ชีวิต 1 ปีใน Bay Shore, New York, USA ของ aupair ตัวน้อยๆ
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
13 พฤศจิกายน 2549
 
 
Part 15-3# California Trip - Oct 15, 2006 At Los Angeles

วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2549

นั่งรถมาจากร้านอาหารจีน ที่ Los Angeles ตอน 3-4 ทุ่ม มาถึง Santa Monica Beach ประมาณตี 5 ได้

มาถึงหนูนิดบอกขอนอนในรถอีกหน่อยละกัน ไอ้พอกะแป้งก็ไปเดินชมวิวกัน ซักพักไอ้พอกะพี่โก้วิ่งตุเลงๆ ไปลงทะเลละ ตอนแรกเราก็กะจะนอนต่อ เพราะรู้สึกว่าได้นอนไม่ถึง 3 ชั่วโมงเลยมั๊ง อิชั้นสะโหลสะเหลน่าดู แต่น่า มาถึงแล้ว จะมานอนเฉยๆ ได้ไง เสียตังค์ เสียเวลามาแล้ว ต้องให้คุ้ม ก็เลยไปวิ่งตุเลงๆ กะเค้าด้วย แต่ไม่ลงไปสัมผัสทะเลนะ กลัวมันเหนียวตัว แค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ขาเหนียวอีก แล้วต้องมานั่งรถต่อ ชั้นตายพอดี

จาก Santa Monica Beach ก็นั่งรถกันต่อเพื่อไป Benice Board St. (ไม่รู้เขียนถูกป่าว) กันต่อ มาตอนเช้านี่แทบไม่ค่อยมีไรเลยอะ มีแต่พวกเด็กๆ เล่น Board กัน ก็เลยไปหาที่ถ่ายรูปกัน ได้ที่ถ่ายแถวสนามเด็กเล่น แล้วก็ต้นมะพร้าวแถวนั้น

จากหลักฐานที่ปรากฏเหมือนเมื่อวานจะมีงานอะไรซักอย่าง ต้นมะพร้าวถูกเพ้นท์สี กระป๋องยังเกลื่อนกลาดอยู่เลย แล้วก็มีพวกลุงมาทำความสะอาดกัน ด้วยความที่อยากถ่ายภาพหมู่ ในใจคิด เอ่อ จะให้ลุงเค้ามาถ่ายให้ดีมั๊ยนะ แต่เพื่อนฉุดความเอาไว้ทัน เพราะอาจจะโดนลุงเอาไม้กวาดมาเขี่ยแทนได้ เลยไปตั้งกล้องบนกำแพงแล้วถ่ายกันแทน อิอิ

จากนั้นก็เข้าไปที่พัก วันนี้เป็น ORBIT Hostel ที่นี่ค่อยยังชั่วหน่อย ดูดีกว่าที่แรก ดูเป็นเรื่องเป็นราว แต่แย่หน่อยนึง ตรงที่มาถึงตอน 10 โมงกว่าแล้วยังเชคอินไม่ได้เลย ตอนแรกบอกให้มาเชคได้ แต่ก็ยังดี เค้าให้อาบน้ำได้ เลยค่อยยังชั่วหน่อย ไม่ไหว นั่งอยู่แบบแออัดในรถ แล้วไม่ได้อาบน้ำเนี่ย

จริงๆ รถมันก็คันไม่เล็กนะ ออกจะใหญ่ด้วยซ้ำ (รถที่เช่ามาเป็นรถ Ford) นั่งกัน 5 คน รวมคนขับแบบเต็มลิมิตได้สบาย แต่ว่านั่งไปนั่งมา ของมันเริ่มเยอะ ขนม, น้ำ, ของใช้, ของฝาก, ขยะเอย โอ๊ย จิปาถะเต็มรถไปหมด เลยกลายเป็นว่ารถเล็กไปทันตา (ตอนที่เห็นรถทีแรก ทุกคนออกปากเลยว่า โห รถใหญ่ดีนะ นั่งไม่อึดอัดดี กร๊ากกก)

แต่พออาบน้ำเสร็จเค้าก็บอกเชคอินได้แล้ว ก็เลยเชคอิน เก็บของแล้วก็ออกไปหาไรกินกัน ด้วยอารมณ์หิว กินเพื่อนได้ทั้งตัว ก็เลยไม่หานานแล้ว ออกมาหน้าปากซอยก็ได้ร้านอาหารไทยเลย จำชื่อร้านไม่ได้ แต่จำชื่อสาวเสิร์ฟได้ ชื่อฝ้าย เค้าก็บอกว่าร้านเค้านะอร่อยนะ เค้าว่าอร่อยที่สุดแล้ว ก็อืม ดีจริง ได้มาร้านอร่อยแล้ว

พอจะสั่ง ถามว่า มีหมูกรอบมะ มีคะน้ามะ มี... ไม่มี มีแต่ในเมนูอะ ก็เลยสั่ง กระเพรารวมมิตร, ต้มข่าอะไรซักอย่าง, แล้วพล่ากุ้งมั๊ง ถ้าจำไม่ผิดนะ แล้วก็ได้น้ำปลาพริกมาด้วย ตอนแรกน้ำปลาพริกก็ไม่มีนะ แต่ตอนเสิร์ฟเค้าก็ทำมาให้ ให้ข้าวมา 2 กระติ๊บ มีบอกถ้าไม่พอบอกได้นะ กินเข้าไปปุ๊บ โห กระเพรารวมมิตร รสชาติเหมือนผัดน้ำพริกเผาเลย แล้วก็อย่างแพงอะ จานนิดเดียว มีขาปูมา 2 ขา เกือบ 17 เหรียญ ต้มข่าก็หวานมาก แต่ก็กินกันจนหมด ด้วยอารมณ์หิว + เสียดาย พอคิดตังค์เกือบ 70 เหรียญได้มั๊ง โหหหหหหหหห แพงสุดๆ แถมไม่อร่อยอย่างที่คิด รู้สึกเสียดายตังค์อย่างแรง กินกันเสร็จก็คิด ถ้าขอข้าวเพิ่ม จะคิดอีกเท่าไหร่ฟะเนี่ย แถมแซวไปนิด ไม่ลดหน่อยเหรอ น้องฝ้ายอึ้งไปเลย ไอ้พวกนี้นี่

แต่ก็ดีที่มากินร้านนี้ ได้ที่แนะนำการกินมาเพียบ แถว Thai Town แล้วก็แหล่งเที่ยวกลางคืน ดูท่าน้องฝ้ายจะชอบเที่ยวกลางคืนพอตัว ฝ้ายก็แนะนำมาว่า ถ้าอยากกินคะน้าหมูกรอบ ต้องไปกินร้านพี่ใหญ่นะ ถ้ากินข้าวต้มต้องไปร้าน Hollywood แล้วก็ต้องไปกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ภ้าไปเที่ยวกลางคืน ต้องไปแถว... จำไม่ได้ละ เพราะไม่ค่อยสน สนแต่ของกิน อิอิ

ก็ยังดี ยังมีที่อื่นที่น่าไปหน่อย ไว้ตอนเย็นจะได้แก้ตัว

จากนั้นก็ไป Grauman's Chinese Theatre ไปดูที่พวกดารา Hollywood เค้ามาประทับมือ ประทับเท้ากัน จากนั้นก็เดินไปตรง Hollywood Walk of Fame (ตอนแรกเดินผ่านตรงนี้โดยไม่รู้ว่าเป็น Hollywood Walk of Fame นะ มารู้อีกวันตอนจะถามทางไปที่พักของคืนถัดมาเนี่ย ดีจริงๆ)

วันนี้ที่หน้า Grauman's Chinese Theatre มีพวกที่แต่งตัวเลียนแบบตัวละครมายืนให้ถ่ายรูปเต็มเลย แต่ไม่ได้ถ่ายฟรีนะ ต้องให้ทิปเค้าด้วย แป้งไปถ่ายก่อนคนแรกคู่กับ Yoda กับ Swacky นิดเลยไปถ่ายมั่ง ถ่ายกะตัวไรไม่รู้ น่ากลัว ตอนถ่ายมีกรีดร้องด้วย เสียงดังมากๆ

จากนั้นก็ไป The Grove Shopping Mall กันต่อ ที่นี่ได้เกิด Topic ขำขัน Topic ใหญ่ขึ้น เรื่องมันมีอยู่ว่า จากแถวชั้น 2 หรือ 3 ของ The Grove Shopping Mall เนี่ย เค้ามีจุดชมวิว สามารถมองเห็นป้าย Hollywood บนภูเขาได้ เค้าก็มีกล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญให้ด้วย ก็มีบางคนเอากล้องมาจ่อตรงที่ให้ตามองแล้วก็ถ่ายรูป

แล้วที่นี่พี่โก้ก็เกิดอารมณ์ประมาณว่า ขอรูปเดี่ยวตัวเองถ่ายคู่กับป้ายหน่อย แต่ป้ายเนี่ย มันอยู่ไกลโคตรๆ เลย ก็บอกพี่เค้าว่า ถ่ายไปก็ไม่เห็นหรอก ป้ายมันไกล พี่เค้าก็ พี่จะเอาๆๆๆๆ ถ่ายแบบซูมๆๆๆ เลย ก็เลยให้น้องพอถ่ายให้

ที่นี้พอถ่ายเสร็จเนี่ย ภาพมันก็จะเป็นแบบว่า หน้าพี่โก้บานเป็นกระด้งเต็มพอเลย โดยเห็นป้าย Hollywood จิ๊ดนึง พอถ่ายเสร็จ ไอ้พอเรียกทุกคนมาดู ขำกร๊าก เลย

ก็แซวพี่โก้กันว่า เนี่ยเดี๋ยวพอกลับไปเป็นอาจาร์ยที่เมืองไทย อย่าลืมทำ profile นะ อันนี้ก็ชื่อว่า อาจาร์ยโก้กับ Hollywood

ลืมบอกไป แกได้ทุนมาเรียนที่ Kentucky ตั้งแต่ ป.ตรี จนถึง ป.เอก แล้วต้องกลับไปใช้ทุนที่เมืองไทย 20 ปี จริงๆ ต้องกลับไปตั้งแต่สิงหาคมแล้วละ แต่ตกเครื่อง จริงๆ แล้วเราว่าแกตั้งใจตกมากกว่า อิอิ จะได้อยู่ต่อ จนป่านนี้ยังไม่กลับเลย มีแพลนจะมา NY ตอนก่อนปีใหม่อีก ลูกศิษย์ก็รออาจาร์ยไปก่อนนะ อาจารย์กำลังเริงร่าอยู่ อิอิ

จากนั้นก็ไปแถว Beverly BLVD แล้วก็แวะไป Hard Rock เพราะมีเพื่อนฝากซื้อเสื้อ Hard Rock 2 ตัว เค้าบอกว่าตอนเค้ามาที่นี่แล้วไม่ได้แวะซื้อ แต่ชอบสะสม ก็เลยฝากเราซื้อซะหน่อย แต่กว่าจะเดินจากที่จอดรถไปถึง Hard Rock สุดยอดเลย เดินหลงไปหลงมา เข้าตึก ออกตึก ขึ้นชั้นบน ลงชั้นล่าง มาเห็นที่หลังว่าเดินอ้อมตึกโคตรๆ หนาวก็หนาว อยากจะร้องไห้ ฮือๆๆๆ ให้ความโง่ของตัวเอง 555

หลังจากนั้นเรื่องรูป อาจาร์ยโก้กับ Hollywood ก็กลายเป็นเรื่องแซวพี่โก้ได้เกือบทุกมื้อ พอไปกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขาที่ Thai Town ก็ไปเล่าให้พวกที่ทำงานในร้านกัน สนุกสนาน ร้านนี้มีก๋วยเตี๋ยวเยอะมาก ชามเล็ก 3 เหรียญ ชามใหญ่ 5 เหรียญ มีคะน้าหมูกรอบด้วย อร่อยดี หมูกรอบจริงๆ แต่ส้มตำไม่อร่อย รสชาติแปลกๆ มื้อนี้ได้กินก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ข้าวเหนียว แล้วก็หมูย่าง อิ่มกันไปเลย แล้วก็ไปแย่งพี่โก้กินคะน้าหมูกรอบเล็กน้อย อ่อไม่ใช่สิ เค้าเรียกว่าชิม จะได้รู้ว่าควรสั่งต่อในมื้อหน้าป่าว

ก่อนหน้าที่จะไปกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ได้แวะร้านขนมไทย ร้าน "บ้านขนมไทย" เข้าไป เลยได้ ข้าวเหนียวดำ, น้ำเต้าหู้, เต้าส่วน, ขนมจีบ, แหนม, กระหรี่ปั๊บ, ฝอยทองกรอบ, ตะโก้ และอื่นๆ มากินสนองความอยากกันไป กินกันไม่หมดด้วยนะ เพราะว่าไปกินข้าวเย็นกันที่ก๋วยเตี๋ยวห้อยขานี่แหละ แต่ดีที่ว่าที่ Hostel มีตู้เย็น เลยเก็บได้ แต่ว่ามีน้ำเต้าหู้ใครไม่รู้เสีย เพราะว่าใส่เม็ดแมงลัก เลยเสียง่าย

กลับมาที่พักตอนมืดหลังอาหาร ที่นี่ห้องพักมี 6 เตียง เราพักแบบห้องรวมชายหญิง เพราะพี่โก้ไม่อยากนอนโดดเดี่ยว พวกเรามีกัน 5 คนแล้ว ก็มีหนุ่มอิตาเลี่ยนอีกคนเป็นผู้ร่วมห้อง ก็เลยแซวกันอีกว่า คืนนี้พี่โก้เสร็จหนุ่มอิตาเลี่ยนแน่ๆ 555 หนุ่มคนนี้เป็นผู้กำกับหนัง แล้วก็มาทำงานที่ USA ประมาณนั้น คุยไปคุยมา ได้ภาษาอิตาลีมา 1 คำ "เชา" แปลว่า สวัสดี หรือลาก่อน อิอิ

อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ ก็ไปนั่งเล่นไพ่ในห้องนั่งเล่นรวม ฝึกฝึมือก่อนไป Las Vegas กันซักหน่อย จากนั้นก็ไปเล่น pool กัน แบ่งเป็น 2 ทีม พี่โก้กับแป้ง อีกทีมก็เรา, พอ และนิด ก็เล่นกันขำๆ ไป 2 เกมส์ได้ สรุปว่าทีมเราแพ้ แบบว่าไม่เคยเล่นนี่หว่า

จากนั้นเรา, แป้ง, นิดก็ไปนอนกัน แต่ไอ้พอกะพี่โก้ดวลกันต่ออีก 2 เกมส์ ผลปรากฏว่าไอ้พอแพ้ เสีย Boba, Tropical drink (ก็ชานมไข่มุกนั่นแหละ) ไป 2 แก้ว


Create Date : 13 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2549 10:54:27 น. 0 comments
Counter : 261 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

grapekmitl
Location :
Bay Shore, New York -- กรุงเทพฯ United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาใช้ชีวิตเป็น aupair ใน Bay Shore, New York 1 ปี ก็อยากจะบันทึกเก็บไว้กันลืม ถ้าไม่ขี้เกียจนัก ก็จะมาเล่าต่อ ปกติไม่เขียน Diary เลยอะ แบบว่า...
[Add grapekmitl's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com