ชีวิต 1 ปีใน Bay Shore, New York, USA ของ aupair ตัวน้อยๆ
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
27 พฤศจิกายน 2549
 
 

Part 17# Nov 4-5, 2006 เที่ยวไปใน Washington D.C.

ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 4 - วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2549 (กว่าจะเริ่มเขียน เกือบจะข้ามเดือนแล้วตรู ขยันตัวเป็นขนเลย)

เอาอีกแล้วค่ะคราวนี้ มีเรื่องตั้งแต่ตื่นเลย

ต้องไปขึ้นรถบัส แถว Madison Square กับ 34th St. รอบ 9.00 น. ก็ต้องไปขึ้นรถไฟที่ Babylon รอบ 6.43 น.

ก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 5.30 น. ตอนเช้า แต่ว่า ตายแล้ว โอ้วแม่เจ้า ตั้งนาฬิกาปลุกผิด ตั้งเป็น 5.30 น.ตอนเย็น แถมเลื่อนไม่สุด ยังไม่ลงล็อคให้ปลุก ยังไงมันก็ไม่ปลุก

John มาปลุกตอน 6.30 น. บอกว่าต้องไปแล้วนะ เหลืออีก 10 นาทีแล้ว รถไฟจะออกแล้ว

โอ้ว ตายแล้ว รถไฟรอบ 6.43 น. ห่างไปประมาณ 10 นาที ตอนนี้ 6.30 น. ตรูเพิ่งตื่น ทำไงดีฟะเนี่ย

รีบวิ่งไปชิ๊งฉ่องในห้องน้ำ ให้ตื่นก่อนเลย ฟันเฟินก็ไม่ได้แปรง วิ่งกลับมาที่ห้องนอน เปลี่ยนเสื้อผ้า อ้าว เวรแล้วตรู เสื้อที่ว่าจะใส่ไปไหนนนน ไปดูในกระเป๋าที่จัดไว้ซิ เวรๆ เมื่อคืนมึนหรือไงฟะเนี่ย เอาเสื้อที่จะใส่ไปเก็บไว้ในกระเป๋า

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ คว้าเสื้อโคท ถุงรองเท้า กระเป๋าเป้ ลงมาข้างล่างเสร็จ ก็ไม่วายที่จะคว้าถุงขนมในตู้ไปด้วย ออกจากบ้านประมาณ 6.35 น.ได้ โอ้ว โห ทำได้ไงฟะเนี่ยตรู 5 นาที พร้อมออกจากบ้าน

ตอนแรกตื่นขึ้นมามึนตื๊บเลย ทำไงดีฟะ ไปมันทั้งชุดนอน หรือว่าไปรถไฟอีกรอบดี แบบไปเสี่ยงเอา

John เห็นว่าสายแล้ว เลยถามมีตั๋วยัง ก็บอกยังไม่มี เลยใจดีให้ตั๋วแบบ 10 เที่ยวมาให้ใช้ด้วย ย้ำนัก ย้ำหนา ใช้แล้วอย่าทิ้งนะ เหลืออีก 7 เที่ยวได้มั๊ง(เงินไม่ต้องจ่ายคืนก็ได้ แต่ตั๋วเอากลับมาด้วยนะเฟ้ย)

สบายเลย ไม่ต้องวิ่งไปซื้อตั๋วละ พออยู่บนรถก็จัดการเปลี่ยนรองเท้า จากรองเท้าแตะมาใส่ถุงเท้า รองเท้าหนังซะ ใส่เสื้อโค้ท แต่พอลงจากรถ นึกว่าตัวเองใส่เสื้อผิด (แบบว่านึกว่ามันจะติดเข็มขัดนิรภัย แบบว่างงจัด) ก็เลย ถอดอีก (เสียเวลาอีกตรู) ขนสัมภาระลงจากรถอีก John ก็บอกว่าเดี๋ยวจะรอจนรถไฟออกแล้วกัน(สงสัยเผื่อตกรถสถานีนี้ ได้พาไปสถานีถัดไป)

ลงจากรถได้ก็วิ่งเลย วิ่งขึ้นชั้นบนไปรอรถไฟ ตอนนั้นยังไม่ถึงเวลา 6.43 น. หรอก แต่พอขึ้นมา เห็นมีรถไฟจอดอยู่ ข้างที่จะขึ้น แถมใกล้เวลาแล้ว ประตูก็ปิดแล้ว ตรูก็ไม่คิดอะไรเลย ไม่ดูคนรอบข้างด้วย คิดอย่างเดียวตกรถแล้วเหรอเนี่ย ไม่ได้นะ ก็เลยวิ่งไปกดมันทุกปุ่มที่อยู่ตรงประตรูรถไฟเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยหันกลับมาเลย What should I do? เงียบ ไม่มีการตอบกลับจากคนที่มายืนรอ มีแต่เสียงหัวเราะกลับมา

ก็ไม่ให้เค้าขำกันได้ไงละ สงสัยอีนี่มันคงเมาขี้ตาแน่เลย รถเปล่า ไม่รับผู้โดยสาร(มันโชว์ว่า No Passenger) มันยังจะพยายามเข้าไปให้ได้อีก วิ่งขึ้นมาไม่ดูตาม้า ตาเรือเลย กร๊ากกกกกก ทำไปได้ ก็เลยโทรไปบอก John ว่าอันที่ผ่านไปรถเปล่า เดี๋ยวรถที่จะไปก็คงมา คุยๆ อยู่ มันก็มาพอดีเลย กว่าจะเข้าไปนั่งในรถได้ ก็อย่างเหนื่อยเลย นัดกับกุลไว้ ว่าเจอกันที่หัวขบวนนะ

แต่ว่าพอใกล้ถึง Merrick สถานีแถวบ้านกุล ก็จะเดินไปหัว แต่ว่าพอถึงตู้ 3 ดันเจอประตูพิเศษอีก เปิดไม่ได้อีก จะอะไรกันนักกันหนาฟะเนี่ย กุลโทรมา ก็เลย นัดกันใหม่ว่าเดินมาเข้าที่ตู้ 2 ละกัน เดินมาเจอกันพอดีเลย เฮ้อ ปลอดภัยแล้ว ยาฮู้

พอมาถึง Penn Station ก็ต้องเดินจาก 7 Ave. ตัดกับ 34th St. ไป Madison Square ตัดกับ 34th St. ก็เดินหนาวกันไปเลย มาถึง รถก็ยังไม่มาเลย อากาศก็หนาวโคตรๆ กว่ารถจะมาก็อีก 10 นาทีถัดมา (แต่ว่าต้องมารถรถก่อนเวลา 30 นาทีนะ) ขึ้นไปคนแรกเลย

ขาไปรถว่าอย่างแรง หลายๆ คนนั่ง 2 เบาะ 1 คนเลย ถึงจุดหมายประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ได้ ก็ต้องเดินไปหาที่พัก ไกลเหมือนกันนะเนี่ย เดินกันขาลากเลย มาเห็นที่หลังว่ามี Metro อยู่ไม่ไกลที่พัก (Metro ของที่นี่คือรถไฟได้ดินนะ อเมริกาเหมือนกัน จะเรียกให้มันให้กันก็ไม่ได้นะ NY: Subway, DC: Metro)

คราวนี้พักที่ Hostelling International Washington, D.C
พอเชคอินเสร็จ ก็เข้าห้องไปจัดเตียงก่อน เดี๋ยวกลับมาแล้วจะขี้เกียจจัด ค่าที่พักวันศุกร์-เสาร์ คิด 26 เหรียญ วันอื่นๆ 24 เหรียญ มีเซอร์วิสชาร์จ อีก 2 เหรียญ แถมไม่มีบัตรสมาชิก เก็บเพิ่มอีก 3 เหรียญ รวมเป็น 31 เหรียญ แพงเหมือนกันนะเนี่ย ตอนไปแคลิฟอเนีย แพงสุดแค่ 27 เอง แต่ช่างเหอะ จองด่วนก็เงี๊ยะ ไม่ได้วางแผนดีๆ

จัดของเสร็จ ออกจากที่พักก็เกือบ 3 โมงเย็น ตอนแรกงว่าจะเดินไปหาอะไรกินกันก่อน (อยู่บนรถแย่งกุลกินแซนวิชไปหน่อย ตอนแรกว่าจะอุ่นข้าวผัดมากิน ดันตื่นสายซะ)

แต่ดันเดินไปเจอ mithsonian National Museum of Natural History ก็เลยเปลี่ยนแผน เดินดูที่นี่ก่อนแล้วกัน แล้วค่อยไปหาอะไรกิน ตอนแรกนึกว่าเล็กๆ เดินไป เดินมา ทำไมมันไม่หมดซะทีฟะเนี่ย ท้องก็เริ่มร้อง จ๊อกกกกก

ที่นี่ใหญ่มากเลยอะ มีสารพัดเลย คน, สัตว์ - ไดโนเสาร์, หิน ดิน - เพชร พลอย, อากาศ - อวกาศ โอ้วแม่เจ้า ออกมาจากที่นี่ก็ตอน 5.25 น. ได้ ขนาดหลังๆ เดินแบบไม่เก็บรายละเอียดแล้วนะ หลังจากเดินน้ำลายหกไปเยอะ แถวบริเวณพวกเพชร พลอย ก็ทำมาเป็นเครื่องประดับ วิบๆ วับๆ ชวนตาลายกันเลยนิ

มาหาอะไรกินแถว Chinatown ที่นี่มีร้านอาหารจีนเยอะมาก เยอะจนเลือกไม่ถูก แต่กินไป 2 ร้าน (ไม่ได้กินพร้อมกันนะจ๊ะ) ไม่อร่อยทั้งคู่ ราคาก็แพงกว่าที่ NYC อีก

กินรอบแรกแล้วเหลือไง กินปลาผัดพริก และก็เป็ดกับไก่ย่าง ตามเมนูมันบอกหนังกรอบ แต่พอมาจริงๆ ไม่ได้เรื่องเลย ไม่กรอบ แถมเหม็นสาบอีก เหลือปลามาครึ่งตัวได้ เป็ดกับไก่ก็เหลือเกินครึ่ง แต่เอาแค่ปลากับที่พัก (ด้วยความงก ปลา 16 เหรียญได้นะเนี่ย) รวมมื้อนี้ 2 คน 40 เหรียญ แพงโคตรๆ แถมไม่อร่อยอีก ถ้าอร่อยจะไม่ว่าอะไรเลยนะเนี่ย ถึงแพงก็เหอะ แต่นี่...

ทีนี้พอมีปลา แต่ไม่มีข้าว ก็ต้องลำบากไปหาข้าวอีก ก็เลยไปซื้อข้าวอีก แล้วซื้อข้าวอย่างเดียวใครมันจะขาย ไม่ได้อยู่แถวบ้านที่ไทยนะ ป้าๆ ซื้อข้าว 5 บาทจิ

ก็เลยลำบากต้องไปหาซื้อข้าวอีกร้านนึง ซื้อชุดคอมโบ เป็นข้าวผัด (ข้าวผัดจริงๆ ผัดกะซีอิ๊วดำ) กับกุ้งเปรี๊ยวหวาน (กุ้งดันชุปแป้งด้วย พออุ่นกินตอนเช้า เซ็งไปเลย) แล้วก็ให้สปริงโรลมาอัน หมดไปอีก 10 เหรียญนิดๆ รสชาติห่วยแตกพอกัน (ซื้อตอนเลิกทริป ที่กำลังจะเล่าถัดไป)

กลับมาที่เรื่องหลังจากกินข้าวรอบแรกเสร็จก่อนดีกว่า กินข้าวเสร็จก็เดินดูอะไรแถวนั้นหน่อย แล้วทีนี้ ที่ๆ พักเค้ามีจัดทัวร์ไป Dupoint Circle กันตอน 8.00 น. เรากับกุลก็ลงชื่อไว้แล้ว (แบบว่าของฟรีอะ เลยไม่พลาด) ก็เลยต้องรีบกลับกัน ใกล้เวลามากๆ แล้ว เลยหารถเมลล์นั่ง ขึ้นไปก็ไม่รู้เลยนะ ว่าผ่านป่าว ขึ้นไปถามเอา ถามปุ๊บ ยังไม่ทันได้นั่งเลย จ่ายตังค์เสร็จ ถึงจุดที่ต้องลงแล้ว(แต่ว่าไม่ใช่ว่าใกล้ที่พักเลยนะ ต้องเดินไปอีกพอควรเลย)

กลับมาถึงที่พัก ก็เอาของมาเก็บ จะได้เดินสบายๆ มาเอาหมวก เติมน้ำ เก็บปลาครึ่งตัวที่เหลือมาซะ(เก็บไว้ในห้องก่อนอะ ขี้เกียจลงมาชั้น 2 แช่ตู้เย็นอีก เดี๋ยวตกทริป)

แต่ทัวร์นี้ ชวนผิดหวังอย่างแรง พาไปตอนกลางคืน ไปดู Dupoint Circle ก็เหมือนอนุเสาวรีย์ทั่วไป แล้วมาดูตอนกลางคืน จะเห็นอะไรเนี่ย จากตรงนี้ก็ไปแถวพวกแมนชั่น ที่สวยๆ แต่มืด มองอะไรไม่ชัด ดูแต่พวกแมนชั่น สวยๆ แพงๆ เป็นหลัก น่าจะเรียกว่าไปดูแมนชั่นมากกว่า ปิดท้ายด้วยการพาไปผับ แต่ผับก็ห่วยอย่างแรง (เดินผ่านผับหรูๆ ด้วยนะ หรูจริงๆ ใส่แต่สูท กับชุดแซ้ก เหมือนอยู่ในงานอะไรเงียบๆ มากกว่ามาผับ) ผับออกแนวคันทรีมากๆ เหม็นบุหรี่ด้วย แถมเปิดเพลงอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะมีใครเต้นอะไรเลย

เข้าไปได้ไม่ถึง 5 นาที ก็ออกมากัน 2 คน ตกลงกะกุลว่าไป Chinatown ดีกว่า ไปเดินเล่นแถวนั้น แล้วก็ซื้อข้าวกับที่พัก

กลับมาก็ใช่ว่าจะนอนกันเลยนะ มาเจอเพื่อนกุลชาวบราซิลที่เป็นออแพร์เหมือนกัน มาอบรมพร้อมกัน ก็นั่งคุยกันอีก คุยกันเสร็จ ไปอาบน้ำอีก กว่าจะนอนก็ 1.30 น.ได้

วันรุ่งขึ้น ตื่นมาปุ๊บ ก็เตรียมตัวเก็บข้าวของ เสร็จแล้วก็มาอุ่นอาหารกิน ดูเป็นเรื่องเป็นราวมากเลยอะ คนอื่นเค้ากิน Begel หรือมาม่า หรือขนมปังกัน 2 คนนี้ อุ่นปลา อุ่นข้าวผัด อุ่นกุ้งผัดเปรี้ยวหวานกิน

มีพวกหนุ่มฝรั่งเศสกลุ่มใหญ่ มันก็หันมามองแล้วก็หัวเราะกันใหญ่ มีทำทีเดินผ่านแล้วแอบมองด้วยนะ อยากรู้มากว่ากินอะไร มองเสร็จก็หัวเราะกันอีก แย่มาก ไม่หล่อแล้วยังนิสัยแย่อีก

กินกันก็ใช่ว่าอร่อยนะ ปลาผัดก็เป็นซอสแดงๆ เผ็ดๆ หวานๆ กุ้งก็ชุปแป้ง แป้งมากกว่าตัวกุ้งอีก หวานๆ อีก ข้าวผัดก็ข้าวคลุกซีอิ๊ว กินกันได้เลอะเทอะมากๆ

กินอาหารเช้ากันเสร็จ ก็มาไปเดินดูแผนที่ใหญ่ในที่พักกัน ว่าจะไปไหนกันต่อดี

ก็เดินไป หลงไปหลงมา จนมาถึงบ้านขาว : WHITE HOUSE ตอนแรกไปงมแถวส่วนของ White House Visitor เข้าไปแล้วงงเลย มีแต่รูปภาพ แล้วก็จานชามที่ใช้ในงานต่างๆ ก็งงๆ เอ๊ะ ทำไมไม่เห็นเหมือนที่เคยได้ยินมาเลยฟะ

สีก็ทึมๆ ไม่เห็นขาวเหมือนชื่อเลย ไปเข้าห้องน้ำดีกว่า จะได้เหมือนว่ามาถึงที่ ต้องเข้าห้องน้ำด้วย กร๊ากก

พอออกมาจากที่นี่ก็ดูแผนที่ที่ John ให้มาต่อ แต่ก็ยังหลงเหมือนเดิม จากนี่ก็ไปผ่าน Aquarium แต่ว่าไม่ได้เข้าหรอก เสียตังค์ ไปที่อื่นดีกว่า อิอิ

จากนั้นก็ไป Washington Monument ตรงนี้ผ่าน National Mall ด้วย ตอนแรกจะเดินไป Lincoln Memorial กับ Vietnam Veterans Memorial และก็ Korean Memorial ต่อ

แต่ว่ามาเห็นทางไป WHITE HOUSE ตัวจริง ซะก่อน เลยเปลี่ยนใจ เพราะมันอยู่คนละด้านกันเลย เวลาก็มีน้อย ขาก็ระบมไปหมดละ (ระบมจากการเดินหลงเนี่ยแหละ เป็นส่วนใหญ่)

พอมาถึง WHITE HOUSE ได้แต่มองอยู่นอกรั้ว เข้าไม่ได้นะ ถ้าจะเข้าต้องจองทัวร์ก่อนประมาณ 6 เดือนแนะ ก็ได้แต่ไปยืนถ่ายรูปนอกรั้ว เหมือนพวกนักข่าวแบบปาปารัสซี่เลย

จากนั้นก็ผ่านไปแถว The US Capitol Building ต่อ แต่ว่าเดินยังไง มันก็ไม่ถึงซะที เหมือนอยู่ใกล้ๆ นะ แต่เดินเข้าไปใกล้ยังไง มันก็ใกล้เท่าเดิม งงมะ กร๊ากกกก เลยเปลี่ยนใจ นั่ง Metro ไป The Pentagon กัน แต่พอมาถึง เห็นแต่รถเมลล์ กะเหลี่ยมของตึกแค่ 2 เหลี่ยม จะเดินออกไปไกลๆ เพื่อให้เห็น 3 เหลี่ยม จาก 5 เหลี่ยมก็ยังดี ดันติดรั้ว เดินต่อไปไม่ได้อีก เห็นได้แค่ 2 เหลี่ยม เซ็งเลย จริงๆ แล้วมันควรจะมองจากมุมสูงๆ มากกว่า มาถึง เข้าก็เข้าไม่ได้ หาทางเข้าไม่เจอ ขากลับเลยถ่ายรูปกับป้ายสถานีรถ Metro แก้เซ็งแทน จะได้รู้ว่ามาถึงที่นี่นะ อิอิ

เลยมากลับมาที่ Chinatown อีกรอบ ไม่เที่ยวที่เมืองไหน ก็ต้องมา Chinatown ของที่นั่นทุกทีเลย

ตอนนี้ก็ใกล้เวลากลับละ เลยมาหาอะไรกิน ซื้อของ แล้วก็เตรียมตัวกลับบ้าน มื้อนี้กินแซนด์วิซในร้านอาหารเม็กซิกันมั๊ง ดูแล้วไม่เหมือนของอเมริกัน ก็อร่อยดี อย่างน้อยก็ดีกว่าอาหารจีนแหละว้า

ขึ้นรถรอบ 5.30 น. ตอนแรกว่าจะนั่งคนละ 2 ที่นั่งซะเลย เห็นขามาว่างดีนัก แต่ผิดแผนอย่างแรง ขากลับแวะรับคนตลอด แวะจนเต็ม จนจะล้นอยู่แล้ว รับมันเรื่อยเลย

กว่าจะมาถึง NYC ก็ 10.20 น. ต้องขึ้นรถไฟรอบ 10.29 น.(รถด่วน) หรือ 10.32 น.(รถธรรมดา จอดทุกป้าย) วิ่งกันขาขวิดเลย หนาวก็หนาว วิ่งจาก 31th St. ไป 34th St.

แถมพอมาถึงรถ 10.29 น. ออกไปแล้ว แต่ไม่รู้ นึกว่าตัวเองนั่งรถด่วน พอนั่งๆ ไป อ้าว ไหงมันจอดทุกป้ายฟะ บอกให้ John มารับรอบรถด่วนด้วย ให้มารับตอน 11.25 น. มาถึงจริงๆ 10.50 น.ได้ เวรกรรม

กลับมาถึงบ้าน เหนื่อยชะมัดเลย ขากับเท้านี่เดี้ยงไปเลย ตอนแรกกะว่าจะไม่อาบน้ำนอนนะ แต่ว่าอาบดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นเช้ามาทำงาน ก็ตื่นมาอาบน้ำไม่ทันแน่ๆ

วันรุ่งขึ้นต้องนอนเอาขาแช่น้ำอุ่นถึงค่อยดีขึ้น แต่ก็ดีนะที่ได้มา บ้านเมืองที่นี่สวยดี ตึกเค้าสร้างแบบมีศิลปะ ตึกสวยไปหมด จนงงว่าที่ไหนเป็นที่เที่ยว ที่ไหนเป็นตึกอื่นๆ ไม่ใช่แบบเหลี่ยมๆ คนที่นี่ก็น่ารักดี เสนอตัวถ่ายรูปหมู่ให้เลย ไม่ต้องไปร้องขอ สงสัยคงคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวดี

จบไปอีกหนึ่งทริป หมดไปกับทริปนี้ประมาณ 120 เหรียญ รวมค่ารถไฟ ไป-กลับบ้านด้วย เฮ้อ




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2549
2 comments
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 10:09:00 น.
Counter : 355 Pageviews.

 

ขำตอนไปกดปุ่มรถที่เค้าไม่รับคนอ่ะ ถ้าเราไปอยู่แถวนั้นคงขำกลิ้งกระจายแน่ๆเหมือนกัน ทำไปด้ายยย.....คนเราอ่ะนะ

 

โดย: midori-jp 27 พฤศจิกายน 2549 15:14:46 น.  

 

ขำตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ ทำไปได้ไง ด้วยอารมณ์ตอนนั้นมันพาไป อิอิ

 

โดย: grapekmitl (grapekmitl ) 8 ธันวาคม 2549 12:30:49 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

grapekmitl
Location :
Bay Shore, New York -- กรุงเทพฯ United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาใช้ชีวิตเป็น aupair ใน Bay Shore, New York 1 ปี ก็อยากจะบันทึกเก็บไว้กันลืม ถ้าไม่ขี้เกียจนัก ก็จะมาเล่าต่อ ปกติไม่เขียน Diary เลยอะ แบบว่า...
[Add grapekmitl's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com