Love, Life, and Rants-- C'est la vie!!
 
กุมภาพันธ์ 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
25 กุมภาพันธ์ 2550
 
 
เพลงรักบทที่ 6: คำมั่นสัญญา

และแล้วเราก็น้ำตาซึมหน้าจอทีวีอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่นิยายที่แต่งจากจินตนาการและไม่มี happily ever after แบบที่คุ้นเคย หากแต่เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของ อมร สีสุภเนตร หรือที่ชาวบ้านในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย รู้จักกันในนามของ “ตาลอบ” และภรรยาคู่ทุกคู่ยากที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า “ยายทอง” พื้นเพเดิมยายทองเป็นคนอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ส่วนตาลอบเป็นคนเชียงคาน จังหวัดเลย ปัจจุบันสองตายายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆสภาพเก่าๆหลังหนึ่งตามลำพังสองคนโดยมีลูกๆคอยดูแลอยู่ห่างๆ เมื่อมองเข้าไปในบ้านจะสังเกตุเห็นว่าบ้านของตาเสมือนเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมๆ เพราะอุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในการดูแลยายนั้น ตาได้ดัดแปลงให้เหมือนกับทางโรงพยาบาล ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ดูแลยายได้อย่างเต็มที่

เรื่องราวของเขาและเธอเริ่มต้นเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ตาลอบซึ่งเป็นช่างตัดผมหนุ่มฐานะยากจนได้พบรักกับยายทอง แม่ค้าขายอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้านในงานรำวงสร้างโบสถ์ที่วัดป่ากลาง อำเภอเชียงคาน หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมา 5-6 ปีจนมั่นใจในความรักที่มีให้ต่อกัน ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่เรียบง่าย ไม่มีพิธีกรรมใหญ่โตอะไร ไม่มีเงินสินสอดทองหมั้นมากมาย หากแต่มีเพียงคำมั่นสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้กับหญิงสาวที่เขารักว่า จะครองรักและดูแลกันตลอดไป ทั้งในยามทุกข์และยามสุขจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตจะเดินทางมาถึง

เวลาผ่านมา 50 ปี ทั้งคู่ครองรักกันจนกระทั่งแก่เฒ่า และตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักของคนทั้งคู่ที่มีให้กับกันก็มากพอและสม่ำเสมอพอที่จะทำให้ชีวิตรักของคนคู่นี้กลายเป็นตำนานรักแท้ที่น่าจดจำ แต่จะเป็นเพราะสวรรค์บัญชาหรือฟ้ากำหนด จู่ๆปี 2538 ยายทองก็ล้มป่วยลงด้วยการเป็นอัมพฤกษ์ทางด้านซ้าย ซึ่งก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา อาการของยายทองก็กำเริบทรุดหนักลงไปอีก จากอัมพฤกษ์กลายเป็นอัมพาต ไม่สามารถพูดคุยกับตาลอบได้อีก นอกจากส่งเสียงร้องไห้ซึ่งบางครั้งก็มีแต่เสียงร้อง บางครั้งก็มีแต่น้ำตา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารเพียงอย่างเดียวที่ตาลอบรับรู้และเข้าใจเสมอว่ายายต้องการอะไร

“ยายเขาร้องไห้ เพราะว่าเขาอยากจะพูดกับเรา แต่เขาพูดไม่ได้ เขาจึงบอกเราด้วยการร้องไห้ออกมา พอตาได้ยินเสียงไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ตาก็จะเดินไปพูดกับเขา หรือไม่ก็ต้องส่งสียงตอบกลับไป ส่วนใหญ่ตาจะบอกเขาว่า “อย่าร้องเลย เราอยู่ตรงนี้แล้ว” บางทีก็บอกยายว่า “เราจะอยู่กับเธอ จะดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน” ที่บอกอย่างนี้เพื่อให้ยายรู้ว่าตาอยู่ใกล้เขาไม่ได้หนีไปไหน” ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นภาพฝ่ายชายดูแล ปรนนิบัติฝ่ายหญิง หากแต่สิ่งที่ตาทำนั้นได้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าความรักของตาที่มีต่อยายนั้นเป็นตำนานความรักอันยิ่งใหญ่ที่ใครๆต่างก็แสวงหา

"ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุดท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกัน ตาสัญญากับยายว่าจะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุด ตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมดเลยเพราะว่ายายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลย ทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่ายายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคย เราต้องอยู่แบบมีความหวัง เพราะความหวังนี่แหละที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง" หากก่อนที่จะจากกันไปในชาตินี้ใจลึกๆตาลอบก็อยากให้ปาฎิหารย์นั้นมีจริง เพราะอยากให้ยายฟื้นขึ้นมาอีกซักครั้ง เพื่อที่จะถามข้อข้องใจที่ชายคนหนึ่งเก็บไว้มาหลายปีว่าที่ผ่านมาเขาทำดีพอที่สามีคนหนึ่งจะทำให้ภรรยาที่เขารักที่สุดได้หรือไม่

ภาพที่ชาวเชียงคานเห็นจนชินตาคือภาพชายชราวัย 73 ปี ปั่นรถจักรยานที่มีเตียงพยาบาลพ่วงติดอยู่ด้านหน้า โดยมียายนอนลืมตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงเคลื่อนที่ไปตามถนนหนทางต่างๆ รถคันนี้เป็นรถที่ตาลอบประดิษฐ์ขึ้นมาเองกับมือเพราะถ้าจะซื้อเตียงแบบโรงพยาบาลนั้นก็เกินกำลังที่ตาจะมีได้ ด้วยความที่ตาเคยมีความรู้ทางช่างจึงต่อเตียงพยาบาลขึ้นมาและดัดแปลงต่อเติมให้เตียงนั้นเคลื่อนที่ได้ และมีหลังคาคอยคุ้มแดดคุ้มฝนและมีมุ้งคอยกันยุงและแมลงต่างๆ ที่ตาทำเช่นนี้หวังเพื่อให้ยายอยู่ใกล้กับตาตลอดเวลาเพราะเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาตาจะได้ช่วยเหลือยายได้ทัน ดังนั้นเวลาตาจะไปไหนก็จะพายายไปด้วยเสมอ ใครที่เห็นรถของตาต่างก็อดไม่ได้ที่จะไม่เหลียวหลัง และต่างก็ตั้งข้อสงสัยไปต่างๆนานา บ้างก็นึกว่าเป็นรถซาเล้ง รถขายของ รถเก็บของเก่า บ้างก็ว่ารถขนศพ แต่ถึงอย่างไรตาลอบก็ไม่สนใจคำครหาเหล่านั้นเพราะสิ่งสำคัญที่ตาพายายออกมาอย่างนี้ก็เพื่อให้ยายออกมารับอากาศข้างนอก ให้ยายได้รับการทักทาย พูดคุยจากผู้คนต่างๆเพื่อกระตุ้นให้ยายรู้สึกตัวมากขึ้น นอกจากนี้ตายังรู้ใจยายดีว่ายายชอบให้ตาพาเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ตาจึงมักปั่นเตียงเคลื่อนที่คู่ใจคันนี้พายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่มีความสำคัญๆในอดีต ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบรักกัน สถานที่ๆทำมาหากินด้วยกัน ทั้งนี้ตาทำเพื่อพายายไประลึกถึงความหลังอันงดงามเพื่อกระตุ้นความจำ ความรู้สึกของยายและอย่างน้อยความหลังเหล่านี้เสมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเศร้าหมองของชะตากรรมที่ทั้งคู่ต้องเผชิญอยู่ได้ไม่มากก็น้อย

บ่อยครั้งเวลายายมีอาการป่วยมาก ตาต้องพายายไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงคาน โดยมากตาจะปั่นเตียงพยาบาลเคลื่อนที่พายายไปที่โรงพาบาล ทันทีที่ไปถึงจะเป็นอันรู้กันกับเจ้าหน้าที่ว่าเตียงประดิษฐ์ของตาคันนี้สามารถใช้แทนเตียงของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี และเมื่อพยาบาลเห็นคนไข้รายนี้ทีไรก็อุ่นใจได้ว่าไม่ต้องมาดูแลยายทองอะไรมากนัก เพราะตาลอบจะเป็นคนดูแลยายเองทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องให้พยาบาลเข้ามายุ่งเลย เพราะตาลอบคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะดูแลไม่ดีเท่ากับตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นเพราะตาลอบทำด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตาลอบได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่รักเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้วนั้น ไม่ใช่แค่ลมปาก หรือถ้อยคำหวานหู ตามแรงปราถนา หากแต่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจ ที่มีที่ว่างให้เพียงแค่หญิงสาวที่เขารักเพียงคนเดียว คำมั่นสัญญาที่ตาลอบมอบให้จึงเป็นพันธะสัญญาที่ถูกจารึกลงบนหินผา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ก็ไม่มีวันลบเลือนและยังทำอย่างซื่อตรงสม่ำเสมอ ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นลงของดวงตะวัน ที่จะเป็นอยู่เช่นนั้นชั่วนิรันดร์

บทความเนื้อเรื่องจากกระทู้โหวตห้องเฉลิมไทยพันทิป

(ติดตามดูเรื่องราวของตาลอบและยายทองในรายการคนค้นฅนตอน คำมั่นสัญญา)

ธงไชย แมคอินไตย์ -...


เพลง คำมั่นสัญญา
คำร้อง สุนทรภู่


ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้อยู่ในใต้หล้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมปทุมทอง
แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป



Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 19 กรกฎาคม 2550 8:38:34 น. 6 comments
Counter : 928 Pageviews.

 
ดูก็แล้ว

อ่านมาก็หลายรอบ

มาฟังเพลงนี้เข้าไปอีก

น้ำตาจะไม่หยดได้อย่างไร


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:42:01 น.  

 
อ่านแล้วเศร้าเลย


โดย: PoUpeE วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:15:21 น.  

 
ซึ้งจังเลยค่ะ หนูเก่งจังเลย หาเพลงมาประกอบ ทำให้ยิ่งอ่านก็ยิ่งอิน


โดย: Jemira วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:20:27:27 น.  

 
เพลงนี้ คุณพ่อจีบคุณแม่ค่ะ
เพราะมาก
แม้เนื้อเย็น เป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา


โดย: katt (katt1963 ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:38:46 น.  

 
ขอบคุณที่เอาเรื่องราวดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมาเล่าให้ฟังค่ะ


โดย: domino5_n IP: 124.120.34.200 วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:12:13:08 น.  

 
เหยดดด จำได้ตอนผมเป็นเด็ก
ผมได้เล่นเป็น พระอภัย คิดถึงจังลุย ฮ่าา


โดย: ป๊ศาจ IP: 171.4.219.249 วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:8:01:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Wanrasa
Location :
Washington, DC United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hits Since February 18, 2007!

Free Counter by Pliner.Net
dating, makeover
[Add Wanrasa's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com