Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
underconstruction




Create Date : 13 ธันวาคม 2549
Last Update : 13 ธันวาคม 2549 16:46:30 น. 33 comments
Counter : 388 Pageviews.

 
Waitin for you


โดย: PutterZ (ToppuT ) วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:18:29:08 น.  

 

เอาสลัดกุ้งมาฝาก...คร้าาา....อาโหย่ยย....



โดย: ป้าหู้เองค่ะ (fifty-four ) วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:20:27:47 น.  

 
หู้ยย เปลี่ยนได้เปลี่ยนดี ดัดแปลงได้ทุกวี่ทุกวัน เอ๊า! ดีๆ ทำไปโลด แล้วข้าน้อยจะเข้ามาชมเรื่อยๆ


โดย: สวรรค์เสก IP: 82.36.153.97 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:37:30 น.  

 
นึกว่าเจ้าของกระท่อมจะยุ่ง

มีเวลาเปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่อยู่ทุกวัน สงสัยต้องหางานให้ทำเพิ่มซะแล้ว อิอิ



โดย: เลขานุกาลกิณี (เหลาชมจันทร์ ) วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:44:39 น.  

 
ขอคอมเม้นท์ในส่วนคอมเม้นท์ท่านหน่อย อ่านยากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร


โดย: เลขาฯ สุดสวย (เหลาชมจันทร์ ) วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:53:38 น.  

 
โหยยย

น่าหม่ำสุดๆเลยท่าน


โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.129.198 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:59:16 น.  

 
ก็ยอกว่า อันเดอร์คอนสตัก เดี๋ยวกัดให้เลย...นี่แน่ะ!!

ขอบคุณสลัดกุ้งด้วยขอร้าบบบบบ ของโปรดดดเสียด้วย01.jpg
เล่นเอาน้ำย่อยไหลโจ๊กยามดึก (แกล้งเปล่าเนี่ย???)

ท่านยางฯ ดูปกด้วยขอรับ ปก ปก ปก


โดย: ดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:22:45:24 น.  

 
ฮ่า ฮ่า เลขหนึ่ง ค้างอยู่ใน copy


โดย: ดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:22:56:29 น.  

 
ได้รับ 'ปก' แล้ว
ขอบพระคุณขอร้าบบบบบท่านยางฯ


โดย: fดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:23:04:19 น.  

 
จ๊าก

กระท่อมท่านเป็นอะไร

พายุมาหรือท่าน

ทำไมมันเป็นอย่างงี้

มาตอบคำถามที่ท่านตามไว้ในบลอกของข้าพเจ้า

ที่ข้าพเจ้าบอกว่า 'ไม่สามารถทำบลอกให้เป้นอย่างที่ตั้งใจได้' ก็ออกจะพูดไม่ตรงประเด็นเท่าใดนัก ฟังดูแล้วเหมือนมี อีโก้ สูงยังไงบอกไม่ถูก แต่ความจริงแล้วเหตุผลน่าจะต้องบอกว่า ไม่มีปัญญา อัพ รูปมากกว่า เพราะเอารูปเข้าแต่ละทีเสียเวลาเหลือหลาย นอกจากนั้น ข้าพเจ้ามีข้อเสียที่แก้ไม่ตกอีกอย่างคือเวลาเข้าเนตไม่ว่าจะเข้ามาดูบลอกทั้งของตัวเอง ของคนอื่น หรือแม้แต่เข้าไปเล่นบ้านหนอน จะมีอาการเอ้อระเหย อ่านซ้ำไปซ้ำมา ไม่เป้นอันทำอะไร เลยพยายามลดเวลาเข้ามาเล่นเนตลง ให้เหลือน้อยๆ จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น (ไปเอ้อระเหยอย่างอื่น) เช่น พาหมาไปเดินเล่น รดน้ำต้นไม้ นั่งเหม่อดูปลาว่ายน้ำไปๆมาๆในตู้
เหตุผลติงต้องแค่นี้เองแหละขอรับ อิอิ



โดย: อัมโปะ IP: 124.157.184.94 วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:0:03:46 น.  

 
ขอบคุณขอรับท่านอัมฯ

นับเป็นคำตอบที่แทงใจดำ เพราะเราหลายคนก็ผจญกับเรืองนี้
การจัดสรรเวลาให้ สมดุลพอดี จึงคอยสะกิดไหล่เราตลอดเวลา

บางครั้งสงสัย "เอ็งจะสะกิดไปทำไม?"
หลายครั้งเข้าใจ "อ้อ...ใช้เวลากับ บางอย่างมากไป" ทำให้เบียดบังเวลากิจกรรมอื่น ๆ (ที่จำเป็นต่อชีวิต เช่นพาหมาเดินเล่น รดน้ำต้นไม้ ให้อาหารปลา)

ข้าพเจ้าเองก็กำลังปรับสมดุล
คิดว่าจะทำทุกอย่างให้เข้าที่ เข้าทาง ก่อนขึ้นปีใหม่
เหลืออีกครึ่งเดือน สำหรับ สรุปบทเรียน ที่ได้เรียนรู้มาตลอดปี
จัดการเวลาหนึ่งวันให้สมดุลพอดี

เพื่อ ปีใหม่ จะได้ไม่ถูกเจ้าความรู้สึกที่ว่า คอยสะกิดไหล่อีก

ขอบคุณ ความคิดเห็นของท่านที่ เหลาฯ มุมมองแตกต่าง มีคุณค่า(อย่างมาก)เสมอ
เพราะทำให้เรา ได้เห็น บางมุมที่เราอาจมองข้าม

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น

ท่าทีที่แสดง เสนอมุมต่าง
การแสดงออกอย่าง สุภาพ นุ่มนวล
บอกให้รู้ว่าเราไปพ้น จากความเป็นปฏิปักษ์ ต่อต้าน ท้าทาย
ทำให้เห็นถึง ความต่าง ที่ผสมผสาน ก่อรูปก่อร่าง สร้างคุณประโยชน์

นั่นสิ....ที่น่าขอบคุณ

คารวะ

การอับที่นี่ ดึงเวลาไปพอดู
ตอนอับข้าพเจ้าเปิดขึ้นมาสองหน้า บางครั้งก็สาม
เพื่อจะได้ไม่ต้องคอย
อีกอย่าง ภาพที่ใช้บนเว็บ ควรลดขนาดให้เล็กที่สุด
(ที่คุณภาพยังไม่เสียไป)
หากท่านทำอยู่แล้ว ข้าพเจ้าก็เข้าใจขอรับ
ต้องจำใจ ยอมรับ ที่จะไม่มี 'อัมโปะแกลลอรี่' (ด้วยความเศร้า)

เอาที่ ๆ อับเร็วกว่า bloggang ไหมขอรับ??? อิ อิ อิ ยังอยาก ไปเที่ยว 'แกลลอรี่' ของท่านนัก นัก

คารวะ (อีกที)


โดย: ดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:6:55:05 น.  

 
เถ้าเอ๊ยเถ้า ทำอะไรอีกล่ะเนี่ย ไฉไลเป็นบ้า แต่ตาลายพิกล ต้องคอยดูดีๆ ว่ากำลังอ่านความเห็นของใครอยู่ นายนี่ทำอะไรได้ยุ่งดีชะมัด นับถือๆ

ผมเคยได้ยินคนพูดกันบ่อยๆ ว่า "ทำงานแข่งกับเวลา" พอได้ยินประโยคนี้ทีไร ได้แต่ดัดจริตคิดไปคนเดียวนิดๆ ว่า ปุดโธ่ ปุดถัง เวลามันก็มีเท่าเดิมนี่หว่า กลางวัน-กลางคืนบวกกันแล้วก็เบ็ดเสร็จ 24 ชั่วโมง หัวเด็ดตีนขาดจะขอมากกว่านี้หรือน้อยไปกว่านั้นไม่ได้เด็ดขาด

และมันกระดิกดิ๊กๆ ไปเท่าเดิมตลอด ไม่เคยคิดที่จะแข่งกับเรา แต่หากใครดันทุรังคิดว่าจะทำงานแข่งกับเวลา ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดผิด

และอะไรก็ตามที่เริ่มต้นด้วยความผิด อย่าแม้แต่จะคิดว่าผลลัพธ์ของมันจะออกมาถูก หรือนำความสุขมาให้

การปรับเวลาเหมือนดังที่พี่ท่านอัมฯ กับท่านเถ้าฯ กำลังพูดถึงนั้นต่างหาก จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ควรทำ

ในเมื่อเวลามันมีเท่าเดิม ทำชีวิตเดิมๆ ของเราให้ถูกต้องเหมาะสมกับเวลา มันน่าจะทำให้อะไรที่มันยุ่งๆ อยู่ คลี่คลายออกไปในทางที่ดีได้มากขึ้น...ไม่มากก็น้อย

ขออีกนิดเรื่องประเด็นการแสดงความเห็นแบบมองต่างมุม ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ควรต้องมีในทุกเรื่องราว แต่เราต้องแยกให้ออกเสียก่อนกระมังว่า นั่นคือการมองต่างมุมโดยมีเรื่องเดิมเป็นเป้าหมายหลัก หรือเพียงเพราะฉันอยากจะมองมุมต่างไปที่อื่นให้เท่ห์ๆ ไปซะอย่างนั้นเอง

การมองต่างมุมในทัศนะคติของผมคือ การแสดงความเห็นในแง่มุมใหม่ที่จะต่อยอดความเห็นเดิม หรือทำให้เรื่องเดิมแตกหน่อทางความคิดเพิ่มมากขึ้น โดยมีฐานความคิดของการช่วยสร้างสรรค์เรื่องนั้นให้ดีขึ้น แม้จะติหนักๆ หรือมองแรงๆ เพียงใดก็ตาม

การเห็นด้วยกับความเห็นนั้นๆ ควรมีเหตุผลสนับสนุน การไม่เห็นด้วยยิ่งต้องมีเหตุผลมาอธิบาย ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เห็นด้วย ถ้าหากเรื่องนั้นสีขาวก็ต้องมีเหตุผลในการเติมสีดำเข้าไปให้เกิดความต่าง ถ้าหากเรื่องนั้นร้อนเกินไปก็ต้องมีเหตุผลในการเป็นน้ำเข้าไปช่วยพรม ให้เรื่องนั้นๆ มีความสวยงามของสีสัน ให้เรื่องนั้นๆ มีความกลมกลืนของบรรยากาศ

นี่ต่างหากที่เป็นพลังของการย้อนแย้ง

นี่ต่างหากที่เป็นการหมุนวนของหยินหยาง

นี่ต่างหากที่เป็นการไหลเวียนของคืนและวัน

แต่ท้ายที่สุดกลับขึ้นอยู่กับเราที่จะเป็นคนเลือก ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการมองต่างมุม หรือมองมุมต่างนั้นๆ เราคงไปห้ามใครหรือบงการใครให้แสดงความเห็นแบบที่เราชอบไม่ได้ แต่เรามีสิทธิ์เลือกที่เชื่อหรือไม่เชื่อได้ นี่ต่างหากที่เป็นอำนาจอันธรรมชาติประทานให้เราทุกคน

เลือกเอาเถิดครับ กินส้มยังต้องปอกเปลือกทิ้งเลย


โดย: สวรรค์เสก IP: 82.36.153.97 วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:14:38:48 น.  

 
ท่านเป็นไงบ้าง เน็ตเจ๊งเหรอ

ข้าพเจ้าช่วยภาวนาอีกแรง ซ่อมเสร็จทันก่อนตะวันตกดินเถอะเจ้าประคู๊ณ

เอ...หรือว่าฤกษ์ไม่ดีหว่า เลยมีอุปสรรค สงสัยต้องจุดธูปไหว้เจ้าที่ก่อนละมั้ง ลองดูนะท่านเผื่อได้ผล


โดย: หนุงหนิง IP: 206.73.57.82 วันที่: 15 ธันวาคม 2549 เวลา:10:06:32 น.  

 
แวะมาเสริฟน้ำชาอุ่นๆ เจ้าค่ะ

พักสักนิดนะท่าน (เก็บแรงไว้ทำเล่มต่อๆ ไปบ้าง อิอิ)

เห็นนิตยสารออกมาเป็นรูปเล่มแล้ว ชื่นใจจริงๆ เจ้าค่ะ
ขอบคุณท่านอีกครั้ง ที่ทำให้"ก้าวรอก้าว" ออกเดินก้าวแรกได้อย่างงดงาม

ท่านคงเสียเวลาไปมากพอดูกว่าจะหาวิธีโพสท์นิตยสารได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ข้าพเจ้าพูดอะไรไม่ออก นอกจากบอกว่าขอบคุณอีกครั้งค่ะ


โดย: หนุงหนิง IP: 203.113.34.9 วันที่: 15 ธันวาคม 2549 เวลา:20:42:52 น.  

 
ขอบคุณที่ทำให้ ก้าว...รอ...ก้าว ฉบับแรก เสร็จอย่างสมบูรณ์นะครับ

สุดยอดจริงๆ ขอปรบมือให้เลย


โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.123.204 วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:1:25:57 น.  

 
T T

แง...ผมขอยอมรับผิดครับ

แบบว่าหน้าปกมีข้อผิดพลาดอยู่

ต้องขออภัยอย่างแรงเลยครับที่ไม่ได้ตรวจทานดูให้ดี

ขออภัยจริงๆ ขออภัยอย่างแรงเลยครับท่าน



โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.123.204 วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:1:50:19 น.  

 
ฮ่า ฮ่า ว่าแล้วเชียวเมื่อวานท่านจี-รา ทักทีหนึ่งแล้ว
ข้าพเจ้ากำลังมึน...ไม่ทันสะกิดใจ

รบกวนท่านแก้ไข แล้วส่งให้ข้าพเจ้าด้วย
จะได้เอาไปเปลี่ยนที่สำนักงานขอรับ

ดิน


โดย: ดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:9:27:16 น.  

 
ท่านดินจัดบ้านใหม่หรือคะ แม่พลอยคิดว่าเข้าบ้านผิดเสียแล้ว

ถ้วยที่ 18 ค่ะ




โดย: แซนด์ซี วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:18:19:11 น.  

 
มองเห็นแล้ว มองเห็นและ ... e! e!

๑๕ มกราคม ๔๙ รึ? ๑๕ ธันวาคม ๔๙

.

เป็นกำลังใจ ละ กาย ให้ท่านกองบอกอทุกท่าน ขอรับ..

:)


โดย: ข้าพเจ้าเอง IP: 124.157.140.128 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:0:35:58 น.  

 
ท่านข้าพเจ้าเองขอรับ
บทความแซ่บบบ ของท่านค่อยเคลื่อน เขยื่อนกาย ย้ายเยื้อง ทยอยออกมาได้เรื่อย ๆ น่ายินดียิ่งนัก

นั่นบอกให้รู้ว่า...
ท่านสุขสบายดี
ข้าพเจ้ามีแต่ยินดีขอรับ

คารวะ

ขอบคุณสำหรับกาแฟขอรับแม่พลอย
เข้มเชียว...ใจสั่น) ) ) )

ท่านสอสอ ใส่สะเก็ตผู้เป็นที่เคารพรักเป็นอย่างยิ่ง

หากใบหน้าอันหล่อเหลาคม(ระ)คาย ของท่านผ่านมา ขอท่านจับจอง มองหาเก้าอี้ตามสบายขอรับ วันนี้ มีเมนู กาแฟ แกล้มสลักกุ้ง เชิญท่านลองลิ้มชิมรส

ร้านกาแฟเปิดใหม่ ยังไม่เข้าที่เข้าทาง โต๊ะบ้าง เก้าอี้บ้าง ยังเกะกะขวางทาง ขอท่านอภัย

อีกประการ ขอบพระคุณคมคำเหล่าเมธี ที่ท่านนำมาทิ้งไว้ ข้าพเจ้าได้นำไปใช้เป็น coffee brake ได้ทั้งรส ได้ทั้งกลิ่นหอมกรุ่น

ล้วนต้องขอบคุณท่าน ที่นำชะลอมความมาฝากมิได้ขาดนับเป็นของฝากล้ำค่ายิ่งแล้วขอรับ

คารวะ




โดย: ดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:1:23:02 น.  

 
"ผมเติบโตขึ้นมาในเมืองนี้ กวีนิพนธ์ของผมถือกำเนิดขึ้นมาระหว่างเนินเขากับแม่น้ำ ได้เสียงมาจากสายฝน และมันก็เหมือนกับต้นไม้ มันฝังตัวของมันลงไว้ในป่าเขาลำเนาไพร

"ครั้นบัดนี้ บนเส้นทางสู่อิสรภาพ ผมหยุดอยู่ครู่หนึ่งตรงใกล้ๆ กับเมืองเตมูโก ยังคงได้ยินเสียงน้ำไหล ซึ่งเสียงนี้เคยสอนให้ผมรู้จักขับขานลำนำเพลง"

(ปาโปล เนรุด้า มหากวีแห่งศตวรรษชาวชิลี (ได้โนเบลปี 1972) กวีผู้มีภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ในการใช้อำนาจของถ้อยคำ ต่อต้านอำนาจเผด็จการทรราช และสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยของชาวชิลี



ตามสบายเถอะเถ้าเอ๊ย อยากจะเอาไปโยนเล่นที่ไหนก็ตามตะใจท่าน "ก้าวฯ" นั้น เกล้าเองก็ไปตามอ่านมาหมดแล้วล่ะ ไม่เป็นไรดอก ถ้อยคำของเมธีเหล่านั้นกระผมเองถือว่ามันเป็นสมบัติกลางของโลกอยู่แล้ว ควรที่จะเผยแพร่ออกไปให้พี่น้องผองเพื่อนทั้งหลายได้อ่านได้ยล เผื่อจะช่วยเคาะ ช่วยเกา "จัญไรอุปนิสัยนานา" ดังว่านั้น ให้ผ่อนเบาลงได้บ้าง

หากบางบทมันยาวไป หรือมันมีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมะมาก ก็ขอให้พี่ท่านพิจารณาตัดช่วงท้ายบทออกไปบ้างก็น่าจะดี คือผมว่าสังคมทุกวันนี้ไม่ค่อยชอบธรรมะ และมักจะมองว่ามันเป็นยาขม ผมกลัวว่าถ้อยคำของปราชญ์เมธีเหล่านี้ จะไปเป็นตัวฉุดให้ "ก้าวฯ" ของพวกท่าน ดูล้าสมัย ไม่สบใจเหล่าขาโจ๋น่ะครับ

ให้ดิ้นตายทีซิเอ้า ท่านจะเอากาแฟถ้วยนี้มาติดอยู่ที่มุมนี้ทำไม ผมพิมพ์มาถึงมันทีไรทำให้ระแวงอยู่เรื่อยว่าพิมพ์ถ้อยคำถูกหรือเปล่า รีบๆ ดื่มมันให้หมดเสียทีเถอะเถ้าเอ๊ย เออ เอาแก้วไปล้างแล้วเอาไปคว่ำไว้ไกลๆ เลย

ผมมีเทคนิกการอ่านหนังสือมาฝากน่ะครับพี่เถ้า คือในการอ่านไปนั้น ผมจะใช้กระดาษเปล่ามาเป็นตัวคั่นหนังสือแทนที่คั่นธรรมดาทั่วไป หากผมเจอถ้อยคำประโยคไหนที่ "ดี" หรือ "โดน" ผมจะจดหน้าและย่อหน้าของมันไว้ก่อน แล้วอ่านต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เสียอรรถรสในการอ่าน

ผมไม่นิยมจดไว้ในหนังสือหรือแม้แต่คิดจะพับมุมหน้ากระดาษ และการถ่างหนังสือออกกว้างๆ หรือพับไผล่หลังลงไปนั้น กระผมก็จะไม่ทำ สงสารหนังสือ! และตัวอักษร! (อ้อ ผมมีนิสัยประหลาดอีกอย่างหนึ่งคือ จะไม่เดินเหยียบหรือข้ามกระดาษใดๆ ก็แล้วแต่ที่มีตัวหนังสือ ใช่! ผมยกย่องอักษรทุกตัว จึงไม่คิดจะเหยียบย่ำหรือเนรคุณมันเลย)

พออ่านเสร็จ กระผมก็นำสมุดบันทึกทั้งห้าเล่มขึ้นมา ถ้าหากหนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือธรรมะก็บันทึกลงสมุดธรรมะ หากเป็นแนวปรัชญาก็ว่ากันไปตามประเภท

อ้อ ยังมีพวกคมกระบี่ของโกวเล้ว กิมย้ม ห้วงอี้ พี่เอื้อ อัญชลี ฯลฯ ท่านเหล่านี้กระผมก็มีสมุดอีกเล่มหนึ่งไว้คอยต้อนรับพวกท่าน บทกวีที่โดนใจก็มีบันทึกไว้อีกเล่มต่างหาก และเล่มสุดท้ายจะมีหน้าที่เก็บถ้อยคำพวกทะลึ่งตึงตัง หรือพวกถ้อยคำของวัยจ๊าบวัยโจ๋

มันจึงเป็นการง่ายน่ะครับ หากผมอยากจะค้นหาคำคมหรือถ้อยคำโดนๆ ที่เข้ากับเรื่องที่เขียนมาอ้างอิง ลองทำบ้างก็ได้นะครับ



"เขาไม่ได้มีความรู้สึกต่อบทกวีแค่ว่าเป็นความบันเทิงทางภูมิปัญญา หรือสัมฤทธิ์ผลของสติปัญญาที่ได้ขัดเกลาแล้ว หากแต่กวีนิพนธ์คือวิถีแห่งการแทงทะลุเข้าไปสู่ความเร้นลับสุดยอดของชีวิตมนุษย์ และมันก็ไม่ได้เป็นพวงมาลัยชีวิต หากแต่เป็นพลังที่หล่อหลอมชีวิตขึ้นมา

"ภายในลำนำกวีของเขาดั่งมีปีกทิพย์สบัดพลิ้วอยู่ ซึ่งได้ปลุกเร้า เพื่อสนองตอบต่อบางสิ่งบางอย่างภายในมนุษย์ให้ตื่นขึ้นมา สิ่งนั้นเก่าแก่และล้ำลึกยิ่งกว่าความรู้ใดๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากนับศตวรรษ"

(ออเบรย์ เดอ เซลินคอร์ต กล่าวถึง จอห์น คีตส์ กวีบริสุทธิ์ผู้อาภัพชาวอังกฤษ...จากหนังสือ "เก้ารัตนกวีของโลก" โดย ทวีปวร)


โดย: สวรรค์เสก IP: 82.36.153.97 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:4:38:25 น.  

 
ท่านสอสอที่เคารพรัก

ข้าพเจ้าซดหมดจอก เอาแก้วไปคว่ำแล้ว แต่ยังไม่วาย รักสวยรักงาม ย้ายเอาแก้วโลโก้ร้านมาวางแทน ทดสอบดูแล้ว แถวสุดท้าย(ซึ่งต้องใช้มากสำหรับ พวกพันธุ์คอ(หอ)ยาวอย่างพวกเรา) ติดก้นแก้วนิดหน่อย พอให้รำคาญสายตา แต่ไม่ถึงกับมองไม่เห็นว่าตัวอักษรถูกต้องหรือไม่

ยังระลึกเสมอ 'ความสวยงาม ต้องมาพร้อมฟังค์ชั่น' ข้าพเจ้าจึงหาได้รังเกียจรังงอน หญิงสาวที่พร้อมมันสมองและความงาม ส่วนมากมักจะมาพร้อมฟังค์ชั่น คือ การใช้งาน หล่อนมักใช้ข้าพเจ้า ไปซื้อของ หิ้วของให้ นั่งคอย เดินเป็นเพื่อน รองรับอารมณ์ จิปาถะ

เห็นใชไหม? ว่า มาพร้อมฟังค์ชั่น !

เอาเถิด หากยังเป็นที่รำคาญใจท่าน ผู้ถือการ์ดวีไอพีของทางร้าน ข้าพเจ้าก็จะให้พนักงานเอาออก แล้วเอารูป พริตตี้ ออฟเดอะเยียร์ FHM มาติดแทน

ขอบพระคุณคำแนะนำ 'การอ่านเอาความ' จากท่าน
อีกทั้งเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ของความรักในอักษรา ไม่ยอมแม้จะก้าวข้าม ช่างละม้ายโบราณปฏิบัติที่ไม่ทิ้งข้าวสวยสักเม็ด เพื่อย้ำเตือน ฝึกจิตให้เห็นถึงคุณค่า แรงกาย-ใจ ที่ทุ่มเทปลูกมา

บุคคลผู้ฝึกฝนเช่นนี้ ย่อมไม่ละทิ้ง หรือมองข้ามคุณค่าต่าง ๆ รายรอบกาย ไม่ทำร้าย ทำลายโลก นั่นย่อมเป็นอานิสงส์ต่อ มนุษยชาติที่ตามหลังเรามา

อันตัวข้าพเจ้าเอง หาได้เป็นคนรักหยก ถนอมบุปผาเช่นท่านผู้เจริญในอภิญญา ได้แต่ยืนมองด้วยความชื่นชม ตัวอักษรใดที่ท่าน เดินอ้อมไป ไม่ยอมก้าวข้าม (หากหน้าตาพอไปวัดไปวา)

ข้าพเจ้าจะหยิบขึ้นมาอ่านเอง อิ อิ อิ


คารวะ
ด้วยดิน


โดย: ดิน (กระท่อมธุลีดิน ) วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:8:58:36 น.  

 
อะหา.. ข้าพเจ้าเดินทางเข้าเหลามาอีกทีแทบจำมิได้ กระท่อมของท่านเถ้าบัดนี้กลับกลายเป็นเหลาคาเฟ่โกบี๊ไปเสียแล้ว พอดีเลยขอรับท่าน กาลนี้เพลานี้ข้าพเจ้ากำลังนั่งซดกาแฟโลตัสเปรี้ยวปากเปรี้ยวลิ้นอยู่ดีแท้ (ร้านกาแฟสดมันหดหัวไม่ยอมตืนเสียได้)

กลับมาในพื้นที่นี้อีกทียิ่งรู้สึกแปลก อาจเป็นเพราะข้าพเจ้ามิได้ต่อสายเข้าระบบแมทริกเสียนาน เกือบร่วมเดือนได้กระมังขอรับท่าน


เห็นท่านฝากข้อความไว้ให้ เมื่อกลับมาแล้วจัดแจงเอาของออกจากกระเป๋าเดินทางข้าพเจ้าเองก็ร่อนไปร่อนมาอยู่พักใหญ่กว่าจะชินนิ้วที่ตอกลงแป้นคีย์บอร์ด

ไปไหนมา

อ่านหนังสือขอรับ อ่านหนังสือที่กองพะเนินเทินทึก จนแทบจะทับเจ้าของตายอยู่แล้ว จะไม่ให้มากได้อย่างไรละขอรับ ข้าพเจ้าทำงานแต่เช้าจรดเย็น เมื่อถึงหัวค่ำชีวิตก็ได้ดำเนินไปฝังกายแถวแผงหนังสือ เห็นอะไรออกมาใหม่ก็ถอยกลับห้องซะเล่ม สองเล่ม กลับมาถึงห้องเปิดอ่านได้สิบยี่สิบหน้าก็ถึงคราที่ต้องบรรทม เป็นเช่นนี้มาช้านาน กลายเป็นว่ามีอยู่วัน ข้าพเจ้าเพิ่งสังเกตุหนังสือที่กองอยู่ข้างเตียง ให้ตกใจว่ามันอะไรมากมายถึงเพียงนี้ แต่ละเล่มมีที่คั่นหนังสือโผล่มาไม่ถึงครึ่งเล่ม นึกถึงตอนนั้นแวบแรกในความคิดคือ ข้าพเจ้าเป็นหนอนนิสัยเสียไปเสียแล้ว อะไรพุ่งกระแทกกระบานทำให้ข้าพเจ้ามุขึ้นมาอ่านหนังสือกองนั้นแบบจบทีละเล่ม ทีละเล่ม ไม่อ่านเล่มสลับเล่ม " ต้องอ่านให้ได้ 5000 เล่มจึงเป็นนักอ่านตอนนี้ไม่ถึงยังเรียกว่า คนอ่าน " อาจารย์ สุวินัยคนที่เขียนมูซาชิฉนับท่าพระจันทร์กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ในหัวข้อสงครามหนังสือ ในหนังสือ UNDERGRROUND BULETEEN (ในบทสัมภาษณ์นี้ข้าพเจ้าอยากให้คนที่คิดทำหนังสือได้อ่านเหมือนกัน)ข้าพเจ้ามิได้คิดอยากจะเป็นนักอ่านหรือเป็นคนอ่าน หากแต่ว่า เมื่ออ่านแล้วอ่านไม่จบไม่ครบกระบวนความ การที่จะนำข้อมูลบางส่วนบางตอนมาแปรเป็นงานเขียนหรือหรือพูดคุยบอกต่อ มันขาดพลังหนุนเบื้องหลัง เรียกเป็นภาษาชาวบ้านๆว่า "ไม่เต็มปากเต็มคำ " ก็ว่าได้ขอรับ ผ่านตาความเห็นของท่าน สส. ผู้ทรงเกียรติที่แนะนำการอ่าน ข้าพเจ้าเองก็เพิ่งค้นพบวิธีนี้เช่นกัน แต่ข้าพเจ้ายังพัฒนาไม่ถึงขนาดมีสมุดจดหลายเล่มแบ่งหมวดๆ แต่เห็นท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติแนะนำแล้ว คิดว่าต่อไปคงต้องมี (คารวะท่าน สส. หนึ่งจอก)

ข้าพเจ้าจึงเริ่มจดชื่อหนังสือ ผู้เขียน ผู้แปล เนื่อหาที่หนังสือเหล่านั้นพุ่งความสนใจในการนำเสนอ อย่างน้อยที่สุดคือข้าพเจ้าเริ่มมองเป็นขอบเขตการอ่านของตัวเอง และประเภทหนังสือ แน่นอนว่าหนังสือมีหลายหมวดหลายประเภท เมื่อดูจากชนิดทั้งหมดที่ได้อ่านมาแล้ว ข้าพเจ้าจึงเริ่มมองออกว่า ข้าพเจ้ายังไม่เคยผ่านตาหนังสือประเภทไหนหรือแนวไหน แต่ในใจก็ยังต้องเบรกความอยากที่จะเตะเท้าออกจากห้องไปหาหนังสือเหล่านั้นมาเสพรับรสอักษร ก็ของเก่ายังอ่านไม่หมดยังไปปลดผลไม้จากบนต้นอื่นมาดองลงไหให้มันขึ้นเกลือทำไม นั้นกลายเป็นว่า ข้าพเจ้าจำต้องปิดตัวเองจากระบบตัวอักษรเรืองแสงบนหน้าจอขนาดสิบเจ็ดนิ้วไปโดยปริยาย

การเสพหนังสือจากกระดาษทำให้ข้าพเจ้าหวนคืนความรู้สึกที่ขาดหายไปนาน ข้าพเจ้าหนีบหนังสือหนึ่งเล่มบางทีสองเล่มตามแต่ความหนาของมัน ทิ้งตัวลงหาเก้าอี้เหล็กม้านั่งยาว ตัวรองนั่งเป็นไม้เนื้อแข็งหยาบแห้งแต่นิ้มอารมณ์ แล้วพาหนะแห่งความเงียบก็พาข้าพเจ้ามุ่งสู่โลกแห่งตัวอักษร ความรู้สึกมันต่อเนื่องดีแท้ การเสพสื่อทางอินเทอเนตของข้าพเจ้า(ของท่านอื่นข้าพเจ้าไม่ทราบ) นั้นไม่มีทางได้โคจรมาพบกับความเงียบเลย ข้าพเจ้าเดินทางอยู่ในดินแดนแห่งความเงียบที่ปูพรมด้วยตัวอักษรเสียนานจนแทบจะลืมทางกลับกระท่อมออนไลน์ของท่าน เมื่อกลับมาเหยีบอีกทีก็เหมือนแปลกที่แปลกทางก็เลยเวียนวนไปรอบๆให้ร่างกายอบอุ่นเสียหน่อยค่อยหย่นก้นลงคาเฟ่ สั่งโกบี๊ใส่นมข้นหวาน เสริฟพร้อมชามะลิถ้วยเล็ก

ข้าพเจ้ารำพึงการอ่านของข้าพเจ้ามาเสียนานสองนาน ยังมิได้เอ่ยถึง "ก้าว รอ ก้าว " ที่เหล่าสหายชาวหนอนได้ออนเดอะเวย์ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้

คำถามที่วิ่งอยู่ในโพรงสมองกลวงๆของข้าพเจ้าสงสัยเหลือเกินว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร เราจะจับมือกันก้าวไปด้วยกันอย่างไรน้า... ก่อนหน้านี้มีงานอยู่หนึ่งชิ้นที่ท่านย่าจับมือร่วมงานกับท่านอัมโบะ นั่นจึงทำให้ข้าพเจ้าตื่นเต้นและรอลุ้นเสียไม่ได้ว่าเมื่อหนังสืออกมา รูปแบบจะเป็นในแนวนั้นรึเปล่า จินตนาการข้าพเจ้าลอยไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่ทราบ อาจเป็นเพราะว่าข้าพเจ้าเป็นนักอ่านประเภทชอบอะไรๆที่เหนือความคาดหมาย ไม่อาจคาดเดาได้ กระมัง ข้าพเจ้าเพียงหวังจะพบเจอการร่วมงานหรือการจับมือพากันก้าวไปข้างหน้าเหมือน ในทางที่โปรยไว้แต่ต้น (หากข้าพเจ้ากล่าวตรงเกินไปขออภัยด้วยขอรับ) แต่เมื่อออกมาแล้วกลายเป็นการ"รวมงานเขียน" มิได้เป็นการ"ร่วมกันเขียน" อย่างที่หวังลึกในใจ หัวใจมันก็ฝ่อลงนิดหน่อย

แต่มาตรองความคิดตัวเองดูอีกที ก้าวแรก หัวใจมันคงไม่ได้อยู่ที่ว่าจะตรงใจใครไม่ตรงใจใคร มันก็เหมือนกับการยิงธนูละท่าน เมื่อมันหลุดจากแหลงไปแล้ว เข้าเป้าไม่เข้าเป้า มันก็ลอยออกไปแล้ว ใจเราอยู่ที่เป้ามันก็เข้าเป้า เป้าแต่ละคนมันก็คงไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการยิงธนู ยิงปืน แทงกระบี่ออก ตอกหมัดสู่เบื้องหน้า หัวใจของมันบรรลุเป้าตั้งแต่ท่านปล่อยหมัดสะบัดกระบี่แล้ว แต่หลังจากนี้สิท่าน ทำเช่นไรท่านจึงจะสามารถหนุนเนืองกระบวนท่าออกได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหลไร้รอยแผล (ว่าแต่เขาอีเหนาก็ยังจมกองหนังสืออยู่เลย)

"มีแต่การฝึกฝนอย่างหนักเท่านั้นที่จะทำให้คนเราถือดาบที่หนักอึ้งอย่างเบามือได้"

-มิยาโมโต้ มูซาชิ-

เมื่ออ่านข้อความนี้แล้วพร้อมทั้งรวมส่วนผสมพลังการร่วมมือของกลุ่มสหาย "ก้าว รอ ก้าว" ข้าพเจ้าเองก็คงเชื่องช้าอยู่มิได้เสียแล้ว



ด้วยมิตราภาพข้าพเจ้าคารวะ ๑ จอกกำแฟดำ

...
















โดย: (...) IP: 124.120.94.233 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:12:42:41 น.  

 
อา...หายหน้าหายตาไปเสียนาน
กลับมา จิบกาแฟโลตัส ละเลียดปลายนิ้ว พริ้วลายอักษรได้สาสมใจนัก

หนึ่งปีผ่าน ข้าพเจ้าดีใจอยู่อย่าง ได้เจอสหายที่วางนิ้วลงบนแป้นเมื่อไร ไม่เคยยอมยกออกง่าย ๆ ร่ายเพลงกระบี่ จนกว่าจะสมใจ ไม่สัมผัสโลหิตไม่ยอมคืนฝัก ทำให้แต่ละครั้งที่ผ่านตา ราวได้นั่งสนทนา ด้วยเนื้อหาอันยืดยาว ได้น้ำได้เนื้อ ยากยิ่งนักที่จะได้พบเจอสหายเช่นพวกท่าน นับเป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่น่าจดจำ เป็นช่วงเวลาที่ดียิ่งแล้ว

มูซาชิ ฉบับท่าพระจันทร์ ข้าพเจ้าให้เป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนไป ด้วยเห็นว่า เขาอยู่ในวัยที่ เรื่องราวของมูซาชิ อาจกระตุ้นไฟฮึกเหิม ให้ใช้เวลาของช่วงวัยอย่างเต็มคุณค่า ถึงตอนนี้อยากเอามาดูอีกสักครั้ง ด้วยความสงสัยว่าเขียนอย่างไร ทำไมข้าพเจ้าจึงอ่านรวดเดียวไม่ยอมวาง

สำหรับ 'ก้าวฯ' มีความคิดเห็นเช่นไร มีสิ่งใดแนะนำ ขอท่านบอกกล่าวขอรับ ไม่ว่าเป็นความเห็นคล้อย หรือแย้ง ล้วนก่อคุณประโยชน์ในการปรับปรุงแก้ไขครั้งต่อ ๆ ไป

ดีใจที่ท่านกลับมา

คารวะ










โดย: ดิน (กระท่อมธุลีดิน ) วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:19:50:07 น.  

 
ได้อ่านเรื่องราวของเจ้าหนู แฮโรลล์ แล้ว รู้สึก กระชุ่มกระชวยดีแท้

ขอบคุณมากๆขอรับท่าน

อัมโปะ


โดย: อัมโปะ IP: 58.147.81.26 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:22:11:14 น.  

 
หวัดดีครับศิษย์ทวด

เพิ่งกลับมาจากคารวะศิษย์ย่าครับ

เมื่อวานไปคารวะมาหนหนึ่งแล้ว ท่านเลี้ยงลาบ น้ำตก และจิ้มจุ่ม นั่งกันสองคนแต่สังอาหารมาเต็มโต๊ะ กินเสร็จแทบจะลุกไม่ขึ้น

วันนี้ถึงคิวผมเลี้ยงบ้าง แบบว่าไม่เคยเอาเปรียบใครนาน กลับจากรามฯจึงโทรนัดแกไปที่สวนลุมไนท์บาร์ซ่า สั่งเบียร์ตราดาวมามอมท่านย่า 1 ขวด และสั่งคอหมูย่าง ลาบ ยำ และส้มตำ ท่านย่ามีซาลาเปาติดมือมา 2 ลูก เห็นบอกว่าซื้อมาจากเซ็นทรัล พระราม 3 ท่านแบ่งให้ผมกิน 1 ลูก ดูสิครับ ท่านช่างใจดีจริงๆ ผมก็กินซาลาเปาแกล้มส้มตำนั่นแหละ ฮาๆ

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาแวะเข้ามาคารวะศิษย์ทวด อย่าว่ากันนะครับ ตั้งใจจะ Get 4 Gs ให้ได้ นี่ก็กำลังใช้ธูป 6 ดอกตามที่ท่านเคยแนะนำ ผมทำตามที่ท่านแนะนำทุกอย่าง ถ้าพลาดล่ะก็สวย!

ผมต้องรีบเสนอหน้าไปให้ท่านย่าเห็น เพราะอยากรู้ว่าท่านจะกล้าเดินทางสองต่อสองกับคน...จน-เครียด-กินเหล้า ไหม? แบบว่าเราตั้งใจไว้ว่าจะไปกินกุ้งที่บ้านท่านทวดน่ะครับ หวังว่ากว่าจะถึงวันนั้น ท่านทวดคงไม่แก่ลงมากเสียจนเดินไม่ไหวนะครับ เรื่องที่ท่านเลิกเหล้าน่ะไม่มีปัญหาสำหรับผม ขอเพียงท่านรับปากว่าจะซื้อให้ผมกิน ผมก็ไม่มีอะไรต้องห่วง อิๆๆ

ท่านย่าใจดีมากครับ ตัวจริงท่านไม่ดุเท่าไหร่ แต่ท่านทักว่าผมไม่ค่อยพูด คือบุคลิกไม่เหมือนในเว็บ ผมก็ว่างั้นแหละครับ ชีวิตจริงผมไม่ใช่พุ่มฮัก พานเสือหรอกครับ ผมสวมหน้ากากหลอกเพื่อนๆเล่นเอาสนุกๆไปวันๆ ขืนให้เขียนในสิ่งที่เป็นความจริงของชีวิต ก็อาจจะตายห่าตายโหงกันไปข้างหนึ่ง...

สบายดีนะครับ

เห็นท่านเหนื่อยกับหน้าที่ บอกอ ผมก็ได้แต่เอาใจช่วย...


โดย: ศิษย์เหลน IP: 58.9.198.74 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:22:15:47 น.  

 
เดี๋ยวนะครับ...

เมนูอาหารที่ท่านย่าเลี้ยงยังมีเพิ่มอีกคือ เนื้อย่าง ลาบเป็ด และลีโอ

ผมกำลังปลื้มเลยนึกไม่ออก

อิ่มแปล้...


โดย: ศิษย์เหลน IP: 58.9.198.74 วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:22:29:45 น.  

 

กระท่อมหลังนี้ดูสดใสขึ้น แล้วพ่อเปรมย้ายไปอยู่คอนโดแล้วหรือคะ


โดย: แซนด์ซี วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:22:39:21 น.  

 
"คุณจะเขียนหนังสือได้ดีก็ต่อเมื่อคุณคิดดี คุณจะคิดดีได้ก็ต่อเมื่อคุณเป็นคนดี แต่ปัญหาของคนดีที่ผมพบคือ คนดีมักจะจืด ทั้งที่ความจริงคนดีสามารถเฮฮาได้ ไม่จำเป็นต้องไปวัด ผมเชื่อว่างานดีไม่ได้มาจากโจร ไม่ได้มาจากการโกหกตอแหล มันต้องมาจากหลายสิ่งเชื่อมโยงกัน มันหลอกคนไม่ได้ทั้งชีวิต" (วรพจน์ พันธุ์พงศ์)



เอาเถิดเถ้าเอ๊ย! ถือว่าท่านได้ปรับปรุงแล้ว แม้จะห้อยไว้อีหรอบเดิมอย่างนี้ ข้าพเจ้าก็ไม่ว่าอะไรหรอก "ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่" ไม่ใช่หรือขอรับ เชื่อโบราณสักหน่อยก็คงไม่บานบุรีไปมากหรอกกระมัง

แฮ่ม! อะไรนะ FHM (จัญ)ไรนี่ เอามาให้ดูถีปะไร เผื่อข้าน้อยจะรู้เรื่องกะชาวบ้านเขาบ้าง (แผล็บๆๆๆ)

โอ้ๆๆ ยังหรอกครับท่านเถ้า ยังหรอก ข้าน้อยเองก็ยังฝึกฝนได้ไม่ถึงขั้น "ไม่ทำร้าย ทำลายโลก" ดังที่ท่านพี่ว่าไว้หรอก ได้แต่พยายามดับจริตอันเร้าร้อนจากไฟแห่งโมหะของตนให้สงบเย็นลงบ้างเท่านั้น เผื่อนิสัยสันดานตัวองอาจผึ่งผยอง จะเข้าร่องเข้ารอยดังแนวทางของปราชญ์หรือท่านเมธีผู้รู้ทั้งหลาย ได้กล่าวเอาไว้ว่าเป็นหนทางที่จะออกไปจากความเสื่อมได้บ้างเท่านั้น

พวกหยกและบุปผานั่นก็อีก อย่าได้เอามาอวดทรวดทรงแถวนี้เลยเชียวพี่เอ๋ย ด้วยกลัวว่ามันจะมาทำให้คลองจักษุของข้าน้อยระคายเคือง พลอยกลายเป็นกุ้งยิง หอยยิง เหมือนกับเจ้าของเหลาฯ ผู้เฝ้ามอง "จิ้นส้ม" ของกระป๋องน้อยเมื่อครั้งกะโน้น นี่ฟังว่าแม่นางเซียวเลงนึ่งเอาคอมฯ ไปส่งร้านซ่อมแล้ว และมีโปรแกรมจะขึ้นเหนือไปหา "จิ้นส้ม" ใส้อั่ว มาจิ้มน้ำพริกหนุ่มๆ ที่เมื่องแพร่โน่น ได้แต่หวังว่าแม่นางจะเดินทางไป-กลับโดยสวัสดิภาพ


ท่านพี่สามจุดสังหาร(...)ขอรับ ยินดีคารวะท่านคืนหนึ่งจอกเช่นกัน มีโคลงโลกนิติบทหนึ่งที่เกล้าซุ่มซ่อนปล้นสติปัญญาของผู้อื่นมาว่า

"ตีนงูงูไซร้หาก.................เห็นกัน
นมไก่ไก่สำคัญ................ไก่รู้
หมู่โจรต่อโจรหัน...............เห็นเล่ห์ กันนา
เชิงปราชญ์ฉลาดเชิงผู้........ปราชญ์รู้ เชิงกัน"

เกล้าเองไม่ใช่ทั้งงูและผู้รู้แต่อย่างใด อาศัยว่าดัดจริตซ่อนซุ่มจำถ้อยคำอันคมคายของผู้อื่นมาเรื่อยเท่านั้น ครั้นพอจำไม่หวาดไม่ไหว ด้วยคลังสมองของเกล้าหรือก็มีแต่ขี้เลื่อย และจัญไรบรมเรื่องบรรจุอยู่เต็ม จึงต้องอาศัยสมุดบันทึกดังว่านั้นมาเป็นตัวช่วยในการ "อม" คำที่คิดว่าคม เพื่อเอามา "คาย" ให้พี่น้องผองเพื่อนผู้ชื่นชอบรสความ ได้ร่วมลิ้มชิมกันคนละคำสองคำเท่านั้นเองแหละขอรับ

ใช่ครับ กระผมมันก็เป็นได้แค่โจร โจรที่ยังต้องฝึกอีกนานหากอยากจะเป็นอย่าง "จอมโจรองคุลีมาล" ฉะนั้นตอนนี้ กระผมขอเป็นโจรกระจอกเที่ยวซุ่มอยู่ตามป่าละเมาะแถวนี้ไปก่อนแล้วกัน

ขอบคุณนะขอรับสำหรับคมซามูไรของ มิยาโมโต้ มูซาชิ ที่ท่านพี่นำมาฝากเป็นของกำนัลแด่เจ้าของกระท่อมและมวลมิ่งมิตรผู้ผ่านทางมา เกล้าจะพยายามขอรับ จะฝึกให้มากกว่านี้อีกสักหลายกระบวนท่า นี่ก็เริ่มขน "กระบี่หิน" ที่เก็บไว้บนหิ้งลงมาอีกรอบแล้ว ได้แต่หวังว่าการตะลุยกวัดแกว่งแบบมั่วๆ ฟาดซ้ายป่ายขวาไปเรื่อยๆ จะทำให้ข้าน้อยเข้าใจปรัชญาการประพันธ์เพลงยุทธเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง ครั้นเมื่อถึงเวลาที่จะออกท่องยุทธภพ ได้แต่หวังว่าการถือกระบี่หินนี้จะเหมือนกับกำลังถือ "กระบี่ไม้" ซึ่งปรัชญาขั้นสูงของ "วิถีซามูไร" ในการใช้คำให้เป็นคมกรีดคว้านจิตวิญญาณของคู่ต่อสู้ โดยไม่ต้องชักซามูไรออกจากฝักเลย

"นักเขียนคือวิศวกรผู้ออกแบบจิตวิญญาณ" เหตุนั้นมันผู้ใดก็ตามที่คิดจะเป็นนักเขียน แต่ไม่ใช้ซามูไรที่ตนเองมี มาช่วยถากและขัดเกลากมลสันดานของผู้อ่าน ให้ได้สาระและบันเทิงเริงรื่นแล้ว ยังจะนั่งเขียนวรรณกรรมขึ้นมาให้เสียเวลาไปทำไม--ใช่หรือไม่ขอรับ

เออ ท่านพี่สาม (ผมขออนุญาตเรียกท่านว่า "พี่สาม" ก็แล้วกันนะขอรับ)
ที่ท่านว่าเห็นหนังสือแล้วอดใจซื้อไม่ได้นั้น เกล้ากระผมเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน พออ่านเจอคำของท่านผู้รู้ทั้งหลายว่าหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ดี เมื่อไปเดินเจอที่ร้านมันก็อดซื้อติดมือมาไม่ได้ทุกทีซีน่า

เกล้าเลยดัดสันดานตัวเองโดยการไม่เดินเข้าร้านหนังสืออีกเลย(หากไม่แพ้ใจตัวเองจริงๆ) และคิดว่าถ้ายังอ่านที่ซื้อมาเก็บไว้ไม่หมดจะไม่ย่างกรายไปเป็นอันขาด แต่...แฮ่ๆๆ ก็มีบ้างเหมือนกันแหละครับ ที่ไปแวะดูว่ามีหนังสืออะไรออกใหม่บ้าง แล้วให้รางวัลตัวเองโดยการ "ซื้อมาเก็บ" ซึ่งจะนานๆ ครั้ง ไม่ไปถี่เหมือนเดิมอีกแล้ว

โอ้...การอ่านแล้วดำดิ่งลงไปในวรรณกรรมนั้น ยากนัก ยากนักที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ หากบุคคลนั้นไม่เคยมีประสบการณ์ด้วยตนเองมาก่อน...นับถือๆๆ



"การจำแนกสรรพสิ่ง เป็นการสนองตอบความปรารถนาของจิตที่ปรุงแต่งความคิด เพื่อยืนยันสมมุติบัญญัติความเป็นตัวตนให้คงอยู่ ในกระบวนการแยกออกจากหนึ่งเป็นสอง สิบเป็นร้อย พันเป็นแสน จนถึงอสงไขยไม่สิ้นสุดในความหลากหลายนั้น กระบวนการย้อนรวมจากอสงไขยกลับถึงหนึ่ง แล้วก็สูญสิ้นความเป็นตัวตนพ้นกาลอวกาศ จิตอันเป็นผลสะสมของอดีตก็ไม่เหลือ ความคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็สิ้นสุดลง

"ดังนั้น หากเราเข้าใจกายยาววาหนาคืบที่มีใจครองนี้ เราก็จะเข้าใจโลกและชีวิตของเราได้อย่างถ่องแท้" (ดร.ระวี ภาวิไล)


โดย: สวรรค์เสก IP: 82.36.153.97 วันที่: 18 ธันวาคม 2549 เวลา:5:21:43 น.  

 
"ในโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งที่ยืนยันการมีอยู่ของนักเขียนคือตัวผลงาน เมื่อปราศจากตัวผลงานแล้ว นักเขียนเป็นใครก็ไม่รู้ โลกความเป็นจริงอนุญาตให้มีผลงานที่ไม่มีตัวผู้เขียนได้ แต่ไม่อนุญาตให้มีนักเขียนที่ไม่มีผลงาน" (กิตติพล สรัคคานนท์ จาก onopen online)



โว้ๆๆๆ ข้าน้อยได้รับเกียรติอันสูงส่งถึงปานนั้นเชียวหรือขอรับท่านพี่ ถึงกับเปิดตู้เก็บเศษภาษาที่ผู้เยาว์เที่ยวพ่นไปมาให้เป็นที่เป็นทางเชียวหรือ ชื่อกระทู้นั้นก็สุดแสนจะแคลสสิก "ข้าวผัดห่อใบบัว" นั่นปะไร ทำให้นึกอยากขึ้นมาตะหงิดๆ เอาๆๆๆ เอาไง เอากัน ไม่ทำอะไรเล่นๆ เสียบ้าง ชีวิตของเราจะสนุกได้อย่างไร--ใช่ไหมขอรับ

ว่าแต่ว่า วันนี้ท่านเจ้าของกระท่อมหายไปไหนละเนี่ย ไม่ออกมาทักทายแขกผู้มาจากแดนไกลบ้างเชียวหรือขอรับ นี่จะเอาเปรียบผู้บริโภคมากไปหน่อยไหมขอรับท่านพี่ แทนที่เกล้าจะเข้ามาเป็นลูกค้า กลายเป็นว่ามาวางท่าเป็นเจ้าของกระท่อมไปเสียเอง เที่ยวสั่งน้ำมูกพ่นน้ำลายออกมายังกะหมาบ้าอยู่ผู้เดียว

ยุ่ง? ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรดอกขอรับ

เมียด่า? โธ่ๆๆๆ อาซ้อแกก็ต้องการคนเอาใจใส่บ้างเป็นธรรมดา มีอย่างที่ไหนอยู่ร่วมชายคาด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไปเที่ยววิ่งไล่ตาม "ญาติใยแก้ว" ไปไหนต่อไหนไกลๆ โดยให้ความสำคัญกับคนหุงข้าวให้...ก..ใกล้ๆ น้อยไปหน่อย เป็นใครก็น่าน้อยใจอยู่เหมือนกันนิ แล้วอีตอนเหนื่อยๆ แล้วคลานเข้ามุ้งนั่นล่ะ ทำเป็นสะกิดซ้ายป่ายขวาดีเชียวแหละ

ไหนๆ ก็มีกันอยู่แค่นั้น ให้ความเป็นใหญ่ในบ้านแก่เธอ ยกย่องอาซ้อให้เพื่อนๆ หนอนแถวนี้ฟังบ้าง มีโอกาสออกไปตลาดข้างนอกก็อย่าลืมซื้อเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากเธอด้วย แค่นี้ ขี้คร้านจะซู่ซ่ากันไม่หวาดไม่ไหว เว่วๆๆๆ อย่าคิดว่าไอเดียนี้ผมคิดขึ้นมาเองลอยๆ เชียวนา นี่เป็นหลักแห่งการครองเรือนอย่างมีความสุข ที่พระบรมครูตรัสเอาไว้เมื่อสองพันกว่าปีโน่น เห็นไหม ไม่เคยล้าสมัยเลยจริงๆ พับผ่า! เดี๋ยวขอก้มกราบงามๆ สักสามทีก่อน

ไม่มีเรื่องมาเปิดประเด็นรอ ผมก็โม้ไปเรื่อยเปื่อยตามเรื่อง อ่านเล่นๆ หนุกๆ แล้วกัน ห่า! แค่ยืน เดิน นั่ง นอน หายใจเข้า-ออกเฉยๆ ชีวิตเราก็ทุกข์มากแล้ว หาเรื่องฮากันสักหน่อยคงไม่บาปมากหรอกกระมัง



"เพียรค้นหาตัวตนมาตลอดชีวิต
เมื่อพบ จึงรู้ว่า ตัวตนนั้นหามีไม่
ในยามที่น้ำทะเลเปี่ยมล้นเข้าสู่ฝั่ง
มีฟองคลื่นมากมายเกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ
เมื่อสายน้ำไหลคืนกลับสู่ท้องทะเลอันสงบล้ำ
ฟองคลื่นต่างละลายหายไปชั่วพริบตา" (ประเทือง เอมเจริญ)



ปล. ได้ข่าวแว่วๆ ว่าท่านพี่(เคย)ชอบฟุตบอล แล้วในกระบวนพรีเมียลีกซ์ มีทีมไหนที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่าขอรับ?


โดย: สวรรค์เสก IP: 82.36.153.97 วันที่: 19 ธันวาคม 2549 เวลา:0:00:23 น.  

 
ฮ่า ฮ่า ท่านส ๆ ที่เคารพ ท่านเล่นปล่อยหมัดหนึ่งสองอย่างนี้ ข้าพเจ้า ไม่มีจังหวะสวนกลับ

ขอพักหายใจก่อนขอรับ เพิ่งจัดร้านกาแฟเสร็จ
คืนนี้ นั่งหาโต๊ะ-เก้าอี้ ทำมุมกาแฟ ที่ออฟฟิซก้าวฯ กว่าจะเสร็จเล่นเอาอ่วม

'ไม่มีนักเขียน ที่ไม่มีงานเขียน'
เช่นกัน ต้องไม่มีนักเขียน หากไม่มีนัก(หัด)เขียน
และจะไม่มี นัก(หัด)เขียน หากไม่ลงมือหัดเขียน

พรุ่งนี้ขอรับ พรุ่งนี้ล่ะ

พรุ่งนี้ที่ไม่ใช่ผลัดวันประกันพรุ่ง
แต่เป็นพรุ่งนี้ ที่เป็นวันเดียวกัน กับวันนี้ ต่างเพียง ของีบเอาแรงสักชั่วคืนมาคั่นกลาง

เคยค้นหา...พบแล้วว่า...

...'ว่างเปล่า'...

จึงรินน้ำใส่ แล้วยกขึ้นดื่ม !!
อา...รินแก้วใหม่ ส่งให้คนข้าง ๆ
สักพัก คนข้าง ๆ ล้มพับ
เพราะน้ำนั่น มัน Alcol. 5% อิ อิ อิ

เรื่องบอล ไม่อาจต่อคำแล้วขอรับ หลังจากท่านเจ้าสำนักบอกว่า จะเตะบอล หรือเตะอักษร ข้าพเจ้าเลิกเด็ดขาด ไม่ติดตามอีกเลย จะเลิกให้หมดทุกอย่าง เอาเวลามาเขียนหนังสืออย่างเดียว เลิกเที่ยว เลิกเมา เลิกเมีย เอ้ย !! ออฟไซด์ ผู้กำกับเส้นยกธง

ต้องมุดเข้ามุ้งแล้วล่ะขอรับ
ตาลายแล้ว ตัวอักษรใดผิดพลาด พรุ่งนี้ค่อยมาแก้ไข

กู้ดไนท์ขอรับ
ด้วยดิน







โดย: ดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 19 ธันวาคม 2549 เวลา:2:59:24 น.  

 
สวัสดีเจ้าค่ะทุกท่าน

คุยกันน้ำลายแตกฟองเหมือนเช่นเคย อุ๊ย! ไม่ใช่สิ ได้ยินแต่เสียงท่านสอสอจ้ออยู่คนเดียว ส่วนคนอื่น เค้าหลับไหลกันไปหมดแล้ว อิอิ

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาแวะเข้ามาทักทาย ทำงานอาทิตย์สุดท้ายของปี (อาทิตย์หน้าจะลาไปรับลมหนาวแล้ว) แถมต้องเก็บข้าวเก็บของ เตรียมย้ายแผนก คอมฯที่บ้านก็เอาไปซ่อมไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ หายหน้าอันงามพริ้งไปบ้าง คงไม่ว่ากัน

กลับบ้านไม่มีคอมให้ใช้ แทนที่จะมีเวลาเขียน-อ่านหนังสือเพิ่มขึ้น แต่เปล่าเลยเจ้าค่ะ ข้าพเจ้าตระเวนไปสวัสดีปีใหม่ผู้หลักผู้ใหญ่ทั่วราชอาณาจักร กลับถึงบ้านพระอาทิตย์ก็วนไปอีกซีกโลกหนึ่งแล้ว เข้ามุ้งนอนดีกว่า

ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แต่งกลอน แต่ดีอยู่บ้างที่ยังตื่นมาแปลงานก่อนไปทำงานทุกเช้า พวกท่านลองนึกดู อากาศเย็นๆ ผ้าห่มอุ่นๆ เตียงนุ่มๆ ท้องฟ้ายังมืดสลัว กว่าข้าพเจ้าจะตัดใจลุกจากที่นอนได้ แสนลำบากยากเย็น บิดขี้เกียจไปสิบตลบ บอกกับตัวเองว่า ขออีกนิดน่า อีกนิดน่า บางวันปาไปครึ่งชั่วโมงกว่าจะแซะตัวเองออกจากเตียงได้ ฟ้าสว่างพอดี

ถือโอกาสนี้สวัสดีปีใหม่เพื่อนๆ เลยแล้วกันนะเจ้าคะ
คิดถึงทุกท่านเสมอเจ้าค่ะ


โดย: หนุงหนิง IP: 206.73.57.82 วันที่: 19 ธันวาคม 2549 เวลา:12:26:36 น.  

 
"อันวิชาความรู้ทั้งปวงนั้น หากมีโอกาสบัณฑิตย่อมศึกษาได้เท่าเทียมกัน แต่จะรู้แจ้งแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยใจคอของแต่ละคน

"การประยุกต์ใช้ความรู้ ก็คือการรู้จักรู้จักใช้พลังแห่งธรรมชาติอันเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนอยู่รอบกาย นักกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดต้องสามารถดึงพลังอันซ่อนอยู่ในสรรพสิ่ง ออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์" (ขงเบ้ง กล่าวกับ โลซก ตอนศึกเซ็กเพ็ก)



ผมอ่านคำของป๋าขงฯนี้แล้ว ทำให้นึกถึงการประพันธ์วรรณกรรมขึ้นมาไหวๆ มันเป็นการยากเหมือนกันนะครับว่า งานเขียนเรื่องหนึ่งๆ นั้นสมบูรณ์สุดยอดแล้ว หากเค้นเข้าจริงๆ ผมว่าการประพันธ์แม้จะนำเสนอแง่มุมเดียวกัน แต่รับรองได้ว่ายังไงก็ไม่เหมือนกัน เพราะสรรพสิ่งรอบกายอันหมายถึง บริบทของสังคม ภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ ฯลฯ ล้วนแปรเปลี่ยนอยู่ตลอด มิพักจะพูดถึงภูมิความรู้ภายในของนักประพันธ์แต่ละคน ที่แตกต่างกันออกไป แม้จะศึกษาเล่าเรียนมาในศาสตร์ที่เหมือนกันก็ตาม

อุบัติเหตุของงานประพันธ์เหมือนดังที่คุณกิตติพล กล่าวเอาไว้ว่า "ความเป็นต้นแบบของงานวรรณกรรมไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรก ดังนี้เอง การเขียนงานที่เหมือนกับงานที่มีอยู่ก่อน จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในจักรวาลแห่งถ้อยคำ" ข้าน้อยเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ล้านเปอร์เซ็นต์--ห่า! พวกเราไม่ใช่นักเขียนคนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นนี่ จะได้เขียนอะไรออกมาแล้วไม่ซ้ำกะใครอื่น

อ้อ ไปซุ่มก้าวฯอยู่งั้นหรือครับ เอาๆ เอาเลยท่านพี่ ดัดจริตซ่อนทำไปเรื่อยๆ มีหรือที่กล้าอักษรจะไม่งอกงามจนออกดอกออกผลเข้าสักวัน เอาไว้ว่างๆ ข้าน้อยผู้เปรียบเสมือนนกกา คงได้ไปลงจิกกินพอให้หายหิว หวังว่าเจ้าของกระท่อมคงไม่หวง เอาหนังกะติกไล่ยิงตะเพิดออกมาหรอกกระมัง หากทำอย่างนั้นจริง ข้าน้อยคงได้แต่ขี้รดหลังคาให้หายแค้น

ฟังว่าท่านพี่พยายามตัดละเรื่องบอล เรื่องเมา เรื่องเมียแล้ว ข้าน้อยก็ได้แต่แอบแสร้งชื่นชมตามประสาสัตย์(สัตว์?) ที่อุตส่าห์เลียบเคียงถามเลาะๆ นั้น ด้วยกะว่าจะส่งผ้าพันคอของทีมฟุตบอลที่ชอบไปไว้ให้ผูกคอตายเล่นๆ ยามขี้เกียจหายใจ เนื่องในโอกาสปีใหม่สักกะหน่อย แต่ในเมื่อท่านพี่เหยียบเบรกซะตูดโด่งเช่นนี้แล้ว ข้าน้อยก็ยินดีที่พี่ท่านมองเห็นว่าอะไรที่มันควรจะเป็นเนื้อเป็นหนังของชีวิตจริงๆ ไม่ให้ความสำคัญกับใครไม่รู้ไม่กี่คน ที่กำลังวิ่งไล่ลูกกลมๆ ลูกเดียวกันอยู่ อย่างเอาเป็นเอาตายราวกับเป็นบ้าเป็นหลัง โอ้...โปรดรับการดัดจริตคารวะจากข้าน้อยด้วยสามจอก


ชัดช่านั่นๆ เหลามีไม่อยู่ แอบหนีตามหนุ่มๆ มาที่นี่อีกแล้วไหมละท่านย่าเรา มาแซวลูกแซวหลานซะเสียผู้เสียคน ยังกะว่าข้าน้อยเป็นคนชอบโวยวายน้ำลายฟุมปากก็ไม่ปาน (เออ แฮะ เป็นจริงๆ นี่หว่า) กระบวนการโม้ละก้อ ตัวเองหรือก็น้อยอยู่ซะเมื่อไหร่ ฟังว่าโม้เรื่องของตัวเองยังไม่พอ นี่ยังไปเอาเรื่องของคนต่างบ้านต่างเมืองมาแปลโม้ให้คนอื่นฟังอีก รีบเลยนะ รีบเลย แปลเร็วๆ แล้วส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์ไวๆ ข้าน้อยจะได้ไปซื้อมาอ่านบ้าง

เหม่ๆๆ ทำเป็นยกเอา "ผู้หลักผู้ใหญ่ทั่วราชอาณาจักร" มาเป็นข้ออ้างในการตระเวนท่องราตรีดีจริงเชียว หาเรื่องออกไปนั่งดริ้งกะหนุ่มๆ อะดิ หลายเพลาก่อนฟังว่านัด "ศิษย์เหลน" ออกไปกระซวกลาบเป็ดกัน มีปิดมีเปิดอะไรเย็นๆ จิบกันด้วย แล้วไหนจะบรรดาคอหมูย่าง ส้มตำ อีกทั้งจิ้มและจุ่มด้วยกันนั่นอีกล่ะ เพียบซะขนาดนั้น นี่กะว่าจะมอมหนุ่มๆ ให้เมาเลยใช่ไหม? ระวังเถอะ คดีพรากผู้เยาว์ลงอาญาแรงเสียด้วย อย่างไรเสียต้องคิดอ่านให้รอบคอบ มอมเมาให้สนิทดีเสียก่อน จับพลัดจับผลูเขามีสติอยู่พาลจะไปแจ้งตำรวจมาจับ ลูกหลานไม่เข้าไปช่วยตะบันหมากให้ในตะรางนา

หวัดดีปีใหม่เช่นกันครับคนแก่ (เอิ๊กๆๆๆ)



"ไม่ว่าข้าพเจ้าจะพานพบอุปสรรคทางกายเพียงใด ข้าพเจ้าได้พยายามทุกวิถีทางแล้วที่จะเป็นมนุษย์และศิลปิน ที่รักศักดิ์ศรีและเกียรติยศของตนเองอย่างที่สุด

"ข้าพเจ้าจะจบชีวิตลงไม่ได้ จนกว่าจะได้สร้างสรรค์ผลงานให้เป็นที่พอใจ และเสร็จสิ้นภารกิจ "ศิลปะ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาความบัดซบของชีวิตลง" (Ludwig Von Beethoven--ลุดวิก ฟอน บีโทเฟ่น)


โดย: สวรรค์เสก IP: 82.36.153.97 วันที่: 19 ธันวาคม 2549 เวลา:21:51:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระท่อมธุลีดิน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Merry Christmas...
And Very Happy New Year คร้าบบบบบ !!
บ้านหนอน ย่างก้าว..ที่เราเดินไปด้วยกัน
Adult Halloween Costumes
Friends' blogs
[Add กระท่อมธุลีดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.