วันนี้ (ณ วันนั้น) เป็นวันแรกของการฝึกปฏิบัติธรรมที่วัด นอกจากปฐมนิเทศแล้ว ตารางเวลาทั้งหมดถูกกำหนดชัดเจน เล่าไว้ตรงนี้นิดนึงก็แล้วกันนะคะ ทำวัตรตีสี่ค่ะ (ที่กุฏิพักกันทั้งหมดห้าคน ห้องน้ำหนึ่งห้อง เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงต้องพยายามตื่นให้ได้ตอนตีสาม ฮ้าววว ตายังปรืออยู่เลยค่ะ แต่ต้องเตรียมแย่งคิวใช้ห้องน้ำกันแล้ว) หลังทำวัตรเช้า พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต เทศน์ให้ฟังทุกวัน ประมาณวันละสามสิบนาที (พอดีเป็นช่วงเข้าพรรษาค่ะ เลยได้ฟังเทศน์สด เนื้อหาเกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติและการน้อมนำธรรมะไปประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตคนเมือง) ตีห้า พระอาจารย์ทรงศิลป์ สุจิณฺโณ นำฝึกปฏิบัติค่ะ (เป็นพระอาจารย์หรือ "ครูใหญ่" ที่เยี่ยมยอดที่สุดเลย ตั้งแต่เมตตา มุทิตา กรุณา อุเบกขา ความเคร่งในวัตรปฏิบัติและอารมณ์ขันอันเหลือเฟือ ..แล้วเดี๋ยวจะทยอยเล่าสู่กันนะคะ) หกโมงเช้า พระอาจารย์วัฒนชัย (ซึ่งอยู่ช่วยดูแลนักปฏิบัติธรรมตลอดเวลาอบรมฯ) พาเดินป่าเดินเขาค่ะ โดยเฉลี่ยประมาณสองถึงสี่กิโลเมตร แล้วแต่ว่า พระอาจารย์ทรงศิลป์ ปล่อย จากการปฏิบัติช้าหรือเร็ว ที่วัดป่าสุคะโตนี้มีพื้นที่ห้าร้อยไร่นะคะ วงรอบที่พระอาจารย์พาเดินมักเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันในแต่ละวันค่ะ เจ็ดโมงครึ่ง ระหว่างพระตักอาหาร ท่านเจ้าอาวาสจะเดินไปตักก่อน และใช้เวลาในการตักอาหารเร็วมาก เพราะหลังจากนั้นท่านจะเทศน์ให้ชาวบ้านและนักปฏิบัติธรรมฟังระหว่างรอพระทั้งหมดตักอาหารค่ะ เวลาเทศน์โดยประมาณสิบห้านาทีนะคะ เนื้อหาโดยรวมเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับการบริโภคต่าง ๆ เมื่อเทศน์จบ พระสวดให้พรแล้ว กลุ่มนักปฏิบัติธรรมก็ทยอยกันออกมาตักอาหารและเข้าไปทานอาหารเช้าในเวลาเดียวกันกับพระค่ะ หลังอาหารเช้าก็ทำความสะอาดภาชนะใส่อาหาร จัดการธุระส่วนตัว เก้าโมงเช้าฝึกปฏิบัติต่อจนถึงห้าโมงเช้า แล้วเดินจากหอไตร (ศาลาหอไตรลักษณ์) ซึ่งเป็นศาลาฝึกปฏิบัติมาที่ศาลาหน้าซึ่งเป็นสถานที่ที่พระฉันอาหารและทำกิจกรรมต่าง ๆ กับชาวบ้าน เดินถึงก็พอดีเกือบเพล หลังอาหารกลางวันแล้วมักต่อด้วยกิจกรรมของการฝึกปฏิบัติแล้วแต่พระอาจารย์จะกำหนดนะคะ แล้วก้อฝึกยาวไปโน่นเลยค่ะ เย็นเลย สี่โมงเย็นเดินมาจากหอไตรเพื่อดื่มน้ำปานะที่ศาลาหน้า หลังจากนี้ก็ไปเข้าคิวอาบน้ำในกุฏิของแต่ละคนเอง หกโมงตรงทำวัตรเย็น ประมาณสามสิบนาที พระไพศาลท่านเทศน์ต่ออีกประมาณสามสิบนาที ประมาณหนึ่งทุ่มก็เป็นรายการฝึกปฏิบัติธรรมต่อกับพระอาจารย์ค่ะ จนประมาณสองทุ่มครึ่งจึงแยกย้ายกันกลับกุฏิ วงจรชีวิตของวันเริ่มอีกครั้งเมื่อพร้อมหน้ากันที่หอไตรเพื่อทำวัตรเช้าตอนตีสี่ค่ะอ้อ, อบรมที่นี่ ทุกคนมี ที่ประจำ นะคะ ใครหาย ใครสาย หรือแม้แต่ใครขาด เป็นอันว่าอยู่ในสายตาพระอาจารย์ตลอดเวลาค่ะ ไม่เว้นแม้แต่นักฝึกกรรมฐานหลังห้อง อิ อิดูตารางกิจกรรมแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ คนเขียนเองทำตามไปโดยอัตโนมัติค่ะ เชื่อคำที่พระบอกตั้งแต่ตอนปฐมนิเทศแล้วว่า ไม่ต้องคิดอะไร อยู่ไปวัน ๆ ก็เลย อยู่ไปวัน ๆ จริง ๆแต่สองวันแรกนี่ อยู่ไปแบบไม่รู้อะไร แหะ แหะ คือพระท่านสอนให้ทำอะไร ก็ทำตามไม่ค่อยได้ มันคอยจะสับสน งง ๆ ผสมกับง่วง ๆ อิ อิ เอายังไงกันดีน้า..!?ตั้งแต่วันแรก พระท่านสอนวิชากรรมฐานเลยค่ะ ท่านอธิบายว่า เป็นการฝึกปฏิบัติแบบมีสติอยู่กับการเคลื่อนไหวตามแบบของหลวงปู่เทียน จิตตฺสุโภ คือนั่งยกมือแบบมีสติตามรู้รวมสิบสี่จังหวะค่ะ การนั่งนี่ให้นั่งลืมตานะคะ ให้รู้ตัวเองและรู้โลกภายนอก อยู่กับคนจำนวนมากให้เหมือนกับอยู่คนเดียว (กลับมาอยู่ในสังคมเดิมจะได้อยู่ได้เป็นปกติค่ะ) การนั่งยกมือสิบสี่จังหวะนี้ถ้าเมื่อย หรือง่วงหลับก็ให้ทำสลับกับการเดินจงกรมค่ะ คือเดินกลับไปกลับมาในเส้นทางเดิม โดยเคลื่อนไหวเฉพาะเท้า แต่มือให้ประสานนิ่งไว้กับตัว จะกอดอก ไพล่หลัง หรือจับกันไว้เบา ๆ ด้านหน้าก็ได้สองวันแรกที่ทำ ก็ทำไปอย่างนั้นนะคะ ไม่ง่วงก็งง ที่งงก็เพราะดูจากภาพที่ติดอธิบายไว้ แล้วดูที่พระแต่ละรูปทำ ไม่เหมือนกันเลย นอกจากนั้น คนที่มาฝึกร่วมกันอีกรวมแปดสิบคน ก็ไม่เห็นมีใครเหมือนกันเลย มีเร็ว มีช้า มีสูง มีต่ำ มีตรง มีเอียง มีค้าง (เพราะคนทำหลับ เลยยกมือค้างกลางอากาศ อิ อิ) จะเป็นอย่างไรต่อไปหนอ .ตาสอดส่ายเห็นโน่นนี่น่ะไม่เท่าไร แต่ไอ้ใจที่ล่องลอยไปคิดโน่นนี่ นี่สิน่าเป็นห่วงกว่า และน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งก็ตรงคืนที่สามพระอาจารย์บอกว่าจะมีหนังฉายให้ดู .อยู่วัดมีหนังฉายให้ดูมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ อาไร้ ใจคิดไปรอล่วงหน้าได้เลยค่ะ ก็พระอาจารย์บอกว่าตอนสอบจะให้เดินผ่านป่าช้าทีละคน สงสัยหนังที่จะให้ดูจะเป็นหนังเกี่ยวกับผีหรือซากศพ ประมาณว่า ฝึกเราเพ่งอสุภะหมู่ เอาละสิ ยิ่งกลัวยิ่งคิด ยิ่งคิด ยิ่งกลัว ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ ลองดูก็แล้วกัน (ไม่ลองจะทำอย่างไรได้ กลับบ้านเองไม่ถูกนี่คะ กว่าพ่อลูกจะมารับก็อีกตั้งหลายวัน) ปลอบใจตัวเองให้สู้กับความกลัวค่ะ หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งนะ อย่างน้อย ๆ พระท่านก็เมตตา จะให้ดูผีทั้งทียังให้ดูรวมหมู่ตั้งแปดสิบคนบนศาลา! บอกตัวเองว่า สู้ ๆ ค่ะ(แต่ตอนนี้ต้องพักหน่อยนึงก่อน เพราะต้องให้เวลาพวกผู้ชายช่วยพระท่านติดตั้งจอภาพกับตั้งเครื่องฉายดีวีดีก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ ตอนหนังพร้อมฉายค่ะ)หมายเหตุ 1 ภาพดอกบัวด้านบน ถ่ายจากสระน้ำที่วัดป่าสุคะโตค่ะ ภาพจากวัดจะมีแค่นี้เอง เพราะเมื่อเริ่มฝึกปฏิบัติแล้ว อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดคือใจกับกายค่ะ อย่างอื่นไม่ได้ใช้เลย พระอาจารย์ท่านบอกว่า เป็นของแสลงสำหรับการฝึกกรรมฐานค่ะหมายเหตุ 2 กรรมฐานเป็นของสูง แม้ตั้งใจจะนำมาเล่าถ่ายทอดสู่กันฟัง แต่ในฐานะแลกเปลี่ยนประสบการณ์หนึ่งของเพื่อนชาวบล็อกเท่านั้นนะคะ ถ้าใครสนใจอยากฝึกปฏิบัติจริง ๆ แนะนำว่าครั้งแรกควรฝึกกับครูบาอาจารย์ที่ท่านเชี่ยวชาญและสม่ำเสมอในการเจริญสติจริง ๆ ไม่อยากให้ทำเองค่ะ การเรียนรู้ธรรมะจากชีวิต จากสื่อต่าง ๆ เป็นสิ่งดีและสามารถทำได้โดยทั่วไปตามความเหมาะสมของแต่ละคน แต่ถ้าจะ "ฝึก" จริง ๆ แล้วแนะนำให้มีครูค่ะ "วิปลาส" กับ "วิปัสสนา"นี่ เส้นแบ่งมันใกล้กันมากนะคะ
--------------------------------------------------------
แวะมาทบทวน "ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน" (อีก) ค่ะ
ทำให้คิดถึงเมื่อครั้งไปเรียนรู้การใช้ชีวิตกับธรรมชาติ ณ วัดป่าภูผาผึ้ง จ.มุกดาหาร
มีพระสงฆ์ พระอาจารย์เป็นผู้แนะนำ
มีสหมิกธรรม เป็นมิตรร่วมเดินทาง
เพื่อบรรลุสู่ความสงบในชิวิตจิตใจ
------*------