ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2011 ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ประกาศควบคุมระบบอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ การตัดสินใจของหู จิ่นเทา เกิดขึ้นภายหลังกระแสการปฏิวัติของประชาชนในโลกอาหรับที่แพร่สะพรัดไปทั่ว
กระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เมื่อถึงคราวที่การดำรงชีวิตอยู่ของเราและความมั่นคงของประเทศชาติกำลังเชื่อมโยงกับอินเตอร์เน็ตมากขึ้น จีนควรจะยึดยุทธศาสตร์ขยายศักยภาพด้านความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตให้เพิ่มมากขึ้น เพราะในโลกไซเบอร์ จีนอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ และโดนกล่าวหาจากฝ่ายตรงข้ามอยู่เป็นนิจ
เกมการทูตของสหรัฐฯ ต่อจีน: กรณีสงครามไซเบอร์
เจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูงของสหรัฐฯ เดินหน้ากดดันจีน ทั้งสหรัฐฯ และจีน จำเป็นต้องมีการทำความตกลงเพื่อจำกัดเขต จากการโจมตีบนโลกไซเบอร์ ต้องกำจัดพื้นที่การแฮกข้อมูล เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างกัน
Henry Kissinger อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ในทศวรรษ 1970 กล่าวกับรอยเตอร์ว่า แม้ว่าทั้งสองฝ่าย วอชิงตันและปักกิ่ง จะมีศักยภาพในการจารกรรมข้อมูลทั้งคู่ แต่ความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือการแสวงหาหนทางเพื่อหารือร่วมกัน
ขณะที่ Jon Huntsman อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจีน มองว่าประเด็นการโจมตีบนโลกไซเบอร์ที่กำลังเกิดขึ้น ถือเป็นความท้าทายที่มีการโต้แย้งกันอยู่ ทั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ และแสนยานุภาพทางทหารในอวกาศ ต่างเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับจีน Kissinger และ Huntsman เรียกร้องให้มีการผ่อนคลายความตึงเครียดบนโลกไซเบอร์ หลังการโจมตีสหรัฐฯ ด้วยการเจาะข้อมูล สถาบัน/ องค์กรที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ หลายแห่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF), วุฒิสภา, และบริษัท อย่าง Citigroup, Lockheed Martin และบริษัทอาวุธ Northrop Grumman เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จน FBI ต้องประกาศกร้าว พร้อมรบกับสงครามไซเบอร์ที่ร้อนระอุจนสหรัฐฯ อยู่ไม่สุข
Kissinger ย้ำ การปราศจากข้อตกลงในประเด็นดังกล่าว รังแต่จะทำให้สัมพันธภาพของทั้งสองฝ่ายเสื่อมโทรมลง
ปรากฏการณ์ความพยายามในการฝ่ากระแสสงครามบนโลกไซเบอร์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การสร้างความมั่นคงบนโลกไซเบอร์มีให้เห็นในหลายประเทศ ล่าสุด พันธมิตรหลักของสหรัฐฯ อย่างNATO อนุมัตินโยบายว่าด้วยการป้องกันบนโลกไซเบอร์ (cyber defense policy) หลังจากประชุมเพื่อหารือไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยระบุเป้าหมายของนโยบายว่า เพื่อปกป้องพันธมิตรเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเป็นกระบวนการวางแผนเพื่อการป้องกัน และเพื่อให้มีการปรึกษาหารือถึงภัยคุกคามไซเบอร์ในวงกว้าง ถ้ามีภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ NATO ก็สามารถใช้กลไกดังกล่าวเพื่อปรึกษาได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงกล่าวว่า ลักษณะสำคัญของสงครามไซเบอร์คือโลกที่ไร้พรมแดน จำเป็นต้องได้รับการตอบสนองจากทั่วโลกเพื่อให้ร่วมมือกันในการคัดค้าน ต่อต้าน การแฮกข้อมูล อย่างไรก็ตาม ปัญหาความมั่นคงบนโลกไซเบอร์ถือเป็นปัญหาทางเทคนิค มากกว่าจะเป็นปัญหาทางยุทธศาสตร์ จึงไม่ถูกยกระดับให้เห็นความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
ก่อนหน้านี้ จีนถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้แฮก e-mail account ของ Google จากเจ้าหน้าที่ชาวสหรัฐฯ และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยนชาวจีน จีนปฏิเสธข้อหาดังกล่าว และเห็นว่าตนตกเป็นเหยื่อจากการแฮกข้อมูลระหว่างประเทศ โฆษกกระทรวงต่างประเทศ Hong Lei ประกาศเจตนารมย์ จีนขอย้ำอีกครั้งว่า เรายินดีที่จะเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนและร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ ในด้านความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตได้
ขณะที่ R. Chandrasekhar ข้าราชการระดับสูงแห่งกระทรวง IT ของอินเดีย กล่าว จำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างรัฐในระดับสูง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในอินเดียมักจะถูกโจมตีอยู่บ่อยครั้ง และแฮกเกอร์ที่น่าสงสัย น่าจะมาจากจีน และปากีสถาน
Stewart Baker อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security) ของสหรัฐฯ ในทัศนะของผมแล้ว ผมคิดว่าจีนมีทางออกสำหรับการแฮกข้อมูลได้มากมายอยู่แล้ว รู้วิธีที่จะค้นหาได้ว่าใคร ทำอะไรในโลกไซเบอร์
ประเด็นเหล่านี้ทำให้โลกมีความปลอดภัยน้อยลงจากแฮกเกอร์ แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้เกิดการปฏิวัติได้เหมือนกัน
การเปิดฉากโต้กลับ สงครามไซเบอร์ ของจีน
จีนเริ่มเดินหน้าสร้างจุดแข็งในการต่อกรกับ สงครามไซเบอร์ พร้อมเผชิญหน้ากับแรงกดดันจาก เพนตากอน หนังสือพิมพ์สายทหารของจีนระบุภายหลัง ปักกิ่ง ได้รับการเสียดสี กล่าวโทษว่าเป็นตัวการแฮกข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ข้อกล่าวหาของจีนในประเด็นการเจาะข้อมูลเครือข่ายความมั่นคงของ Lockheed Martin และคู่สัญญาด้านการทหารของสหรัฐฯ อื่นๆ อีกหลายราย รวมทั้งผู้สนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชนชาวจีน
ทหารสหรัฐฯ กำลังเร่งยึดอำนาจสั่งการทางทหารบนโลกอินเตอร์เน็ต และสงครามทางอินเตอร์เน็ตจะถูกปลุกปั่นให้ดุเดือดยิ่งขึ้นราวกับแรงพัดของพายุ การกระทำของพวกเขา ช่วยย้ำเตือนพวกเราให้ปกป้องความมั่นคงแห่งชาติทางด้านอินเตอร์เน็ต เราต้องเร่งพัฒนาระบบป้องกัน และเร่งทำให้ Internet army ของเราแข็งแกร่งขึ้น
Reuters ระบุ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมจีนกล่าว แม้ว่าประเทศของเราได้พัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตเข้าสู่ระดับมหาอำนาจแล้ว แต่ระบบป้องกันทางอินเตอร์เน็ตของเรายังถือว่าอ่อนแอมาก ดังนั้น เราต้องเร่งพัฒนาเพื่อการต่อสู้ทางอินเตอร์เน็ตด้วยอาวุธทางเทคโนโลยี เราต้องพัฒนาระบบป้องกันทางอินเตอร์เน็ตของเราอย่างรอบด้าน วอชิงตันกังวลมาก ในการโจมตีบนโลกไซเบอร์ และเตรียมพร้อมที่จะใช้กำลังเพื่อต่อต้านใครก็ตามที่มีท่าทีจะก่อสงคราม (สหรัฐฯ ตีความว่าการเจาะข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต มีความร้ายแรงๆ เทียบเท่าการใช้กำลังทางทหาร)
แผนของจีนในการตั้ง ไซเบอร์บลูทีม ขึ้นมา มีเป้าหมายเพื่อเป็นกลไกในการฝึกฝนเพื่อป้องกันความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ต และไม่ได้เป็น กองทัพแฮกเกอร์ อย่างที่สื่อต่างประเทศตีความ
โฆษกกลาโหมจีน Geng Yansheng กล่าว จีนเป็นเหยื่อจากการโจมตีทางไซเบอร์ และ ไซเบอร์บลูทีม ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนพยายามจะสร้างหน่วยความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตให้แข็งแกร่งขึ้น ปัจจุบัน ความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ตกลายเป็นประเด็นสากลไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ส่งผลกระทบแค่เพียงสังคมในระดับพลเมืองอีกต่อไป แต่ยังส่งผลไปยังมิติทางทหารด้วย จีนยังคงมีการป้องกันความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตที่อ่อนแอ!!
โฆษกกลาโหมจีน Geng Yansheng ย้ำ จีนเป็นเหยื่อจากการโจมตีทางอินเตอร์เน็ต ระบบป้องกันทางอินเตอร์เน็ตของเรายังอ่อนแอ Cyber Blue Team ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อพัฒนาศักยภาพในการป้องกันเพื่อความมั่นคงในโลกอินเตอร์เน็ต ไซเบอร์บลูทีม ไม่ใช่แฮกเกอร์ และในประชาคมโลกไม่ควรเข้าใจวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งไซเบอร์บลูทีมแบบผิดๆ เพราะ ไซเบอร์บลูทีมถือเป็นชื่อเล่นที่ใช้กันภายในเพื่อฝึกภารกิจประจำวันทางทหาร และไม่ใช่หน่วยปฏิบัติการจริงดังเช่นในกองทัพปลดแอกประชาชน ทหารในกลุ่มไซเบอร์บลูทีม ถูกเลือกมาเพื่อปฏิบัติภารกิจตอบโต้สงครามไซเบอร์จำนวน 30 ราย
**หมายเหตุ** การรายงานของ OnPolitics ระบุว่า มียอดผู้ใช้งานทางอินเตอร์เน็ตในจีนราว 450 ล้านคน ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา กล่าวในที่ประชุมผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ต้องควบคุมดูแลสังคมในโลกเสมือนจริง (หรือ ชุมชนแห่งจินตนาการบนโลกอินเตอร์เน็ต)
Reuters