Group Blog All Blog
|
...หยินต้า.... หยินต้า..อะไรหว่า อืม...ถ้าใครเข้ามาอ่านบล้อคโดยดูจากหัวข้อแล้วรู้สึกงงๆ..เป็นข้าพเจ้าก็คงสงสัยใคร่อ่านเพราะอยากรู้ ...หรืออาจจะไม่อ่านเลยเพราะไม่รู้ว่ามันพูดถึงอะไร... อย่าถือสา จขบ. ที่ชอบเจรจากับตัวเองเป็นนิจศีลเลยค่ะ จขบ. นึกอยากเขียนถึงอะไรก็เขียนไปเรื่อยเปื่อย...นึกว่าเมื่อยเมื่อไหร่ ก็ไม่เขียนซะงั้น... ข้าพเจ้าระลึกถึง หยินต้า อันเป็นนามของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งคนที่แต่งหนังสือเรื่อง The Good Women of China เขากล่าวอ้างถึง หนังสือว่าด้วยความทุกข์ทนทรมานของผู้หญิงจีนในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม โดยผู้เขียนคือคุณซินหรันได้สัมภาษณ์ผู้หญิงจีนหลายๆ คน ซึ่งแต่ละคนล้วนผ่านประสบการณ์ชีวิตอันเลวร้าย บางกรณีเหลือเชื่อว่านี่จะเป็นชะตากรรมของมนุษย์ ซึ่งก็ถือว่าร่วมยุคสมัยเดียวกับพ่อแม่ของเรานี่เอง เรื่องแสนรันทด แต่ก็อ่านเหมือนราวต้องมนต์สะกดอยู่อย่างนั้น อ่านแล้วไม่เสียน้ำตา แต่ทว่า ก็อึ้งไปกับชะตากรรมของคนแต่ละคนที่ถูกเล่าถึง แต่หนังสือขนาด 300 กว่าหน้าที่แปลเป็นไทย แล้ว มีเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งซึ่งสะดุดใจข้าพเจ้าเป็นพิเศษคือเรื่องของเด็กชายที่ชื่อหยินต้า ที่ผู้เขียนพูดถึงเพียง 4-5 หน้ากระดาษ แต่เป็น 4-5 หน้ากระดาษที่กินใจ เด็กชายกำพร้าผู้ซึ่งไม่มีอะไรมากไปกว่าเสื้อผ้าเก่าๆ สวมใส่เพียงชุดเดียวที่ต้องใส่ตลอดไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อนหรือหน้าหนาว แต่ว่าหัวใจกลับเด็ดเดี่ยวและงดงาม หยินต้าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ เป็นเพื่อนในช่วงที่ชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองจีนล้วนรันทดและแร้นแค้น แต่ท่ามกลางสภาพแห่งความแร้นแค้นนั้น หยินต้ายังมีดวงตาและจินตนาการค้นหาความงดงามของสิ่งรอบตัว หาความน่าสนใจของผู้คน ท่ามกลางความโกลาหลอลหม่านของสังคมขณะนั้น ตอนหนึ่งที่ผู้เขียนกล่าวถึง .... "เขาถามฉันว่าฉันชอบสิ่งใดของเมืองนี้บ้าง ฉันตอบว่าฉันไม่รู้เพราะมันไม่มีอะไรให้ชอบ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ปอนๆ ไร้สีสัน มีแต่ควันไฟจากเดาหุงหาอาหารคลุ้งไปทั่ว กับผู้คนที่เดินไปมาในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น เก่า และโทรม ก็มีเพียงเท่านั้น หยินต้าสอนให้ฉันพิเคราะห์บ้านแต่ละหลังในเมืองอย่างตั้งใจ แม้กระทั่งหลังที่ปะติดปะต่อกันขึ้นมาจากเศษขยะ ใครอาศัยอยู่ในบ้านเหล่านี้ พวกเขาทำอะไรกันข้างใน พวกเขาทำอะไรกันข้างนอก ทำไมประตูถึงเปิดค้างไว้ ครอบครัวข้างในกำลังรอใครหรือพวกเขาลืมเปิดประตู ความขี้ลืมของเขาจะนำมาซึ่งผลลัพธ์อย่างไร ฉันทำตามคำแนะนำของหยินต้าในการค้นหาสิ่งน่าสนใจรอบๆ ตัว จากนั้นฉันก็ไม่ทุกข์ไม่กับการถูกกลั่นแกล้งและถ่มน้ำลายใส่ที่ยังประสบอยู่ทุกวันต่อไป ฉันจะหมกมุ่นกับความคิดต่างๆ และคอยจินตนาการถึงชีวิตของผู้คนในบ้านเหล่านั้น ความแตกต่างระหว่างโลกแห่งจินตนาการและโลกแห่งความเป็นจริงได้กลายเป็นแหล่งของความอุ่นใจและความเศร้าหมองของฉันไปพร้อมกัน...." ข้าพเจ้าชอบวิธีเข้าหาโลกของหยินต้า แม้ว่าสงครามทำให้เขาตาย แต่วิธีคิดของเขาก็ยังมีความหมาย ต่อผู้คนที่ยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้ โลก แม้จะดูเลวร้ายเพียงไหน หากมีหัวใจไม่ปิดกั้นตัวเอง มันก็ยังมีมุมที่สวยงามอยู่เสมอ หยินต้าคงคิดว่าอย่างนั้น ข้าพเจ้าพยายามจะคิดเช่นกัน... ไม่มีอะไรอยากมาเล่าสู่กันฟังบ้างเลยเหรอคะคุณ
ยังไงก็ขอบคุณที่แวะไปหากันสม่ำเสมอนะคะ อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าคุณไม่ได้หายไปไหน... โดย: Q.NUH วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:25:03 น.
เป็นไงบ้างคะคุณ หายเงียบไปเลย แวะไปเคาะประตูก๊อกๆ ซัก 2 ทีให้รู้ว่าก็ยังดีอยู่นะ ก็ยังดีนะคะ...
โดย: Q.NUH วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:12:05:33 น.
|
Life's like that
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกแบบเป็นๆหายๆของท่านนายพันติ๊บ มาก็หลายปีแล้วล่ะ ทำตัวล่อของลับ..เอ๊ย...55..ลับๆล่อๆ อยู่ด้วยชื่อต่างๆ มาหลายชื่อ เลยไม่ดังติดอันดับกะเค้าซักที ตามประสาคนขี้อาย ไม่อยากให้ใครจดจำ มาคราวนี้ ตกผลึกทางความคิด แล้วก็...หาทางแก้ปัญหาชื่อ ล็อคอินที่ไม่เข้าตาตัวเอง ด้วยวิธีการอันแยบยล จนได้ชื่อนี้ในที่สุด พอใจล่ะ ก็ผ่านร้อนๆหนาวๆ มาซะขนาดนี้ ก็พอเข้าใจล่ะ ว่า life's like that.......ชีวิตก็เป็นเช่นนั้นเอง Friends Blog
Link |
ถ้าชีวิตจริงมันน่าเบื่อมากนัก จินตนาการก็คือความสุขที่ไร้ขอบเขตค่ะ