ต้นทุนชีวิตคือการสะสมความเคยชินที่ดี
รู้จักความกลัวในตัวเอง (ก้าวข้ามความกลัวฯ 3)

หนังใกล้ถึงเวลาฉายแล้วค่ะ ถ้าอยู่ที่วัด พระอาจารย์ท่านจะถามว่า อยากดูหนังไหม? เสียงตอบรับว่า อยากดู ตามมาเกรียวกราวเลย.. ก็โถ ดูหนังนี่ “บันเทิง” กว่านั่งทำท่าสิบสี่จังหวะหรือเดินจงกรมหลับไปหลับมาอยู่บนศาลาแน่นอน

เสียงพระอาจารย์บอกตามมาว่า

“ถ้าอยากดูจ่ายค่าดูมาก่อน”

“ค่าดู” ของท่าน คือการนั่งกรรมฐาน ทำจังหวะตามแบบฉบับของหลวงปู่เทียนนะคะ

แต่ดูผ่านบล็อกนี่ คงขอค่าดูไม่ได้…
(เพราะไม่มีหนังอย่างที่วัดฉายมาให้ดู แหะ แหะ)
บล็อกนี้เป็นเพียงประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ
เป็นของฝากจากใจถึงเพื่อนชาวบล็อกเท่านั้น

แต่เอ้อ, ขอ “ค่าอ่าน” เป็นคอมเม้นท์เล็ก ๆ ท้ายตอนได้มั้ยคะ?

ไฟบนศาลาปิดหมดแล้วค่ะ เห็นจอภาพขาวสลัว ๆ อยู่กลางศาลา คืนนั้นฝนตกเปาะแปะก่อนหนังฉายมาสักครู่หนึ่งแล้ว พอหนังเริ่มฉาย ฟ้าก็กระหน่ำทั้งลมทั้งฝน… หนักเสียจนแทบไม่ได้ยินอะไร


(ก่อนหนังฉายต้องมีโฆษณาก่อนค่ะ ภาพข้างล่างนี้เป็นภาพดอกสายน้ำผึ้งที่บ้าน...
เกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย?
)








ความมืดบนศาลาทำให้นักเรียนธรรมะทั้งหลายนั่งปล่อยตัวตามสบาย ส่วนใหญ่แกล้งทำเป็นลืมจ่าย “ค่าดู” ตามที่พระอาจารย์บอกไว้เสียสิ้น

หนังเรื่องแรกที่ฉายเป็นรายการทีวีบันทึกเทปไว้ค่ะ เปิดฉากเป็นภาพวัดแห่งหนึ่งที่ดูคุ้นตา เป็นภาพวัดสนามใน ที่จังหวัดนนทบุรีในสมัยก่อนนะคะ ก่อนที่จะมีสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมอย่างสมัยนี้ ตอนแรกที่เห็นภาพวัดก็รู้สึกกระไร ๆ อยู่ อาการกลัวอาการเกร็งเริ่มตั้งเค้าอยู่ในความมืดบนศาลาเลยนะคะ

แต่ปรากฏว่า ภาพและเรื่องราวที่ตามมา คือเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ (ที่เรียกว่าหลวงปู่เทียนนั่นแหละค่ะ ท่านมรณภาพไปยี่สิบปีแล้ว ถ้ายังอยู่ ปัจจุบันนี้ท่านจะมีอายุถึงเก้าสิบเจ็ดปี) ในรายการธรรมะที่ฉายให้ดูนั้น มีการแนะนำการฝึกปฏิบัติธรรมตามแบบฉบับของท่านด้วย… ณ ขณะนั้น ภาวะผ่อนคลายแทรกขึ้นมาขับอาการเกร็งกลัวไปเกือบหมดเลย นั่งมองท่านอธิบายและทำท่าสิบสี่จังหวะให้ดู….ความงง ๆ สงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของการทำอย่างที่เป็นมาในสองวันแรกหายไปหมดสิ้น อิริยาบถของท่านขณะทำท่าต่าง ๆ ให้ดูนั้น ดูง่าย ๆ ธรรมดา ผ่อนคลาย และเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ไม่มีความเกร็ง ไม่มีความตั้งใจ มีแต่ความรู้สึกสบาย ๆ ….

ณ ขณะนั้น ถ้าเปรียบตัวเองเป็นศิษย์เรียนวิชากำลังภายในแบบในหนังจีน รู้สึกเลยค่ะว่า ภาวะ “สูงสุดคืนสู่สามัญ” นั้นเป็นอย่างไร แต่เป็นภาวะของปรมาจารย์นะคะ ไม่ใช่ลูกศิษย์ตัวกลมที่นั่งเบิ่งตาอยู่ในความมืดและปล่อยใจเรียนกระบวนท่าตามท่านไป

หนังเรื่องแรกจบลงไปแล้วค่ะ จบไปโดยลืมเรื่องความกลัวที่มีมาก่อนหนังฉาย ก็จะมีได้อย่างไรล่ะคะ กลัวจะเจอผีแต่ได้เจอพระแทน “พระแท้” เสียด้วย…

ระหว่างเปลี่ยนเรื่องเพื่อฉายหนังอีกเรื่องหนึ่งนั้น พระอาจารย์ก็ไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไร ชวนคุยนั่นนี่นิดหน่อย
เอาละสิคะ คราวนี้ใจมันประหวัดกลับไปเรื่องเดิมอีก

“สงสัยให้เราดูพระก่อนแล้วค่อยให้ดูผีละมัง เอ้อ, ไม่ใช่ผีหรอกน่า พระท่านคงให้เราดูภาพคนตายเป็นการฝึกเพ่งอสุภะก่อนสอบ..”

โห…คราวนี้ พอไฟดับลงอีกรอบ ความปีติจากการค้นพบกระบวนท่าที่เพิ่งเรียนมาจากหลวงปู่เทียนหายไปหมดเลย มีเสียงดนตรีเย็น ๆ นำมาก่อน เป็นเทปบันทึกจากรายการโทรทัศน์อีกเช่นเคยค่ะ คราวนี้ขึ้นรายการว่า “คนค้นคน”อ้าว, รายการอะไรนี่ เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยดู

แล้วภาพของชายพิการที่นั่งอยู่บนรถเข็นในกุฏิที่พักก็ปรากฏขึ้นบนจอ พร้อมกับชื่อของอาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม และเรื่องราวของอาจารย์ที่ประสบอุบัติเหตุจากการกระโดดน้ำจนกลายเป็นอัมพาต…ก่อนจะต่อสู้กับตัวเองอย่างยาวนานเพื่อก้าวให้พ้นผ่านความทุกข์อันเกิดขึ้นทางกาย และทางผ่านสุดท้ายคือการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุคะโต…..

นอกจากอดีตแล้ว รายการได้นำเสนอเรื่องราวในปัจจุบันของท่านในฐานะเป็นผู้บรรยายธรรมะที่เป็นกำลังใจให้คนทั่วประเทศ ทั้งพิการและไม่พิการ

เรื่องราวและภาพของอาจารย์กำพลดำเนินไปช้า ๆ ท่ามกลางผู้คนที่นั่งจับจ้องตาค้างอยู่กับเรื่องราวทุกข์ยากแต่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มและกำลังใจของอาจารย์กำพล ผู้เต็มใจให้ชีวิตและประสบการณ์ของตัวเองเป็นบทเรียนชีวิตสอนคนให้ก้าวพ้นจากความทุกข์ที่ตัวเองมีอยู่

พร้อม ๆ กับเรื่องราวของอาจารย์กำพล เสียงฟ้าเสียงฝนที่กระหน่ำอยู่รอบศาลาเชิงเขา กลายเป็นตัวช่วยที่กลบเสียงสะอื้นของคนช่างกลัวได้อย่างดี คนขี้กลัวคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่กลางคนหมู่มาก กลางความมืด กลางเสียงฝนฟ้ารอบศาลา… ช่างเป็นการร้องไห้จากใจที่ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้เลย

การนั่งดู “หนัง” บนศาลาวัดสองเรื่องวันนั้น เริ่มต้นขึ้นด้วยความกลัวเพราะคิดผูกโยงเรื่องราวตรงหน้ากับสิ่งที่ฝังอยู่ในหัวใจของตัวเอง ภาวะจิตของคนที่กลัวผีและคิดว่าจะได้เจอบทเรียนเกี่ยวกับเรื่องผีสางหรือซากศพก่อนสอบ..แต่กลายเป็นว่าเจอพระ เจอนักปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะ เป็นนักปฏิบัติธรรมเจ้าของภาพในกุฏิที่มาอาศัยนอน แล้วยังคิดว่าเป็น “เรือนตาย” ของเจ้าของภาพนั้นเสียอีก

น่าแปลก… ที่ขณะร้องไห้ มีน้ำตาและเสียงสะอื้นแสดงออกมาทางกายนั้น ทางใจกลับนิ่งเย็นได้อย่างประหลาด รู้ได้เลยว่า “ความกลัวผี” นั้นไม่น่ากลัว เท่ากับ “ความกลัวก่อนเจอผี”….ณ วินาทีนั้น เหมือนมีบางอย่างวาบเข้ามาในใจเพื่อย้ำให้ตัวเองตระหนักว่า “นี่ไง ทุกข์ก่อนทุกข์….ไม่มีอะไรจริงอย่างที่เราคิดสักอย่าง”

หนังจบแล้วค่ะ ไฟหลายดวงบนศาลาเปิดขึ้นใหม่ตามปกติ พระอาจารย์สอนอะไรต่อจากนั้นไม่ได้ยินเสียแล้ว ไม่อายด้วยว่า ตัวเองจะยังมีคราบน้ำตาอยู่บนแก้มหรือไม่ จะมีใครรู้หรือเปล่าว่ามีคนนั่งร้องไห้กับความรู้สึกท่วมท้นจากหนังกลางศาลาทั้งสองเรื่องนี้

ความประจักษ์แจ้งแก่ใจว่าตัวเองเป็นคน ทุกข์ก่อนทุกข์ จับใจติดแน่นจนลืมความกลัว…แม้เมื่อต้องเดินกลับกุฏิคนเดียวท่ามกลางความเงียบและความมืดที่มีเพียงไฟฉายดวงเล็ก ๆ ส่องบนพื้นทางเดิน

คืนนั้นเป็นคืนที่นอนหลับสนิทอย่างยิ่ง ไม่ฝันอะไรเลยค่ะ
แต่….
ยังไม่ใช่ แฮปปี้เอนดิ้งนะคะ
เรื่องของความกลัวยังไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้…

ณ ขณะนั้น รู้จักเพียงความกลัว"ล่วงหน้า"ค่ะ ยังไม่รู้จัก ความกลัว “ซึ่ง ๆ หน้า”

อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ค่อยมาอ่านต่อตอนอัพบล็อกครั้งหน้านะคะ ส่วนครั้งนี้… อ่านจบแล้วอย่าลืมจ่าย “ค่าอ่าน” ด้วยล่ะ





Create Date : 16 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2551 15:35:49 น. 12 comments
Counter : 825 Pageviews.

 
อ่านแล้วคอยลุ้นไปกับ จขบ. ด้วย บรรยากาศบนศาลาดูวังเวงดีนะครับ มีเสียงฝนตกเป็นเพื่อน ในตอนมืดๆ...


โดย: Insignia_Museum วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:33:29 น.  

 

สวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย


โดย: Em-emiley วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:46:58 น.  

 
ดอกสายน้ำผึ้งสวยจังสวยจนได้กลิ่นหอมหวาน กระจายออกมาเชียว โดยเฉพาะช่อที่มีดอกเหลืองค่ะ
ก็ว่าแล้วไง จิตคิดไปเองนิ แต่คนฉายหนังวิกนี้มีการยักเรื่องไว้ให้ติดตามเสียด้วย เข้าขั้น ยังไงเนาะ... ไอ้เจ้าความกลัว ซึ่ง ๆ หน้า... เนี่ย


โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:38:38 น.  

 
เคยอ่านเจอแต่ยังไม่เคยหัดตามแนวหลวงปู่เทียนเลยค่ะ
ดีมั๊ยคะ

ทานข้าวเย็นแล้วยังคะ


โดย: จันทร์ไพลิน (Em-emiley ) วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:14:21 น.  

 
นับถือในแนวคำสอน
และแนวปฏิบัติของ หลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ เช่นกันครับ


โดย: อัสติสะ วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:55:57 น.  

 
เค้าบอกว่า ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเองค่ะ


โดย: มันจะดีเหรอคะ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:20:58 น.  

 
มาอีกรอบ ไปวัดไหนมาคะ น่าไปจัง


โดย: Em-emiley วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:52:22 น.  

 
มาแจ้งข่าวว่าจะเข้ากทม.ไปเวิร์คชอบกับเรียนเย็บผ้า วันที่ 26-30 ค่ะ เดี๋ยวไม่เห็นกันจะสงสัยว่ายัยป้านี่ไปไหน จันทร์อังคารหน้าก็จะมีธุระยุ่ง เพราะจะไม่อยู่หลายวัน กลับมาก็ต้องเก็บบ้านเก็บสวนอีก แต่มีบล๊อกใหม่เขียนทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ตอนอัพเพิ่มเติมเรื่อง นอกจากคิดถึงน้องแก่นน้อยแล้วยังคิดถึงเจ้าของบ้านสวนกังสดาลด้วย


โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:24:41 น.  

 
"นี่ไง ทุกข์ก่อนทุกข์….ไม่มีอะไรจริงอย่างที่เราคิดสักอย่าง”

เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวตนจริงๆ ค่ะ เรามักคิด มักกลัว
ในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เป็นความกลัว ที่เกิดจากความกังวล
หมกมุ่น และระแวง..เลยการเป็นดับเบิ้ลทุกข์ ให้กับตัวซะงั้น..

ตัวเองยังห่างธรรมะ ยังห่างการปฏิบัตอยู่มากค่ะ
กิเลส ยังเป็นเกราะปิดกั้นอยู่
มีผู้รู้ แนะให้เห็นและชี้ทางให้ แต่ตัวเองก็อ้างความไม่พร้อม อ้างเรื่องเวลา เรื่องสถานที่ ทำตัวเป็นบัวใต้ตม..ไปเรื่อย

สวัสดีค่ะพี่พี..
ขอบคุณพี่สาวสำหรับหนังสือธรรมะ ที่ส่งไปให้ถึงแดนไกล
คงไม่มีกุศลใดแรง มากไปกว่าการชี้ทางสว่างให้เกิดแก่คนที่กำลังทุกข์ ให้คลายทุกข์
ไมตรีธรรมที่เผื่อแผ่..ขอส่งนำผลบุญ บารมีให้เกิดกับพี่และครอบครัวนะคะ..ขอบพระคุณยิ่งค่ะ


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:01:49 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่พี
-------------------------------------------

คืนนั้นเป็นคืนที่นอนหลับสนิทอย่างยิ่ง ไม่ฝันอะไรเลยค่ะ

อาการแบบนี้สาวฯ เคยเป็นในคืนที่ทำสมาธิจนนิ่ง (สนิท) ค่ะ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:15:11 น.  

 
แวะมาขออนุญาตบอกกล่าวว่า
มีเอ่ยพาดพิงถึงพี่พีที่บล็อกนะคะ
คงไม่ถือโทษ โกรธน้องนะคะ

สบายดี มีความสุขกับวันอังคารค่ะพี่พี


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:59:51 น.  

 

สวัสดีค่ะ


โดย: Em-emiley วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:5:36:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kangsadal
Location :
เวียงจัน Laos

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]






พระจันทร์เต็มดวงคนมองเห็นได้บางวัน
เช่นกันกับวันที่เห็นพระจันทร์เสี้ยว
แต่ทุกวัน....
พระจันทร์เต็มดวง
online
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
16 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kangsadal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.