Group Blog
กรกฏาคม 2551

 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ครูเฟียตขอเม้าท์(ลูกศิษย์) เชิญอ่านเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ได้ความสนุกพร้อมความรู้ทางภาษาอังกฤษ
ครูเฟียตขอเม้าท์(ลูกศิษย์) ถ่ายทอดสดประสบการณ์ตรงจากห้องเรียน
เชิญอ่านเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ได้ความสนุกพร้อมความรู้ทางภาษาอังกฤษได้ที่นี่ ตอนแรก…กลัว


ผมมีประสบการณ์ในการสอนภาษาอังกฤษมากว่า 6 ปี มีหลายเหตุการณ์ที่น่าจดจำซึ่งมักเกิดจากลูกศิษย์ของผม ผมเลยเก็บเอามาเม้าท์ เอ้ย…เล่าให้อ่านกัน หวังว่าคุณน่าจะได้รับความรู้ควบคู่ความบันเทิงไปด้วยนะครับ

เรื่อง “กลัว”

ผมถามลูกศิษย์ในห้องเรียน “รู้ไหมครับว่า ศัพท์ภาษาอังกฤษที่แปลว่า “กลัว” น่ะ คืออะไร?”
ลูกศิษย์หลายคนแย่งกันตอบ (เพราะคิดว่าครูเฟียตถามอะไร bananaๆ (กล้วยๆ) ง่ายจะตายไป)
คนแรกตอบ “afraid ค่ะครู”
ผมบอก “ดีมากครับ ถูกต้อง”
คนที่สองบอก “scare ครับครู”
ผมบอก “ถูกต้อง เก่งมากครับ แล้วมีคำว่าอะไรอีกครับ”

เริ่มมีการทิ้งช่วงเล็กน้อย เพราะคำศัพท์เริ่มหมด stock ในหัวแล้ว (มีแค่ 2 ตัวเองเหรอเนี่ย!?!) และแล้วก็มีอัศวินขี่ม้าขาว (เออ...ทำไมต้องสีขาวด้วย ใครทราบช่วยบอกที สีอื่นไม่ได้เหรอ...เริ่มนอกเรื่องแล้วเรา) พูดออกมาว่า “fear ค่ะ” (คนนี้ต้องเคยดูรายการ fear factor แน่ๆ เลยตอบได้ ผมคิด)

ผมชมต่อ “ดีมากครับ ได้มา 3 คำละ พอหรือยัง อะ...แถมให้อีกตัวนึงก็ได้ frighten คำนี้คนไทยไม่ค่อยใช้กัน แต่ฝรั่งใช้เป็นปกติ เลยขุดขึ้นมาให้เห็นกันอีกรอบ เผื่อระลึกชาติได้”

เอาล่ะ เราได้คำศัพท์มา 4 ตัวละ คราวนี้ผมอยากทราบว่า 4 ตัวนี้ใช้ต่างกันยังไง? เมื่อไหร่ใช้ตัวไหน? หรือว่าใช้แทนกันได้หมด? ผมเริ่มถามรัวเป็นชุด จนเครื่องหมายคำถาม “?” เริ่มปรากฏบนใบหน้าของนักเรียนทุกคนในห้อง แถมความเงียบกริบเริ่มเข้ามาปกคลุมในห้องเรียนนั้นทันที มีแต่เสียงแอร์ดัง ครืน ครืน (เริ่มเว่อร์ละ ไม่ได้เงียบเชียบขนาดนั้นหรอกครับ) นักเรียนส่วนใหญ่ก้มหน้าก้มตาทำเป็นอ่านหนังสือ ทั้งๆ ที่ไม่เห็นมีอะไรให้อ่านเลย กลัวผมจะสบตาแล้วเรียกตอบละสิ (ผมรู้แกว แต่ไม่ทำหรอกครับ เดี๋ยวจะหาว่าทำร้ายจิตใจกันเกินไป)

ผมเห็นไม่มีใครตอบ เลยให้ตัวช่วย (อย่างกับเกมเศรษฐี) เปลี่ยนคำถามใหม่ก็ได้ นักเรียนเริ่มยิ้มแย้มมากขึ้นด้วยหวังว่าคำถามใหม่ของครูเฟียตคงง่ายกว่านี้

คำถามใหม่คือ จงแต่งประโยคที่ว่า “ฉันกลัวงู” เป็นภาษาอังกฤษสิครับ นี่เป็นประโยค simple สุดๆ นะครับ เพราะมีแค่ ประธาน+กิริยา+กรรม ประมาณเด็กฝรั่งชั้นอนุบาลเค้าพูดกันเลยนะเนี่ย ผมคุยทับ

โอ๊ย...หวานหมู งานนี้ นักเรียนคิดในใจ (เอ๊ะ....แล้วครูเฟียตรู้ได้ไง?)

ส่วนครูเฟียตคิดในใจเช่นกัน เดี๋ยวก็รู้ว่าหวานหมูอย่างที่คิดหรือเปล่า?

ผู้กล้าคนแรกตอบด้วยความมั่นใจสุดฤทธิ์ “I afraid snake. ครับครู”

ครูเฟียต คิดในใจ นึกแล้วว่ามันต้องตอบแบบนี้ (เป็นไปตามแผน ฮิ ฮิ)

ผมถามต่อ ลองใช้คำว่า scare ดูบ้างสิครับ

นักเรียนอีกคนตอบ “ไม่เห็นจะยากเลยครู ก็ I scare snake. ไงครู”

ผมคิด คำตอบเป็นไปตามคาด (ทำไมซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้น้า?!? ปล.การเล่นการพนันไม่ดีต่อเยาวชนนะครับ เอ๊ะว่าแต่หวยมันเกี่ยวอะไรกับการพนัน ชักไปกันใหญ่ละ)

ผมถามต่อ “ขออีกคำ fear ล่ะ”

นักเรียนในห้องชักได้ใจรีบแย่งกันยกมือตอบด้วยคิดว่าครูเฟียตถามอะไร หมูๆ อย่างนี้

“I fear snake. ค่ะครู” นักเรียนสาวคนนึงตอบอย่างมั่นใจเต็มที่

ผมบอกว่า “นี่แสดงว่า พวกเธอไม่เคยฟังฝรั่งพูดประโยคเหล่านี้เลยล่ะสิ ถ้าเธอได้ยินฝรั่งหน้าไหนพูดอย่างที่พวกเธอตอบ ขอให้เลิกคบมันได้เลย เพราะผิดหมดน่ะสิ พวกเธอเล่นแปลจากภาษาไทยเป็นไปเป็นภาษาอังกฤษตรงตัวอย่างนี้ มันเลยผิดหลักไวยากรณ์นะ”

ผมเทศน์ต่อ “นี่แหละครับคือตัวอย่างของคนไทยส่วนใหญ่ที่รู้แต่ความหมายของคำศัพท์ เวลาพวกคุณไม่รู้คำแปล ก็จะเปิด dictionary อังกฤษ-ไทย ดูแต่คำแปล แล้วก็ปิดเลยใช่มั้ย? ไม่ดูว่าเป็นคำประเภทไหน? ออกเสียงที่ถูกต้องอย่างไร? มีตัวอย่างประโยคอย่างไร? ใช้ในสถานการณ์ไหน? ซึ่งผมอยากจะแนะนำให้เปิดดิคฯ อังกฤษ-อังกฤษ จะดีกว่าเปิดดิคฯ อังกฤษ-ไทย เยอะมากครับ

ตัวอย่างคำที่คุณบอกกันส่วนใหญ่เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) คือ afraid, scared และ frightened (สองคำหนัง ต่อท้ายด้วย ed จึงจะเป็นคำคุณศัพท์นะครับ) ซึ่งคำเหล่านี้เวลานำมาใช้ต้องตามหลัง verb to be และต่อด้วย of + คำนามครับ เช่น

I’m afraid of snakes. หรือ
I’m scared of snakes. หรือ
I’m frightened of snakes.

เห็นไหมครับว่า ภาษาค่อยดูเป็นเหมือนมนุษย์ฝรั่งเค้าพูดกันมากขึ้นมาหน่อย

ส่วนคำว่า fear ถึงแม้มันจะใช้เป็นกิริยาได้ก็ตาม แต่ไม่ค่อยมีใครเค้าใช้กันในภาษาพูดหรอกครับ เพราะเค้ามักจะใช้เป็นคำนามซะมากกว่า ซึ่งแปลว่า “ความกลัว” เช่น

The girl's parents expressed fears for her safety.
พ่อแม่ของเธอแสดงความกลัวเรื่องความปลอดภัยของเธอ

ส่วน to fear ที่ใช้เป็นกิริยา อาจจะเจอเป็นภาษาเขียนในบทความ, หนังสือพิมพ์ซะมากกว่า เช่น

She feared that he would not be found alive.
เธอกลัวว่าจะไม่พบว่าเขายังมีชีวิตอยู่

ซึ่งถ้าเป็นภาษาพูด ผมแนะนำให้ใช้คำคุณศัพท์ 3 คำแรกจะเป็นธรรมชาติกว่าคำว่ากิริยา fear นะครับ

เฮ้อ....อธิบายซะยาวเหยียด เริ่มเหนื่อย!”

ผมไม่วาย เทศน์ต่อ (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่พระ) “เห็นแล้วยังครับว่า ถึงแม้คุณรู้คำศัพท์เยอะก็จริง แต่ก็ยังเอาไปใช้งานไม่ได้อยู่ดี ถ้าไม่รู้ว่ามันเป็นคำประเภทไหน ควรแต่งประโยคอย่างไร ดังนั้นควรเปิดดิคฯ อังกฤษ-อังกฤษ บ่อยๆ แล้ว copy เค้ามาใช้เลย ถูกต้องชัวร์ (เออ...แปลกเนอะ ทีของดีๆ อย่างเนี่ย คนไทยไม่ยักจะ copy สิ่งที่ถูกต้องมาใช้ มัวแต่ไป copy ของฝรั่งที่เค้ามีลิขสิทธิ์ เช่นพวกเพลงต่างๆ, กระเป๋าแบรนเนม ฯลฯ ทำของปลอมออกมาซะเหมือนเลย เรื่องพวกนี้คนไทยเก่งนัก....พวกคุณต้องนึกว่าผมแก่แน่ๆ ถึงขี้บ่นซะขนาดนี้)

เรื่องพวกนี้มีอีกเยอะ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ว่างๆ จะกลับมาเล่าต่อนะ (ยิ่ง comment มากจะยิ่งกลับมาเร็ว...เพราะละอายใจที่หายไปนาน ไม่ได้ต้องการทำให้อยากแล้วจากไปเท่าไหร่หรอกครับ)







Create Date : 04 กรกฎาคม 2551
Last Update : 4 กรกฎาคม 2551 16:54:46 น.
Counter : 2507 Pageviews.

9 comments
  
..ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ค่ะ..
โดย: G_LoVeLy IP: 203.155.179.11 วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:27:00 น.
  
ดีคะ
โดย: คิตตี้ IP: 203.155.247.13 วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:39:25 น.
  
Thanks for guidline about important of dictionay ENG-ENG.i will find ones. i wrote english language not mean i am good at this languge but hope Krufiat comment my writting to correct in the right way.i will looking forward in next topic.thank you in advance ka.
โดย: คิตตี้ IP: 203.155.247.13 วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:45:28 น.
  
ชอบให้ลูกศิษย์จำประโยคจาก dictionary มาใช้ แล้วก็ดัดแปลงเอา
โดย: Aisha วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:54:24 น.
  
555 มุขนี้เคยทำ..ครูเฟี๊ยตถามปุ๊บ !!! ..ก้มหน้าอ่านหนังสือปั๊บ..แต่ใจน่ะไม่ได้อยู่กะหนังสือเล้ยยย..คิดแต่ว่า "สบตา เมื่อไหร่เป็นโดนนนเรียกแน่"...ก้มหน้าก้มตาไปจะปลอดภัยกว่า
โดย: พอลล่า IP: 58.9.91.145 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:29:13 น.
  
อ่านได้เดือนกว่าแล้ว ชอบมาก ทำให้จุดประกายทุกครั้งที่ขี้เกียจ
โดย: Takky IP: 117.47.155.245 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:45:30 น.
  
เมื่อวานไปทดลองเรียนภาษาอังกฤษกะ krufiat มาสนุกดี มีคำนี้ด้วย "กลัว" เหมือนอย่างที่ krufiat ว่าเลย เอาไว้เด่วเจอกันตอนเรียนนะคะ ไปสมัครเรียนมาแล้วด้วย
โดย: Rabbit. IP: 210.1.34.226 วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:30:16 น.
  
ฝึกภาษา ต้องอ่านเยอะๆค่ะ หากมีเวลา เข้ามาเยี่ยมบล๊อกแม่ค้าหนังสือมือสอง นำเข้าบ้างนะจ๊ะ

มาเคาะประตูแจกบัตรเชิญให้มาเยี่ยมบล๊อกค่ะ คงไม่ว่ากระไรนะตะเอง
โดย: หนังสือมือสอง (AngelTomorrow ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:34:18 น.
  
ชอบอ่านเรื่องแบบนี้จัง รีบมาต่อเร็วๆ นะครับ
โดย: แท็บ IP: 58.9.121.211 วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:55:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3