ลุงเบอร์นี่กับหนุ่มๆ
สำหรับการซ้อมพิตจะซ้อมแบบเปล่าๆ หมายถึงไม่มีนักขับและรถก็ไม่ได้ติดเครื่องด้วยค่ะ ทีมงานคนที่ได้รับมอบหมายจะคอยเข็นรถเข้าในช่องพิตประหนึ่งนักขับขับเข้ามา แล้วทีมงานที่ประจำตำแหน่งต่างๆ อย่างที่เราเห็นในโทรทัศน์ก็จะซ้อมตามหน้าที่ของตนไป ไม่ว่าจะเป็นการยกรถขึ้น เปลี่ยนยาง เอารถลง ทำอย่างนี้อยู่หลายรอบตราบเท่าที่เวลามีให้คือประมาณ 1 ชั่วโมง ด้วยความที่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ ในสนามจึงมีแต่เสียงเครื่องไขน็อตล้อหรือวีลกัน (wheel gun) จากทีมต่างๆ แทน
หลังจากการซ้อมเข้าพิตยังเหลือเวลาอีกพอสมควรก่อนจะถึงการซ้อมของฟอร์มูล่าวันช่วงสุดท้าย ระหว่างนี้จึงมีซีรีส์อื่นๆ อย่างมาเลเชียนซูเปอร์ซีรีส์และจีพีทูให้ได้ชมไปพลางๆ ตอนแข่งรายการมาเลเชียนซูเปอร์ซีรีส์ซึ่งเป็นรถบ้านก็สามารถนั่งดูได้สบายไม่ต้องใส่ที่อุดหูค่ะ แต่พอถึงจีพีทูชาวคณะรีบควักที่อุดหูมาใส่แทบไม่ทันเพราะคิดว่าเครื่องจีพีทูไม่แรงเท่าฟอร์มูล่าวันก็น่าจะทนได้ แต่ไม่ใช่เลย และช่วงนี้พวกเราก็เริ่มแบ่งกลุ่มกันไปซื้ออาหารกลางวัน ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถถอดที่อุดหูออกได้นะคะ เสียงดังได้ใจไปทั่วสนามไม่ต่างจากฟอร์มูล่าวันเท่าไหร่
เมอร์เซเดสซ้อมพิต
จีพีทูเตรียมแข่งขัน
ช่วงนี้แฟนๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝรั่งก็ทยอยเข้าสนามมาอย่างหนาตาขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้สังเกตได้อย่างหนึ่งว่าสีเสื้อแดงของเฟอร์รารี่ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับ 4 ปีก่อนที่เรามาเป็นเซปังเป็นครั้งแรก แต่เป็นเสื้อและหมวกสีดำทองของโลตัส โดยเฉพาะที่มีเบอร์ 9 หรือคำว่า "ดิ ไอซ์แมน" เพิ่มขึ้นมาแทน รวมไปถึงธงชาติฟินแลนด์ที่เคยมีจำนวนน้อยลงไปในสองปีหลัง บัดนี้ก็กลับมาโบกไสวทั่วสนาม น่าชื่นใจแทน คิมี่ ไรค์โคเน่น จริงๆ เลยค่ะที่แฟนๆ ดีใจกับการกลับมาของเขามากขนาดนี้ ส่วนของดั้งเดิมที่ไม่เคยจางหายได้แก่สีเสื้อของแม็คลาเรน เนื่องจากชาวต่างชาติที่มาดูที่เซปังส่วนใหญ่จะเป็นคนอังกฤษและออสเตรเลีย อาจเป็นเพราะมาเลเซียเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษด้วย พวกเขาเลยสะดวกใจในการมาที่นี่ ซึ่งถ้าไม่ใช่กองเชียร์เว็บเบอร์ในเสื้อเร้ดบูลแล้วก็ต้องเห็นว่าเป็นกองเชียร์แม็คลาเรนนี่ล่ะค่ะ
อย่างที่บอกไปเมื่อตอนที่แล้วว่าพอเข้าวันเสาร์ เราต้องนั่งตามตั๋วที่เราซื้อแล้วนะคะ พวกเราเหมาโซนการ์เน็ต (Garnet) บล็อกที่ 24 แถว J ไปตั้งเกือบครึ่งแถว มุมนี้ดูดีใช้ได้เลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับการาจของทีมไหนเลย แต่ตอนตั้งรถที่กริดก่อนแข่ง เราจะได้อยู่กับกริดที่ 11-12 รวมทั้งสามารถชำเลืองกริดรอบข้างอย่างกริดที่ 9-10 และ 13-14 ได้ชัดเจน นอกจากนั้นยังได้เห็นรถวิ่งระหว่างโค้ง 5-6 ฝั่งตรงข้ามด้วย เราภาวนาก่อนควอลิฟายไว้ว่า
"แฟนๆ ที่รักจ๋า (ลุงชู-คิมี่-เซ็บน้อย) ไม่ต้องห่วงเรานะจ๊ะ กรุณาควอลิฟายให้ขึ้นไปสูงๆ โน่น" โดยไม่รู้เลยว่าสุดท้ายมีคนที่ห่วงเราอยู่คนสองคนที่มาจอดรถอยู่ตรงหน้าให้ได้ยืนมองจนหนำใจในวันแข่งจนได้
ก่อนถึงการซ้อมช่วงสุดท้ายเวลา 13.00-14.00 น. มีฝนโปรยลงมาปรอยๆ พอให้สนามชื้น เมื่อรถลงวิ่งจริงๆ จึงมีอาการสไลด์ให้เห็น โดยเฉพาะเมื่อออกจากโค้งสุดท้ายก่อนเข้าทางตรงเส้นสตาร์ท-ฟินิช และคนที่มีอาการให้เห็นบ่อยที่สุดคนหนึ่งก็คือเซบาสเตียน เวทเทล หรือเซ็บน้อยของเรานี่แหละ เกิดอะไรขึ้นกับรถ? หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับคน?
ไม่ช้าไม่นานสองชั่วโมงที่รอคอยก็มาถึง รอบควอลิฟายของเซปังจะเริ่มตอน 16.00 น. ค่ะ บอกตามตรงว่าหลังจากดูรถเร้ดบูลมาเป็นวันที่ 2 แล้ว เราคิดว่าแทบไม่มีโอกาสลุ้นโพลเลยในเมื่อแม็คลาเรนแรงต่อเนื่องทุกช่วงซ้อมมาอย่างนี้ แถมมีตัวสอดแทรกอย่างเมอร์เซเดส ซึ่งนิโค รอสเบิร์ก ก็เพิ่งทำเวลาดีที่สุดในการซ้อมครั้งสุดท้ายมาหมาดๆ และพอเริ่ม Q1 เราไม่ค่อยได้จับกล้องถ่ายรูปแล้วค่ะ ใช้กล้องส่องทางไกลมากกว่าในการดูเวลาบนจอโทรทัศน์ยักษ์ตรงหน้า
คนที่เราเชียร์ทุกคนต่างหลุดเข้า Q3 กันถ้วนหน้า แต่เซ็บอาการน่าเป็นห่วงที่สุดเพราะวิ่งเท่าไหร่เวลาก็ไม่ดีขึ้น ขณะนั้นเขายังอยู่ในอันดับที่ 6 โดยไม่กี่วินาทีก่อนธงหมากรุกโบกหมดเวลา รถหมายเลข 1 วิ่งผ่านหน้าเราไปข้ามเส้นชัยเป็นครั้งสุดท้ายของรอบนี้ ไม่เพียงแค่เราเท่านั้น แต่บรรดาชาวคณะที่ต่างก็เป็นแฟนเร้ดบูลและเจ้าเซ็บทั้งหมดต่างลุ้นให้ปาฏิหาริย์รอบสุดท้ายเกิดขึ้นเหมือนที่เคยคุ้นกันมาตลอดปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ชักจะหายใจไม่ทั่วท้องเลยสักคน...
แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็ไม่เกิด เวลาของเซ็บเมื่อผ่านเส้นชัยแล้วยังบวกเมื่อเทียบกับของเก่า อย่างไรก็ตาม ลุงชูกับคิมี่ยังทำให้วันเซ็งๆ ของเรายังมีรอยยิ้ม ลุงชูนั้นควอลิฟายได้อันดับที่ 3 ซึ่งเราดีใจมากที่ได้เห็นเขาออกมาถ่ายรูปหลังควอลิฟายร่วมกับลูอิส แฮมิลตัน นักขับแม็คลาเรนผู้ที่ได้โพลและเจนสัน บัตตัน เพื่อนร่วมทีมที่ด้านหน้า เราไม่เห็นภาพนี้มานานมากแล้วจึงขอยืนดูด้วยความปลิ้มใจสักพัก และดูยาวไปถึงช่วงให้สัมภาษณ์หลังควอลิฟายที่ทางสนามปล่อยภาพบนจอแต่ไม่มีเสียง ดูแล้วก็นึกถึงวันเก่าๆ สมัยเขาอยู่กับเฟอร์รารี่ เพราะช่วงที่เขาชิงแชมป์กับมิก้า ฮัคคิเน่น เขาก็ไม่ได้โพลบ่อยนักนะคะ อันดับควอลิฟายที่เห็นประจำคืออันดับที่ 3 นี่แหละ ส่วนคิมี่ ถึงเขาจะต้องออกจากกริดที่ 10 ในวันแข่งเพราะถูกปรับกริดลง 5 อันดับจากการเปลี่ยนเกียร์บ็อกซ์ แต่การที่เขาควอลิฟายได้อันดับที่ 5 ทำให้รู้ว่าที่โลตัสทั้งคนทั้งรถพร้อมมาก อีกไม่นานคงได้เห็นเขาขึ้นโพเดียมเป็นแน่
ถึงตรงนี้คุณผู้อ่านคงทราบแล้วนะคะว่าคนโปรดหนึ่งในสามของเราคนไหนที่ได้อยู่บนกริดใกล้ตาเรามากที่สุด
รถจอดรอตรวจสภาพ