Me, Myself and Formula 1
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
23 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
ไปเซปังครั้งที่ 5...แต่เปลี่ยนมาเป็นโมโต้จีพี 2012 ตอนที่ 1

ใครที่ติดตามการเดินทางไปชมการแข่งขันฟอร์มูล่าวันของเจ้าของบล็อกคงทราบดีว่าเราไปแต่เซปังอยู่สนามเดียว ไปแล้วไปอีกตั้งแต่ปี 2009 จนเมื่อต้นปีนี้ก็ยังไปเกาะขอบสนามอีกเป็นครั้งที่ 4 แถมพอกลับมาไม่ทันไรก็มีความคิดว่าจะไปอีกค่ะ แต่คราวนี้จะเปลี่ยนแนวขอตามไปดูการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกหรือโมโต้จีพีบ้าง เพราะที่จริงเราก็เริ่มดูตามพ่อมาตั้งแต่ประมาณปี 1996 แล้วก็ดูเรื่อยมาจนถึงวันนี้แต่ผ่านจอโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว เราจึงอยากตามอีกความฝันหลังจากบรรลุเป้าหมายในฟอร์มูล่าวันไปแล้ว

สำหรับเรา ต้องเรียกว่าโตมาพร้อมกับขวัญใจคนแรก วาเลนติโน่ รอสซี่ เขาแก่กว่าเราปีเดียว ซึ่งเราได้ดูการแข่งขันของเขามาตั้งแต่รุ่น 125 ซีซีในรถอาพริลเลีย เพราะฉะนั้นก่อนที่รอสซี่จะเลิกแข่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราก็เลยสัญญากับตัวเองว่าจะต้องไปดูเขาแข่งในสนามให้ได้ ถึงแม้จะเคยเห็นตัวจริงของเขาแล้วตอนที่เขามาบ้านเราเมื่อต้นปี 2010 ก็ตาม รวมทั้งตอนนี้ก็มีหนุ่มน้อยอีกคนที่เราเฝ้ามองพัฒนาการมาตั้งแต่เขาอายุยังไม่เต็ม 18 ดี ขึ้นโพเดียมรุ่น 125 ซีซีในตอนนั้นแต่ละทีก็ฉีดแชมเปญไม่ได้เพราะอายุไม่ถึง แต่ตอนนี้หลังจากแข่งในรุ่นโมโต้ทูเป็นปีที่ 2 เขาก็เกือบจะได้ฉายาเป็น "รอสซี่ภาคภาษาสเปน" อยู่แล้ว มาร์ก มาร์เกซ หรือ "มะขวิด" ที่พ่อเราเรียกแบบไทยๆ ให้คล่องปากกว่านั่นเองค่ะ




ไปเพื่อเชียร์สองคนนี้ วาเลนติโน่ รอสซี่ และมาร์ก มาร์เกซ



เมื่อเหตุผลมาพร้อมแล้วจะรออะไร...จุดหมายปลายทางของเราสำหรับโมโต้จีพีชัดเจนว่าต้องเป็นเซปังแน่นอนเพราะค่าใช้จ่ายถูกดี ที่สำคัญ แทบจะทุกปีที่โมโต้จีพีรายการมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์จะต้องแข่งซ้อนเวลากับฟอร์มูล่าวันที่ญี่ปุ่น นี่เองจึงทำให้ตัดใจทิ้งอะไรไม่ได้เลยสักอย่างมาหลายปี แต่สำหรับปีนี้ หลังจากการแข่งขันทั้งสองประเภทยืนยันปฏิทินการแข่งขันตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและเราเห็นว่าโมโต้จีพีที่มาเลเซียไม่ตรงกับฟอร์มูล่าวันสนามใดเลย จึงคิดไว้ตั้งแต่นั้นว่าปี 2012 ต้องถึงเวลาของโมโต้จีพีเสียที!

แผนการเริ่มตั้งแต่สนามเซปังประกาศขายบัตรเข้าชมล่วงหน้า (Early Bird) เราซื้อบัตรตอนปลายเดือนพฤษภาคม เป็นบัตรแกรนด์สแตนหลักทางตรงหน้าพิตในราคา 103 ริงกิตหรือ 1,030 บาท จากราคาเต็ม 153 ริงกิต นี่เป็นราคาบัตรอย่างเดียวนะคะ เข้าได้ 2 วันทั้งเสาร์-อาทิตย์ (วันศุกร์เข้าฟรี) แต่ไม่ระบุเลขที่นั่ง หมายถึงเวลาเข้าสนามก็เข้าไปในโซนนี้แต่ต้องไปจับจองหามุมเหมาะๆ เอาเอง ส่วนถ้าใครอยากซื้อบัตรแกรนด์สแตนหลักพร้อมเสื้อของทางสนามก็จะเป็นราคา 161 ริงกิต จากราคาเต็ม 191 ริงกิต ต่อมาก็เป็นเรื่องตั๋วเครื่องบิน เราใช้บริการแอร์เอเชียเช่นเคยโดยซื้อตอนมีโปรโมชั่น ส่วนที่พัก เนื่องจากคราวนี้เสียเงินค่าบัตรเข้าสนามถูกกว่าตอนไปดูฟอร์มูล่าวันเลยขอเลือกนอนดีขึ้นมาหน่อย เราจองโรงแรมเมเลีย กัวลาลัมเปอร์ (Melia Kuala Lumpur) ซึ่งเป็นโรงแรม 4 ดาวที่เราเคยพักตั้งแต่มาเที่ยวมาเลเซียครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนโดยจองผ่านอโกด้าค่ะ

เมื่อทุกอย่างพร้อมและถึงวันเดินทาง การผจญภัยครั้งใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้...


วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม

เรากับเพื่อนถึงสนามบินโลว์คอสต์ของมาเลย์หรือ LCCT ตอนสองทุ่มและเดินทางเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์ด้วยรถบัสที่จอดเรียงรายรออยู่ด้านหน้า ราคาตั๋วรถคนละ 8 ริงกิต ใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็ถึงท่ารถเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) ต่อด้วยรถไฟฟ้าสายโมโนเรล (Monorail) ลงสถานีอิมบิ๊ (Imbi) ก็ถึงหน้าโรงแรมเมเลียเลยค่ะ

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราไม่เลือกนอนโรงแรมจูน (Tune) ที่อยู่ตรงนั้น เพราะสนามบิน LCCT กับสนามเซปังห่างกันเพียงนิดเดียวแล้วเดี๋ยวเช้าก็ต้องรีบตื่นนั่งรถกลับมาอีก จะบอกว่าเราเคยนอนแล้วครั้งหนึ่งค่ะแต่ไม่ประทับใจ ขอยอมนั่งรถเข้าเมืองไปก่อนดีกว่า




จอโทรทัศน์ในห้องพักขึ้นข้อความต้อนรับ



วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม

คนเขียนย้ำกับผู้อ่านเสมอว่าถึงแม้เซปังจะจัดการแข่งขันโมโต้จีพีหรือฟอร์มูล่าวันมาตั้งแต่ปี 1999 แต่ต้องขอพูดตรงๆ...ก็ใช่ว่าการจัดการจะดี แล้วยังไม่มีอะไรคงที่หรือแน่นอนจากปีก่อนๆ อีกต่างหาก วิธีที่ดีที่สุดขอแนะนำให้ใช้การ "ถาม" ค่ะ

ที่ท่ารถเคแอลเซ็นทรัลจะมีรถสกายบัสในเครือแอร์เอเชียคอยบริการรับส่งไปสนามเซปัง ค่ารถเที่ยวเดียว 18 ริงกิต หรือจะซื้อตั๋วแบบไปกลับเลยก็ได้ 36 ริงกิต แต่ที่ขึ้นรถเปลี่ยนจากจุดที่เราเคยขึ้นไปในปีอื่น พอเดินวนๆ สักพักไม่เจอ สุดท้ายก็ต้องใช้ปากถามเอาเรื่อยๆ จนถึงที่รถจอดรออยู่ อย่างไรก็ตาม วันศุกร์ซึ่งเป็นวันซ้อมมักจะเป็นวันที่เจอปัญหารถไม่ค่อยมีหรือถึงมีผู้คนก็ไม่ค่อยมาก รถจะออกต่อเมื่อคนเต็มหรือค่อนข้างเต็มค่ะ ซึ่งเราก็โชคดีที่คนทยอยมาจึงไม่ต้องรอนาน

แต่ก็ต้องมีเรื่องน่าโมโหอีกจนได้ โดยปกติเมื่อถึงสนามแล้วรถบัสจะจอดให้เราลงด้านหน้าเพื่อให้ขึ้นรถรับส่ง (Shuttle Bus) ของสนามไปยังประตูเข้าสู่แกรนด์สแตนต่างๆ ต่อไป คราวนี้ลงรถแล้วกลับเงียบกริบ ไม่มีรถหรือเจ้าหน้าที่มาคอยบริการเลยสักนิด หลังจากยืนงงอยู่เล็กน้อยก็สรุปได้ว่าเขาให้เราเดินต่อไปเอง!

ถามว่าไกลมั้ย ก็ถือว่าไม่ไกลมากค่ะ เป็นระยะที่เดินได้อยู่ แต่กับการที่ต้องเดินขึ้นเนินกลางแดดร้อนเปรี้ยง ถ้าแรงไม่ดีมีสิทธิ์เป็นลมได้เหมือนกัน...

สำหรับวันศุกร์ผู้คนมักจะเบาบางเสมอ แต่ที่คึกคักกว่าฟอร์มูล่าวันอย่างเห็นได้ชัดคือมีบู๊ทสินค้ามากมาย รถมอเตอร์ไซค์ค่ายต่างๆ มาจอดเรียงรายให้ได้ชมประหนึ่งว่าอยู่ในงานมอเตอร์โชว์ รวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างหมวกกันน็อก ชุดแข่ง ถุงมือ รองเท้า ก็มีมากมาย ถึงแม้เจ้าหน้าที่บู๊ทต่างๆ ยังสาละวนอยู่กับการเตรียมการ แต่ก็เห็นเค้าแล้วว่าคึกครื้นกว่าตอนแข่งฟอร์มูล่าวันแน่นอน

เมื่อเดินเข้ามาจนถึงแกรนด์สแตนบล็อกแรก ซึ่งขณะนั้นรุ่นโมโต้จีพีกำลังจะลงซ้อมครั้งแรก เราไม่รอช้ารีบปรี่เข้าไปยื่นหน้าดูก่อน ภาพแรกที่เห็นคือจำนวนพิตที่เรียงรายแปลกกว่าฟอร์มูล่าวัน เนื่องจากทีมงานของมอเตอร์ไซค์มีไม่มากและรถก็ไม่ต้องการพื้นที่มาก จึงมีการแบ่งเป็นครึ่งแรกนับจากทางเข้าพิตจนถึงกึ่งกลางเป็นโซนของทีมในโมโต้จีพี ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจากตรงกลางจนถึงปากทางออกพิตเป็นโซนของทีมโมโต้ทูและโมโต้ทรี โดยขณะทีทีมไหนไม่มีตารางต้องลงซ้อมในขณะนั้นเขาก็จะปิดโรงรถของเขาไว้ก่อน พอถึงช่วงของตนก็ค่อยเปิด เราจึงได้เห็นแต่ละทีมปิดๆ เปิดๆ โรงรถอยู่ตลอดวันค่ะ




บรรยากาศเช้าวันศุกร์



พอตกบ่ายหลังโมโต้จีพีซ้อมจบและยังเหลืออีกรุ่นปิดท้ายคือโมโต้ทู เราก็กะว่าจะเดินออกมาเข้าห้องน้ำเฉยๆ แล้วจะกลับไปดูต่อ แต่เอ๊ะ! ผู้คนมากมายรีบเดินไปที่ประตูทางลงอุโมงค์ 2 ไปต่อคิวเพื่อจะลงไปพิตเลนตามโปรแกรม Public Pitlane Walk สำหรับคนซื้อบัตรแกรนด์สแตนด์แล้วนี่นา!! ที่จริงเขาให้ลงได้เวลา 4 โมงเย็นนะคะ แต่ตอนนั้นเพิ่งจะ 3 โมงนิดๆ เท่านั้น ตายแล้ว..ถ้าเราไม่รีบไปต่อคิวเราจะได้ลงมั้ยเนี่ย?? แล้วงานนี้จะพลาดอีกไม่ได้อีกเป็นอันขาด หลังจากเราพลาดไม่ได้ลงพิตเลนของฟอร์มูล่าวันเมื่อต้นปี คิดได้ดังนั้นก็รีบไปห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เสร็จแล้วก็รีบเดินจ้ำอ้าวมาต่อคิวกับเขาบ้าง

ต้องยืนรอเป็นชั่วโมงก็นับว่าแย่แล้ว แต่เรากำลังจะต้องยืนรอใต้พายุฝนด้วย! เพราะขณะนั้นท้องฟ้าทั่วสนามค่อยๆ หม่นลง เมฆดำก้อนหนาลอยนิ่งแผ่เป็นวงกว้าง ยังไม่ทันจะเริ่มทำใจเม็ดฝนก็ค่อยๆ หยดลงมา แล้วในที่สุดก็กลายเป็นเม็ดหนาถี่ มาพร้อมลมแรงอีกต่างหาก เราพกร่มมาแต่ก็ช่วยแค่ไม่ให้หัวกับตัวเปียกเท่านั้น ด้วยแรงลมทำให้กระเป๋าสะพายและกระเป๋ากล้องเปียกไปหมด อดทนคือคำเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้เราฝ่าอุปสรรคนี้ไปให้ได้ แต่บางคนที่ไม่มีร่มและท้อเกินจะยืนรอต่อไปก็เดินออกจากแถว ทำให้แถวสั้นขึ้นเล็กน้อย




เพื่อที่จะลงพิตเลน แฟนๆ ต้องอดทนถึงขนาดนี้



แต่อุปสรรคไม่ได้มีเพียงเท่านั้น นอกจากแถวของแฟนๆ ที่ซื้อบัตรแกรนด์สแตนด์ซึ่งมีสิทธิ์ลงพิตเลนแล้ว ยังมีแถวนักเรียนชั้นประถมของมาเลย์เองต่อคิวยาวเหยียดจนมองไม่เห็นปลายแถวอยู่อีกทางหนึ่ง ดูแล้วไม่น่าจะมาจากโรงเรียนเดียวกันเพราะชุดนักเรียนมีหลากหลายแบบและสี แล้วจริงดังคาด พอถึงเวลาที่พิตเลนเปิดให้ลง เด็กนักเรียนของบ้านเขาได้ลงก่อน ซึ่งมาจากโรงเรียนไม่ต่ำกว่า 10 แห่งแน่ๆ ทยอยเดินลงอุโมงค์นั้นไปไม่หมดแถวเสียที จาก 10 นาที...20 นาที...จนถึงครึ่งชั่วโมงที่คนซื้อบัตรอย่างพวกเราต้องชะเง้อมองแล้วมองเล่าว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวเราเสียที

และแล้วเมื่อถึงเวลา 16.40 น. หรืออีก 20 นาทีจะหมดเวลาเดินพิตเลน เจ้าหน้าที่ก็ปล่อย 'ผู้มีสิทธิ์' อย่างเราลงอุโมงค์แล้ว เราเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้เพราะกลัวใช้เวลาอยู่ในพิตเลนไม่หนำใจ ถึงตอนนั้นฝนหยุดแล้ว และเมื่อขึ้นมาจากอุโมงค์ลอดใต้แทร็คมาฝั่งอาคารพิต ภาพแรกที่เห็นก็ทำให้เราประทับใจได้ทันทีถึงความยิ่งใหญ่ของแกรนด์สแตนด์ นึกถึงเวลาที่ผู้ชมเต็มแน่น พวกนักแข่งคงรู้สึกดีมากทีเดียวล่ะค่ะ




ประตูสีฟ้านั่นคือทางลงอุโมงค์ 2




เดิน..เดิน..เดิน




ภายในอุโมงค์




ขึ้นมาฝั่งอาคารพิตแล้ว




ภาพแรกที่มองไป เห็นแกรนด์สแตนด์หลักยาวไกลสุดสายตา




ซูลฟาห์มี่ ไครุดดิน นักแข่งเจ้าถิ่นกำลังง่วนแจกลายเซ็น




โรงรถฮอนด้า




โรงรถดูคาติ




ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ กำลังให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์




พื้นผิวแทร็คเป็นแบบนี้




เส้นชัยและกริดแถวแรก




ป้ายเชียร์ข้างสนาม




ผู้คนหนาแน่นในพิตเลน




แหงนมองโพเดียม




เซฟตี้คาร์ของโมโต้จีพี




เดินมาจนถึงทางเข้าพิตแล้ว




ก่อนกลับออกไปยังได้เจอซานโดร คอร์เตเซ่ แชมป์โมโต้ทรีปีนี้ยืนถ่ายรูปกับแฟนๆ



คุ้มค่าสมกับที่อดทนยืนตากฝนรอกว่า 1 ชั่วโมงเพื่อจะได้ทำสิ่งนี้จริงๆ เลยค่ะ ในฐานะที่ติดตามการแข่งขันทั้งฟอร์มูล่าวันและโมโต้จีพีมาเกือบ 20 ปี การลงพิตเลนคือสิ่งที่เราใฝ่ฝันจะได้มีโอกาสสักครั้งในชีวิต เพราะเราอยากเห็นมุมมองแบบที่นักแข่งมองพวกเราบนแกรนด์สแตนด์บ้างว่าเป็นอย่างไร และยังเป็นการตามรอยเท้าของนักแข่งที่เราชื่นชอบอีกด้วย

ขากลับแฟนๆ ทั้งหลายยังต้องไปยืนทรมานรอคิวขึ้นรถบัสกลับกันต่อ มีปลายทางทั้งสนามบิน LCCT สนามบินหลัก KLIA หรือเมืองนิไล (Nilai) แต่คิวเข้าเคแอลเซ็นทรัลจะยาวที่สุดเสมอ ซึ่งรถวันศุกร์ที่สนามก็ยังจัดมาให้น้อยเหมือนเดิม กว่าจะได้ขึ้นรถเราต้องยืนรอถึง 2 ชั่วโมง เมื่อยทั้งขาเมื่อยทั้งหลังเพราะกระเป๋าโดเรมอนกับกระเป๋ากล้องของเรามีน้ำหนักรวมกันไม่ใช่น้อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงการผจญภัยวันแรก ยังมีโปรแกรมเด็ดวันเสาร์ที่นักแข่งโมโต้จีพีจะมาแจกลายเซ็น รวมไปถึงความตื่นเต้นของการแข่งขันในวันอาทิตย์รออยู่ข้างหน้า

พรุ่งนี้มาติดตามกันต่อกับวันที่เหลือของโมโต้จีพี รายการมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ นะคะ







Create Date : 23 ตุลาคม 2555
Last Update : 23 ตุลาคม 2555 18:27:46 น. 9 comments
Counter : 4256 Pageviews.

 
"รวมทั้งตอนนี้ก็มีหนุ่มน้อยอีกคนที่เราเฝ้ามองพัฒนาการมาตั้งแต่เขาอายุยังไม่เต็ม 18 ดี"

สมแล้วที่เป็น "แม่ยก" ครับพี่ จขบ อิอิอิ


โดย: fascinator IP: 124.120.8.163 วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:19:54:17 น.  

 
^
^
^

คือบวกลบแล้วสมควรกับอายุใช่ป่ะ 555


โดย: finishline วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:20:09:27 น.  

 
อย่าเพิ่งกินเด็กนะครับแม่ยก


โดย: hstgz IP: 101.108.13.109 วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:20:39:38 น.  

 
แหมๆๆ เห็น จขบ. เป็นไรไปเนี่ย - -'

เชียร์เด็กแต่ไม่ได้ชอบกินเด็กค่าาา 555+


โดย: finishline วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:20:54:47 น.  

 
ขอบคุณมากครับ


โดย: ลุ่มน้ำตาปี IP: 118.173.227.37 วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:21:05:19 น.  

 
เหนื่อยแต่ก็คุ้มค่าครับ

ได้เห็นผิวแทร็คก็ชื่นใจแล้วจ้า


โดย: ชัยจ้า IP: 125.26.79.89 วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:8:45:02 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบรรยากาศที่นำมาฝากครับ


โดย: Valiant IP: 203.156.41.14 วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:10:55:24 น.  

 
ขอบคุณครับ
เพิ่งเห็นผิวแทร็คชัดๆ ผิดคาดจากที่นึกไว้เยอะเลย รู้สึกจะมีtextureมากกว่าที่คิดไว้ครับ


โดย: punch IP: 115.87.163.153 วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:12:43:31 น.  

 
วู้ว ดีเลย อยากลงไปแทรคมั่ง


โดย: runtaro IP: 203.149.46.131 วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:15:53:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

finishline
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ในประเทศไทยหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านได้ยากเหลือเกิ๊นนนน...เขียนเองเลยดีกว่า!

**เจ้าของบล็อกเขียนข่าวขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลข่าวและแปลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของต่างประเทศเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ ท่านใดที่นำข้อความในบล็อกไปเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาให้เครดิตบล็อกด้วยนะคะ**
Friends' blogs
[Add finishline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.