***********ตอบคำถามยอดฮิต “อยากจะเก่งภาษาอังกฤษเร็วๆ มีวิธีลัดมั้ยคะ?"**********

“อยากจะเก่งอังกฤษเร็วๆ มีวิธีลัดมั้ยค่ะ?”

คำถามนี้มีคน post ไว้เมื่อวันก่อน เชื่อแน่ว่าคำถามนี้คงโดนใจใครหลายคนที่อยากจะถามคำถามนี้เช่นกัน ผมเองก็เจอคำถามนี้ค่อนข้างบ่อย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ชอบหาวิธีลัดในการทำสิ่งต่างๆ แบบที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงมากแต่เห็นผลเร็วๆ ซึ่งจะว่าดีก็ดี แต่บางทีก็มีข้อเสียเหมือนกันนะครับ เช่น คนที่จะไปสอบ TOEFL มักจะไปลงเรียนคอร์ส TOEFL ตามสถาบันดังๆ ซึ่งบางสถาบันจะสอนวิธีลัดในการทำข้อสอบ TOEFL เช่นวิธีการเดาคำตอบโดยไม่ต้องอ่านเนื้อเรื่องให้จบก่อน อะไรทำนองนี้ ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินกันหรือเปล่า? ปรากฏว่าผู้เรียนทำข้อสอบ TOEFL ได้คะแนนสวยหรู จนได้เข้ามหาวิทยาลัยในต่างประเทศ แต่ปรากฏว่าพอไปเรียนจริงๆ กลับยังมีปัญหาทางภาษาอังกฤษจนทำให้ฝรั่งมึนตึบว่าทำไมดันทำข้อสอบ TOEFL ได้คะแนนสูง? เพราะฝรั่งไม่รู้วิธีการติวการทำข้อสอบ TOEFL ของคนไทย ว่าสอนให้ผู้เรียนทำได้แต่ข้อสอบ TOEFL แต่ไม่สามารถพูดจาโต้ตอบกับฝรั่งได้จริงๆ แต่ในปัจจุบันผมว่าปัญหานี้น่าจะน้อยลงเพราะ TOEFL ยุคปัจจุบัน มีการสอบ speaking ด้วยซึ่งต่างจากสมัยก่อน

กลับมาที่คำถามยอดฮิตของเราดีกว่า

“อยากจะเก่งอังกฤษเร็วๆ มีวิธีลัดมั้ยค่ะ?”

ถ้าถามคนไทย ผมว่าร้อยทั้งร้อยก็อยากเก่งภาษาอังกฤษกันเร็วๆ ทั้งนั้น เลยถามหาวิธีลัดที่จะช่วยผลักดันให้เก่งเร็วๆ ใครจะไปอยากเรียนเป็นสิบๆ ปีใช่ไหมครับ?

ผมอยากเปรียบเทียบการเรียนภาษาอังกฤษกับการเรียนขับรถ เรียนว่ายน้ำ หรือเรียนดนตรีสักชิ้น ถ้าคุณทำสิ่งเหล่านี้เป็น ผมอยากถามกลับว่ามันมีวิธีลัดในการฝึกให้เป็นเร็วๆ หรือเปล่าครับ?

การที่เราจะขับรถ, ว่ายน้ำหรือเล่นเครื่องดนตรีเป็นสักชิ้น เราก็ต้องไปเรียนซึ่งจะมีครูคอยชี้แนะวิธีเป็นเร็วใช่ไหมครับ? หรือคุณอาจจะฝึกฝนเองก็ต้องศึกษาจากคนที่ทำเป็นอยู่แล้วว่าจะฝึกอย่างไรดีจึงจะทำให้สำเร็จได้อย่างเขาเหล่านั้น ซึ่งถ้าถามว่าจะเป็นเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับอะไรล่ะครับ?

ไม่มีใครที่เรียนแต่ทฤษฎีแล้วจะสามารถฝึกทักษะเหล่านี้เป็นอย่างแน่นอน คุณลองคิดดูว่า ถ้าเราเรียนว่ายน้ำแต่ในห้องเรียนโดยที่ไม่เคยลงสระเพื่อว่ายน้ำจริงๆ แล้ว มันจะเป็นได้อย่างไรล่ะครับ

ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน การเรียนรู้ภาษาเป็นทักษะอย่างหนึ่งเหมือนกับที่คุณขับรถเป็น ว่ายน้ำเป็น หรือเล่นดนตรีเป็นนั่นแหละครับ คือจะเรียนแต่ทฤษฎีไม่ได้ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ที่เรียนภาษาอังกฤษมานานแต่ยังพูดไม่ได้ ฟังไม่ออกสักที ก็เพราะเราเรียนแต่ทฤษฎีกัน ไม่ค่อยฝึกภาคปฏิบัติกันเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ใช้พูดหรือฟังกับฝรั่งจริงๆ

ถ้าผมจะบอกว่า การเรียนภาษาไม่มีวิธีลัด จะเชื่อไหมครับ?

ถ้ามีวิธีลัดที่จะทำให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน ผมคงจะรวยไปนานแล้วครับ เพราะคงมีคนไทยจำนวนมากที่อยากจะใช้วิธีนี้แน่นอน การเรียนภาษาต้องใช้เวลาพอสมควรครับ ไม่สามารถเก่งได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่ต้องอาศัยการเก็บเกี่ยวสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ คุณลองดูทักษะภาษาไทยของคุณสิครับ ว่ากว่าจะพูดจาเป็นผู้ใหญ่ไม่เหมือนตอนเราเป็นเด็กๆ เป็นเพราะเราใช้มันอยู่ทุกวัน ซึ่งคือการสะสมชั่วโมงบินนั่นเอง

ส่วนภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน อยากเก่งเร็วๆ ก็ต้องฝึก ฝึก และฝึกครับ ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นเร็วเท่านั้น อย่างคนที่ไปเรียนที่เมืองนอกก็จะเป็นเร็วกว่าคนที่เรียนในไทย เพราะเขามีโอกาสได้ฝึกฝนมากกว่าและบ่อยกว่านั่นเอง

แต่ถ้าคุณอยากเก่งภาษาอังกฤษเร็วๆ ก็พอจะมีตัวช่วยอยู่บ้างครับ นั่นคือคุณต้องศึกษาจากคนที่เขาประสบความสำเร็จในการฝึกฝนจนเก่งภาษาอังกฤษ ว่าเขาทำอย่างไร? หรือไปเรียนตามสถาบันต่างๆ ซึ่งวิธีการเรียนการสอนก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน ซึ่งการที่มีครูคอยชี้แนะก็ช่วยทำให้คุณเป็นเร็วขึ้นกว่ามาลองฝึกฝนด้วยตัวเอง เพราะครูเขาจะมีประสบการณ์ว่าทำอย่างไรจึงจะให้คนไทยอย่างคุณพูดภาษาอังกฤษได้เก่งนั่นเอง

จากประสบการณ์ของผม ผมว่าคุณจะเก่งภาษาอังกฤษประกอบด้วย 2 ส่วนคือ 1) ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนเองแหละครับ ผมอยากจะให้ความสำคัญของตัวผู้เรียนถึง 70% เลยทีเดียว และ 2) อีก 30% ขึ้นอยู่กับวิธีการที่จะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษ ซึ่งขึ้นอยู่กับครูแต่ละสถาบันว่าจะสอนคุณอย่างไร?

ผมขอพูดถึง 30%หลังก่อนแล้วกัน วิธีการที่คุณจะใช้ฝึกฝนภาษาอังกฤษจะแตกต่างกันไปตามสถาบันที่คุณไปเรียน อย่างเช่น ถ้าอยากเก่งพูดและฟังภาษาอังกฤษ สถาบันส่วนใหญ่น่าจะเน้นในเรื่องของการออกเสียงเป็นหลัก (pronunciation) แต่ผมก็เคยเจอบางแห่งที่เน้นว่าต้องเก่งหลักไวยากรณ์ก่อนจึงจะพูดเก่ง ซึ่งก็แล้วแต่ความหลักการของแต่ละสถาบันนะครับ นักเรียนที่มาเรียนกับผม ผมก็จะสอนตามหลักการของครูเคท เพราะผมเองก็ใช้วิธีการของครูเคทจนประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนสำเนียง ทำให้คนไทยอย่างผมที่ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศพูดภาษาอังกฤษได้คล่องและฟังออกมากกว่าคนไทยทั่วๆ ไป ดังนั้นผมก็เชื่อว่า ถ้าคนไทยฝึกฝนด้วยวิธีนี้ก็น่าจะสำเร็จเช่นกัน แต่ข้อสำคัญที่สุดอยู่ที่อีก 70% นั่นคือตัวคุณเองแหละครับ ต่อให้คุณเรียนกับคุณครูระดับเทพ จะสอนดีเลิศแค่ไหนก็ตาม แต่คุณเรียนแล้วกลับไม่ฝึกฝนตามที่ครูบอกก็จะไม่สำเร็จอยู่ดีครับ

ผมมักจะเปรียบเทียบการเรียนภาษาอังกฤษกับการลดความอ้วนให้นักเรียนของผมฟังว่า สมมุติคุณอยากลดความอ้วนเลยมาขอคำแนะนำ ผมก็บอกสูตรอาหารลดความอ้วนให้คุณพร้อมบอกว่าต้องหมั่นออกกำลังกายด้วยนะ รับรองว่าถ้าคุณทำตามที่ผมบอกไป คุณจะผอมแน่นอนเพราะคนที่ทำตามที่ผมบอกทุกคน ผอมลงหมดทุกคนเพราะสูตรของผม การที่ผมบอกสูตรนี้ให้คุณก็เหมือนกับการที่คุณมานั่งเรียนกับผมที่โรงเรียนฯ นั่นแหละครับ ผมก็จะบอกสูตรที่ผมเคยใช้เพื่อทำให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษได้นั่นเอง แต่ถ้าคุณรู้สูตรลดความอ้วนแล้ว แต่ปรากฏว่ากลับบ้านไป ไม่เคยปฏิบัติเลย ยังกินเยอะตามใจปากอยู่เหมือนเดิม แถมยังไม่ออกกำลังกายด้วย แล้วคุณจะผอมได้ไหมล่ะครับ? เช่นกันกับการเรียนภาษาอังกฤษ ครูที่โรงเรียนสอนคุณไป แต่กลับบ้านไปก็ไม่เคยฝึกตามที่ครูบอก แล้วจะเก่งภาษาอังกฤษได้อย่างไรล่ะครับ? การนั่งเรียนภาษาอังกฤษกับครูตามสถาบันต่างๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไม่สามารถทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษได้ทันตาเห็นหรอกครับ คุณต้องนำเทคนิคที่ครูให้ไปฝึกฝนด้วยตนเองที่บ้านเยอะๆ แล้วรับรองว่าเก่งขึ้นแน่นอนครับ

Create Date : 08 สิงหาคม 2552 Last Update : 8 สิงหาคม 2552 19:53:07 น. Counter : 2637 Pageviews.		17 comments
Share Tweet