Me, Myself and Formula 1
Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
เกาะขอบเซปัง 2012 ตอนที่ 3

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม

วันนี้ต้องเรียกว่าเป็นของจริงแล้วสำหรับการแข่งขันฟอร์มูล่าวันในแต่ละสัปดาห์ แม้จะยังมีการซ้อมอีก 1 ชั่วโมง แต่นี่ก็คือการเตรียมตัวขั้นสุดท้ายก่อนจะถึงรอบควอลิฟายหรือการจัดอันดับออกตัวสำหรับการแข่งขันจริงในวันอาทิตย์ เรายังแอบเป็นห่วงเร้ดบูล โดยเฉพาะเจ้าเซ็บ ดูอย่างไรรถก็ยังไม่ดีที่สุดเท่าที่เคยเป็น ในความรู้สึกเรา รถของมาร์ก เว็บเบอร์ วิ่งดีกว่าด้วยซ้ำ ทำไมน้า?

พวกเรามาถึงสนามเซปังราว 10.20 น. ซึ่งช่วงนี้เป็นการซ้อมการเข้าพิตของแต่ละทีม ระหว่างเดินเข้าสนามก็เพิ่งมีโอกาสสังเกตซุ้มขายเสื้อทีมและของที่ระลึก เนื่องจากเมื่อวานมาถึงสนามช้าไปนิดเลยรีบเดินจ้ำๆ เข้าไปก่อน ไม่รู้ว่าสนามอื่นๆ เป็นอย่างไร แต่เราว่าที่นี่ซุ้มมีน้อยนะคะ





ชื่อของ "เขา" ขายได้เสมอ





ลุงเบอร์นี่กับหนุ่มๆ




สำหรับการซ้อมพิตจะซ้อมแบบเปล่าๆ หมายถึงไม่มีนักขับและรถก็ไม่ได้ติดเครื่องด้วยค่ะ ทีมงานคนที่ได้รับมอบหมายจะคอยเข็นรถเข้าในช่องพิตประหนึ่งนักขับขับเข้ามา แล้วทีมงานที่ประจำตำแหน่งต่างๆ อย่างที่เราเห็นในโทรทัศน์ก็จะซ้อมตามหน้าที่ของตนไป ไม่ว่าจะเป็นการยกรถขึ้น เปลี่ยนยาง เอารถลง ทำอย่างนี้อยู่หลายรอบตราบเท่าที่เวลามีให้คือประมาณ 1 ชั่วโมง ด้วยความที่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ ในสนามจึงมีแต่เสียงเครื่องไขน็อตล้อหรือวีลกัน (wheel gun) จากทีมต่างๆ แทน

หลังจากการซ้อมเข้าพิตยังเหลือเวลาอีกพอสมควรก่อนจะถึงการซ้อมของฟอร์มูล่าวันช่วงสุดท้าย ระหว่างนี้จึงมีซีรีส์อื่นๆ อย่างมาเลเชียนซูเปอร์ซีรีส์และจีพีทูให้ได้ชมไปพลางๆ ตอนแข่งรายการมาเลเชียนซูเปอร์ซีรีส์ซึ่งเป็นรถบ้านก็สามารถนั่งดูได้สบายไม่ต้องใส่ที่อุดหูค่ะ แต่พอถึงจีพีทูชาวคณะรีบควักที่อุดหูมาใส่แทบไม่ทันเพราะคิดว่าเครื่องจีพีทูไม่แรงเท่าฟอร์มูล่าวันก็น่าจะทนได้ แต่ไม่ใช่เลย และช่วงนี้พวกเราก็เริ่มแบ่งกลุ่มกันไปซื้ออาหารกลางวัน ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถถอดที่อุดหูออกได้นะคะ เสียงดังได้ใจไปทั่วสนามไม่ต่างจากฟอร์มูล่าวันเท่าไหร่





เมอร์เซเดสซ้อมพิต





จีพีทูเตรียมแข่งขัน




ช่วงนี้แฟนๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝรั่งก็ทยอยเข้าสนามมาอย่างหนาตาขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้สังเกตได้อย่างหนึ่งว่าสีเสื้อแดงของเฟอร์รารี่ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับ 4 ปีก่อนที่เรามาเป็นเซปังเป็นครั้งแรก แต่เป็นเสื้อและหมวกสีดำทองของโลตัส โดยเฉพาะที่มีเบอร์ 9 หรือคำว่า "ดิ ไอซ์แมน" เพิ่มขึ้นมาแทน รวมไปถึงธงชาติฟินแลนด์ที่เคยมีจำนวนน้อยลงไปในสองปีหลัง บัดนี้ก็กลับมาโบกไสวทั่วสนาม น่าชื่นใจแทน คิมี่ ไรค์โคเน่น จริงๆ เลยค่ะที่แฟนๆ ดีใจกับการกลับมาของเขามากขนาดนี้ ส่วนของดั้งเดิมที่ไม่เคยจางหายได้แก่สีเสื้อของแม็คลาเรน เนื่องจากชาวต่างชาติที่มาดูที่เซปังส่วนใหญ่จะเป็นคนอังกฤษและออสเตรเลีย อาจเป็นเพราะมาเลเซียเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษด้วย พวกเขาเลยสะดวกใจในการมาที่นี่ ซึ่งถ้าไม่ใช่กองเชียร์เว็บเบอร์ในเสื้อเร้ดบูลแล้วก็ต้องเห็นว่าเป็นกองเชียร์แม็คลาเรนนี่ล่ะค่ะ

อย่างที่บอกไปเมื่อตอนที่แล้วว่าพอเข้าวันเสาร์ เราต้องนั่งตามตั๋วที่เราซื้อแล้วนะคะ พวกเราเหมาโซนการ์เน็ต (Garnet) บล็อกที่ 24 แถว J ไปตั้งเกือบครึ่งแถว มุมนี้ดูดีใช้ได้เลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับการาจของทีมไหนเลย แต่ตอนตั้งรถที่กริดก่อนแข่ง เราจะได้อยู่กับกริดที่ 11-12 รวมทั้งสามารถชำเลืองกริดรอบข้างอย่างกริดที่ 9-10 และ 13-14 ได้ชัดเจน นอกจากนั้นยังได้เห็นรถวิ่งระหว่างโค้ง 5-6 ฝั่งตรงข้ามด้วย เราภาวนาก่อนควอลิฟายไว้ว่า "แฟนๆ ที่รักจ๋า (ลุงชู-คิมี่-เซ็บน้อย) ไม่ต้องห่วงเรานะจ๊ะ กรุณาควอลิฟายให้ขึ้นไปสูงๆ โน่น"  โดยไม่รู้เลยว่าสุดท้ายมีคนที่ห่วงเราอยู่คนสองคนที่มาจอดรถอยู่ตรงหน้าให้ได้ยืนมองจนหนำใจในวันแข่งจนได้

ก่อนถึงการซ้อมช่วงสุดท้ายเวลา 13.00-14.00 น. มีฝนโปรยลงมาปรอยๆ พอให้สนามชื้น เมื่อรถลงวิ่งจริงๆ จึงมีอาการสไลด์ให้เห็น โดยเฉพาะเมื่อออกจากโค้งสุดท้ายก่อนเข้าทางตรงเส้นสตาร์ท-ฟินิช และคนที่มีอาการให้เห็นบ่อยที่สุดคนหนึ่งก็คือเซบาสเตียน เวทเทล หรือเซ็บน้อยของเรานี่แหละ เกิดอะไรขึ้นกับรถ? หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับคน?

ไม่ช้าไม่นานสองชั่วโมงที่รอคอยก็มาถึง รอบควอลิฟายของเซปังจะเริ่มตอน 16.00 น. ค่ะ บอกตามตรงว่าหลังจากดูรถเร้ดบูลมาเป็นวันที่ 2 แล้ว เราคิดว่าแทบไม่มีโอกาสลุ้นโพลเลยในเมื่อแม็คลาเรนแรงต่อเนื่องทุกช่วงซ้อมมาอย่างนี้ แถมมีตัวสอดแทรกอย่างเมอร์เซเดส ซึ่งนิโค รอสเบิร์ก ก็เพิ่งทำเวลาดีที่สุดในการซ้อมครั้งสุดท้ายมาหมาดๆ และพอเริ่ม Q1 เราไม่ค่อยได้จับกล้องถ่ายรูปแล้วค่ะ ใช้กล้องส่องทางไกลมากกว่าในการดูเวลาบนจอโทรทัศน์ยักษ์ตรงหน้า

คนที่เราเชียร์ทุกคนต่างหลุดเข้า Q3 กันถ้วนหน้า แต่เซ็บอาการน่าเป็นห่วงที่สุดเพราะวิ่งเท่าไหร่เวลาก็ไม่ดีขึ้น ขณะนั้นเขายังอยู่ในอันดับที่ 6 โดยไม่กี่วินาทีก่อนธงหมากรุกโบกหมดเวลา รถหมายเลข 1 วิ่งผ่านหน้าเราไปข้ามเส้นชัยเป็นครั้งสุดท้ายของรอบนี้ ไม่เพียงแค่เราเท่านั้น แต่บรรดาชาวคณะที่ต่างก็เป็นแฟนเร้ดบูลและเจ้าเซ็บทั้งหมดต่างลุ้นให้ปาฏิหาริย์รอบสุดท้ายเกิดขึ้นเหมือนที่เคยคุ้นกันมาตลอดปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ชักจะหายใจไม่ทั่วท้องเลยสักคน...

แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็ไม่เกิด เวลาของเซ็บเมื่อผ่านเส้นชัยแล้วยังบวกเมื่อเทียบกับของเก่า อย่างไรก็ตาม ลุงชูกับคิมี่ยังทำให้วันเซ็งๆ ของเรายังมีรอยยิ้ม ลุงชูนั้นควอลิฟายได้อันดับที่ 3 ซึ่งเราดีใจมากที่ได้เห็นเขาออกมาถ่ายรูปหลังควอลิฟายร่วมกับลูอิส แฮมิลตัน นักขับแม็คลาเรนผู้ที่ได้โพลและเจนสัน บัตตัน เพื่อนร่วมทีมที่ด้านหน้า เราไม่เห็นภาพนี้มานานมากแล้วจึงขอยืนดูด้วยความปลิ้มใจสักพัก และดูยาวไปถึงช่วงให้สัมภาษณ์หลังควอลิฟายที่ทางสนามปล่อยภาพบนจอแต่ไม่มีเสียง ดูแล้วก็นึกถึงวันเก่าๆ สมัยเขาอยู่กับเฟอร์รารี่ เพราะช่วงที่เขาชิงแชมป์กับมิก้า ฮัคคิเน่น เขาก็ไม่ได้โพลบ่อยนักนะคะ อันดับควอลิฟายที่เห็นประจำคืออันดับที่ 3 นี่แหละ ส่วนคิมี่ ถึงเขาจะต้องออกจากกริดที่ 10 ในวันแข่งเพราะถูกปรับกริดลง 5 อันดับจากการเปลี่ยนเกียร์บ็อกซ์ แต่การที่เขาควอลิฟายได้อันดับที่ 5 ทำให้รู้ว่าที่โลตัสทั้งคนทั้งรถพร้อมมาก อีกไม่นานคงได้เห็นเขาขึ้นโพเดียมเป็นแน่

ถึงตรงนี้คุณผู้อ่านคงทราบแล้วนะคะว่าคนโปรดหนึ่งในสามของเราคนไหนที่ได้อยู่บนกริดใกล้ตาเรามากที่สุด





รถจอดรอตรวจสภาพ





สามอันดับแรกของการควอลิฟาย




สำหรับเซ็บน้อย ดูสีหน้าจากจอโทรทัศน์ตอนที่เข้าไปชั่งน้ำหนักก็รู้ว่าเซ็งอย่างถึงที่สุด แต่เราก็ให้กำลังใจผ่านไปในอากาศว่า "ไม่เป็นไร สตาร์ทที่ 6 ก็ใช่ว่าจะชนะไม่ได้ ดูอย่างอลอนโซ่ซิ เขาต้องปวดหัวมากกว่าเราแน่นอนเพราะควอลิฟายได้ตั้งที่ 9 โน่น" 

พวกเราเดินเนือยๆ ออกจากสนามท่ามกลางความงุนงงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเร้ดบูลหรือเปล่า จะติดตามข่าวก็ตามไม่ได้เพราะเราไม่ได้เอาอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตใดๆ มาเลยไม่ว่าจะมือถือหรือโน้ตบุ๊ก แต่ก็เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าวันแข่งเร้ดบูลมักจะมีความเร็ว (race pace) ที่ดี หวังว่าจะกลับมาสู้กับแถวหน้าได้ในวันพรุ่งนี้

ขากลับออกจากสนาม โดยปกติจะมีรถบริการของสนามไปส่งตรงจุดขึ้นรถที่จะต่อไปยังสนามบินเคแอลไอเอเพื่อไปขึ้นรถไฟเคแอลเอ็กซ์เพรสกลับเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์ ถ้าเป็นวันซ้อมวันศุกร์ผู้คนจะยังไม่มาก พวกเรายังได้ขึ้นไปและนั่งวนชมด้านนอกของสนามเซปัง 1 รอบ แต่อย่างวันเสาร์และอาทิตย์ขอแนะนำว่าอย่ารอเลยค่ะ การเดินออกไปเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ขนาดว่าไม่รอรถบริการแล้วยังต้องมายืนรอต่อแถวขึ้นรถที่ไปสนามบินอีกนาน เพราะฉะนั้นถ้าใครรู้สึกหิวก็ควรตุนขนมมารองท้องระหว่างรอ เนื่องจากอาหารเย็นในวันที่มาชมรอบควอลิฟายและแข่งจริงมักจะถูกเลื่อนไปเป็นมื้อดึกเสมอ

ด้วยความเหนื่อยบวกกับความหิว ชาวคณะคิดว่าเมื่อขึ้นรถไฟได้ก็จะงีบเอาแรงสักหน่อย แต่ฝันของเราต้องสลายเมื่อก่อนรถจะออกจากชานชาลาไม่กี่นาทีมีพี่ฝรั่งคนหนึ่ง หน้าตาท่าทางและกลิ่นกายของเขาบอกให้รู้ว่า "กรึ่ม" มาแล้วระดับหนึ่ง เขาก้าวเข้ามายืนข้างๆ ที่นั่งของพวกเราพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งค่ะ สำเนียงที่คุยกันทำให้รู้ว่าเป็นชาวอังกฤษ คำแรกที่เราได้ยินเขา (คนที่เมา) พูดถนัดๆ ก็คือคำว่า "S#&t result" อ้อ! จะไม่ให้แกบ่นอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อหมวกที่ใส่อยู่นั้นเป็นหมวกเฟอร์รารี่ชัดๆ ในขณะที่เพื่อนของเขาก็เป็นแฟนแม็คลาเรนเต็มขั้น พวกเราอดแปลกใจไม่ได้ว่ามาด้วยกันได้อย่างไรในเมื่ออีกคนที่ไม่แค่เป็นแฟนเฟอร์รารี่แต่เป็นแฟนเฟอร์นันโด อลอนโซ่ เข้ากระดูกดำ (และไม่ชอบเฟลิเป้ มาสซ่า อย่างรุนแรง) ส่วนอีกคนมีลูอิส แฮมิลตัน เป็นนักขับในดวงใจ เราเห็นคุยกันแขวะกันสักพักหนึ่ง คุณพี่คนเมาเพิ่งมีแก่ใจหันมามองพวกเราที่ใส่เสื้อเร้ดบูลอยู่หลายคน ที่สำคัญ เขายังเห็นถุงมือโฟมนิ้วชี้ยักษ์ที่ปักอยู่ในถุงอุปกรณ์การเชียร์ของน้อง JJ Hour ด้วย จึงรู้ว่าเราเชียร์ใครกัน จากนั้นเป็นต้นมาพี่เขาก็เริ่มร่ายยาวถึงความไม่เอาไหนของรถเฟอร์รารี่ที่ทำให้ลูกรักต้องควอลิฟายได้อันดับที่แย่ขนาดนั้น แล้วยังหันมาปลอบใจพวกเราเสียอีกหากกำลังเซ็งเรื่องอันดับของเซ็บ ไปๆ มาๆ เขาก็นั่งลงบนพื้นรถไฟ ควักกล้องถ่ายรูปออกมาอวดรูปถ่ายทั้งอลอนโซ่และเซ็บ ซึ่งเขายืนยันว่ายังชอบเซ็บมากกว่าแฮมเสียอีก พี่เขายังส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และคว้าเอาเจ้านิ้วชี้ยักษ์ไปชูด้วยความภาคภูิใจไปกับเราไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบจนเจ้าของนิ้วเริ่มจะใจเสียว่าจะพังก่อนถึงวันพรุ่งนี้หรือเปล่า เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้สายตาที่มองมาอย่างเซ็งระเบิดของเพื่อนเขาค่ะ โดยพวกเราเองก็เกรงใจคนอื่นๆ ในโบกี้เดียวกันอยู่ไม่น้อยแม้จะไม่ใช่ต้นเหตุ และในที่สุดช่วงเวลาวิกฤตนี้ก็สิ้นสุดเมื่อเรามาถึงเคแอลเซ็นทรัลในเวลา 20.00 น.

พวกเราลงรถไฟฟ้าโมโนเรล 1 สถานีก่อนถึงที่โรงแรมคือสถานีเมดาน ตวนกู (Medan Tuanku) ตรงนั้นมีร้านโรตีจิ้มแกงอร่อยๆ อยู่ 2 ร้านซึ่งคนเขียนเคยมากินแล้วตั้งแต่มาเซปังครั้งแรก จึงให้เพื่อนๆ เลือกว่าอยากลองร้านแบบบ้านๆ หรืออีกร้านที่ดูอินเตอร์หน่อยๆ ทุกคนลงมติที่ร้านแบบออริจินัลค่ะ ซึ่งจะด้วยอร่อยหรือหิวก็ไม่ทราบแน่ชัด ทุกอย่างที่ลำเลียงลงบนโต๊ะหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน

สิ้นสุดไปอีกวันที่เซปัง เวลาเดินเร็วจังเลยนะคะ เหลืออีกแค่วันเดียวแล้วและเป็นวันที่สำคัญที่สุด พยากรณ์อากาศที่เราได้อ่านก่อนเดินทางบอกว่าที่นี่จะมีพายุฝนในวันศุกร์-อาทิตย์ ตอนนี้ผ่านมา 2 วันแล้ว สถานการณ์ยังถือว่าดีอยู่ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าวันสุดท้ายจะเจอแจ็กพอตหรือเปล่า อย่าลืมติดตามความสนุกของพวกเราที่เซปังในตอนสุดท้ายนะคะ








Create Date : 04 เมษายน 2555
Last Update : 4 เมษายน 2555 16:41:18 น. 17 comments
Counter : 1617 Pageviews.

 
จำกลิ่น เอ๊ย!! ภาพป๋าของอลอนโซ่ได้ขึ้นใจ อิอิ


โดย: JJ Hour IP: 202.28.10.75 วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:17:03:34 น.  

 
อ้าว คนแรก 555+

จะว่าไป เจอเกรียนฝรั่งเนี่ย ...มึนเลยแหละ -..-


โดย: runtaro IP: 172.30.50.40, 202.183.217.251 วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:17:03:35 น.  

 
ขอบคุณมากครับ
ไม่อยากเจอตอน 4 เลยอ่ะครับ มันเหงาๆเศร้าๆยังไงไม่รู้ อิอิ


โดย: ลุ่มน้ำตาปี IP: 101.109.82.61 วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:17:25:48 น.  

 
ขอบคุณครับ อ่านสนุกมากกกก


โดย: punch IP: 61.90.66.9 วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:17:40:04 น.  

 
มีตุ๊กตาลุงเบอร์นี่ด้วยเหรอเนี่ย *0*


โดย: fascinator IP: 115.87.127.219 วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:18:09:23 น.  

 
กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนโรตีจิ้มนม ยิ่งกินยิ่งอร่อยๆ จะติดตามตอนต่อไปค่ะ...ของที่สนามแพงอ่ะ แต่คิดไว้ล่ะ ปีหน้าถ้าไปได้ควักซื้อแน่ๆ


โดย: creepangel IP: 58.9.82.136 วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:19:27:47 น.  

 
พี่จขบ.คร้าบ เสื้อแจ็คเก็ตของทีมต่างๆ ที่นู่นเค้าขายกันแพงมัยครับ


โดย: พัฒน์ IP: 124.121.161.175 วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:21:06:50 น.  

 
@น้องพัฒน์

แพงค่ะ ถ้าจำไม่ผิดตกตัวละ 4-5 พันนะคะ


โดย: finishline วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:21:36:35 น.  

 
แง กะว่าปีหน้าจะไปสอยของเรโนลต์ซะหน่อย พับเก็บโครงการ TT


โดย: พัฒน์ IP: 124.121.161.175 วันที่: 4 เมษายน 2555 เวลา:23:16:40 น.  

 
ซื้อเสื้อยืดธรรมดาไปก่อนซิ ตัวละ 2,000-2,500 อ่ะจ้ะ


โดย: finishline วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:0:07:32 น.  

 
ได้แค่หมวกมา 150 ริงกิต


โดย: ลุ่มน้ำตาปี IP: 101.109.91.252 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:9:23:51 น.  

 
โดนแจงมัน post ตัดหน้าไป 1 วิ... พอๆกับ Qualify เลยนะเนี่ย -..-


โดย: runtaro IP: 172.30.50.40, 202.183.217.251 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:13:48:10 น.  

 
^
^
^
สายเลือดรถแข่งมันฝังอยู่ในตัวพวกเราจริงๆ ขนาดโพสต์ยังมีการเฉือนวินาทีกันเลย 555555555555


โดย: finishline วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:15:36:10 น.  

 
^^'


โดย: runtaro IP: 172.30.50.40, 202.183.217.251 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:17:52:20 น.  

 
เจ้าของบ้านกำลังปั่นตอนที่ 4 อย่างสุดความสามารถเพราะเรื่องราวเยอะมากๆ ทุกท่านอดใจรอหน่อยนะคะ ยังไงก็จะพยายามไม่ให้เกินเที่ยงคืน 555


โดย: finishline วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:19:47:48 น.  

 
รอได้เสมอครับ อิอิอิ


โดย: fascinator IP: 124.122.153.186 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:20:00:31 น.  

 
ประมาณ ทุ่มของทึ่นี่จะรอติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะ


โดย: simpun IP: 88.71.248.211 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:22:11:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

finishline
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ในประเทศไทยหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านได้ยากเหลือเกิ๊นนนน...เขียนเองเลยดีกว่า!

**เจ้าของบล็อกเขียนข่าวขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลข่าวและแปลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของต่างประเทศเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ ท่านใดที่นำข้อความในบล็อกไปเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาให้เครดิตบล็อกด้วยนะคะ**
Friends' blogs
[Add finishline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.