การเข้าจีนแผ่นดินใหญ่นั้น (ไม่นับฮ่องกง มาเก๊า รวมทั้งไต้หวัน) ต้องไปทำวีซ่า ซึ่งการทำวีซ่าต้องไปทำที่อาคารธนภูมิอยู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ถ้าวิ่งจากขาเข้าเมืองคือเลยแยกอโศก-เพชรบุรีไปไม่เกิน 1 กิโลเมตร การขอวีซ่าจีนไม่ยากครับ (ยกเว้นถ้าคุณทำงานด้านสื่อหรือบริษัทสื่อ ต้องมีใบรับรองตัวเองจากบริษัทว่าจะไม่เข้าไปทำข่าวหรือนำเสนอข่าว ซึ่งเคยมีอยู่กรณีหนึ่ง พนักงานบัญชีในบริษัทโทรทัศน์ชื่อดังจะไปจีนก็ต้องไปขอใบรับรองจากบริษัท) ไปยื่นเรืองและรอรับไม่เกิน 4 วันทำการ ส่วนราคาและเงื่อนไขการเข้าสามารถสอบถามที่สำนักงานได้เลย บริการดีเยี่ยม ใบที่กรอกก็ไม่ยากครับ ผู้สูงอายุเข้าใจง่าย
เมื่อถึงซ่างไห่ ได้ไปลงที่สนามบินซ่างไห่-ผู่ตง ซึ่งเป็นสนามบินแห่งใหม่ของเมือง สนามบินอีกแห่งหนึ่งคือสนามบินหงเฉียว แต่แห่งหลังนี้มีไว้สำหรับบินในประเทศเท่านั้น
การเดินทางจากสนามบินผู่ตงไปที่พัก เดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟแม่เหล็ก (Maglev) ไปลงที่สถานีหลงหยาง (Longyang) เป็นสถานีที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างสนามบินกับรถไฟใต้ดิน นั่งประมาณ 8 นาที ทำความเร็วประมาณ 300km/h แต่ถ้าเป็นบางเวลาสามารถทำความเร็วถึง 430km/h ซึ่งรถ F1 ก็สู้ไม่ได้ หรือถ้าใครไม่อยากนั่ง Maglev ก็สามารถนั่งรถไฟใต้ดินจากสนามบินก็จะผ่านสถานีหลงหยางเหมือนกันด้วยสาย 2 หลังจากนั้นต่อสาย 7 เพื่อไปลงที่สถานีลันเกา (Langao Rd.) โรงแรมที่ผมพักอยู่บนสถานีเลย ซึ่งย่านนั้นก็จะมีโรงแรมหลายแห่ง ชั้นใต้ดินที่เชื่อมกับสถานีมีห้างสรรพสินค้าและศูนย์อาหารด้วย
วันควอลิฟายวันนี้เป็นวันที่มีพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกหนักซึ่งผมก็ไม่คิดว่าจะหนักมาก เพราะช่วงหกโมงเช้า ฟ้าสว่างแล้วแต่เมฆยังไม่ตั้งเค้าเลย แต่พอ 9 โมงซึ่งกำลังออกจากที่พักฝนตกลงมาทันทีแถมหนักมากและลมแรงอีกด้วย การเดินทางไปสนามนั้นสุดแสนจะง่าย มุดใต้ดินไปโผล่ที่สถานี Zhenping Rd. แล้วไปต่อสาย 3 หรือ 4 ก็ได้อีก 1 ป้ายแล้วไปโผล่ที่ Caoyang Rd. หลังจากนั้นต่อสาย 11 มุ่งหน้าไปโผล่ที่สนามเลย ใช้เวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง สนามอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ห่างจากโรงแรมประมาณ 30 กิโลเมตรแต่หมดค่าใต้ดินไปแค่ 5 หยวนต่อเที่ยว พอโผล่ออกมาจากรถไฟใต้ดิน เห็นสนามแล้วต้องร้อง โอ้ว!! มันใหญ่มากๆ สนามกีฬาระดับโลกผมก็เคยไปมาแล้ว แต่ที่นี่มันใหญ่จริงๆ สมแล้วที่เป็นประเทศจีน ภาพที่เห็นคือคนมาชมเยอะมากแต่เชื่อว่าไม่เต็มแน่ๆ เพราะฝนตกและเป็นวันควอลิฟาย ฝนตกหนักต่อแถวรอตรวจบัตรเข้าไป หลังจากนั้นผมเดินไปหาไรกินครับ เดินสำรวจเท่าที่เดินได้ เพราะฝนตกทำให้ไม่ค่อยอยากเดินมาก ที่นั่งที่ผมอยู่คือโซน H เดินไกลมากๆ ประมาณ 15-20 นาทีได้
ฝนมาหยุดตก 1.30 ชั่วโมงก่อนควอลิฟาย ทำให้มีบางคนใช้ยางแบบไม่มีดอกออกมาวิ่ง และพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกอีกครั้งตอน 4 โมงตามเวลาท้องถิ่นซึ่งจบการควอลิฟายไปแล้ว แต่บางสำนักบอกว่าฝนจะตกตอน 3 โมงซึ่งตรงกับเวลาควอลิฟายพอดี มีแต่คนลุ้นให้ฝนตกนะครับ คนดูคงชอบแต่ทีมงานและนักแข่งไม่ชอบแน่ๆ แม้ว่าฝนไม่ตก แต่ตอนควอลิฟายนั้นมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นด้วย วันนี้คนดูประมาณครึ่งเดียวครับ เลยเดินออกจากสนามไม่ยาก แต่พอออกมาเดินไปสักพักฝนก็เทลงมาอีกชุด ทำให้ลำบากพอสมควรในการเดินไปรถไฟใต้ดิน
หนี ห่าว Formula 1 Race Day วันนี้สภาพอากาศสมบูรณ์แบบจริงๆ อากาศเย็นสบาย ฟ้าโปรง มีแดดอ่อนๆ เหมาะแก่การไปจิบเบียร์เย็นๆ ชมฟอร์มูล่าวันจริงๆ การเดินทางเหมือนเมื่อวันเสาร์ครับ เช้าวันอาทิตย์คนก็ยังใช้รถไฟใต้ดินเยอะเหมือนเดิม แต่วันนี้สาย 11 ที่จะไปสนามกองเชียร์เยอะมากๆ ทั้งคนจีนและฝรั่ง เชียร์กันแบบมีสีสันมากๆ ตั้งแต่ในรถไฟใต้ดิน
วันนี้ที่สนามคนเยอะมาก มีบูธแสดงสินค้าเยอะจริงๆ ร้านขายของต่างๆ เต็มรอบสนาม มีคนมานั่งบนสนามหญ้า ผมนั่งตรงจุด H ซึ่งเป็นจุดที่สนุกอีกจุดหนึ่ง มีการแซงเกิดขึ้นบ่อยๆ ซึ่งตั๋วจุดที่ผมนั่งราคา 860 หยวน แต่ราคานี้ถูกกว่าปกติเพราะซื้อก่อนในช่วงที่มีโปรโมชัน
วันนี้คนดูเต็มสนาม กองเชียร์ก็เชียร์กันสนุกมากๆ รูปเกมสนุกพอสมควร แต่เสียดายที่ผู้นำนำเยอะไปจนไม่สนุก
สำหรับการไปชม Formula 1 ที่ซ่างไห่ขอสรุปสั้นๆ ดังนี้
- ภาษาอังกฤษสำคัญมากๆ ควรเตรียมตัวเรื่องภาษาจีนไปด้วย เช่นคำถามที่ควรใช้ประจำวัน
- การเดินทางสะดวกมีรถไฟใต้ดินเชื่อมทุกจุดที่สำคัญ เหมือนกับนิวยอร์ก
- อาหารและเครื่องดื่มแพงพอสมควร
- คนจีนจริงๆ แล้วกินเนื้อ แต่คนไทยมักคิดว่าคนจีนไม่กินเนื้อ ซึ่งเมนูกว่า 80% มีแต่เนื้อ
- ที่จีนเรื่อง social network และ google ใช้ลำบากต้องเตรียมซิมจากไทยไป
- คนจีนชอบดู F1 มากๆ แต่ละคนนำธงชาติของนักแข่งแต่ละชาติที่ชอบมาโบกเชียร์กัน
- คนจีนมีน้ำใจพอสมควร แต่ก็ต้องระวังเรื่องแท็กซี่หรือแม่ค้าที่อาจบวกราคาเพิ่ม
- ควรไปสัก 1 อาทิตย์เพราะที่เที่ยวในซ่างไห่เยอะมากๆ
- เมืองซ่างไห่เจริญมาก ให้ความรู้สึกเหมือนปารีสรวมกับนิวยอร์ก