ครั้งหนึ่งในชีวิต@มวกเหล็ก
ได้ไปเที่ยวอีกแล้วคับเพื่อนฝูงก่อนไปก็ลุ้นๆ อยู่เหมือนกันว่าเพื่อนฝูงจะไปกันอะเปล่าเนื่องจากสภาพคล่องทางการเงินของแต่ละคน อยู่ในขั้นวิกฤต หุหุแต่สุดท้ายแล้วก้ได้ไป เราเดินทางไปกันวันที่ 22-23 ก.ย. ก่อนหน้าวันเกิดเรา 1 วัน เรา+เดือน นัดเจอกะเพื่อนเจดที่หอตอนเช้า 7.00 น. แต่ก่อนหน้าที่จะนัดเจอกัน อิชั้นไม่ได้นอนเลย นั่งปั่นงานส่งต้นฉบับปิดเล่มตั้งแต่ตี 1 ครึ่ง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมาที่ตื่นขึ้นมาทำงานเวลานี้เดือนอื่นๆ จะตื่นประมาณตี3-4 แต่เอาว่ะ เพื่อการเที่ยวเราสามารถ 5555เพื่อนเจดมารับตอน 7.40 ได้มั้งหลังจากนั้น ล้อก็เคลื่อนไปยังบ้านนะจังงังหลังจากนั่นก็แวะบ้านเพื่อนเจดอีก กว่าจะออกจากรังสิตก็ 9.00 น. ขับรถชิลๆ กินลมไปเรื่อยๆ ชั่วโมงครึ่งก็ถึงมวกเหล็กพวกเราตัดสินใจเอาห้องเข้าที่พัก ชาร์จกล้องมือถือ และพักผ่อนกันสักพักเราได้จองบ้านอิงเขาไว้ เพื่อนฝูงที่ไปลงความเห็นว่า "ผ่าน" อิอิ ดีใจจังเพราะเราเป็นคนจองเองแหละ หุหุ สภาพห้องโอเคเลยละ ไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล้กบ้านก็ตั้งอยู่บนเขานะ เลที่ตั้งดีกว่าหลายๆ บ้านเลยละดีที่สุดเท่าที่เราเคยพักมาตั้งแต่ได้เที่ยว หุหุ มันเป็นโฮมสเตย์บนเขาที่ห่างจากตัวถนนนิดหน่อย แต่รู้สึกได้ว่าบรรยากาศดีมากหลังจากนอนเล่นหันสักพักก็ตกลงกันว่าจะแวะเที่ยวละแวกนี้บ้านอิงเขา เรือนไม้ 1 บรรยากาศก็โอเคนะที่แรกที่เราจะไปคือ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ก่อนไปได้ดูข่าวประกาศว่าเขาใหญ่เตือนภัยน้ำป่า หุหุ ฤกษ์งามยามดีซะแล้วสิ พวกเราก็ไม่กลัวแต่ก็ไม่ประมาทออกเดินทางไปยังน้ำตก ใช้เวลาเดินทางแป่บเดียวเองพวกเราก็วื้อส้มตำ ตับหวาน ไก่ย่าง ปลาย่าง ช้าวเหนียว เข้าไปนั่งกินที่น้ำตกคนก็มานั่งกินกันเยอะนะ แต่สภาพน้ำไม่น่าเล่นเลย น้ำแดงมากๆ พวกเราก็เดินหาที่ๆ เหมาะสำหรับปูเสื่อนานมาก เราข้ามไปปูเสื่อฝั่งปากช่องเลยนะ อยู่ฝั่งสระบุรีแต่ข้ามฟากไปฝั่งนู้น(ผู้ใดสงสัย กรุณาไปดูเองเด้อ ขี้เกียจบรรยาย หุหุ) พวกเราก็กินและนอนเล่นได้ประมาณ 2 ชั่วโมงได้ก็กลับ และทริปนี้ก็ไม่ได้มีการวางแพลนไว้ว่าจะไปเที่ยวไหนบ้างแต่เวลายังเหลืออยู่เราก็เลยตัดสินใจให้ขับไป "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" เลยระหว่างทางขับผ่าน "อุโมงค์ต้นไม้" ที่ใครหลายๆ คนว่าสวยนักแต่สำหรับเราๆ คิดว่าซุ้มต้นไม้ทางขึ้นบ้านกร่าง สวยกว่าอีก แล้วพวกเราก็ถึงเขื่อนป่าสักกี่โมงก้ไม่รู้ หุหุบริเวณเขื่อนสวยนะ แต่ใกล้ๆเขื่อนก็จะมีทุ่งทานตะวันด้วย แต่วันที่เราไม่เค้ายังไม่ได้ปลูกเลย คงต้องรอหน้าหนาวแหละ หุหุพวกเราไปเสียค่ารถรางคนละ 20 บาท วิ่งรอบเขื่อน สวยดีนะ ได้ไปไหว้พระด้วยองค์ใหญ่เหมือนที่วัดห้วยมงคลเลย และฝนก้เริ่มตั้งเค้ามาแล้ว รถรางก็รีบออกกลับไปยังเขื่อน แต่ไม่ทันอะ เปียกฝนกันไป แต่ก็ตกแป่บเดียวเองนะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปไหนแวะบ้านพักเลยกลับไปกินข้าวและกินยอดข้าวกัน (เด็กๆไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะ หุหุ)กว่าจะได้นอนก้ประมาณ ตี 1 ได้มั้ง แถมยังปวดขา ปวดแขนอีกตอนเช้าเลยลุกไปซื้อยามานวด หายเลย พอได้เสียตังค์หลังจากนั้นก็กินข้าวเช้า กลับห้องเข้ามานอนต่อ และเราก็เช็คเอ้าท์ออกตอน 11 โมง หลังจากนั้นพวกเราก็ไปไหว้พระที่วัดพระพุทธฉาย โดยได้เห็นทั้งพระพุทธฉายและพระพุทธบาทโดยพระพุทธบาทเบื้องขวาต้องขึ้นบันไดอีก 400 กว่าขั้นเหนื่อยเหมือนกันนะ หุหุ ที่จิงแล้วไม่ต้องเดินขึ้นก้ได้มีทางที่รถขึ้นไปได้แต่พวกเราอยากแสดงให้รู้ว่ายังไม่แก่งัย อิอิ ขอเดินซะหน่อย ตอนเดินลง เราเลือกทางที่รถวิ่งลง สบายจัง แทบจะกลิ้งลงเขาได้เลยอะ หุหุ หลังจากนั้นก็แวะไปสวนสัตว์สระบุรีสัตว์ที่นี่มีไม่เยอะนีก แต่สัตว์แต่ละตัว ผอมโคดน่าสงสารเลยอะ คนเข้าสวนสัตว์น้อยมาก ตอนที่เข้าไปมีกลุ่มเรากลุ่มเดียวเองอะ พอเห็นที่นี่แล้วทำให้นึกถึง ลิงกอริลล่า ที่พาต้าปิ่นเกล้าเลยวันก่อนเพิ่งอ่านในพันทิป ลิงกอริลล่าร้องไห้ น่าสงสารจัง แต่ถ้าเอาไปปล่อยป่าก็คงไม่รอดหรอก เพราะชีวิตเค้าเคยอยู่แบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ หลังจากนั้นตอนแรกคิดว่าจะกลับแล้วละ แต่พอดีหันไปเห็นทางเข้าน้ำตกเขาสามหลั่นพอดีพวกเราเลยกลับรถเข้าไปแวะ ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติ ต้องเสียค่าเข้าด้วยจะได้เล่นน้พตกมั้ยทริปนี้ หุหุ ในอุทยานนี้มีด้วยกัน 3 น้ำตกพวกเราเลือกน้ำตกเขาสามหลั่น ซึ่งน้ำตกนี้ต้องเดินผ่านป่าเข้าไปไม่ไกลมากประมาณ 400 เมตร เห็นน้ำตกแล้วดีใจจัง น้ำใสน่าเล่นแต่เราคิดแล้วละว่าไม่เล่น เพราะใส่เสื้อขาว แต่สุดท้ายก้โดนแกล้งจนต้องเล่นจนได้ แล้วก็ใส่เสื้อเพื่อนฝูงเนื่องจากกลัวคนอื่นจะอุจาดตา 555 พอลงไปเล่นน้ำตกแล้วก็หนุกหนานว่ะ ไม่เคยเล่นน้ำตกแบบนี้เลย เป็นประสบการณ์ใหม่อีกแล้ว หุหุเล่นกันสักพักก้กลับบ้าน ไปส่งเดือน นะ และเราคนสุดท้าย (ไม่ถึงบ้านด้วย กลับเองอีกต่างหาก 555)สรุปทริปนี้ ถือว่าสนุก ผ่านไปด้วยดีและเป็นสถานที่ที่ใกล้กรุงเทพด้วยนะ มีที่เที่ยวหลากหลาย ขับรถชั่วโมงกว่าเองสุดท้ายขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์และที่คนที่แอบอ่านด้วยนะคับบ