Webblog : Futbol Review ท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่เรียกว่า...ฟุตบอล
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
Timeline ของจามจุรี ยูไนเต็ด

ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 โซนกรุงเทพฯและปริมณฑล
9 ก.ย.55 สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จามจุรี ยูไนเต็ด 2-1 นอร์ทกรุงเทพ


วันอาทิตย์สบาย ๆ

10.00 น. เบาสมองด้วยการดูซิทคอม “ผู้กองเจ้าเสน่ห์”

11.00 น. อาบน้ำเตรียมตัวออกไปข้างนอก

12.00 น. ชะงักการออกจากบ้านชั่วคราว (ทั้ง ๆ ที่มีนัดตอนบ่ายสอง แล้วก็ไกลบ้านพอสมควรด้วย) เมื่อได้ยินเสียงเพลง “คอย” ของวงฟรีเบิร์ดส์ ^-^

“คอยแต่เธอ หลงละเมอเพ้อคอยแต่เธอ รักแรกเจอเพ้อครวญเรียกหา ขอเธอจงอย่าหน่าย รักไม่คลายจากเธอ ยืนยันด้วยใจภักดิ์ รักแน่นหนักไม่แปรผัน รำพันเพลงรักเป็นสื่อ...”

ในห้องนอนของผม Truevisions 82 ช่องมะจังถือเป็นช่อง Default เลยครับ ถ้าไม่ดูช่องอื่น ๆ ผมก็จะเปิดช่องนี้ทิ้งเอาไว้

เปิดเป็นเพลงกล่อมตอนนอน

เปิดให้มันไม่เงียบตอนแต่งตัว

ฯลฯ

แล้วเที่ยง ๆ วันอาทิตย์แบบนี้เค้าจะเอาคอนเสิร์ตโลกดนตรีในอดีตมาฉายให้ชมกัน วันนี้เป็นวงฟรีเบิร์ดส์ครับ

จากวิกิพีเดีย...

ประวิทย์ พงษ์ธนานิกร น้องชายของระย้า (ประเสริฐ พงษ์ธนานิกร) และตะวัน (ประสิทธิ์ พงษ์ธนานิกร) สองนักจัดรายการวิทยุชื่อดังของค่ายรถไฟดนตรีฟอร์มวงดนตรีเล่นกันในหมู่เพื่อน ๆ

ชื่อวงตั้งตามชื่อเพลง Free Bird ของวง Lynyrd Skynyrd ซึ่งเป็นวงที่พวกเขาชื่นชอบ

ผลงานชุดแรก “คอย” ออกวางจำหน่ายในปี 2525 โด่งดังด้วยบทเพลง “คอย”...

จะว่าไป ผมก็ไม่ถึงกับรู้จักวงนี้ซะทีเดียวหรอก แต่เพลง “คอย” น่ะช่างเป็นเพลงที่ไพเราะและติดหูผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว (โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพลงของใคร)

ภาพในรายการโลกดนตรี พอจบจากเพลงคอย เพลง “ความผันแปร” ก็บรรเลงต่อเนื่องทันควัน

“หากกาลเวลาหมุนปรวนแปร ไม่เที่ยงแท้คือสิ่งสุดท้าย สิ่งใดไร้จีรังหากพังและมลายและหลุดหาย ๆ ไป ประสาอะไร เมื่อได้ตั้งใจสิ่งหนึ่ง คิดคำนึงและฝากใจไว้ให้ใคร อาจหลุดไปหรือไม่กลับคืนหรือสิ้นสลายและหายไปเหมือนเช่นเดียวกัน...”

กรี๊ดสุด ๆ ครับ เพลงนี้ก็ไพเราะมาก ๆ แล้วก็ช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน ปัจจุบันหาฟังยากกว่าเพลง “คอย” ด้วยซ้ำ พอได้ฟังก็เลยทำเอาอารมณ์ถวิลหาอดีตผุดขึ้นมา ^-^

ว่าจะนั่งดูต่อ เผื่อเจอเพลงที่คุ้นหูอีก แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจลุกขึ้น แล้วออกเดินทาง

14.27 น. มาถึงเซ็นทรัล ลาดพร้าว

“น้องปอป่านอยู่ไหนอ่ะครับ?” ผมโทรถามสาวที่นัดเอาไว้ตอนบ่ายสอง

แน๊ะ! มีนัดกะสาวซะด้วย แฟนอ่ะดิ?

เป็นแฟนก็ดีสิครับ เพราะแว่บแรกที่ได้พบสบตาก็โดนเข้าอย่างจังเลย (*_*)

ถึงซีนนี้ดนตรีต้องขึ้น MV ต้องมา

“คอยแต่เธอ หลงละเมอเพ้อคอยแต่เธอ รักแรกเจอเพ้อครวญเรียกหา ขอเธอจงอย่าหน่าย รักไม่คลายจากเธอ ยืนยันด้วยใจภักดิ์ รักแน่นหนักไม่แปรผัน รำพันเพลงรักเป็นสื่อ...”

แต่...เอ่อ...น้องปอป่านไม่ได้นั่งรอผมอยู่คนเดียวหรอก ^^! ข้าง ๆ คือแฟนหนุ่มซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน วันนี้ผมนัดทั้งคู่มาสัมภาษณ์คอลัมน์ "สตอรี่รักนักศึกษา" ลงนิตยสารขวัญใจวัยรุ่นและชาวมหา’ลัยอย่าง “ดาวคณะ” ครับ (โฆษณาแฝงอีกแระ :-p)

15.00 น. เสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ ตาแบ๊ว ๆ ของน้องปอป่านยังติดตา (ตี่ ๆ) ของผมอยู่เลย

ตอนนี้ Timeline (วันนี้) ของผมจะว่าง ๆ ไปจนถึง 18.00 น.นั่นแหละที่กะว่าจะเข้าไปเชียร์จามจุรี ยูไนเต็ดซะหน่อย วันนี้พวกเขาเปิดบ้านพบกับนอร์ทกรุงเทพ ทีมอันดับติดกัน (จามจุรี-7 นอร์ทฯ-6)

บ่ายสามถึงหกโมงก็เลยจะว่าง ๆ...งั้นไปนั่งรอที่สนามจุ๊บเลยดีกว่า

ระหว่างทาง ผมปล่อยตัวเองให้ตกอยู่ในภวังค์ แล้วเพลงสุดไพเราะเพลงนั้นก็ “ทุ้มอยู่ในใจ”

“หากกาลเวลาหมุนปรวนแปร ไม่เที่ยงแท้คือสิ่งสุดท้าย สิ่งใดไร้จีรังหากพังและมลายและหลุดหาย ๆ ไป ประสาอะไร เมื่อได้ตั้งใจสิ่งหนึ่ง คิดคำนึงและฝากใจไว้ให้ใคร อาจหลุดไปหรือไม่กลับคืนหรือสิ้นสลายและหายไปเหมือนเช่นเดียวกัน...”

ความผันแปรจงเกิดขึ้นกับน้องปอป่านและแฟน ขอให้ความรักของทั้งคู่หลุดหาย ๆ ไป...เฮ้ย! ไม่ใช่ แม้ตาแบ๊ว ๆ ของเธอจะยังติดตรึงอยู่ในใจ แต่ผมก็พระเอกพอเฟ้ย (จริงหรอ?) ^^!

ผมคิดไปถึงทีมจามจุรี ยูไนเต็ดต่างหาก (จริง ๆ) ^^!

ใช่ ฤดูกาลนี้ผมเพิ่งดูจามจุรี ยูไนเต็ดไปเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นเอง นั่นก็...6 เดือนกะอีก 6 วันที่ผ่านมาแล้ว :-p




จามจุรี ยูไนเต็ดเปลี่ยนเป้าหมายจากต้นฤดูกาลไปเยอะเลย

นักเตะนอร์ทกรุงเทพวอร์มกันอย่างแข็งขัน

กฤษณ์ สิงห์ปรีชา เฮดโค้ชอาชาผยองขนาบข้างด้วยเสกสรร ปิตุรัตน์ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทยที่ขยับมาเป็นมือขวา


ตอนนั้นเพิ่งเป็นนัดที่ 3 ของฤดูกาลซึ่งผลจบลงด้วยชัยชนะเหนือไทยฮอนด้า การเก็บได้ 9 แต้มเต็มทำให้ทุกคนฝันไปไกลถึงรอบแชมป์เปียนส์ลีก (^-^)V

6 เดือนต่อมา ก่อนลงแข่งนัดที่ 32 ในวันนี้ เป้าหมายของจามจุรี ยูไนเต็ดเหลือแค่เล่นเพื่อรักษาอันดับ 7 ไว้ให้ได้เท่านั้น (อันดับดีกว่านี้ถือเป็นโบนัส) - -"

“ประสาอะไร เมื่อได้ตั้งใจสิ่งหนึ่ง คิดคำนึงและฝากใจไว้ให้ใคร อาจหลุดไปหรือไม่กลับคืนหรือสิ้นสลายและหายไปเหมือนเช่นเดียวกัน...”

ช่างเป็น 6 เดือนแห่งความผันแปรจริง ๆ

Timeline ในฤดูกาลนี้ของทีมลูกหนังแห่งสามย่านเต็มไปด้วยสีสันไม่น้อย

กุมภาพันธ์-มีนาคม ทีมออกสตาร์ทด้วยการชนะ 5 แม็ทช์รวด สาวกท่องสูตรคูณแม่สามกันมันส์เลย 3x5=15

จามจุรี ยูไนเต็ดนำจ่าฝูงด้วยการมี 15 แต้มเต็ม! (^.^)/

ไล่ตั้งแต่เปิดบ้านชนะลูกอีสาน การบินไทย 2-1, บุกไปเชือดอัสสัมชัญ ธนบุรี 3-2, เฝ้าบ้านชนะไทยฮอนด้า 2-1, ชนะสมุทรปราการ ยูไนเต็ด 2-1 และกดกรุงธนบุรี เบา ๆ 2-0

“เราบ่มประสบการณ์ให้เด็ก ๆ มาจากฤดูกาลก่อนทั้งปี พวกเค้าได้เรียนรู้สิ่งผิดพลาดต่าง ๆ แล้วมันก็เป็นไทม์มิ่งที่เหมาะซึ่งเด็กกำลังพีคและมีความมั่นใจด้วย” สัจจา ศิริเขตร์ เฮดโค้ชจามจุรี ยูไนเต็ดพูดถึงการสตาร์ทฤดุกาลที่ยอดเยี่ยมเหมือนฝัน “แต่พอชนะไป 5 แม็ทช์ติดนี่ ทีมกลับมีปัญหาบาดเจ็บ ตัวหลักเราเจ็บกันถึง 10 คน ซึ่งตอนนั้นเราเพิ่มผู้เล่นไม่ได้ ก็ต้องเข็นผู้เล่นสำรองขึ้นมา การทดแทนมันเลยไม่บาลานซ์ เพราะเด็ก ๆ ยังไปยึดติดกับผู้เล่นเก่ง ๆ ที่เจ็บยาวอย่างหนุ่ย ศราวุฒิ (มาสุข) หรืออาร์ท อรรถพล (กันหนู) อยู่”

การบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักหลาย ๆ คนทำให้นักเตะสำรองมีโอกาสโชว์ฝีเท้ามากขึ้นและดาวเด่นที่สามารถ “แจ้งเกิด” ได้ก็คือ “นิว” พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี มิดฟิลด์เชิงสูงหมายเลข 13 ทายาทลูกหนังของหนึ่งในนักเตะทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์ คว้าอันดับ 4 จากศึกเอเชียนเกมส์ได้เป็นครั้งแรกเมื่อ 22 ปีก่อนที่กรุงปักกิ่ง...ประภาส ฉ่ำรัศมี

“รู้สึกภูมิใจที่มีพ่อเป็นนักบอลทีมชาตินะครับ พ่อเป็นคนสอนบอลให้ผมตั้งแต่เด็กเลย เลิกเรียนก็ไปเล่นบอลกับพ่อ ไปเล่นลิงกับพวกนักเตะไทยลีกของการท่าเรือซึ่งพ่อเล่นอยู่ จนมาวันนึงก็เข้าเรียนที่เทพศิรินทร์ได้”

ที่รั้วแม่รำเพย นิวพัฒนาฝีเท้าจนโดดเด่น สามารถติดทีมนักเรียนไทยได้ พอเรียนจบ ม.6 ก็มาศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเป็นหนึ่งในขุนพลจามจุรี ยูไนเต็ดในที่สุด

(ปลาย) มีนาคม-เมษายน จามจุรี ยูไนเต็ดควานหา 3 แต้มเต็มไม่เจอ สิริรวมก็ 6 แม็ทช์กันไปเลย

เริ่มตั้งแต่บุกไปเสมอระยอง ยูไนเต็ด 0-0, บุกไปถูกสมุทรสาครถอง 0-2, กลับมาโดนเกษตรศาสตร์เชือด 0-1, บุกไปเก็บ 1 แต้มจากผลเสมอเซ็นทรัล ราชสีห์ 1-1, เสมอกรุงเทพคริสเตียนในบ้าน 0-0 และบุกไปเสมอศุลกากร ยูไนเต็ด 1-1

11 พฤษภาคม จบซีรีส์ไร้ชัยด้วยการบุกเชือดรังสิตถึงรังลีโอ สเตเดียม 1-0

เดือนพฤษภาคม (ที่เหลือ) จามจุรี ยูไนเต็ดชนะได้แค่แม็ทช์เดียวเท่านั้น!

เริ่มตั้งแต่เสมอเกษมบัณฑิตย์ในบ้าน 2-2, บุกไปแพ้นอร์ทกรุงเทพ 2-3, เสมออาร์แบค บีอีซี เทโรศาสน 1-1 ในบ้าน และปิดท้ายด้วยชัยชนะเหนือโกลเบล็กซ์ 2-0 ที่สนามจุ๊บ

ต้นเดือนมิถุนายน จามจุรี ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะได้ 2 เกมรวด เล่นนอกบ้านชนะนนทบุรี 3-1 และชนะลูกอีสาน การบินไทย 1-0

แต่แล้ว...

กลางเดือนมิถุนายนไปจนสิ้นเดือนกรกฏาคม นี่คือช่วงเวลาแห่งความเลวร้ายที่สุดของทีมเพราะต้องพบกับความปราชัย 7 นัดติดต่อกัน!

แพ้อัสสัมชัญ ธนบุรีคาบ้าน 1-2, บุกไปแพ้ไทยฮอนด้า 0-1, สมุทรปราการ ยูไนเต็ด 1-3 และกรุงธนบุรี 1-2, กลับมาเล่นในบ้านยังไม่หายมึน โดนระยอง ยูไนเต็ดเชือด 1-0, โดนสมุทรสาครบุกมาฝัง 2-1 ปิดท้ายด้วยการบุกไปแพ้แชมป์เก่าเกษตรศาสตร์ 0-2

“ตอนที่แพ้ 7 แม็ทช์รวดนั่น รู้สึกไม่ดีเลย ผมก็คุยกับทีมบริหารเหมือนกันเพราะเราเป็นโค้ช ก็ต้องรับผิดชอบผลงานในสนามอยู่แล้ว ก็แล้วแต่ผู้บริหารตัดสินใจเลย แต่ระบบทีมของเราเหมือนเป็นการทำทีมแบบระยะยาว ซึ่งจะไม่มีการปลดโค้ช ก็เลยมานั่งคุย มานั่งวิเคราะห์ร่วมกันว่าเกิดจากสาเหตุอะไร” โค้ชอู๊ด สัจจา ศิริเขตร์เกริ่นนำ ก่อนจะเพิ่มเติมรายละเอียดต่อไปว่า “มันเกิดจากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง บางจุดก็เล็ก ๆ แต่มาประเดประดังเข้ามาช่วงเวลานั้นพอดี เช่น ปัญหาผู้เล่นหลักบาดเจ็บและเรายังเปลี่ยนผู้เล่นไม่ได้ พอเปลี่ยนได้ตอนเลกสอง เรากำลังจะปรับเรื่องแท็กติก จูนผู้เล่นเก่ากับใหม่ให้เข้ากัน ก็มามีปัญหาเรื่องสนามซ้อมอีก เพราะสนามดันติดกิจกรรมของมหาวิทยาลัย แล้วไหนจะยังมีเรื่องเด็กติดสอบ, เด็กติดโปรอีก เพราะเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ก็กำลังเรียนกันอยู่”

“ช่วงที่แพ้ 7 นัดรวด รู้สึกเหมือนกับจังหวะมันไม่ได้เลย เหมือนไม่มีดวง เล่นกันแบบตะกุกตะกักก็เลยแพ้...ก็รู้สึกท้อนะ แต่คิดว่ายังต้องสู้ต่อไปเหมือนเดิม” ทายาทลูกหนังของฮีโร่เอเชียนเกมส์’90 ระบายความรู้สึก

ในช่วงที่ผลงานย่ำแย่แบบนี้ ยังมีเรื่องราวนอกสนามอีกอย่างหนึ่งที่ยิ่งทำให้แฟน ๆ ชาวสามย่านเศร้าขึ้นไปอีก นั่นก็คือภาพสตาร์หมายเลข 1 ของทีมใส่เสื้อแดง ชูผ้าพันคอทีมใหม่ เปิดตัวที่เอสซีจี สเตเดียม

จามจุรี ยูไนเต็ดจำต้องต้องเสียหนุ่ย ศราวุฒิ มาสุขให้กับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ว่าที่แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปซะแล้ว!

“ถามว่านี่คือการสูญเสียหนุ่ยมั้ย? ผมอยากให้มองสิ่งที่ได้มากกว่า สิ่งที่ได้มันได้กับตัวเด็กเลย ด้วยดีกรีของหนุ่ย ผมมองว่าระดับดิวิชัน 2 มันเป็นเวทีที่เล็กไปแล้ว ด้วยความสามารถของเค้าน่าจะไปเล่นกับทีมใหญ่ ๆ มากกว่า แล้วก็โชคดีที่ทางเอสซีจีฯสนใจเค้า ก็ต้องขอบคุณนะ นี่คือโอกาสของเด็กที่จะให้เค้าใช้เป็นเวทีที่จะเติบโตไปสู่เป้าหมายในการเล่นทีมชาติด้วย” สัจจาพูดถึงศิษย์รัก “ด้วยความสามารถของเค้า, ความรักในฟุตบอล, การต่อสู้ที่มีมาตลอด แล้วก็เป็นเด็กที่มีวินัย ผมมั่นใจว่าเค้าจะไปได้สวยกับทีมใหม่แน่นอน”

1 สิงหาคม ท้องฟ้าที่สามย่านเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง แม้จะยังเป็นหน้าฝนอยู่ก็ตามเพราะจามจุรี ยูไนเต็ดหยุดซีรีส์พ่ายแพ้ได้แล้ว ด้วยการเอาชนะเซ็นทรัล ราชสีห์สุดมัน 4-3 ที่สนามจุ๊บ

“รู้สึกว่าทีมเราปลดล็อกได้แล้ว ดีใจ...รู้สึกว่าสถานการณ์คงดีขึ้นแล้วแหละ พวกเราช่วยกันพาทีมให้กลับมาได้ แล้วก็น่าจะทำผลงานได้ดีต่อไป” พีรดนย์ ฉ่ำรัศมีบอก

แล้วก็จริงดังคำของนิว Timeline ของจามจุรี ยูไนเต็ดตั้งแต่สิงหาคมมาจนถึงกันยายน...ไม่เคยพบกับความปราชัยเลย!

เริ่มตั้งแต่บุกไปเสมอกรุงเทพคริสเตียน 2-2, เปิดบ้านเชือดศุลกากร ยูไนเต็ด 2-1, บุกไปถล่มโกลเบล็กซ์ 3-1, เสมอรังสิตในบ้าน 0-0 และชนะเกษมบัณฑิตย์ถึงรัง 2-1

ไล่เรียง Timeline มาถึงตรงนี้ ก็สมควรแก่เวลาแล้วนะที่ผมจะมาถึงสนามจุ๊บได้แล้ว




สัจจา ศิริเขตร์ทักทายเฮดโค้ชและผู้จัดการทีมของทีมเยือน

นักเตะทั้งสองทีมเดินลงสู่สนาม

ผู้เล่นสำรองจามจุรี ยูไนเต็ดให้กำลังใจ 11 ตัวจริง

กัปตันทีมทั้งสองจับมือ แลกธงก่อนเปิดเกม


16.30 น.เดินดูของที่ระลึกของจามจุรี ยูไนเต็ด วันที่ชนะไทยฮอนด้า ผมสอยเสื้อทีมเยือนไปแล้ว วันนี้กะจัดชุดเหย้าซะหน่อย

ข้อดีของการซื้อของท้ายเทศกาลนิยามได้ด้วยคำสามคำ...ลด-รา-คา

ณ ขณะนี้ เสื้อทุกตัวปักป้าย 350 บาท

“เหลือไม่กี่ตัวแล้วนะคะ” พี่คนขายบอกอย่างนั้น

ใครยังไม่มีเสื้อเก๋ ๆ ของจามจุรี ยูไนเต็ด 22 กันยายนนี้ โอกาสสุดท้ายแล้วนะครับ วันนั้นจะส่งท้ายฤดูกาลด้วยการเปิดบ้านพบกับนนทบุรี

16.37 น.ผมเงยหน้าจากการดูของที่ระลึกเพราะมีใครสักคนทัก

“ไม่เจอกันนานเลยนะ”

ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่อู๊ด สัจจา ศิริเขตร์ เฮดโค้ชจามจุรี ยูไนเต็ดนั่นเอง ก็เลยได้คุยกันนอกรอบนิดนึงถึงโปรเจคท์ของทีมในฤดูกาลหน้า

ด้วยโครงสร้างของทีมที่ “ขยับ” อะไรได้ไม่เยอะ คำตอบของอดีตปราการหลังจอมคลาสสิกของธนาคารกสิกรไทยเลยออกมาแบบนี้ครับ

“ปีหน้าน่าจะมีสองแผนนะครับ แผนแรกคือใช้นิสิตของเราทั้งหมด ไม่ใช้คนนอกเลย เป้าหมายอาจจะลดลงมาหน่อย จากที่จะต้องเลื่อนชั้นก็เหลือแค่เป็นเวทีที่ให้เด็ก ๆ ได้หาประสบการณ์เพื่อต่อยอดไปเล่นกีฬามหาวิทยาลัยหรือบอลประเพณี แต่ส่วนตัวผม...คือ...พอทำทีมแล้ว เราก็อยากมีเป้าหมายที่ชัดเจน มันจะได้เป็นแรงจูงใจที่ดีในการทำทีม ก็เลยมองว่าจะเสนอแผนสองโดยจะขอสร้างทีมจากนักเตะนอกซึ่งเป็นเกรด A เอามาเป็นแกนสัก 3 คน 5 คน อาจจะเป็นศิษย์เก่าก็ได้ แต่ทีมต้องกล้าจ่ายตรงนี้ด้วยนะ จากนั้นก็เอาเด็ก ๆ ของเราเข้าไปหยอดแต่ละตำแหน่ง ๆ เหมือนเดิม ถ้าเป็นแผนนี้...ก็คงหวังถึงขึ้นดิวิชัน 1 แหละครับ”

แผนทั้งสองนี้จะว่าไปแล้วคงต้องขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของเหล่าผู้บริหารนะ ถ้ายังคิดว่านี่คือทีมมหาวิทยาลัย แผนแรกก็โอเค แค่อย่าคาดหวังอะไรมากนักนะ แต่ถ้าจะใช้แผนสองก็ต้องกล้า ๆ ที่จะสลัดโครงสร้างบางอย่างทิ้ง แล้วปรับโหมดเข้าสู่ “บอลอาชีพ” เต็มตัวสักที

ด้วยศักยภาพของทรัพยากรที่จามจุรี ยูไนเต็ดมี....ผมว่าลีกวันไม่น่าจะไกลเกินไขว่คว้านะ

16.50 น. พี่อู๊ดขอตัวไปพูดคุยกับนักฟุตบอล ส่วนผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปมาในสนามจุ๊บนั่นแหละ




กองเชียร์นอร์ทกรุงเทพมากันไม่เยอะ แต่ส่งเสียร์ดังตลอดเกม


“รองแชมป์เก่า” นอร์ทกรุงเทพจะว่าไปแล้ว ก็ยังมีความหวังอยู่นิด ๆ แม้จะดูเลือนรางก็เถอะ ถ้าพวกเขาชนะได้หมดทุกแม็ทช์จะขยับแต้มไปเท่ากับ “แชมป์เก่า” เกษตรศาสตร์ (ที่ต้องแพ้รวด แล้วพวกอาร์แบคฯ, สมุทรสาครก็ต้องทำแต้มตกเรี่ยราดด้วยนะ) คว้าอันดับ 3 (จากเฮด ทูเฮดที่ดีกว่า) เก็บตั๋วไปเพลย์ออฟกับรองแชมป์ภาคใต้ต่อไป

ไม่ได้ถามโค้ชโป้ง กฤษณ์ สิงห์ปรีชา เฮดโค้ชนอร์ทกรุงเทพหรอก แต่เชื่อว่าเขาคงไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้น...

สิบเอ็ดผู้เล่นของนอร์ทกรุงเทพมาในระบบ 3-5-2 มีธีรภัทร์ ต้ออาษาเป็นผู้รักษาประตู แผงหลัง ผมสะดุดตานักเตะหนุ่มหมายเลข 40 ที่สุด ชื่อของเขาคือรังสรรค์ แสวงทรัพย์ อดีตปราการหลังสวนกุหลาบวิทยาลัยที่คุณเนวิน ชิดชอบไปดึงตัวมาจากโรงเรียนปราสาทวิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์ ดีกรีเคยติดทีมชาติไทยชุดแชมป์นักเรียนเอเชียมาแล้ว (รุ่นเดียวกับยศพล เทียงดาห์ ผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่ยังมีอนาคตอยู่กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

แต่ที่รังธันเดอร์คาสเซิล รังสรรค์ไม่สามารถเบียดขึ้นชุดใหญ่ได้ เลยต้องออกมาหาประสบการณ์กับแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ดเกือบสองปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่นอร์ทกรุงเทพในที่สุด

หลังเกมว่าจะคุยกับน้องโรงเรียนซะหน่อยว่าโบยบินเป็นอิสระจากแคมป์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเต็มตัวแล้วหรือยัง? แต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้คุยกัน

รังสรรค์ยืนเป็นปราการหลังตัวกลาง มีเกริกพงษ์ บุญสิทธิ์กับยุทธนา เนาวรัตน์ประกบด้านขวาและซ้ายตามลำดับ

กองกลางขับเคลื่อนโดยกัปตันทีมอย่างสถาพร แดงสี มีสองมิดฟิลด์พรสวรรค์สูงอย่างปฐมชัย เสือสกุลและบวร ตาปลาปั้นเกมรุก

ริมเส้นลากเลื้อยโดยธีระศักดิ์ คุณรักษาทางด้านขวาและสิทธิโชค ฟองกำแหงทางด้านซ้าย

คู่สังหารประกอบด้วยยุทธนา เรืองสุขสุดกับประเสริฐ ภู่มาลา

ทางด้านเจ้าบ้านนั้น โค้ชอู๊ดจัดผู้เล่นในระบบ 4-3-3 มีศิวนัส หนบรรเลงเฝ้าเสาอยู่ข้างหลังแผงหลัง 4 คนไล่ตั้งแต่ขวามาซ้ายก็คือฐาณรงค์ ทุเรียน, ณัฐปคัลภ์ กลีบบัว, ณัฐพงษ์ สายริยา (กัปตันทีม) และฉัตรฐานันทร์ รักโครต

แดนกลางขับเคลื่อนทัพโดยวรพันธ์ ฉิมพงษ์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมีและภุมเรศ กลัดกลีบ

แนวรุกใช้ผู้เล่นต่างชาติคอยจี๊ดตามริมเส้น ด้านขวา-เอมมานูเอล อามัวโก ด้านซ้าย-อลาสซาน คาราโมโก มีรักษ์วิทย์ สมนวลเป็นตัวเป้า




ไม่มีซูเปอร์หนุ่ย กับไมท์ตี้อาร์ท แต่สิบเอ็ดขุนพลจามจุรีชุดนี้ก็มีดีพอจะเก็บ 3 แต้ม

ขุนพลนอร์ทกรุงเทพคุ้นเคยกับผู้เล่นจามจุรี ยูไนเต็ดดีอยู่แล้ว


17.57 น. คุณธีระชัย จำปา ผู้ตัดสินในเกมนี้เป่านกหวีดปรี๊ดเริ่มการแข่งขัน ทั้งสองทีมไม่มีการฟังอีร้าค่าอีรม เปิดเกมรุกเข้าแลกกันแบบเอนเตอร์เทนแฟนบอลเต็มที่ ในขณะที่กองเชียร์นั้น แม้จะขนมาแบบ “กลุ่มเล็ก ๆ” กันทั้งสองทีม แต่ก็ส่งเสียงเชียร์แบบไม่มีหยุดเหมือนกัน

ช่วง 15 นาทีแรกดูเหมือนจะเป็นทีมเยือนด้วยซ้ำที่หาจังหวะได้ดีกว่า แต่กลับจบไม่ลง ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของปฐมชัยในนาทีที่ 5 ที่ยิงเข้าหน้าต่างหรือโอกาสของยุทธนาในนาทีที่ 13 ที่โยกหาจังหวะทางด้านซ้าย ก่อนลากตัดเข้ามาซัด...และก็เข้าหน้าต่างเช่นกัน

แต่แล้วในนาทีที่ 18 กลับเป็นเจ้าบ้านที่เป็นฝ่ายขึ้นนำได้ก่อน อลาสซานได้บอลทางฝั่งซ้ายก่อนจะซัดเข้าไปตุงตาข่าย

จามจุรี ยูไนเต็ด 1-0 นอร์ทกรุงเทพ

พอได้ประตูขึ้นนำ กลับกลายเป็นจามจุรี ยูไนเต็ดที่รูปเกมดีกว่า โดยอาศัยความจี๊ดจ๊าดทางฝั่งซ้ายของอลาสซานเข้าปั่นป่วนแผงหลังของ “อาชาผยอง” อย่างเมามัน

แต่ 45 นาทีแรกก็จบลงโดยที่ไม่มีทีมไหนสามารถยิงได้มากไปกว่านั้น




ลีลาของมิดฟิลด์จอมทัพ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เหมือนก็อปมาจากพ่อเหมือนกันนะ

ลูกเปิดฟรีคิกของกัปตันณัฐ

สัจจาแนะแท็กติกให้ลูกทีม

ยุทธนายืนเซ็งที่ทำประตูให้ทีมเยือนออกนำก่อนไม่ได้

วินาทีเฮฮาของนักเตะเจ้าบ้าน

มิตรภาพตอนช่วงพักครึ่ง


ครึ่งหลังเปิดฉากมาแค่ 2 นาที โค้ชโป้งก็ปรับเปลี่ยนทีมทันที ส่งนิรุธ จำเริญศรีลงมาแทนสิทธิโชค

เกมในครึ่งหลังกลับเป็นนอร์ทกรุงเทพ ซึ่งวันนี้มีอาจารย์มารยาท นันทแพศย์ ผู้จัดการทีมมานั่งให้กำลังใจถึงม้านั่งสำรองเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกเข้าใส่เจ้าบ้าน หวังทวงคืนเต็มที่

และแค่ 4 นาทีเท่านั้นเองพวกเขาก็สมหวัง กัปตันสถาพรเป็นผู้จุดประกายความหวังให้กับชาวอาชาผยองทั้งมวล

จามจุรี ยูไนเต็ด 1-1 นอร์ทกรุงเทพ

เจ้าบ้านพอโดนตีเสมอก็ตื่นจากภวังค์ทันที นาทีที่ 57 อามัวโกได้สับไกจากการโยนยาวมาให้ของอลาสซาน แต่ธีรภัทร์ ต้ออาษา ด่านสุดท้ายของนอร์ทกรุงเทพก็เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม

หนึ่งชั่วโมงของเกมผ่านไป สัจจา ศิริเขตร์ เฮดโค้ชมาดนิ่งของจามจุรี ยูไนเต็ดเริ่มปรับทัพ ส่งเอริก กัมเด็ม ศูนย์หน้าพลังม้าลงมาแทนภุมเรศ

ขณะที่กัมเด็มวิ่งลงสู่สนาม ผมกลับเห็นภาพซ้อนลาง ๆ เป็นภาพของเขาวิ่งออกมาที่ข้างสนาม...สามปีก่อน กับการหวลกลับมาดูบอลไทยอีกครั้งของผม ที่สนามแห่งนี้นี่แหละ เอริก กัมเด็มทำเซอร์ไพร้ส์ยิงให้ “เต็งตกชั้น” จุฬา ยูไนเต็ดพลิกขึ้นนำทีมดาวรุ่ง (ที่ทำว่าจะมาแรง) อย่างบางกอกกลาสไปก่อน 1-0 วิ่งเสร็จก็ออกมาแสดงความดีใจตรงลู่วิ่งนั่นแหละ

แต่สุดท้ายเป็นบางกอกกลาสที่พลิกกลับมาชนะได้ในช่วงท้ายเกม...

กัมเด็มไม่ใช่ศูนย์หน้าที่ยิงคมมากนัก แต่ถ้าพูดถึงความถึกและความเร็วล่ะก็ มีเหลือเฟือ เวลาแค่ 3 นาทีที่เขาได้สัมผัสกับเกมนี้ก็สามารถเรียกใบเหลืองจากธีระศักดิ์ได้สำเร็จ

เวลาไล่เลี่ยกัน นอร์ทกรุงเทพมีการปรับทัพบ้าง

“ถ้ามันโสภา สถาพร มันก็นอนใจ แต่ถ้ามันโศกา สถานี นี่ก็ซวยไป...” โค้ชโป้งฮัมเพลงเก่า ๆ ของบิลลี่ โอแกนในใจ แล้วก็ “ปิ๊ง” ไอเดียขึ้นมาทันที “อืม! วันนี้คนที่ยิงตีเสมอให้เราได้คือสถาพร แดงสีนี่ แสดงว่าจามจุรี ยูไนเต็ดแพ้คนชื่อสถาพรสินะ”

คิดได้ดังนั้นก็เลยถอดประเสริฐ ภู่มาลาออกมานั่งพักแล้วส่งสถาพร พุ่มพวงลงไปแทน

ช่างเป็นแผนการที่แยบยลจริง ๆ

เกมในครึ่งหลังยังแลกกันสนุกเหมือนเดิม แต่จังหวะจะโคนนั้น นอร์ทกรุงเทพทำได้ลงตัวกว่า จนสัจจา ศิริเขตร์ต้องออกมากระตุ้นลูกทีม “เก็บบอลจังหวะสองให้ได้”

เห็นมาดนิ่ง ๆ แบบนี้ โค้ชที่สัจจาชื่นชอบที่สุดกลับเป็นคนที่มีแคแรคเตอร์ต่างกันแบบสุดขั้วเลย...โชเซ มูริญโญ!

“โค้ชเมืองนอกผมชอบมูรินโญนะ ชอบสไตล์ของเค้า มีจุดยืน มีสไตล์ที่เป็นตัวเอง ส่วนเราไม่ใช่คนสไตล์แบบนั้น แค่ชอบวิธีการทำงานของเค้ามากกว่า”

ในขณะที่โค้ชในเมืองไทยที่สัจจาชื่นชอบที่สุดนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น โค้ชผู้ปลุกปั้นเขามาสมัยเป็นนักฟุตบอลนั่นเอง...ชาญวิทย์ ผลชีวิน

นาที 77 โค้ชอู๊ดปรับทัพอีกครั้ง ส่งรณชัย พงพุทธา อดีตศูนย์หน้าอันตรายจากรั้วชงโคสีม่วงและก๊อส ไชยโยลงมาแทนอามัวโกและรักษ์วิทย์

“ขอให้จับตาดูรณชัยไว้ให้ดี” อาจจะเป็นประโยคบอกเล่า แต่ในฐานะศิษย์เก่าสวนกุหลาบ ผมเลยรู้สึกว่ามันเป็นคำขู่จากกองเชียร์กรุงเทพคริสเตียนซะมากกว่า ที่มาเมนท์ไว้ในพันทิปก่อนมหกรรมลูกหนังจตุรมิตรเมื่อปีที่แล้วจะระเบิดขึ้น (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แข่งเพราะวิกฤตมหาอุทกภัยซะก่อน)

ช่วงท้าย ๆ เกม รณชัยแสดงพิษสงออกมาให้เห็นจริง ๆ มีโอกาสสับไก 2 ครั้งติด ๆ ครั้งแรกถูกธีรภัทร์เซฟเอาไว้ ส่วนครั้งที่สองยิงหลุดเสาแรกไปเอง

นอร์ทกรุงเทพใช้โควต้าตัวสำรองคนสุดท้ายในนาทีท้าย ๆ ส่งแดนไตร ลองจำนงค์ลงมาแทนยุทธนา

เกมทำท่าว่าจะเสมอกัน 1-1 แบ่งกันทีมละแต้ม แต่แล้วนาทีที่ 4 ของการทดเวลา 4 นาที พีรดนย์ ฉ่ำรัศมีก็หลุดเข้าไปดวลกับธีรภัทร์ แล้วก็ยิงสวนตัวจอมหนึบของทีมเยือนได้สำเร็จ

จามจุรี ยูไนเต็ดขึ้นนำ 2-1!

“ลูกนี้ขึ้นมาทางขวาแล้วก็โยนมาข้างใน กองหลังเค้าสกัดไม่ดี แล้วเป็นอลาสซานที่จับบอลลงมาให้ ผมว่าจะยิง แต่ก็ล็อกก่อน จนเหลือแค่ประตู ก็เลยแปเข้าทางฝั่งขวามือของเค้า” นิวบรรยายวินาทีสำคัญเป็นช็อต ๆ “ตอนที่เหลือสองต่อสองกับโกล์ ตอนแรกก็ว่าจะชิพนะครับ แต่กลัวไม่เข้า เลยแปดีกว่า เดี๋ยวโดนโค้ชด่า พอบอลเข้าประตูปุ๊บก็ดีใจมาก เหนื่อยมาทั้งเกมก็ได้มาระบายความรู้สึกออกมาเต็มที่ตอนช็อตนี้...”

เหล่าขุนพลนอร์ทกรุงเทพพยายามรีบเอาบอลมาตั้งเขี่ยโดยเร็วเพื่อตีเสมอให้ได้ แต่ช้าไปต๋อย คุณธีระชัย จำปาเป่านกหวีดยาว หมดเวลาการแข่งขันซะก่อน

จามจุรี ยูไนเต็ดเก็บสามแต้มเต็มได้สำเร็จ




จามจุรี ยูไนเต็ดรวมใจก่อนเริ่มครึ่งหลัง

เริ่มครึ่งหลังไม่กี่นาที นอร์ทกรุงเทพก็ได้เฮฮาแล้ว

เอริก กัมเด็มยังไม่ใช่ซูเปอร์ซับ

วรพันธ์ อีกหนึ่งกำลังสำคัญในแดนกลางของเจ้าบ้าน


ส่วนนอร์ทกรุงเทพเป็นอันว่าความหวังกับรอบแชมเปียนส์ ลีกที่เลือนลางก็มืดสนิทเรียบร้อย

“ถามว่าเราเสียดายปีนี้ไหม? เสียดาย แต่เราจะไม่มองหาอดีต เราต้องมองไปในอนาคต” กฤษณ์ สิงห์ปรีชา เฮดโค้ชนอร์ทกรุงเทพเปิดใจ “มันเป็นจังหวะของเกมที่เราทำไม่ได้เอง ครึ่งหลังเราก็เล่นได้ดีกว่า แต่ท้ายเกม เกมรับเราไปเสียสมาธิ จะว่าไปแล้ว เกมนี้ก็ถือว่าเป็นเกมที่ดีนะครับ”

จากหนึ่งในสิบสองทีมในรอบแชมเปียนส์ ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วกลับกลายเป็นทีมที่ต้องแบกรับความผิดหวังกลับคลองสี่ในปีนี้ โค้ชโป้งมองสาเหตุว่า

“เราเริ่มต้นด้วยความกระท่อนกระแท่นจากปัญหาภายใน กว่าจะมาแก้จนสะเด็ดน้ำได้ก็เลกสอง ซึ่งเราก็เสียดายในช่วงแรกนะที่ควรเก็บแต้มได้ แต่กลับเก็บไม่ได้ นั่นคือปัญหาของทีมที่เราต้องเดินต่อไป ปีหน้าเราก็ตั้งเป้าไว้ที่แชมเปียนส์ ลีกเหมือนเดิม แต่ก็ต้องดูนโยบายของผู้บริหารด้วยว่าจะเอายังไง?”

ส่วนทางฝั่งผู้ชนะนั้น สัจจา ศิริเขตร์เป็นปลื้มจริง ๆ “เป็นเกมที่ดีนะครับ มันเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีด้วย ก็เลยเปิดเกมรุกกันสนุกและสุดท้ายเราก็ได้ 3 แต้ม ซึ่งก็ต้องชมเด็ก ๆ ที่สู้กันจนนาทีสุดท้าย”

จากที่ได้ดูบ้าง ไม่ได้ดูบ้างเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และได้ดูตั้งหนึ่งแม็ทช์ในฤดูกาลนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่าจามจุรี ยูไนเต็ดมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็คือเด็ก ๆ ในทีมดูมีความมุ่งมั่นในการเล่นให้เห็นมากขึ้น

“ใช่ ๆ เรามีการกระตุ้นกัน แล้วก็คุยเรื่องเป้าหมายในปีหน้าด้วยเพื่อเป็นแรงกระตุ้นเด็ก ๆ ว่าต้องโชว์ผลงานให้ดีนะเพราะมีผลต่อการต่อสัญญา แต่จะว่าไปตัวเด็กเองก็ตั้งใจเล่นด้วย” โค้ชอู๊ดช่วยยืนยันอีกแรง

ถ้าเหล่าขุนพลจามจุรี ยูไนเต็ดรักษาการเล่นที่มุ่งมั่นได้อย่างนี้ตลอดไป ฤดูกาลหน้าก็อาจจะเป็นฤดูกาลแห่งความสมหวังของชาวสามย่านก็เป็นได้...

“อย่างน้อย ๆ เราไม่หลุดจากที่ 7 แน่ ๆ ฝากขอบคุณพวกเราที่มุ่งมั่น พยายามช่วยกันสร้างผลงานให้ดีขึ้น แม้จะมีช่วงที่แกว่ง ๆ ไปบ้าง...ก็ไม่เป็นไร เรียนรู้เป็นประสบการณ์ พรุ่งนี้ก็ซ้อมเหมือนเดิม แต่ซ้อมกันเบา ๆ สบาย ๆ” สัจจา ศิรเขตร์พูดกับลูกทีมตอนเข้าแถวรวมก่อนแยกย้ายไปพักผ่อน ส่วนผมก็ค่อย ๆ ปลีกตัวออกมาตอนนั้น...




ผู้เล่นเจ้าบ้านเข้าไปแสดงความเคารพสต๊าฟโค้ชทีมเยือน

สัจจาให้โอวาทลูกทีมหลังจบเกม


20.30 น. ผมเดินออกจากสนามจุ๊บเพื่อกลับบ้าน ฟีฟ่าเดย์แบบนี้ทำให้ไม่ต้องรีบร้อนมากนักเพราะไม่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกต่าง ๆ รออยู่

หากวินิจวิเคราะห์ Timeline ในฤดูกาลนี้ของจามจุรี ยูไนเต็ด แล้วเอามาพล็อตเป็นกราฟ ก็จะได้เห็นเส้นกราฟออกมาเป็นรูปขึ้น ๆ ลง ๆ ในขณะที่ทีมสามารถชนะรวดได้ 5 นัดติดต่อกัน แต่บางช่วงขณะก็สามารถแพ้ได้ 7 นัดติดเช่นกัน ท้ายฤดูกาลไม่แพ้ทีมไหนมา 7 นัดติดแระ แต่ก็มีช่วงนึงที่ทีมไม่ชนะติด ๆ กัน 6-7 นัด

ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกของทีมฟุตบอลที่ในหนึ่งฤดูกาลจะมีทั้งช่วงขึ้นและช่วงลง ผมคิดไปถึงทีมที่คุมทัพโดยจอมคนอหังการซึ่งสัจจายกให้เป็นโค้ชยอดขวัญใจของเขา

เรอัล มาดริดของโชเซ มูริญโญนั่นไง

เป็นทั้งแชมป์เก่าลา ลีกา มีทั้งตัวผู้เล่นระดับโลกเต็มไปหมด แต่สองนัดแรกออกสตาร์ทโดยไม่ชนะใครเลย เพิ่งมาเอาชนะในนัดที่ 3 ก่อนที่จะโดนติดเบรกด้วยโปรแกรมฟีฟ่าเดย์

แต่มูริญโญไม่ยี่หระกับผลงานฝืด ๆ ต้นฤดูกาล เขายักไหล่ตามสไตล์แล้วให้ความเห็นว่า

“ยอดทีมทั้งหลายไม่ได้เพอร์เฟคท์ช่วงต้นฤดูกาลเสมอไป...แต่เป็นความคงเส้นคงวาในการรักษาฟอร์มไปจนกระทั่งจบฤดูกาลต่างหาก นั่นเป็นสิ่งที่เรียกว่าบิ๊กเนม”

ช่างสวนทางกับ Timeline ของจามจุรี ยูไนเต็ดฤดูกาลนี้จริง ๆ ที่ต้นฤดูกาลออกตัวแร้งส์ แต่เพราะความไม่คงเส้นคงวา สุดท้ายก็เลยต้องยอมรับกับคำว่า “โนเนม” วนเวียนอยู่ในระดับดิวิชัน 2 ต่อไป

แต่หาก Timeline ในฤดูกาลหน้าของจามจุรี ยูไนเต็ดจะเริ่มช่วงเวลาแรกด้วยความตะกุกตะกักเพราะการจูนโครงสร้างทีมใหม่อย่างที่โค้ชอู๊ดวางแพลน จากนั้นก็เรียกฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ผสมผสานกับความมุ่งมั่นของน้อง ๆ นักฟุตบอลที่ผมเห็นแล้วว่าทุกคนมีอยู่ รักษาความคงเส้นคงวาไว้ได้ไปจนช่วงท้าย

นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “บิ๊กเนม”...ที่พร้อมจะเลื่อนชั้นสู่ลีกในระดับสูงกว่าต่อไป!




Create Date : 15 กันยายน 2555
Last Update : 15 กันยายน 2555 15:20:06 น. 0 comments
Counter : 2486 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

baevi
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add baevi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.