อิตาลี : San Marino - Rimini สองประเทศ หลายสไตล์
ซานมาริโน (San Marino) เป็นรัฐอิสระที่มีขนาดเล็ก ตั้งอยู่ใจกลางประเทศอิตาลี สะท้อนให้เห็นประวัติศาสตร์อิตาลีที่ครั้งหนึ่งก่อนจะรวมกันเป็นสาธารณรัฐในปัจจุบันเคยประกอบด้วยรัฐขนาดเล็กยิบย่อยมากมาย
ซานมาริโนเป็นสาธารณรัฐที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุด มีประชากรเพียง 32,000 คน บนพื้นที่เพียง 61 ตารางกิโลเมตร
เรื่องที่ได้ยินบ่อยเกี่ยวกับที่แห่งนี้ นอกจากความแปลกที่ดันเป็นรัฐอิสระที่อยู่ใจกลางประเทศอิตาลีแล้ว ก็ยังได้ยินมาว่าสินค้าหลายอย่างราคาถูกเพราะเขาไม่เก็บภาษี ทำให้เป้าหมายของหลายคนที่เดินทางมาท่องเที่ยวซานมาริโน คือ ช็อปปิง
เราออกจากโรมกันประมาณเกือบๆ 10 โมงเช้า
ไปถึงซานมาริโนจริงๆ ประมาณ 4 โมงเย็น ระยะทางจริงๆ ประมาณ 330 กม. ปกติใช้เวลาไม่เกิน 4 ชม.
แต่เราไปกันเรื่อยๆ ที่ไหนสวยแวะถ่ายรูป
ตรงไหนหิวก็แวะกินข้าวครับ
พอเข้าเขตประเทศซานมาริโนจะเริ่มสังเกตุเห็นว่าป้ายทะเบียนรถจะแตกต่างจากป้ายทะเบียนในอิตาลี
ฝากรถไว้ที่จอดรถซึ่งอยู่ใกล้แหล่งช็อปปิง
และก็เริ่มเดิน โดยมีจุดมุ่งหมายทั้งการจับจ่ายซื้อของที่ถูกใจและชมประเทศซานมาริโน
ในเมืองซานมาริโน (เมืองหลวงชื่อเดียวกับประเทศ) เต็มไปด้วยร้านขายของมากมาย
หลายอย่างดูแล้วราคาถูกกว่าที่เมืองอื่นๆ ในอิตาลีอยู่พอสมควร แต่ไม่ได้ถูกกว่ามากขนาดนั้น
หน้าเซลล์ในอิตาลีบางทียังได้ของถูกกว่า
อย่างไรก็ตาม เราได้ของกันมาพอสมควรครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แว่นตากันแดด
คนไทยมากันทีไรมักได้แว่นกันทุกที คงเพราะราคาพอซื้อไหว
ไฮไลท์ก็คงเป็นช่างทำเสื้อเกราะโบราณชาวซานมาริโนที่จัดเต็มทั้งของที่ขายและการแต่งกาย
ทำให้รู้สึกเหมือนหลงเขาไปในซานมาริโนในยุคนักรบชุดเกราะขี่ม้าสู้กัน
ที่ท่องเที่ยวนอกจากย่านช็อปปิงกลางเมือง สถาปัตยกรรมสวยๆ ก็มีพอสมควร
ที่ต้องไปถ่ายรูปคงเป็นหอคอย 3 หอ ที่ถ้าพิมพ์คำว่า San Marino ใน google ก็จะเจอเป็นภาพแรกๆ ค่าเข้าสิบกว่ายูโร
หอคอยอายุหลายร้อยปีทั้งสามตั้งอยู่บนยอดเขาชื่อว่า Monte Titano มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่อชาวซานมาริโนมาก เพราะเป็นสัญลักษณฺ์ที่ปรากฏอยู่บนธงชาติและตราอาร์มของเขา
หอแรกซึ่งเก่าแก่ที่สุดเป็นหอที่ถ่ายรูปสวยที่สุดในบรรดาทั้งสามแห่ง
ต้องไปถ่ายมาจากหอที่สองจึงจะเห็นความสวยงามและสถาปัตยกรรมชัดเจน ตำแหน่งที่ตั้งสวยพอดี
โปสการ์ดที่ขายๆ อยู่หลายภาพก็คงถ่ายมาจากจุดเดียวกับผมนี้
หอที่สองด้านในมีนิทรรศการแสดงอาวุธที่ใช้กันในสมัยก่อน
แน่นอนนึกถึงหนังนักรบใส่ชุดเกราะขี่ม้ามีหญิงสาวกระโปรงยาวรุ่มร่ามนั่งมาด้านหน้า
หอที่สามไม่ได้เดิน เหมือนได้ยินว่าไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม แต่ถึงเปิดก็เดินไม่ไหวแล้ว
แดดหน้าร้อนในซานมาริโนทำให้กล้ามเนื้อแขนขาหมดกำลัง
มาไกลถึงประเทศซานมาริโน (ซึ่งอยู่ในประเทศอิตาลีนี่เอง) ยังมีแม่ค้าชาวซานมาริโนแสดงความชื่นชอบเมืองไทยทันทีที่รู้ว่าเราเป็นคนไทย สวัสดีค้ากันใหญ่ ทำให้นึกถึงตอนอยู่แอฟริกา บอกว่ามาจากไทยแลนด์แม่ค้าพ่อขายอึ้งไปพักนึงและทักตอบว่าหนีห่าว
ดีที่ที่พักในซานมาริโนเต็ม หัวหน้าแกงค์แตงโมของเราจึงได้จองที่พักเมืองริมทะเลใกล้ๆ แทน
ขืนพักที่ซานมาริโนอาจเฉาตายได้ ดูทรงแล้วกลางคืนไม่น่ามีอะไรให้ทำมาก นอกจากนั่งเล่นเน็ตอยู่ในห้อง
ริมินิ (Rimini) เมืองรีสอร์ทริมทะเลในอิตาลี พูดให้โก้คือเราต้องข้ามจากประเทศซานมาริโนกลับเข้ามาในอิตาลีอีกครั้ง แต่โดยข้อเท็จจริงเมืองนี้ห่างออกไปแค่ 20 กม. และไม่ต้องผ่านพิธีศุลกากรอะไรทั้งสิ้น
ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับ คือ มันคือพัทยาเวอร์ชั่นอิตาลี ตอนแรกเลยไม่แน่ใจว่าจะชอบหรือเปล่า
แต่อันที่จริง ดีกว่าพัทยามากครับ เอาเป็นว่ามีสีสันทั้งกลางวันกลางคืน โดยเฉพาะหลังพระอาทิตย์ตกน้ำ
ร้านรวง ขายของ ผับบาร์ ร้านอาหารคึกคัก
ผู้คนเดินกันตลอดทั้งคืน คล้ายพัทยาก็ตรงนี้
แต่ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การไม่มีบาร์เบียร์และคนมาถามว่าดูปิงปองโชว์มั้ยน้อง ทำให้มีคลาสกว่าพัทยาบ้านเรามาก
สองวันหนึ่งคืนกับสองประเทศสองเมือง ตั้งแต่หอคอยอารธรรมยันปาร์ตี้เท้าเปล่าริมทะเล ได้สองบรรยากาศสองอารมณ์ ขอบคุณที่โรงแรมที่ซานมาริโน๊(เสียงสูง)เต็มด้วย
Create Date : 15 สิงหาคม 2559 |
Last Update : 29 ธันวาคม 2562 22:45:49 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3212 Pageviews. |
|
|