11.London London ถึงแม้ว่าHilton Kensington ที่ถนนสายที่3 ถึง จะไม่ใช่Hot spot แต่ก็จะเดินทางไปไหนๆ สดวกสบาย จะเดินไปสวนสาธารณะ ที่ชื่อ Hydepark ก็ง่ายดายหรือชมพระราชวัง Kensington Palace หรือจะใช้รถไฟใต้ดิน ที่เรียกที่นี่ว่า TUBE ที่เป็น SUBWAY ก็ง่ายดาย เดินไกลไปหน่อย 10 นาที The Holland Park subway station (Central Line) ไปไหนต่อไหนในราคาประหยัด และใช้เวลา20 กว่านาทีก็จะถึง The British Museum, Bloomsbury ที่เป็นสถานีใกล้ๆ British Museum อยู่อังกฤษไม่มีใครสนใจว่าคุณเป็นใคร ...ดิฉันเปลี่ยนรองเท้าเป็นสนีคเกอร์ เสื้อโค้ตกันหนาวรัดกุม และมีร่ม British Museum อยู่ถนน Great Russell Street, London, WC1B 3DG Admission is free คือเข้าชมฟรีค่ะ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.0017.30 The Museum is closed on 1 January, Good Friday, 24, 25, 26 December และเหตุผลที่ต้องมาดูคืองานของดิฉันที่จะต้อง ทำ อาจจะต้องการ ความรู้ ที่เป็นเรื่อง อียิปต์ โบราณ มิสเวิลด์ จากบาหลีไม่อยากจะให้ใครกล่าวได้ว่า ได้แต่สวยอย่างเดียวไม่มีสมอง ...เอ หรือว่าดิฉันสวยจริงๆ London London ดิิฉันใช้เวลาเกือบตลอดช่วงกลางวันเดินดู The British museum ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น Objects of the day.. ดิฉันตั้งใจมาทบทวนความรู้ทางประวัติศาสตร์ของตัวเองกับภาพวาดบนแผ่นPapirus และความยิ่งใหญ่ของฟาโรห์ รามเสส ที่มีหลายพระองค์ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ในการรบและมีการบันทึกอักษรภาพ เป็นตัวอักษรภาพบน ปิรามิด และแน่นอนค่ะความงามอันอมตะของพระนางคลีโอพัตรา สิ่งที่น่าตื่นเต้นตกใจก็เป็นเรื่องของมัมมี่ นี่แหละคะการจำลองภาพมาเป็น ดิจอตอล ทำให้เห็นภาพชัดๆ ที่เป็นเริ่องราวของมัมมี่ ดิฉันกลัวๆกล้าๆ ห้องที่4 แสดงภาพแกะสลักหน้าของฟาโรห์ ที่หนึ่งหน้านั้นยกมาจาก Aswan ในประเทศอียิปต์ เป็นพระเศียรของฟาโรห์ ที่ยิ่งใหญ่ ที่แกะสลักจากหินแกรนิตที่งดงาม ดิฉันเดินเข้าจากทางทิศใต้ของถนนRussel เป็นขั้น บันได เดินตามแผนที่ตรงเข้าไปห้อง ที่4 ของ Great court ห้องนี้จะเป็นที่มาของ ตำนานไอยคุปต์ มีก้อนหินแกรนิตชื่อ Rosetta เป็นห้องที่ยาวสุดอาคารไปทางตะวันตก ฟาโรห์ที่ British museum กับที่ วิหารลักซอร์ ในอียิปต์เป็นคนแกะสลักคนเดียวกัน +++แน่นอน โค้งของดวงตาและปากทำมุมกันอย่างงดงาม .....ดิฉันหลับตานึก ทำไมดิฉันถึงคิดถึง ฟาโร์ห์ถูกวางกับพื้น องค์นั้นมีงูอยู่ตรงหน้าผาก องค์นี้อาจจะหักไป แต่หน้าแกะสลักงดงาม จริงๆ ถ่ายรูปได้ โดยไม่หวงห้าม ตรงนี้ดิฉันชอบความเป็นยุโรป ที่เปิดกว้าง ให้โอกาสคนมาศึกษา แต่แปลกใจพระเศียรของฟาโรห์มาอยู่ในอังกฤษได้อย่าไร????? แล้วอังกฤษเอาอะไรไปแลกมา++ ดิฉันกลับจากBritish Museum เป็นบ่ายจัดๆแล้ว สิ่งหนึ่งที่ยังครุ่นคิด คือเรื่องราวมากมาย ของอียิปต์โบราณ มัมมี่ เป็นอะไรที่ดิฉันหวาดกลัวเล็กๆ แล้วเรื่องราววันนี้มันเกี่ยวกับเกาะฟาโรห์ที่ดิัฉันจะต้องไปถ่ายภาพโฆษณา และน่าแปลกนอกเหนือจากชื่อทีมฟุตบอลแล้ว ดิฉันไม่รู้อะไรเลยเรื่องเกาะฟาโรห์ ที่เป็นหมู่เกาะในเดนมาร์ค และดิฉัน ยังไม่เคยคุยกับเฮ็นริก...และต้องมาพบกับเอเจนซี่ทำโฆษณาที่อังกฤษ เหลื่อเชื่อจริงๆ เย็นวันนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับทิศยาวตีที่โรงแรม RITZ ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไร ดิฉันแช่น้ำอุ่นเนิ่นนาน เท้าบวมไปหมด ทาครีมที่เป็นบาล์มและเอาเท้าพาดสูงๆด้านหัวเตียง ดิฉันเห็นแสงไฟวับแวม สวนสาธารณะด้านโ้น้นคงเป็นที่เขาเรียกว่า ไฮปาร์ค... โชคดียังใส่ชุดได้ เวลานอนราบเหมือนมีผีเสื้อขยับปีกอยู่ในท้อง ลูกคงจะรู้ว่าเรามีความสุข จริงๆเวลานี้ เฮ็นริกทิ้งข้อความฝากไว้ในเเบล็คเบอรี่....LOVE ya.. เอ..นี่เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาเเด้นซ์ กันนะ.... โรงแรมRITZ อยู่ถนนสายแพง คือ Piccadilly ที่ผู้มาเยือนต้องไปจิบน้ำชาบ่าย กับขนม แสนอร่อยกัน กางเกงยีนส์กับรองเท้าสนีกเกอร์ถูกห้ามเด็ดขาด+++ในโรงแรมหรูหรา ของ RITZ ดิฉันมีเวลาแต่งหน้า แต่งตัวยาวนานพอสมควร และใช้น้ำหอมคินต้าบาหลี หลังจากแต้มลิปสติคสีแดงเฉิดฉาย ถอนใจยาวเมื่อทุกอย่างจบลง หิ้วกระเป๋าเงินใบเล็ก พร้อมผ้าคลุมไหล่คล้องที่เเขน เป็นโมแฮร์สอดด้วยดิ้นเงิน ดิฉันทบผมไม่ให้ยาวมากนักและสวมชุดเปลือยหลัง ... ลีมูซีนของโรงแรมมาส่ง ดิฉันก้าวเดินอย่างมั่นใจ RITZ Hotel มีพรมสีแดง และีความหรูหราดังพระราชวัง ตอนสวมมงกุฎมิสเวิลด์ ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงจริงๆ มีคนเดินมาต้อนรับ กลับไม่ใช่เป็นตัวเเทน โฆษณา ผู้ชาย ที่เดินมาหาิดิฉัน ตอนที่บริกรนำทางมา ที่มุมหนึ่งของส่วนที่ใช้ตอนรับแขกของโรงแรม ตรงนั้นเป็นล็อบบี้มีเสียงของเปียนโน เขาจับมือดิฉันและยืนประชิดตัว ดิฉันตกใจเล็กน้อย เมื่อเขาเอื้อมมือมาโอบไหล่ และพาเดินอย่างมั่นใจ".. .เราพบกันแล้วนะ " "บนเครื่องบิน " ดิฉันตอบ โมโหนิดๆ ดิฉันตอบได้เลยว่าสะกดอารมณ์ไว้ อย่างเงียบเชียบ คงเพราะความเป็นเอเชีย คนที่ติดต่อและจัดที่พักให้ และติดต่อดิฉัน กลายเป็นคนๆเดียว ทีึ่ชื่อ Ryan Schatz ผู้ชายตาสีฮาเซล.. ผมสีเทาที่สั่งเครื่องดื่มให้ดิฉันบนเครื่องบิน "ที่พักคงสบายนะ ผมอยากให้คุณเห็นประเทศอังกฤษ ที่เป็นวัยรุ่นสักหน่อย ตรงเคนซิงตัน เป็นอะไร ที่อบอุ่น ง่ายๆ และมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง " "ดิฉันไปบบริติสมิวเซียม " ดิฉันกล่าวลอยๆ เขาพยักหน้า "ลอนดอนสวยมีเสน่ห์มากครับ วันนี้น่าจะเป็นตอนน้ำชากลางบ่าย แต่ติดต่อคุณ ไม่ได้..." ดวงตาเขาแวบปรายตาดูดิฉันนิดหนึ่งและยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจมาก จนดิฉันรู้สึกดีขึ้น "ผม ...ไรอัน ชาร์ต ...." คุณเรียกผมว่า ไรอันก็ได้นะ...ทิศยาวตี " ไม่เป็นไรค่ะ คุณชาร์ต " แต่ดิฉันเชื่อแน่เลยว่าอาหารค่ำที่ Mayfair คืนนั้น ไม่ใช่อาหารของชาวอังกฤษแน่ๆ ากที่ได้ยินชื่อ..... ที่น่าแปลกใจคือสะเต๊ะไก่อาหารอินเดียน ++++ เขาคงคิดว่าดิฉันคงจะิคิดถึงบาหลี .... เป็นสิ่งท่ีน่าแปลกใจ ดิฉันพุดคุยกับเขารู้เรื่อง ทั้งๆที่วงดนตรี อยู่ด้านหลังของเขา มีทั้งไวโอลิน และเปียโน แก้วไวน์ตรงหน้าดิฉันชื่อ Chateau Margaux ...และดิฉันจิบ " ไวน์ต้องดื่มครับ...." และ four main courses ก็ตามมาด้วยสลัด ที่จำได้ Truffled Crème Brûlée with Black and White Truffle ดิฉันจะเคยอยู่ในดินเนอร์หรูหราเสมอ เพราะเป็นนักดนตรี การเป็นนักไวโอลิน ตั้งแต่เด็ก ทำให้ดิฉันสนุกสนานกับชีวิต "ตรง Hot canapes ผมเลือก Oriental Spice Chicken แบบ บาหลี เขาหัวเราะ.." "ทำได้หรือคะ " ได้สิ ...มันง่ายๆ ขนาด คาโซเลตต์ ลอบสเตอร์ ยังมีเครื่องเทศของประเทศไทยเลย.... " และเขาก็หัวเราะดังขึ้นอีก " คุณน่าจะชอบ Lobster spring roll , Ginger .." " Thai basil" ดิฉันพูดอย่าง ทันควัน ไรอัน ชาร์ต ยกแก้วไวน์ดื่ม ดวงตาแพรวพราว ...... มีเพลง จากวงดนตรีด้านหลัง เป็นเปียนโน ไพเราะ Chromatic Fantasia ของ Johann Sebastian Bach ที่ดิฉันหลงไหล ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรู้จักวงที่บรรเลงหรือไม่ แต่ไพเราะมาก ที่สุด ท้องฟ้าที่ประเทศอังกฤษค่ำคืน นี้ สวยจน ลืมไม่ลง ................................................................................. ขอขัดใจคุณเชรียาสักครั้งน้า
บรรยากาศโรแมนติคของลอนดอน ทั้งพิพิธภัณฑ์ London/ สวน Hyde Park ประกอบกับงานปาร์ตี้แวววับในโรงแรมหรูอย่าง Rizt ทำไมเอาเพลงหดหู่เศร้าหมองแบบ English Patient มาล่ะ เออ.. ดื่มน้ำชากับสโคนไม่คล่องคอเลยล่ะ มันฝืดดด..... เอา Chromatic Fantasia ของ Bach ตามที่บรรยายไว้ คงดีกว่าเนอะ หรือง่ายๆ เอา London Bridge is Falling Down มาเปิดก้อด้ายยยย โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:12:43:53 น.
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมกันค่ะ เลยวันนี้ได้ตามเที่ยว ตามอ่านไปด้วยนะคะ โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:20:06:53 น.
|
SwantiJareeCheri
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
All Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ชอบที่เขียนว่า เหมือนมีผีเสื้อขยับปีกอยู่ในท้อง..
คงรู้สึกดีมากๆเลยนะคะ..
บริทิช มิวเซียม น่าไปนะคะ
สถานที่ให้ความรู้แบบนี้ ถ้าให้เปิดเข้าชมฟรี ก็จะมีคนให้ความสนใจ และ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะๆ
พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย เราไม่เคยเห็นที่ไหน ไม่เก็บค่าเข้าชมเลย
ขอบคุณสำหรับดอกไม้สวยๆด้วยค่ะ