This World Just Amazing!
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2554
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) คนรักศพ

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป whois

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป whois

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป whois

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป whois


เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) คนรักศพ


เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์
Jeffrey Lionel Dahmer (1960 -1994)


โดยปกติแล้ว เวลามีคดีร้ายแรงเกิดขึ้นในอเมริกา
ตำรวจมักจะพุ่งเป้าหมายในการสืบสวนไปยังคนผิวดำ
คดีของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์จึงเป็นเหมือนข้อค้านต่อค่านิยมเช่นนั้นว่า
คนผิวขาวมีการศึกษาก็สามารถเป็นฆาตกรได้เช่นกัน

22 กรกฎาคม 1991 เวลา 23.30น.รัฐวิสคอนซิน เมืองมิลโวคี
ขณะที่นายตำรวจ 2 คนกำลังลาดตระเวณอยู่บริเวณดาวน์ทาวน์
มีชายผิวดำซึ่งใส่กุญแจมือไว้ยังมือข้างซ้ายวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ
เมื่อตำรวจตามชายดังกล่าวไปยังออกซ์ฟอร์ดอพาร์ทเมนท์ ห้อง 213
ก็พบกับชายหนุ่มผิวขาวผมบรอนด์เปิดประตูออกมารับด้วยท่าทีสงบเงียบใจเย็น
และชายคนนี้ก็คือเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์นั่นเอง
กล่าวว่า ในครั้งแรกนั้นตำรวจยังไม่ได้สงสัยในตัวเจฟฟรีย์อย่างจริงจังอะไรนัก
พวกเขาเพียงแต่รู้สึกว่าห้องของเจฟฟรีย์มีกลิ่นเหม็นมากจนน่าแปลกใจ
ที่เจ้าตัวอาศัยอยู่อย่างนี้ได้อย่างไรเป็นความบังเอิญที่หนึ่งในตำรวจเหลือบไปเห็นรูปถ่ายของศพ
ที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆ เมื่อพวกเขารวบตัวเจฟฟรีย์ที่พยายามจะหนีไว้
และทำการตรวจห้อง ก็พบกับที่มาของกลิ่นเหม็น.....หัวคนในตู้เย็น

ในตู้เย็นมีหัวคน 4 หัวกับชิ้นเนื้อและเครื่องในมนุษย์ที่ถูกแพ๊คไว้ในถุงพลาสติก
ชั้นบนของที่วางของมีกระโหลกมนุษย์ 3 หัวเก็บอยู่
ส่วนชั้นล่างวางกระดูกชิ้นส่วนอื่นๆ ในกล่องกระดาษมีกระโหลกอีก 2 หัว
และอัลบั้มภาพถ่ายอันสุดจะบรรยาย หม้อบนเตากำลังต้มส่วนศีรษะมนุษย์
2 หัวซึ่งกำลังเปื่อยได้ที่ บนพื้นมีเศษผิวหนังกับนิ้วมือตกอยู่
และในถังสีฟ้าซึ่งวางไว้ที่โถงประตู ภายในคือส่วนร่างกายมนุษย์ 3 คน
ซึ่งถูกทำให้ละลายด้วยกรดเกลือ

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์เกิดเมื่อ 21 พฤษภาคม 1960 เป็นบุตรชายคนโตของไลโอเนลและจอยส์ ดาห์เมอร์
ซึ่งในขณะนั้น ไลโอเนลผู้เป็นพ่อยังเป็นนักศึกษาในมหาลัยอยู่
ซึ่งภายหลังไลโอเนลได้กล่าวในหนังสือของเขาว่า
"ในตอนนั้น พวกผมคงยังไม่พร้อมจะมีลูก"
จอยส์แพ้ท้องอย่างรุนแรงและกินยาต่างๆวันหนึ่งถึง 26 เม็ด
หลังจากที่เจฟฟรีย์เกิดมา ไลโอเนลก็ทุ่มตัวให้กับการเรียนจนได้ปริญญาบัตรดอกเตอร์
ด้านการวิจัยเคมีในปี 1966 ทางด้านจอยส์นั้น จากเดิมที่มีอาการประสาทอ่อนๆ
สภาพจิตใจของเธอก็ไม่ปกตินักมาตลอดเนื่องจากความเครียดจากการเลี้ยงบุตร
และมีการทะเลาะกับไลโอเนลบ่อยครั้ง
เมื่อเธอท้องลูกคนที่สองก็ทานยาจำนวนมากอีกและต้องนอนอยู่เกือบตลอดเวลา
วัยเด็กของเจฟฟรีย์จึงเติบโตมาพร้อมกับมารดาซึ่งมีอาการฮิสทีเรีย
กับบิดาซึ่งยุ่งอยู่กับการวิจัยจนไม่ได้ใส่ใจครอบครัว

เจฟฟรีย์ในวัยเด็กเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวและชอบอยู่คนเดียวในป่าใกล้บ้าน
มากกว่าออกไปเล่นกับเด็กๆคนอื่น เขาติดใจในชุดทดลองวิทยาศาสตร์
ที่พ่อซื้อให้ และเอาศพของสัตว์ตัวเล็กๆ มาละลายด้วยกรด
หรือดองฟอร์มาลีนบ่อยๆ เมื่อเข้าชั้นมัธยม
เจฟฟรีย์ถูกจับตามองว่ามีไอคิวสูง แต่เนื่องจากสภาพจิตใจที่ไม่ปกตินัก
และการขาดสมาธิ ทำให้ผลการเรียนจึงไม่ดีเท่าที่ควร
หนำซ้ำเขายังก่อเรื่องมากมายจนถูกตีตราว่าเป็นเด็กมีปัญหา
และในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ของบิดามารดาก็แย่ลงเรื่อยๆ
จนมีการใช้เชือกแบ่งอาณาเขตในบ้านก่อนที่ทั้งสองจะหย่ากันในปี 1978
ในช่วงนี้ เจฟฟรีย์กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยม น้องชายของเขาไปอยู่กับแม่ที่ย้ายออกไปแล้ว
บ่อยครั้งที่ในบ้านจะมีเขาอยู่เพียงลำพัง และในขณะเดียวกันเจฟฟรีย์ก็เพิ่งรู้ตัว
ว่าตัวเองเป็นเกย์ เขากลุ้มใจ ด้วยขนาดเพื่อนยังไม่มีเลย แล้วจะไปหาคนรักมาจากไหน
เจฟฟรีย์เริ่มจินตนาการถึงคนรักในความคิด..คนรักที่ไม่ทรยศ
ไม่ต่อล้อต่อเถียงและไม่หนีไปจากเขา ซึ่งภาพในจินตนาการนั้น
ยิ่งนานก็เหมือนศพมากกว่าคนเป็นๆ.....

กลางเดือนมิถุนายนปี 1978
เจฟฟรีย์พบกับนักโบกรถชื่อสตีเว่น ฮิกซ์ (19)
เขาตกหลุมรักอีกฝ่ายและเอาเหล้ากับกัญชามาหลอกล่อพาสตีเว่นกลับบ้าน
ซึ่งไม่มีใครอยู่ ทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอ แต่เมื่อสตีเว่นจะลากลับบ้าน
เจฟฟรีย์ที่ไม่อยากให้เขากลับไปก็ตีเขาด้วยพลั่วและบีบคอจนตาย
หลังจากข่มขืนศพแล้วก็ตัดศพเป็นชิ้นๆ ซ่อนไว้ในห้องใต้ดินพักหนึ่ง
จนเมื่อศพเน่าจึงเอาฝังในป่า และเหมือนจะหนีจากความผิดของตัวเอง
เจฟฟรีย์เริ่มดื่มเหล้าหนักจนกลายเป็นโรคติดแอลกอฮอลล์

ไลโอเนลแต่งงานใหม่กับชาลีซึ่งเป็นภรรยาคนที่สอง
เขาสนับสนุนให้เจฟฟรีย์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ
หากโรคติดเหล้าก็ทำให้เจฟฟรีย์ขาดเรียนบ่อยๆ จนต้องลาออกหลังจากจบเทอมแรก
ไลโอเนลจึงส่งเขาเข้ากองทัพบกไปประจำอยู่ที่เยอรมัน
แต่เจฟฟรีย์ก็เอาแต่ดื่มเหล้าจนไม่เป็นอันทำงานอีกจนถูกถอดออกจากกองทัพ
(ในระหว่างนี้ ในเยอรมันมีคดีฆาตกรรม 5 คดีที่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของเจฟฟรีย์ หากก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน)
ไลโอเนลซึ่งจนปัญญา ตัดสินใจส่งลูกชายไปอยู่กับย่าซึ่งในปี 1985
เขาก็ได้งานในบริษัทแอมโบรเชียช็อคโกแลทในมิลโวคี
หลังจากได้งานไม่นานนัก เจฟฟรีย์ไปบาร์เกย์บ่อยๆ
แต่ด้วยความที่เป็นคนขี้อายจึงหาพาร์ทเนอร์ไม่ได้เสียที
วิธีที่เขาคิดออกคือการผสมยานอนหลับลงในเหล้าของคนอื่น
ซึ่งในไม่ช้าก็มีเรื่องร้องเรียนไปยังทางบาร์มากมายจนมีคำสั่งขึ้นชื่อ
เจฟฟรีย์เป็นแขกไม่พึงประสงค์ และในช่วงนี้เองที่เขาถูกจับ
เนื่องจากทำอนาจารเด็กชายสองคน

15 กันยายน 1987 เจฟฟรีย์พบกับสตีเว่น ทูโอมี่ (24)
ที่บาร์เกย์อีกแห่ง หลังจากดื่มเหล้าคุยกันถูกคอแล้ว
ทั้งสองก็ไปโรงแรมด้วยกัน หากเมื่อเจฟฟรีย์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
สตีเว่นก็กลายเป็นศพมีเลือดไหลออกจากปากเสียแล้ว
เจฟฟรีย์ให้การในภายหลังว่าเขาเมาจนจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
รู้แต่ว่าตัวเองคงจะบีบคออีกฝ่ายจนตาย เจฟฟรีย์รีบซ่อนศพไว้ในตู้เสื้อผ้า
แล้วออกไปซื้อกระเป๋าเดินทางมาบรรจุศพเอากลับไปยังบ้านย่า
เพื่อตัดเป็นชิ้นๆในห้องใต้ดิน ศพถูกแบ่งใส่ถุงพลาสติก
และนำไปทิ้งที่ที่ทิ้งขยะ มีแต่ส่วนหัวที่นำมาต้มจนเหลือแต่กระโหลกแล้วเก็บไว้

16 มกราคม 1988 เจฟฟรีย์หลอกเจมส์ ดอกส์เตเตอร์ (14)
ซึ่งเป็นเนย์ทีพอเมริกันว่ามีงานถ่ายแบบให้และพากลับบ้าน
หลังจากที่เหยื่อหลับด้วยยานอนหลับซึ่งผสมอยู่ในเครื่องดื่มแล้ว
เขาก็บีบคออีกฝ่ายจนตาย ศพถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นๆแล้วละลายด้วยกรด
กระโหลกศีรษะถูกเก็บไว้เป็นที่ระลึกเช่นคราวที่แล้ว

24 มีนาคม เจฟฟรีย์หลอกริชาร์ด เกอเรโร่ (23)
เชื้อสายฮิสปานิคกลับบ้านด้วยวิธีเดียวกับคราวที่แล้ว
แต่คราวนี้เขามีการเตรียมชุดมีดสำหรับหั่นเนื้อเอาไว้พร้อม
มาถึงตอนนี้ ย่าของเขาเริ่มบ่นเรื่องกลิ่มเหม็นในห้องใต้ดิน
เมื่อไลโอเนลมาตรวจดูก็พบเพียงของเหลวสีดำที่เลอะอยู่ทั่วพื้น
โดยไม่มีสิ่งผิดปกติอย่างอื่น ไลโอเนลซึ่งเห็นว่าไม่ควรให้ลูกชายอยู่รบกวนย่าต่อไป
จึงแนะนำให้เขาออกมาอยู่ด้วยตัวเอง

25 กันยายน ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากที่เขาย้ายบ้านเสร็จ
เจฟฟรีย์พาเคย์สัน สินธาสมพน เด็กชายชาวลาวมายังที่อยู่ใหม่ของเขา
และให้ดื่มยานอนหลับ แต่เคย์สันก็หนีออกมาได้ เจฟฟรีย์ถูกจับ
หากเมื่อจ่ายค่าประกันหนึ่งหมื่นดอลล่าร์แล้วเขาก็ถูกปล่อยตัวในอีก 1 อาทิตย์ให้หลัง

25 มีนาคม1989 เจฟฟรีย์อยู่ระหว่างการควบคุมความประพฤติในคดีของเคย์สัน
แต่ก็ยังไม่วายทักแอนโทนี่ เชียร์ส (26) ที่บาร์เกย์และพาไปยังบ้านย่า
(ไม่พากลับอพาร์ทเมนท์ตัวเองเพราะตำรวจจับตาดูความประพฤติอยู่)
หลังจากฆ่าแล้วก็ละลายด้วยกรดเช่นทุกที กระโหลกศีรษะ
และอวัยวะเพศถูกเก็บไว้เป็นที่ระลึก

23 พฤษภาคม เจฟฟรีย์ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี
ซึ่งได้รับอนุญาติให้ไปทำงานตามปกติจากที่คุมขังได้
แน่นอนว่าจะแวะไปบาร์เกย์ก็ได้เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าการถูกจำคุกนี้ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงความประพฤติของเขาเลย
3 มีนาคม 1990 เขาถูกปล่อยตัวเป็นการชั่วคราว
เจฟฟรีย์เช่าห้องหมายเลข 213 ของอพาร์ทเมนทในเขตเหนือ 25
บ้านเลขที่ 924 ภายหลังที่นี่ถูกเรียกว่าเป็น"วิหารของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์"

พอเข้าเดือนพฤษภาคม เจฟฟรีย์ก็เริ่มงานของเขาอีก

29 พฤษภาคม เรย์มอนด์ สมิธ (33)ถูกฆ่า

14 มิถุนายน เอ็ดดี้ สมิธ (27)ถูกฆ่า

เดือนกรกฎาคม เจฟฟรีย์ปล่อยเหยื่อคนหนึ่งให้หลุดมือไปได้
และในเดือนกันยายน เจฟฟรีย์ก็เพิ่มรายการใหม่เข้ามาในการฆ่าของเขา
การกินเนื้อคนนั่นเอง.....

3 กันยายน เจฟฟรีย์หลอกเออร์เนส มิลเลอร์ (22)
มายังอพาร์ทเมนท์ หลังจากฆ่าปาดคอแล้วก็ผ่าท้องศพในห้องน้ำ
และข่มขืนศพ เนื้อส่วนหนึ่งถูกนำมาทำเป็นสเต็กกิน

22 กันยายน เดวิด โทมัส(23) ถูกฆ่า

18 กุมภาพันธ์ 1991 เคอร์ตีส สตรอสเตอร์ (19) ถูกฆ่า
ที่เจฟฟรีย์ใช้ยานอนหลับกับเหยื่อเป็นเพราะเขาเกรงกลัวการถูกปฏิเสธ
จากอีกฝ่าย และเพื่อที่จะได้มาซึ่งคนรักที่ไม่ทรยศ ไม่ปฏิเสธ
และไม่หนีไปไหน เจฟฟรีย์ก็วิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้น
เขาตัดสินใจจะสร้างซอมบี้ขึ้นมาด้วยการผ่าตัดสมอง

9 เมษายน หลังจากให้เออร์รอล ลินด์ซีย์ (19)
ดื่มยานอนหลับแล้ว เจฟฟรีย์ก็เจาะศีรษะเขาด้วยสว่านแล้วกรอกกรดเกลือลงไปในสมอง
เออร์รอลตื่นขึ้นมาร้องโวยวาย เจฟฟรีย์จึงบีบคอฆ่าทิ้งเสีย

24 พฤษภาคม โทนี่ ฮิวจส์ (31) ซึ่งเป็นใบ้ถูกฆ่า

27 พฤษภาคม โดยที่ยังมีศพของโทนี่อยู่ในห้อง

เจฟฟรีย์ทักโคเนรัก สินธาสมพน (14) ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง
ซึ่งเด็กคนนี้เป็นน้องชายของเคย์สันที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง
(ไม่ทราบแน่ว่าเจฟฟรีย์ทักโคเนรักโดยรู้เรื่องนี้หรือไม่)
หลังจากให้ดื่มยานอนหลับและข่มขืนแล้ว เจฟฟรีย์ก็เจาะศีรษะเด็กชาย
แล้วกรอกกรดเกลือลงไป หลังจากนั้นเขาออกไปซื้อเบียร์
ซึ่งเมื่อกลับมาก็พบโคเนรักออกมานอกห้องทั้งๆที่ไม่ใส่เสื้อผ้า
ตำรวจที่รับเรื่องเห็นว่าเจฟฟรีย์เป็นคนผิวขาวจึงเชื่อคำพูดของเขา
ว่านี่เป็นเพียงการทะเลาะกันของคู่เกย์ธรรมดา
เมื่อตรวจดูห้องนั่งเล่นแล้วก็ถอนตัวกลับไป ในความเป็นจริง
หากมีการตรวจค้นมากกว่านี้อีกสักนิด (ในห้องนอนยังมีศพของโทนี่อยู่)
เจฟฟรีย์ก็คงจะถูกจับเสียแต่ตอนนี้แล้ว แน่นอนว่าโคเนรักไม่รอด
เขาถูกหั่นเป็นชิ้นๆ และถูกกิน

เห็นได้ชัดว่าเจฟฟรีย์เริ่มขาดความระวังในการก่อคดี
ทั้งการนำเหยื่อเข้ามาในห้องที่มีศพอยู่ และการทิ้งเหยื่อไว้แล้วออกไปข้างนอก
เป็นไปได้ว่า เขาเริ่มสูญเสียความสามารถในการแยกแยะเหตุการณ์ไปแล้วก็ได้
ซึ่งทำให้ความถี่ของการก่อคดีหลังจากนี้แคบลงเรื่อยๆ

29 มิถุนายนแมทท์ เทอเนอร์ (20)ถูกฆ่า

6 กรกฎาคม เจเรเมียห์ เวนเบอร์เกอร์ (23) ถูกฆ่า

15 กรกฎาคม โอลิเวอร์ ลาซี่ (23) ถูกฆ่า

19 กรกฎาคม โจเซฟ แบรดฮอลท์ (25) ถูกฆ่า

ในตอนนี้ เจฟฟรีย์โดนไล่ออกจากงานที่ทำอยู่
เขาค้างค่าเช่าจนจะถูกไล่ออกจากอพาร์ทเมนท์ปลายเดือนพฤษภาคมนี้เอง
เขาจึงฆ่าอย่างไม่เลือก นี่อาจจะเป็นการส่งท้ายสำหรับวิหารของเขาก็เป็นได้
และในวันที่ 22 กรกฎาคม เทรซี่ เอ็ดเวิร์ดซึ่งหนีออกมาได้ก็ทำให้เขาถูกจับในที่สุด

เนื่องจากรัฐวิสคอนซินได้ยกเลิกโทษประหารไปแล้ว
เจฟฟรีย์จึงถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต
และในวันที่ 28 พฤศจิกายน 1994 ก็ถูกนักโทษคนอื่นทุบด้วยท่อนเหล็ก
จนตายขณะรับเวรทำความสะอาด

ไลโอเนล ดาห์เมอร์ได้ออกหนังสือ A Father's Story
ซึ่งใจความตอนหนึ่งกล่าวไว้เช่นนี้
'การเป็นพ่อคนเป็นปริศนาอันยิ่งใหญ่
เมื่อคิดว่าลูกชายอีกคนของผมก็คงจะเป็นพ่อในวันหนึ่งเช่นกัน
ผมก็ได้แต่บอกกับเขาและคนอีกหลายคนที่จะเป็นพ่อในอนาคตเช่นนี้
"จงระวัง และขอให้พยายามให้เต็มที่" '

รายได้ที่ได้จากหนังสือเล่มดังกล่าวถูกมอบให้กับครอบครัวของผู้เคราะห์ร้าย
หากเนื่องจากส่วนหนึ่งที่ไม่พอใจได้ทำการฟ้องศาลว่าไลโอเนลไม่รับผิดชอบ
ในการเลี้ยงดูบุตร เงินส่วนมากจึงถูกหักไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี


------------------------------




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2554
0 comments
Last Update : 18 พฤษภาคม 2554 17:47:08 น.
Counter : 1951 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


JesperTR
Location :
นครสวรรค์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hello Everyone!
ฟองน้ำลอยขึ้น พลุแตก อักษรวิ่งที่แถบล่าง นาฬิกาและปฏิทิน Flash
Friends' blogs
[Add JesperTR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.