ชีวิต 1 ปีใน Bay Shore, New York, USA ของ aupair ตัวน้อยๆ
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 มกราคม 2550
 
 
Part 23# Dec 26-27, 2006 Atlantic City, New Jersey + Armish Country, Pensylvania

วันที่ 26-27 ธันวาคม 2549

วันนี้ตื่นเช้ามาก็รีบสะบัดก้นออกจากเตียง อาบน้ำเตรียมตัวออกจากบ้านทันที นั่งรถไฟจาก Babylon ไป Penn แล้วต่อ NJ Transit เพื่อเข้า New Jersy (นัดเจอกับขวัญเพื่อนพอที่ Penn ตรงทางเข้า NJ Transit กว่าจะเจอกันได้ เกือบตกรถไฟแนะ แต่เราก็หา.. กันจนเจอ อิอิ)

มาถึง New Jersy ปุ๊บ ฝนตกอีกต่างหาก โอ๊ย หิวแล้ว ไอ้พอกะพี่โก้ก็ยังมาไม่ถึง ขวัญบอกเข้าไปหาอะไรกินรอที่ร้านเบเกิ้ล ร้านโปรดไอ้พอก่อนก็ได้ ยังไงมันก็แวะแน่ๆ

วันนี้เลยได้กินเบเกิลรสบลูเบอรี่ ทาครีมชีส อึ่ม อึ่ม เบเกิล อบใหม่ๆ กรอบนอกพอกรุ๊บๆ พาครีมชีส รสอร่อย โอ้ว มีฟามสุก แล้วก็แอบจิ๊ก เบเกิลไส้เบคอน ไข่ ชีส ของพี่โก้กินไปนิดนึง มีฟามสุกอีกรอบ

กินเบเกิลเสร็จ ไอ้พอพาไปต่อด้วยเครป (แต่เช้าเลย) ซื้อมาเป็นเซท มีเครปกับสลัด แล้วก็น้ำสับปะรด กินแต่เครปกับน้ำ สลัดเก็บไว้ก่อน อ่อแวะไปเอาอาหารไทยที่ดิวซื้อแล้วฝากไว้ที่ร้านด้วย มีข้าวคลุกกะปิ, ไข่พะโล้, แกงลาวหรืออะไรนี่แหละ, น้ำพริกหนุ่ม, ไก่ผัดเผ็ด, ปลาหมึกผัดเผ็ด เยอะๆ มากๆ 6-7 อย่างแนะ ราคารวมไม่ถึง 50 เหรียญ ถูกสุดๆ เก็บไว้เป็นเสบียงตอนกลางคืน

จากนั้นก็เริ่มการเดินทางไป Atlantic City ถึงที่หมายก็บ่ายกว่าๆ ละ เชคอินเข้าที่พักเสร็จก็ไปขับรถวนดูรอบๆ ก่อน ที่นี่ต่างจาก Las Vegas อย่างกับเหวกับฟ้าเลย มีโรงแรมแบบอาละดินเหมือนกัน แต่ของที่นี่เหมือนแนวลิเก ไม่ดูดีแบบที่ Las Vegas เมืองก็ดูโทรมๆ ไม่ค่อยมีการตกแต่ง จุดท่องเที่ยวก็กระจายตัว คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ ก็มาเพื่อการเล่นพนันเป็นหลัก ไม่เหมือน Las Vegas ที่มาเพื่อเที่ยวชมเมืองด้วย

หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นกันแถวๆ ริมทะเล แต่ไม่ได้เดินบนชายหาดนะ เดินบนทางเดิน คล้ายๆ เขื่อน เห็นเค้าตกปลากระเบนอยู่แถวโขดหิน ได้ตัวจิดนึงเอง พอพวกเรา 4 คนเข้าไปแถวนั้น ปลาหายหมดเลย แป่ว

เดินเล่นอยู่แถบริมทะเลซักพัก ก็ไปเดินแถว Boardwalk ก็ไม่มีอะไรเลย เป็นทางยกสูงขึ้นมา สองข้างทางเป็นร้านขายของเล็กๆ บ้าง ร้านอาหารบ้าง ตอนแรกก็เดินฟากขวามือก่อน ฝั่งนี้มีแต่ร้านขายของ กับโรงแรมแบบอินตะระเดีย

ก็แวะเข้าไปโรงแรม กะไปหาที่กินสลัดที่เหลือจากร้านเครป ตอนแรกก็ เอ๊ จะนั่งกินตรงไหนดีฟระ มีแต่ตู้สล็อทแมชชีน เดินไปเดินมาจนเมื่อย ก็ทำเนียนเป็นคนมาเล่น แล้วก็นั่งกินตรงนั้นมันซะเลย

กินเสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นอีกฟากนึงของ Boardwalk เดินมาฝั่งซ้ายมั่ง มีร้านอาหารอยู่ร้านนึง จะมีบางช่วงที่พนักงานในร้านทั้งหมดเต้นประกอบเพลง น่ารักดี คนต่อคิวเข้าร้านกันตรึมเลย ฟากนี้ดูเจริญหูเจริญตากว่า มีโรงแรมที่ทำแผนที่แบบเกมส์หาขุมทรัพย์ด้วย ออกแนวจัดด้านในโรงแรมแบบป่า ผจญภัย มีรูปปั้นคนถือจานขอเงินกับม้า หรือลานี่แหละ แล้วก็มีบ่อน้ำล้อมรอบ แล้วคนก็โยนเงินลงไปในบ่อเต็มเลย เราก็เอาเงินพี่โก้มาโยนไปคนละ 1 เซนต์ เกือบลง แป่ว จริงๆ แล้วอยากลงไปเก็บเงินในบ่อมากกว่า ท่าจะได้หลายร้อยเหรียญเลยนะนั่น ทำเป็นเล่นไป

ออกจากที่นี่ก็เดินไปรอบๆ แถวนั้นแหละ แวะห้างบ้าง ถ่ายรูปตึกข้างทางบ้าง ตึกที่นี่ก็ทำสวยดี สีสันสุดฤทธิ์ ยังกับไว้ถ่ายหนังแนะ แวะถ่ายรูปจนไอ้พอแซว น่าบอกให้โฮสต์มันเอากล้องคืนเนอะ มันแวะถ่ายอยู่นั่นแหละ อ้าว ไอ้เวล

เสร็จจากแถว Boardwalk ก็ไปแถว Outlet กันต่อ มาถึงนี่ก็ 2 ทุ่มได้ละ Outlet มันก็ปิดประมาณ 4 ทุ่ม ร้านเยอะมาก เดินกันไม่หวาดไม่ไหว แต่เราไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย ไม่ถูกใจด้วย แถมส่วนมากลดแล้วก็ยังแพงอยู่ดี พี่โก้สิ หอบหนังสือมาอีกถุงใหญ่ มีลืมกระป๋องบ๊วยไว้ที่ร้านหนังสือ เหลือบ๊วยอยู่จึ๋งนึง ยังกลับไปเอาอีก อะนะ ของโปรด ไม่ว่ากัน

จบจากภาระกิจ Outlet ก็กลับที่พัก ไปกินเสบียงที่ตุนไว้ ห้องนี้มีไมโครเวฟให้ด้วย สบายเลย

กินเสร็จแล้วก็อาบน้ำ ดูทีวี นอน

เช้ามาตื่นมาอาบน้ำ เตรียมจัดกระเป๋า เสร็จแล้วก็ลงไปเอาอาหารเช้า ด้านล่าง มีโดนัท, ชา, กาแฟ, ซีเรียล, ขนมปัง, เบเกิล, อิงลิช มัฟฟิ่น เพียบ เลยเอาถาดกับกระป๋องน้ำแข็งลงไปขนโดนัทมาตรึม 2 รอบด้วยนะ ผลัดกันลงไปทีละคู่ เหอๆ ต้องเอาให้คุ้ม

อ่อ ลืมบอกไป ตอนแรกกะหาที่พักถูก เห็นว่าที่นี่ในเว็บบอกว่านอน 2 คน หรือ 4 คนก็ราคาเท่ากัน ก็เลยแจ้งว่า 4 คน (ตอนไปบอสตันแจ้งนอน 2 คน แต่เราไปเพิ่มที่หลัง เค้าก็ไม่คิดเงินเพิ่ม แถมเอาผ้าห่มมาให้ด้วย ชื่อ Inn something นี่แหละ) เลยคิดว่าที่ Econo Lodge จะเหมือนกัน พอเลยเซ็งเลย กะว่าหารกันแล้วได้ถูกๆ หน่อย รู้งี๊แจ้งว่ามา 2 คนดีกว่า น้องพอเลยแวะกินชาทุกครั้งที่ผ่านเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม จะได้คุ้มๆ

กินอาหารเช้าที่ขนขึ้นมาเรียบร้อย (พร้อมห่อไปด้วย ตามระเบียบ) ก็ออกเดินทางไป Armish Country, Pensylvania ไปถึงโน่นก็บ่ายกว่าๆ อีกแล้วครับ

มาถึงแล้วก็ต้องแวะหาประชาสัมพันธ์ก่อน ตามวิสัยของนักท่องเที่ยวที่ดี จอดรถเสร็จ มองตามป้ายหาตึกประชาสัมพันธ์ เดินยังไงก็หาไม่เจอ ถามคนข้างทาง ก็บอกทางไปไม่ถูกซักกะที มาเจอที่หลัง ก็อยู่ใกล้ๆ ตรงที่จอดรถนั่นแหละ เฮ้อ เสียค่าที่จอดรถไปหลายเหรียญอยู่

ขอข้อมูลเสร็จก็ไป Armish Country กัน (ก่อนมาที่นี่ มีเพื่อนของพอ บอกว่าได้เข้าไปเจอชาว Armish จริงๆ ไม่ใช้ไฟฟ้า เดินทางด้วยการขี่ม้าอยู่เลย) พอมาถึงจริงๆ เหวย ทำไมมีห้าง Target ด้วยฟระ ไหนว่าอนุรักษ์ความโบราณไว้ไง

ขับรถเลยไป เลยมา จนมาถึงที่ เป็นแค่สถานที่จำลอง Armish Country เท่านั้น เสียค่าเข้าด้วยนะ แต่ว่าเค้าไม่กั้นสถานที่ จริงๆ จะเดินเข้าไปเลยก็ได้แหละ แต่เค้าก็มีป้ายไว้ให้สำนึกเอง ว่าให้จ่ายเงินก่อนเข้านะจ๊ะ พี่โก้เอาอีกละ ส่งองุ่นเข้าไปถ่ายรูปมะ ได้เสียค่าเข้าแค่คนเดียว แหม ท่าน Dr. นี่ คิดแต่ละอย่างนะ

สรุป ก็เสียเงินค่าเข้าไปคนละ 7 เหรียญฝ่าๆ เดินชมหมู่บ้านร้าง เอ๊ยหมู่บ้านจำลองกัน ซักพักถึงเวลานัด เข้ามาบรี๊ฟการทดลอง เอ๊ย เข้ามาฟังบรรยายเกี่ยวกับชุมชนให้ฟัง ประกอบการเดินชมบ้านจำลองของชาว Armish ก็มีห้องครัว, ห้องนอน, การแต่งกาย ชาย, หญิง, เด็ก, ห้องนั่งเล่น, หีบศพ พอจบเสร็จ เค้าก็ไล่ ไปได้แล้วจ๊ะพวกเธอ เดี๋ยวจะมีกลุ่มอื่นเข้ามาในบ้านอีก อ้าว

พอลงมาข้างล่าง ก็ประกาศไล่อีก บอกจะปิดแล้ว แม่งงง ไหนตอนแรกบอก อยากอยู่ถึงมืดๆ ก็ได้ไง นี่เพิ่งจะ 5 โมงเย็นเองนะ 7 เหรียญฝ่าๆ ของตรู

เสร็จจากบ้านร้าง เอ๊ยจำลอง ก็มาถกกันอีกว่า จะขับรถไปดูของจริงกันมั๊ย แต่สรุปว่า มืดแล้ว แถมหน้าหนาวมืดเร็วอีก ก็เลยไม่ไปดีกว่า

ไป Strasburgrailroad เลยดีกว่า เดี๋ยวจะไปทันรอบ Dinner พอไปถึงที่ ปิดครับกระผม ปิดจนถึงกุมภาพันธ์ ดีจริงๆ ไอ้กรุ๊ปนี้ ไปที่ไหน ปิดที่นั่น เลยไปแวะถ่ายรูป ทำท่าประหนึ่งว่า ไปขึ้นไปกินข้าวบนรถไฟมาเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่แห้วไปตามระเบียบ ก็เลยมุ่งหน้ากลับมาบ้านเราที่ Bay Shore ดีกว่า ระหว่างทางก็แวะกินบุฟเฟ่ต์อาหารจีน น้องพอเรา เอาอีกแล้ว เด็กเสิร์ฟ หนุ่มน้อยชาวจีน ถามเอา Napkin เพิ่มมั๊ย น้องพอตกตะลึง นึกว่าหนุ่มน้อยชาวจีนพูดไทยได้ ถามว่าเอาน้ำแข็งมั๊ย (สงสัยว่าคงจะเหมือนที่บอสตัน ที่เจ้าของร้านชาวเวียดนามพูดได้หลายภาษา) ฮากันไป

ก่อนกลับมาบ้าน ตอนแรกกะว่าจะกลับบ้านเอง แต่ดูรอบรถไฟแล้ว ถ้ากลับเอง คงไปเที่ยวได้ไม่ถึงไหน เลยลำบากเพื่อนพอให้ขับรถมาส่งถึงบ้าน จะให้ขับรถกลับไปนอนที่ New Jersey ก็ดูจะทำให้เพื่อนลำบากเกินไป

เลยโทรไปถามโฮสต์มัม ว่าให้เพื่อนมานอนที่บ้านคืนนี้ได้มั๊ย เค้าก็ว่าได้ ไม่เป็นไร (พอกับขวัญว่า โห มันไม่มีเกริ่นเลยโว๊ย มันถามเหมือนมันสั่งเลย อ้าว ก็ตรูเป็นแบบนี้นี่หว่า ก็อยู่กันมาแบบนี้นี่แหละ)

ตอนแรกกะว่าจะมาถึงบ้านประมาณ 4 ทุ่ม มาถึงจริงๆ 5 ทุ่มกว่าแหนะ จอห์นก็รออยู สงสัยกะรอล็อคบ้าน (แอบกลัวจอห์นเคืองด้วยนะ) ก็กลับมาถึงดูตึงๆ นี่หว่า แถมบอกว่าเพื่อนนอนได้นะ แต่ว่าพรุ่งนี้เธอทำงานใช่ไหม ฉะนั้นเพื่อนต้องออกจากบ้านก่อน 7 โมงนะ เอ่อ อึ้งไปเลยตรู ตอนแรกกะให้นอนพักผ่อนกันก่อน แถมแอบแพลน เดี๋ยวสายๆ ทอดไข่เจียว ต้มผัก กินกับน้ำพริกหนุ่มกัน แห้วเลย สงสัยจอห์นรู้ทัน แป่วๆๆ

ก็ยังดีฟะ อย่างน้อยๆ พวกเพื่อนก็ได้นอนพัก ไอ้พอบอก ให้มันขับรถกลับไปนอน New Jersey ก็ได้นะ แม่ง จะบ้าป่าวฟะ ถ้าตรูให้มึงขับรถกับไป New Jersey ตรูก็เป็นเพื่อนที่แย่มากเลยนะ ขับรถกลับไป จะไปถึงโดยสวัสดิภาพ โดยไม่หลับในป่าวฟะเนี่ย

นอนดีกว่า


Create Date : 20 มกราคม 2550
Last Update : 26 มกราคม 2550 11:12:05 น. 0 comments
Counter : 332 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

grapekmitl
Location :
Bay Shore, New York -- กรุงเทพฯ United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาใช้ชีวิตเป็น aupair ใน Bay Shore, New York 1 ปี ก็อยากจะบันทึกเก็บไว้กันลืม ถ้าไม่ขี้เกียจนัก ก็จะมาเล่าต่อ ปกติไม่เขียน Diary เลยอะ แบบว่า...
[Add grapekmitl's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com