ชีวิต 1 ปีใน Bay Shore, New York, USA ของ aupair ตัวน้อยๆ
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 มกราคม 2550
 
 
Part 21# Dec 22-24, 2006 ดันด้นไป Boston

22 -24 ธันวาคม 2549

ดันด้นไป Boston

เนื่องจากว่าไอ้พอ ได้วันหยุดยาวจากโฮสต์ 2 อาทิตย์ ก็เลยตะลอนเที่ยวไปเรื่อย ใครว่างก็ไปแจม แล้วพอดูตารางท่องเที่ยวของไอ้พอเห็นมีวันที่ตรงกับเสาร์ อาทิตย์ เลยขอไปร่วมแจมเต็มที่ ปรากฏว่าช่วงนั้นไป Boston อ่า น่าสนใจอย่างยิ่ง เตรียมตัวเลยดีกว่า

จากนั้นก็ใช้เวลาเตรียมตัว เตรียมใจก่อนไป 2 วัน เริ่มจาก ก่อนอื่นก็ต้องขอโฮสต์เลิกงานวันศุกร์เร็วนิดนึง จากปกติเลิกบ่ายโมง ก็ขอเลิกเที่ยงวันซะ จากนั้นก็ขอให้โรสไปส่งที่สถานีรถไฟ ดูตารางรถไฟ จุดขึ้นรถบัส จุดขึ้น - ลง subway จองรถทัวร์ (ไปรอบ 14.00 น. ค่ารถทัวร์ 15.75 เหรียญ) เรียบร้อย พร้อมไปแล้วจ้า

พอวันศุกร์ โรสก็มาบ้านประมาณ 11.35 น. เราก็เตรียมป้อนข้าวเด็ก เปลี่ยนผ้าอ้อมรอไว้เรียบร้อย แต่เจ้าโทนี่ดันมาอึซะงั๊น เลยต้องเปลี่ยนใหม่อีกรอบ โรสเลยเปลี่ยนให้แทน เราจะได้ขึ้นไปเตรียมตัว เตรียมของออกจากบ้าน

ออกจากบ้านประมาณ 11.45 ได้ ต้องไปขึ้นรถไฟที่ Babylon ตอน 12.06 น. แต่วันนี้เวลาช่วงกลางวัน รถมันดันติดซะอีก ปกติออกแต่ตอนเช้าตรู่วันเสาร์-อาทิตย์ ไม่เคยไปวันศุกร์ตอนเที่ยงๆ เลยได้เร้าใจซะเลย ว่าจะตกรถไฟมั๊ย แต่ก็ทัน โรสซิ่งให้ได้ใจเลย

พออยู่บนรถไฟ ดันปวดท้องอีก ปวดท้องปานกลาง ค่อนข้างหนักซะด้วย ซวยแล้วตรู ปวดตอนไหนไม่ปวด มาปวดเวลาเดินทาง แต่คงไม่เป็นไร เพราะรถไฟมาถึง Penn ตอนประมาณ 13.00 น. เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมงในการนั่ง subway และเดินไปจุดขึ้นรถ ทันน่า ก็แวะเข้าห้องน้ำใน Penn ซะ

วันนี้เป็นการนั่งรถไฟ และ subway คนเดียวเป็นครั้งแรก หลังจากที่นั่งกับกุลมา 2-3 ครั้ง กุลก็นำตลอด ก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ตัวเองเดินทางโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัย ไม่หลง ทันเวลา ก็พอได้นะ มองตามป้ายเอาอย่างเดียวว่าจะไปทางไหน ถือว่าสอบผ่านละกัน

ออกจากห้องน้ำเสร็จก็เดินออกนอกสถานี ต้องข้าม Macy's ไปเพื่อขึ้น subway สายสีส้ม สาย V หรือ F ก็ได้ ตอนออกจาก Penn ไปหา subway ก็หลงไป 1 รอบ เดินตัดผิดถนน จะตัดทาง Aveneu แต่ดันไปตัดทาง Street แต่ไหวตัวทัน ดีนะที่ถนนแต่ละบล็อคมันสั้น

เจอ subway แล้ว เย้ๆ ทีนี้ก็ต้องหาทางให้ถูกว่าจะไป Downtown / Uptown ทางที่เราต้องไปเป็นทาง Downtown ท่องไว้ เดินตามทางไป Downtown แต่ แว๊ก เดินไป ท่องมา ดันเลี้ยวไปตาม Uptown ซะอีก ต้องรีบวิ่งกลับไปให้ถูกทาง

อ่า รถมาแล้ว สาย V รีบขึ้นไปนั่ง นั่งปุ๊บก็ดูแต่แผนที่อย่างเดียวเลย ตรูต้องลงสถานีที่ 6 ที่ 2 AVE. นะ นั่งไปเกือบถึงจุดจะลง ดันมีประกาศอะไรไม่รู้ ฟังก็ไม่ค่อยทัน ฟังเหมือนจะต้องเปลี่ยนสาย หรือไงนี่แหละ เลยหันไปถามผู้ร่วมทางข้างๆ ท่าท่างเชี่ยว เค้าก็บอกนั่งขบวนนี้แหละ แต่เหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดกับอิชั้นซะงั๊นแหละ เอ่อเนอะ

ออกจาก subway มาได้ ก็มายืนนึกอยู่ ตรูจะขึ้นไปทางไหนดีเนี่ย มีทางออก 2 ทาง ทางไหนจะใกล้กว่าว๊า ก็มีหนุ่มตี๋ นักศึกษาน่ามล มาถาม จะไปไหนเหรอจ๊ะ กริ๊วๆ น่ารัก น่ากินซะด้วย เลยจิ้มแผนที่ให้ดูซะ เค้าก็บอกสถานีนี้จะแหละ เอ่อ ตรูรู้แล้วว่าสถานีนี้ แต่ตรูอยากรู้ว่าทางไหนใกล้ เค้าก็บอกทางไหนก็เหมือนกันแหละ เอ่อ ไม่ได้ช่วยอะไรในการตัดสิ้นใจเลย มั่วเองก็ได้ฟะ

มั่วถูกด้วยนะ ออกมาเจอถนน Chrytie St. ที่ต้องการพอดีเลย ต้องเดินไป 69 Chrytie St. แต่ตอนนี้อยู่ตรง 229 Chrytie St. จะเดินไปทางไหนดีฟะ พอถามทางสาวไป 2 สาวก็ไม่รู้เรื่อง จะถามตาลุงที่หิ้วของชำกลับบ้าน ก็เดินหนีไม่ตอบซะงั๊น ไม่มีน้ำใจเลย เอาแต่จะรีบข้ามถนนอย่างเดียว คนจีนด้วยนะเนี่ย ถามอีกคนที่ช่วยเปิดประตูให้คนขนของ เลยได้คำตอบมาว่า น่าจะไปทางนี้นะ เพราะที่ยืนอยู่นี่สุดสายถนนแล้ว

สรุปว่าต้องเดินจาก 229 Chrytie St. ไป 69 Chrytie St. ตอนนี้ก็ 13.40 น. แล้ว รถบัสรอบ 14.00 น. ซึ่งตามควรแล้วควรไปถึงก่อนเวลารถออกประมาณ 20 นาที ไม่งั๊นอาจไม่มีที่นั่งได้ แต่โอ้ว โน 13.40 น.แล้ว ตรูยังอยู่ตรงนี้เลย ต้องเดินย้อนไปอีกร้อยกว่าบ้านเลขที่ จะเรียกแท๊กซี่ ก็มีผู้โดยสาร จะทันมั๊ยเนี่ย ไม่มีทางเลือก ต้องจ้ำอย่างเดียว

เดินไปเกือบถึงละ โอ้ว แม่เจ้า เจอ subway สายสีส้ม สาย B กับ D ใกล้โคตรๆ ก็ตอนดูในแผนที่ ไม่รู้ว่า 69 Chrytie St. นี่มันอยู่ตรงไหนของถนน นี่หว่า เลยเมื่อยไป เป็นค่าโง่เลย ครั้งหน้าไม่มีพลาดแน่ ไม่เป็นไร ยังไงก็มาถึงแล้ว

ไปถึงรถ ก็เจอเจ้หมวยคุมรถอยู่ พอยื่นกระดาษตั๋วออนไลน์ให้ดู เจ้แกก็ส่งภาษาจีนใส่เลย ทำเอาน้องหมวยอย่างเรางงไปเลย ต้องบอกว่า เจ้ๆ หนูพูดจีนไม่ได้นะ เจ้ถึงได้ใจเย็นลง แล้วให้ข้ามไปฝั่งออฟฟิศ เพื่อแจ้งหมายเลขรถต่อ ได้คันที่ 1 แนะ พอกลับไปหาเจ้ เจ้แกถึงยอมให้ขึ้นรถดีๆ

เฮ้อ ได้ขึ้นรถซะที บรรลุเป้าหมายของการเดินทางไป 1 เปลาะละ ทีนี้ก็นั่งๆ นอนๆ สบาย + เมื่อย แล้วไปรอน้องพอที่ Boston

มาถึง Boston ตอน 1 ทุ่มได้ สถานีรถบัสที่นี่ใหญ่มาก มีหลายชั้นอีกตะหาก ไปรอไอ้พอ กว่ามันจะมารับก็ 2 ทุ่มได้ พี่โก้ขับรถมา แถมมีหลงอีก

เจอพอปุ๊บมันก็บอก อยากกินไร ไปแถว Quincy Market มั๊ย หรือจะไปแถว Chinatown ดี ก็บอกมันไปอะไรก็ได้ ก็เลยดั้นด้นไป Quincy Market แต่หลงจ้า หา Quincy Market ไม่เจอ

บอกคุณเพื่อนไปว่า อยากไป STAPLES ก่อนจบทริป เพราะจะไปซื้อ Portable Hard Drive ขนาด 6 Gig เพราะมันลดราคาถึงแค่วันอาทิตย์ (จบทริปวันอาทิตย์ ดังนั้นตรงซื้อที่นี่นะจ๊ะ) หลังจาก Rebate 35 เหรียญแล้ว เหลือประมาณ 33 เหรียญ คุณเพื่อนพอก็เลยพาหลงไปหลงมา จากจะไปกินข้าว เลยได้ซื้อของแทน อิอิ

หลังจากซื้อของแล้ว มาดูแผนที่อีกครั้ง ถึงได้รู้แจ้งว่า Quincy Market ก็อยู่แถวๆ ที่เราลงรถทัวร์นั่นแหละ ก็เลยไปเดินดุรอบๆ ตรงนั้นเพื่อหาอะไรกิน

Quincy Market เป็นตึกใหญ่ๆ ตึกหนึ่ง ข้างในมีร้านอาหารเหมือนใน Food Court แต่เราว่าจริงๆ แล้วเหมือนในโรงเรียนมากกว่า เพระตั้งติดกันเป็นแถวยาวๆ 2 ฟาก แต่จัดร้านได้ดูดีในพื้นที่ ที่มีจำกัด ที่นี่มีอาหารเกือบทุกชาติเลย มีร้านอาหารไทยด้วยนะ ราคารอาหารในนี้ ถ้าเทียบกับข้างนอกถือว่าถูกกว่ามาก

แต่ในนี้เป็นร้านแบบ To Go ใส่กล่องในนั่งกิน ตรงแถวโต๊ะกลางห้อง แต่ร้านก็ปิดเกือบหมดแล้ว ก็เลยเล็งไว้ว่า พรุ่งนี้แหละ ต้องมาให้ได้

เลยต้องกลับไปแถวๆ Chinatown มาถึงนี่ ร้านอาหารหลายร้านก็ปิดหนีไปเรียบร้อยแล้ว ไอ้พออยากกินอาหารเวียดนาม แล้วพอจอดรถ ก็เห็นร้านนึง

พอเข้าไปปุ๊บ ถามว่าปิดร้านเมื่อไหร่ เพราะเห็นมีคนนั่งกินอยู่โต๊ะนึง พนักงานสาวก็บอกปิดแล้วละ ไอ้พอกับพี่โก้ก็เลยเดินออก แต่เราออกหลังสุด เจ้าของร้านก็ถามพนักงานสาวว่ามีกี่คน เราก็เลยบอก 3 คน เค้าก็เลยบอก ได้เลย ขายต่อได้

ก็กินปอเปี๊ยะสดกันไป 2 จาน เป็นจานเรียกน้ำย่อย ต่างกันแค่หมูต้ม กับหมูทอด แล้วก็น้ำจิ้มถั่วลิสง กับน้ำจิ้มปกติ แค่นี้เอง

ตามด้วยเฝอ คนละชาม เรากับไอ้พอ ขอเล็กสุด พี่โก้นี่ขอใหญ่สุด เลยกินเกือบไม่หมดเลย กินเฝอไปก็ถูกสายตาเด็กเสิร์ฟ เจ้าของร้านกดดันไป (กินเร็วๆ นะเฟ้ย ตรูปิดร้านตั้งนานแล้ว)

พอออกมาจากร้านปุ๊บ เดือนเล่นไปอีกนิดนึง เจอร้านอาหารเวียดนามที่ยังไม่ปิดอีกตั้งหลายร้าน เวรกรรมมั๊ยละ แหม มีตั้งหลายร้านไม่เข้า จะเข้าร้านที่มันปิดเนี่ย

กินเสร็จก็กลับโรงแรมที่พักไปนอนพักก่อน

เช้ามาก็ออกประมาณ 9 โมงได้ ที่นี่มีบริการรถรับส่งจากที่พักไป Subway ตอนเช้าเค้าก็ไปส่งแถวๆ Airport Station ตอนแรกก็งงๆ เอ๊ะ ตรูจะไปยังไงเนี่ย นั่ง Subway กะนั่งให้คุ้ม เลยซื้อตั๋วแบบใช้ 1 วันซะเลย

จุดหมายแรกก็อยู่ที่ Quincy Market เลย เพราะตอนแรกเข้าใจว่ามีอย่างอื่นให้ทำอีก แต่พอมาถึงตอนเช้า ก็เหมือนแหล่งขายของทั่วไป คล้ายๆ ซุ้มตามห้างนะแหละ ก็เลยเบนเป้าหมายไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า คิดหาแต่ของกิน จนคิดกันว่าจะตั้งชื่อทริปเป็น "ทริปกิน" กันแล้ว

ได้ของกันกันมาคนละอย่าง พอกินไก่เทริยากิ เรากินอาหารไทย ปลาทอดราดพริก (ขอแซ่บๆ เลยนะป้า) พี่โก้กิน Lobster เป็นอาหารเช้า หลังจากที่คร่ำครวญไว้ว่าเย็นนี้ต้องไปหา Lobster ก็ไม่ต้องละ ได้อาหารครบกันทุกคนแล้วก็เอาขึ้นไปนั่งกินข้างบน จะได้ส่วนตัวหน่อย เพราะ Lobster พี่โก้เนี่ย เรียกร้องความสนใจชาวบ้านให้มองเยอะเหลือเกิน

กินเสร็จแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึง Faneuil Hall มาถึงแล้ว ที่นี่ก็เป็นที่สำหรับขายของข้างในตึก ออกแนวย้อนยุค ประมาณนั้นแหละ แต่ไม่ใช่ว่าใส่เสื้อผ้าย้อนยุค แล้วมานั่งขายนะจ๊ะ

ไปต่อกันที่ the Freedom Trail อันนี้ มาถึงแล้ว แต่ก็เข้าไปข้างในไม่ได้ มันปิดค่า มาช่วงหยุดยาวปีใหม่ก็แย่อย่างนี้แหละ เลยได้แต่ดูข้างนอก ตาปริบๆ

ไม่เป็นไร ชีวิตต้องก้าวต่อไป ไป beacon hill เลย มานี่ก็ไม่มีอะไร ออกแนวเดินชมเมือง กลางสายฝนปรอยๆ อย่างเดียว ยังกะเล่นมิวสิคเลยเนี่ย

จากนั้นก็นั่ง Subway ไป MIT Museum เสียค่าเข้าโดยใช้บัตรนักศึกษา, บัตรนักเรียน 2 เหรียญ ได้ดูพวก holograms, robots, artifacts พวกวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย เจ๋งดีนะ ชอบพอควร สถานที่โชว์ก็ไม่ใหญ่ แค่ 1 ชั้นของตึก แบ่งห้องเป็นห้องย่อยๆ ตามประเภทของงาน

อยู่ที่นี่ซักพัก จนเริ่มจะเย็น ก็ไปต่อกันที่ Harvard University มาถึงนี่แล้ว พลาดมหาวิทยาลัยชื่อดังได้อย่างไร ถึงแม้ว่ามหาลัยจะปิด เพราะช่วงวันหยุดยาวก็เหอะ ขอเข้าไปเดินสัมผัสชีวิตนักศึกษาที่นี่ดูหน่อย ก็เดินเล่นในสวน แล้วก็ไปถ่ายรูปกับ John Harvard ซะหน่อย ต้องไปลูบรองเท้าทองข้างซ้ายของ John Harvard ด้วยนะ เค้าว่าจะได้โชคดี (เค้าเนี่ย ก็ไม่รู้ว่าใครเหมือนกัน)

มาแกล้งทำตัวเป็นนักศึกษาที่นี่แล้ว ก็ต้องไปเดินเล่นยามเย็นที่ Harvard Square ก็ออกแนวที่พักบันเทิงใจของนักศึกษายามเย็นนั่นแหละ เป็นแหล่งชอป แหล่งร้านอาหาร ของขายเยอะดีเหมือนกัน มีตึกๆ หนึ่ง เป็นแหล่งขายของ เดินลงไปตามชั้นใต้ดิน เหมือนเดินอยู่ซอยร้อยร้านที่อนุสาวรีย์เลย


จากนั้นก็ไป Prudential Tower ที่นี่เป็นจุดชมวิวตอนกลางคืน บนตึกสูง ด้านล่างเป็นพวกร้านขายของ ทั้งแบรนด์เนม และไม่แบรนด์เนม เป็นตึกติดๆ กัน เหมือนพวกสยามพารากอน มาบุญครอง ตอนแรกมาถึงนี่ก็นึกว่าฟรี ไม่เห็นมีเก็บตังค์เลย แต่พอขึ้นไปถึงชั้นบนนั่นแหละ เจอป้ายแล้วจ้า ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 10.50 เหรียญได้ มีบัตรนักศึกษา ลด 2 เหรียญ เลยเปลี่ยนใจ ไม่เข้าดีกว่า (10.50 เหรียญ 3 คน 30 เหรียญ พี่โก้มีบอก ส่งตัวแทนไป 1 คน เข้าไปดูละกัน แล้วก็ถ่ายรูปดีมะ )

เสียตังค์ดูวิว ไม่มีซะหละ หันเหความสนใจไปที่การกินกันต่อดีกว่า เลยไปจบที่ Chinatown ไปกินอาหารเกาหลีกันดีกว่า อร่อยมากๆ หมดไปคนละ 10 กว่าเหรียญ อิ่มแปล้กันเลย วันนี้เลยได้กินเครื่องในเนื้อหม้อดิน มีพวกผ้าขี้ริ้ว ขอบกระด้ง เต็มหม้อเลย


จบวันนี้ด้วยการนั่ง Subway ไปลงที่ Woodland Station เพื่อไปรอลุงคนขับรถของโรงแรมมารับ แล้วก็โทรไปบอกให้เค้ามารับ ลุงคนขับรถน่ารักมากเลย ตอนเช้าก็เอาที่ใส่แก้วสำหรับเวลาถือแก้วกินกาแฟหลายๆ ใบมาให้ เห็นเราหอบแก้วธัญญาหารพร้อมดื่มอยู่ 3 ใบ แถมเต็มใจให้บริการสุดฤทธิ์ ประทับใจมากๆ

ส่วนตอนเช้า ไอ้พอมีนัดกับโฮสต์ที่เคยคุยตอนรอแมท ขับรถไปจอดแถวที่เคยเดินหลงกัน แล้วก็ไปนั่งรถเค้า เพื่อไปกินอาหารเช้ากันที่ Fire & Ice เป็นร้านอาหารแบบบุฟเฟต์ อยากกินอะไรก็ไปตัก แบ่งเป็นซุ้มแพนเค้ก ซุ้มน้ำจิ้ม ไข่เจียวฯลฯ แล้วก็เอาไปยื่นให้พ่อครัวผัด ยกเว้นแพนเค้กจะทำแพนเค้กตามใส้ที่เราส่งให้ กินกันเสร็จ นั่งคุยกันซักพัก เค้าก็ขับรถพาชมเมือง แล้วก็พาไปร้านซื้อของที่ระลึก แล้วก็ล่ำรากัน

จากนั้นเราก็กลับมาบ้านโฮสต์เราที่ Bay Shore มาถึงบ้าน 1 ทุ่มได้ แถมลืมเอากุญแจบ้านไปอีก โฮสต์ก็ดันไม่อยู่บ้าน ไปอยู่บ้านย่าซะอีก วันนี้มีงาน Christmas Efe กัน อิชั้นก็ต้องทำตัวเป็นออแพร์ที่ดี โทรไปตามโฮสต์มาเปิดประตูบ้านให้ซะงั้น ดีจริงๆ

โฮสต์กับมาก็ทำสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อให้กิน งานนี้ลืมบอกโฮสต์ไปว่าไอ้พอไม่กินเนื้อ เค้าทำไว้ช่วงวันที่เราไม่อยู่บ้าน แต่ไม่เป็นไร พอไม่เคร่ง เลยกินเพื่อความอยู่รอด แค่ 2 จานเท่านั้นเอง (อร่อยน๊า)


Create Date : 04 มกราคม 2550
Last Update : 17 มกราคม 2550 10:36:40 น. 0 comments
Counter : 403 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

grapekmitl
Location :
Bay Shore, New York -- กรุงเทพฯ United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาใช้ชีวิตเป็น aupair ใน Bay Shore, New York 1 ปี ก็อยากจะบันทึกเก็บไว้กันลืม ถ้าไม่ขี้เกียจนัก ก็จะมาเล่าต่อ ปกติไม่เขียน Diary เลยอะ แบบว่า...
[Add grapekmitl's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com