั้นเถอะ สำหรับการสร้างพลังเกี่ยวกับการมีวัฒนธรรมนี้ เขาว่าไม่ยาก เราอยู่ในสังคมไหน เขามีหลักการพิธีการสมาคมอย่างไร เราก็ทำตามเขา เขากิน เขาอยู่อย่างไร แต่งกายแบบไหน เราก็ทำตามแบบ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม หรือ อยู่กรุงโรม จงทำตัวเหมือนชาวโรมัน นั่นแล
- ประการที่เก้า ความเป็นผู้นำ การสร้างพลังแห่งบุคลิกภาพในข้อนี้ ก็คือการสร้างภาวะผู้นำ ซึ่งภาวะผู้นำเป็นอย่างไร นับว่าเป็นเรื่องพูดยาว แต่อย่างไรก็ตาม ใครอยากมีภาวะผู้นำขอให้นึกว่า ผู้นำ คือผู้ที่มีผู้ตาม ผู้นำ คือผู้ที่อาสาแก้ปัญหาให้คนอื่น และผู้นำ คือผู้เสียสละ
- ประการที่สิบ ความเป็นมิตรไมตรี คนที่จะมีบุคลิกภาพผู้นำนั้น ต้องพยายามทำตัวให้ ใครเห็นใครก็รัก คนทักคนชม กว้างขวางในวงสังคม และประชาชนนิยมกันทั่วไป ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้จะต้องเป็นคนที่มี ความเป็นมิตรไมตรี คือดีต่อผู้คนทั่วไป ไม่ว่าจะเข้าไปในวงสังคมไหน ผู้คนต้องชื่นชอบ ชื่นชม มิใช่พอเข้าไปพวกวงแตกกระจาย อย่างนี้ก็ไม่ไหว สำหรับวิธีการสร้างมิตรไมตรีอย่างง่าย ๆ คือการทำตัวให้เป็นคน ยิ้มง่าย สบายทัก รักผู้อื่น และตื่นเสมอ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> Thank you. KKU.
Create Date : 17 มกราคม 2551 |
|
26 comments |
Last Update : 17 มกราคม 2551 20:44:50 น. |
Counter : 5451 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: my issy 17 มกราคม 2551 23:00:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: แบงค์ IP: 124.121.29.125 17 มกราคม 2551 23:47:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนไม่เจียม.. IP: 61.90.219.122 18 มกราคม 2551 9:14:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: ++ถั่วพู++ (doyngam ) 18 มกราคม 2551 9:53:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: Jannyfer 18 มกราคม 2551 10:07:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: jmeejan 18 มกราคม 2551 11:15:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: DaLaTTa 18 มกราคม 2551 13:16:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: pooktoon 18 มกราคม 2551 16:12:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) 18 มกราคม 2551 16:21:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสดในซอย 18 มกราคม 2551 19:49:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: วนิส 18 มกราคม 2551 21:40:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัตตมณี (kulratt ) 20 มกราคม 2551 12:54:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: oak IP: 125.26.253.33 7 กันยายน 2551 21:22:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: Charm IP: 125.26.204.15 1 ตุลาคม 2551 7:40:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: rung IP: 125.24.74.197 6 มกราคม 2552 16:49:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: หละอ่อนยอง IP: 192.168.1.150, 61.7.233.10 13 พฤษภาคม 2552 13:41:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: พอลล่า IP: 202.28.51.71 20 มิถุนายน 2552 21:36:58 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
"Working woman ค่ะ ..ว่างจากงานประจำที่ออฟฟิศ ก็เข้ามาเขียนบล็อกเพื่อแลกเปลี่ยนสาระดีๆกับเพื่อนๆ....ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนค่ะ...ว่างๆแวะเข้ามาทักทายกันนะคะ"
|
|
|
|
|
|
|
ไปแอบทำไรกะบล็อกนู๋ฝิ่น
แต่ตอนนี้ขออนุญาตเก็บบุคลิกผู้นำไปอ่านก่อนนะค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปต่างอำเภอ ขอพักผ่อนเก็บแรงก่อนนะค่ะ
อย่านอนดึกนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วย
กู๊ดไนท์ค่ะ