BlogGang.com : : Thaisoloclub : อิตาลี : เกาะเถื่อนเยือนหนสอง

อิตาลี : เกาะเถื่อนเยือนหนสอง

มาเที่ยวเกาะซิชิลีเป็นครั้งที่สองในรอบสองปี ต้องมาซ้ำเพราะพวกเราโหวตสถานที่ท่องเที่ยวหน้าร้อนริมทะเลสำหรับเที่ยว 3 วัน 2 คืนกัน เกาะซิชิลีได้คะแนนเสียงโหวตมากที่สุดอยู่ดี สำหรับผมที่ยอมมาซ้ำเพราะ 2 เหตุผลหลัก อันแรกคือเกาะซิชิลีกว้างไกล มีอีกหลายเมืองที่เรายังไม่ได้ไปกัน รวมทั้งภูเขาไฟเอทน่า (Etna) ที่พี่ๆ สัญญาว่าจะพาไปปีนด้วย และอีกเหตุผล คือ การมาซิชิลีต้องเดินทางด้วยเครื่องบินทำให้รู้สึกว่าได้ออกมาต่างจังหวัดไกลๆ สำหรับพักผ่อนวันหยุดยาวจริงจังเสียหน่อย

ออกเดินทางจากสนามบินโรมไปยังเมือง Catania ครั้งที่แล้วไปลงเมือง Palermo อยู่คนละฝั่งห่างกันตั้ง 200 กม.

สนามบิน Catania ไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่ก็ยังใหญ่กว่าสนามบินทางเหนือของอิตาลีอีกหลายแห่ง อาจเนื่องมาจากเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญทางใต้ และไม่มีรถไฟด่วนวิ่งถึง เครื่องบินและสนามบินจึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษ

เช่ารถกันเหมือนเดิม เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางที่มีจุดแวะเที่ยวยาวเหยียด พวกเราสบาย แต่คนขับสบายหรือเปล่าไม่รู้ แกได้แต่บอกว่า ไม่เป็นไร พี่ชอบขับรถ เข้าทางเลยครับ

เป้าหมายแรกไม่ใช่ที่พัก แม้ว่าจะบินออกจากโรมกันมาแต่เช้าก็ตาม ความง่วงไม่ใช่อุปสรรคในเวลานี้ เป้าหมายแรก คือ เมือง Enna

ความพิเศษ คือ เป็นเมืองเอกของจังหวัดเล็กๆ ซึ่งชื่อ Enna เหมือนกัน แต่มีความสูงที่สุดในอิตาลี ประมาณเกือบ 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

เนื่องจากตั้งอยู่บนยอดเขาลูกเดี่ยวท่ามกลางที่ราบ ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศทาง

อากาศดีมาก แดดจัด ลมพัดเย็น มองเห็นภูเขาไฟ Etna ไฮไลท์ที่สำคัญของทริปนี้

ระหว่างทางจากที่จอดรถไปในเมือง เดินทางเท้ากันประมาณ 20 นาที ได้แวะถ่ายรูปตึกสวยๆ

และโบสถ์ประจำเมืองกันพอสมควร

มีนักเรียนเด็กน้อยมาทัศนศึกษาด้วย ทักพวกเราว่าเป็น cinese (คนจีน) กันเกรียวเลย

เราทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง Enna

ช่วงบ่ายขับรถต่อกันไป Scala dei Turchi (บันไดของชาวตุรกี) อยู่เมือง Agrigento ซึ่งเราเคยมาเที่ยวซากฟอรั่มโบราณเมื่อครั้งที่แล้ว ครั้งนี้แค่ผ่านๆ เพราะเป้าหมายที่เราตั้งตารอ คือ บันไดตุรกี ซึ่งเลยไปอีกพอสมควร

ถึงแล้วมีป้ายบอกชัดเจน สังเกตว่าจะมีรถจอดริมถนนเต็มไปหมด ทั้งๆ ที่จากถนนดูเหมือนไม่น่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอะไร

เดินตามป้ายบอกทางลงบันไดไปหน้าหาด

แล้วก็จะพบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

หน้าผาหินปูนขนาดใหญ่ ถูกธรรมชาติลูบไล้จนกลายเป็นขั้นบันได

มีป้ายห้ามเข้า มิฉะนั้นจะถูกปรับ แต่ไม่สามารถห้ามปรามนักท่องเที่ยวได้ แถมไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอีกต่างหาก

เข้าไปใกล้เป็นหินปูนสีขาวขั้นบันไดสวยงาม สมกับชื่อบันไดตุรกี

สวยกว่าบันไดสเปนที่โรมเสียอีก ธรรมชาติล้วนๆ

สีขาวสะท้อนแดดสวยงาม แต่ผมสังเกตว่ามีส่วนที่ถล่มลงมาหลายจุด เพราะหินปูนไม่ใช่หินเนื้อแข็ง เจอลมเจอน้ำเซาะทุกวันคงแย่ ขออย่าให้ถล่มใส่นักท่องเที่ยวก็พอ

แต่ถ้านักท่องเที่ยวมือบอนแบบนี้ ให้ธรรมชาติลงโทษเสียบ้างก็ดี

สักพักใหญ่ก็เดินทางไปยังที่พักเราจองเอาไว้ที่เมือง Siracusa

บ้านหนึ่งหลัง สามห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว

3 ครอบครัว แบ่งไปคนละ 1 ห้องนอน ไม่ต้องมีใครนอนฟังใครกรน

ว่าด้วยเรื่องอาหาร มาเมืองทางใต้สบายใจว่าอาหารผมสู้ได้แน่นอน

ไม่มีชีส ไม่เนย ไม่เลี่ยน เน้นสั่งอาหารทะเลสดๆ แถมรสชาติเข้มข้น ไม่เค็มนำอย่างอาหารบ้างแคว้นด้วย

สามวันที่มาไม่จำเป็นต้องพึ่งร้านอาหารจีนเลย

ท่านใดเป็นโรคติดอาหารไทย กินชีสไม่ได้ กินซอสมะเขือเทศไม่เป็น แนะนำลงมาเที่ยวทางใต้ครับ ถึงไม่สะใจเท่ากินอาหารไทย แต่ก็รอดมาได้ทุกมื้อครับ

เมือง Siracusa หรือ Syracuse ในภาษาอังกฤษ เป็นเมืองเก่าอายุ 2,700 ปี

เคยรุ่งเรืองเป็นเมืองทรงอำนาจเมืองหนึ่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เป็นบ้านเกิดของนักคิดคำนวณคนสำคัญอย่าง Archimedes

เป็นเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO

มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน เรื่อยมา

และเป็นเมืองที่มีส้มเลือดอร่อย เรามาหน้าส้มเลือดออกพอดี

ซื้อกินกันในตลาดเช้าจนหนำใจ จนรู้สึกว่าวิตามินซีแผ่ซ่านไปทั่วรางกาย

การเดินทางไปยังภูเขาไฟ Etna ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่สูงที่สุดในยุโรปสามารถขับรถขึ้นไปได้ ใช้ GPS นำทางเอา ไม่ยากเย็นอะไร

เนื่องจากเป็นภูเขาที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่โดยรอบจำนวนมาก

การขึ้นไปยัง Etna จึงทำได้หลายเส้นทาง

มีหลายอ็อพชั่น อยากทำกิจกรรมอะไร อยากออกแรงมากน้อย ก็สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม

เนื่องจากมีเวลาน้อย เราจึงเลือกที่จะขึ้นไปแค่ระดับแรกของ Etna เท่านั้น

เป็นจุดที่รถขึ้นมาถึง มีร้านอาหาร โรงแรมที่พัก และจุดสันทนาการต่างๆ

เราเดินถ่ายรูปตาม Crater ต่างๆ ในบริเวณนี้

มีอยู่สองสามแห่ง นักท่องเที่ยวอาวุโสสามารถเดินขึ้นลงปล่องบริเวณนี้ได้สบาย

ถ้าอยากออกแรงมากกว่านี้ก็สามารถเดินไปยังปล่องที่อยู่สูงขึ้นได้

แนะนำว่าให้ชัวร์ว่าท่านอยากขึ้นหรือขึ้นไหวจริงๆ

เพราะเมื่อท่านเดินขึ้นไปแล้ว จะเดินถอยหลังลำบาก จะขึ้นหรือลงก็แย่พอๆ กัน

เพราะหินภูเขาไฟเป็นกรวดละเอียด จะย่างขึ้นหรือย่างลงก็ต้องทรงตัวดีๆ

แต่วิวบนปล่องที่ดับแล้ว สวยงาม ดูแล้วสบายตา

นั่งพักขาถ่ายรูปสักพัก อากาศดีไม่ร้อน คือ ไม่รู้สึกร้อนแต่รับรองว่าดำได้ใจ

เพิ่งมาค้นพบความลับตอนขาลงว่า มีทางเดินให้เดินสบายๆ ไม่ต้องไปลุยกรวดให้เมื่อยส้น อย่างน้อยก็ได้เดินลงสบายกว่าตอนเดินขึ้น

หลังจากตะลุยเดินภูเขาไฟแล้ว เรามาเดินเล่นทอดน่องต่อที่เมือง Noto

เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก

มีถนนหลักเดินชมตึกเก่าๆ ในเมือง

มีร้านอาหารและร้าน gelato สองข้างทาง

ซื้อกินตอนอากาศร้อนๆ หวานเย็นชื่นใจ

มีสิ่งปลูกสร้างจำพวกโบสถ์อยู่บ้าง พอให้ได้ถ่ายภาพได้อีกหน่อย

นอกจากมาเดินเล่นพักขา ดูข้าวของ และถ่ายภาพสถาปัตยกรรมบาโรกแล้ว เมือง Noto ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ

สำหรับสถานทีท่องเที่ยวทางโบราณคดีที่เราได้เยี่ยมชมใน Siracusa ได้แก่ ซากโรงละครกรีกโบราณ

เป็นโรงละครกรีกที่มีที่นั่งมากสุดถึง 67 แถว

ตอนเราไปเขากำลังปิดปรับปรุงหรือเตรียมจัดคอนเสิร์ต

เราจึงไม่ได้เห็นโรงละครแบบไม่มีอะไรปิดบัง

ซากอัฒจันทร์โรมันโบราณ

มีทางเดินให้เดินชมความสวยงามโดยรอบ

นักโบราณคดีบอกว่าสลักขึ้นจากหินที่มีอยู่เดิม

เป็นลักษณะหินที่สโลปเป็นทางชัน คนสมัยก่อนก็สลักเข้าไปในหินนั้น

สภาพอาจดูไม่ชื่นตานัก เพราะสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ได้พังทลายไปเกือบหมดตามกาลเวลา

และถ้ำรูปหูของเทพเจ้าไดโอนิซุส เป็นการขุดช่องเข้าไปในหิน

เชื่อว่าวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งของการขุดถ้ำนี้เพื่อใช้เป็นคุก

ด้านในมืดและเพดานสูง

ผู้ที่ถูกจองจำอาจถูกทรมานให้ดมขี้ค้างคาวจนตาย กลิ่นแรงมาก

ครึ่งวันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับ เราได้เที่ยวเมือง Catania ซึ่งก่อนนี้ได้แต่เฉียดไปเฉียดมาอย่างจริงจังเสียที

เนื่องจากเป็นเมืองเอกของจังหวัดชื่อเดียวกัน จึงมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของเกาะซิชิลีรองจากเมือง Palermo

ในเมืองมีคนอยู่อาศัยประมาณ 3 แสนคน

ในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยเจอฤทธิ์แผ่นดินไหวและภูเขาไป Etna ระเบิดหลายครั้ง

แต่ก็ยังอยู่มาได้จนถึงตอนนี้

เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองสวยงามหลายแห่ง

เนื่องจากมีเวลาเหลือจึงได้เข้าชมนิทรรศการ Henri de Toulouse-Lautrec

ซึ่งมาจัดแสดงที่เมือง Catania พอดี

ยอมรับว่าไม่รู้จักศิลปินฝรั่งเศสคนนี้มาก่อน

แม้จะเรียนวิชาโทภาษาฝรั่งเศส

แต่พอเห็นส่วนหนึ่งของผลงานที่นำมาแสดงก็พอคุ้นหูคุ้นตาขึ้นมาบ้าง

แกดังสมัยปลายศตวรรษที่ 19 ผมเกิดไม่ทัน

Create Date : 16 มิถุนายน 2561

Last Update : 20 กรกฎาคม 2561 19:38:34 น.

0 comments

Counter : 1444 Pageviews.