ทำบุญอย่ายึดติด
บางคนมีความดีมากขนาดที่ยิ่งใหญ่เท่าภูเขาลูกหนึ่ง แต่บางคนรวมกันเป็นสิบหรือยี่สิบความดียังน้อยจนกระทั่งมองไม่เห็นเลยเพราะว่าอะไรที่แตกต่างกันรู้ใหม่เป็นคนทำบุญมาชั่วชีวิตแต่ไม่รู้ว่าที่เราทำบุญไปแล้ว ตกลงว่ามีบุญหรือไม่มีบุญกันแน่ อันที่จริงเราก็รู้ว่าเราทำบุญทำกุศล แต่หากจิตใจยึดติดผลบุญนั้นก็จะไม่งอกเงย ถ้าศิษย์ทำบุญห้าสิบสตางค์แต่จิตใจนั้นทำด้วยความบริสุทธิ์มีเงินอยู่เท่านี้ทำเท่านี้ ผลบุญนั้นจะยิ่งใหญ่ แต่หากว่าทำบุญด้วยเงินหนึ่งล้านบาทแต่จิตใจเฝ้าวกวนอยู่กับเงินหนึ่งล้านบาท คิดว่าเงินหนึ่งล้านจะกลับมาหาเราสองล้านบาท หรือคิดว่าทำบุญหวังผลอย่างให้ชาติหน้าเกิดมาเป็นอะไรบ้าง ถวายดอกไม้แล้วอยากจะสวย สร้างสะพานแล้วอยากให้ลูกหลานมั่นคง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วจะไม่ได้กุศลใดๆ เลย ใช่หรือไม่ศิษย์รู้ทุกๆ คนเลย แต่ถามว่าเวลาทำบุญทำทานเกิดความยึดติดหรือเปล่า (เกิด) อาจารย์จะบอกให้ เป็นการยากที่จะห้ามจิตไม่ให้ยึดติดในกุศล บุญและผลกรรมต่างๆ แต่ก็ต้องทำไหม (ต้องทำ) เท่าที่ชีวิตนี้ทำบุญมาเหลืออะไรบ้าง ทำไมชาตินี้บางคนเกิดมาจึงมีวาสนาดีกว่าเรา ถ้าหากว่าสืบสาวไปถึงอดีตชาติที่เคยทำมาแล้ว เรานั้นก็อาจจะไม่แพ้เขา แต่ว่าถ้าพูดตามหลักเหตุผลของบุญและกรรมแล้วเราเกิดความยึดติดมากกว่าเขาชาตินี้ทำเท่าไรจึงไม่มีบุญกุศลสักที เหนื่อยก็เหนื่อยกว่าคนอื่นเขา แต่ทำเท่าไรก็ไม่มีงอกเงยสักที และไม่เห็นจะได้ใช้ คนอื่นใช้หมด ก็เป็นเพราะทำบุญแต่เราเกิดการยึดติด ฉะนั้น ในตอนนี้อาจารย์จึงอยากให้ทุกคนมาทำบุญโดยไม่ยึดติด ดีหรือไม่ บุญในที่นี้ไม่จำเป็นต้องทำด้วยเงินก็ได้ มีเงินน้อยเราก็ลงแรงให้มาก อย่างศิษย์มาที่นี่เป็นแม่ครัวทำกับข้าวได้เอาเงินมาสร้างไหม หากเราเอาเงินมาสร้างหนึ่งพันบาทแล้วกลับไป แต่ก็ไม่เหนื่อยใช่ไหม เป็นแม่ครัวมาลงแรงอาบเหงื่อต่างน้ำ ทำอาหารให้เรากินทุกมื้อ เขาเหนื่อยไหม ถามว่าจิตใจของคนที่เอาเงินมาสร้างแต่ยังยึดติดอยู่กับคนที่มาลงมือทำคนไหนมีกุศลมากกว่ากัน (คนที่ลงมือ) เพราะฉะนั้น หลังจากวันนี้กลับไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขดีหรือไม่ ให้เราเป็นคนที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ เราจะไปทำอะไรหลังจากนี้ หากเริ่มต้นด้วยใจที่บริสุทธิ์ ทุกอย่างก็จะเป็นกุศล ทำบุญอยากได้กุศลก็จะไม่ได้กุศลใดๆ ทั้งสิ้นพระอาจารย์จี้กงพุทธสถานฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์23 พฤษภาคม 2542 ที่มา //thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=380------------------------งง มั้ยครับ กับการทำบุญไม่ควรยึดติดบุญย่อมส่งผลบาปก็ส่งผลทั้งสองอย่างล้วนส่งผลให้ไปเกิด เพื่อเสวยผลแห่งกรรมนั้นๆ แต่ทั้งสองอย่าง ก้อยังคงเป็นทวิภาวะ เป็นหนทางสุดโต่งทั้งสองด้าน----อย่าลืมนะครับ การเกิดย่อมเป็นทุกข์ ----การทำบุญทำทานนั้น จุดหลักๆ คือ จิตใจที่มุ่งสละก่อนทำยินดี ขณะทำก็ยินดีหลังทำแล้วก็ยินดีเมื่อทำแล้วก็ไม่ยึดติดอันใด ทำเพื่อล่ะว่างตัวตนท่านอาจารย์เคยสอนว่าการทำบุญด้วยจิตเช่นนี้มีอานิสงค์ มากกว่าการทำบุญด้วยความยึดติดเสียอีกอุปมาเหมือนแท่งเทียน เทียบ ก่ะแสงของ สุริยะแท่งเทียน เปรียบเหมือน บุญที่เราทำหากไม่ยึดติด และอุทิศให้แด่สรรพสัตว์ บุญนั้น ก้อทบทวี ดุจแสงสุริยะดังนั้น ไม่ต้องกังวลใจ ว่าจะไม่ได้บุญหนทางของการไม่เกิด ไม่ใช่การยึดติดในสิ่งนี้ แต่ให้ฉลาดในการใช้ เหมือนธรรมก็เช่นกันอุปมาธรรมดุจแพข้ามพาก เมื่อข้ามพ้นแล้ว ก็ต้องวางหากไม่วาง ก้อ คงไม่อาจจะพบความว่าง นะครับ------เจริญในธรรมครับ