Me, Myself and Formula 1
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 

วิทยุสื่อสารนั้นสำคัญไฉน? ตอนที่ 2

อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่าในตอนที่ 2 นี้เราจะมาดูเบื้องหลังการติดต่อสื่อสารทางวิทยุของอลัน เพอร์เมน ผู้อำนวยการงานวิศวกรรมในสนามของโลตัส ซึ่งเคยทำงานร่วมกับทั้งฌาคส์ วิลเนิฟ แชมป์โลกปี 1997 จิอันคาร์โล ฟิซิเคลล่า และฌอง อเลซี่ โดยเขาจะเล่าย้อนไปในอดีตจนมาถึงงานปัจจุบัน จะสนุกสนานขนาดไหนไปติดตามกันเลยค่ะ

ตอนที่คุณเป็นวิศวกรการแข่งขันของจิอันคาร์โล ฟิซิเคลล่า เราเคยได้ยินคุณเร่งเขาบ่อยครั้งมาก สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นวิศวกรการแข่งขันด้วยหรือ?

ความสัมพันธ์ระหว่างนักขับกับวิศวกรพูดยากอยู่เหมือนกัน เราต้องมีความเคารพซึ่งกันและกันอย่างดี นักขับต้องเชื่อใจวิศวกรและวิศวกรต้องไม่เกรงกลัวนักขับ เขาต้องสามารถบอกนักขับได้ว่าสิ่งนั้นไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลยหากเรามีนักขับหลายร้อยล้านที่เป็นที่รักยิ่งของคนทั้งโลกอยู่ในทีม! เราต้องวิเคราะห์วิจารณ์พวกเขา ผมคิดว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำ ผมเข้ากันได้ดีกับนักขับทุกคนที่ผมทำงานด้วย จนถึงวันนี้ผมก็ยังติดต่อกับ 'ฟิซิ' อยู่ อย่างไรก็ตาม มีบางครั้งที่เราต้องปลุกเขาเล็กน้อย มันเป็นธรรมชาติของเขาซึ่งเขาก็ตอบสนองได้ดี

เพราะฉะนั้นคุณอาจได้เห็นการตอบสนองจากเวลาต่อรอบ?

แน่นอน เราไม่จำเป็นต้องพูดว่า 'นี่ยังไม่ดีพอ' แค่อาจพูดว่า 'อีก 5 รอบเราจะเข้าพิตนะ เพราะฉะนั้นทำเวลาดีๆ ในรอบเหล่านั้น' ตอนที่แพต ไซมอนส์ เป็นวิศวกรให้กับมิชาเอล ชูมัคเกอร์ เขาไม่จำเป็นต้องคอยกระตุ้นชูมี่ แต่สิ่งที่ต้องคอยส่งไปคือจุดสำคัญๆ ของการแข่งขัน

สิ่งสำคัญคือการมีความสัมพันธ์ในแบบที่เราไม่กลัวที่จะก้าวทับไปบนเท้าของนักขับบ้างในบางครั้ง




พิตวอลล์ของโลตัส



บางครั้งก็มีจังหวะนักขับไม่ได้รับข้อมูลแล้วพอพวกเขาออกจากพิตกลับต้องตามหลังคู่แข่งสักคน ทำให้พวกเขาหัวเสียทีเดียวใช่ไหม?

ใช่ แล้วยิ่งในยุคนี้เป็นยุคของการดูแลยางอีกด้วย พวกเขาต้องการรู้ว่าพวกเขาต้องรักษายางหรือไม่ หรือจะใช้เต็มที่จนหมดเลยหรือเปล่า เราจะคอยย้ำเขาไปเรื่อยจนถึงเวลาที่จะต้องเข้าพิตตามที่วางไว้ และเราอาจบอกเขาว่าเราจะ 'ลบ 3' นะ หมายความว่าจะเข้าพิตล่วงหน้าก่อน 3 รอบ เพื่อที่ว่าเขาจะได้ใช้ยางได้เต็มที่

แต่ก็มีที่อาจถามไปว่า 'ทำให้ถึงบวก 5 ได้ไหม?' ซึ่งเป็นสิ่งที่เราถามคิมี่ ไรค์โคเน่น ที่เยอรมัน คือเราถามเขาไปว่าเขาไปต่อจนจบได้ไหม และเขาตอบกลับมาว่าเขาคิดว่ายางไม่น่าจะอยู่ได้ยาวขนาดนั้น

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการหาความเหมาะสมว่านักขับของคุณต้องการข้อมูลมากหรือน้อยใช่ไหม?

ถูกต้อง อย่างคิมี่ไม่ชอบข้อมูลมากนัก แต่ก็มีบางอย่างที่เขาต้องการ พอข้อมูลส่งไปมากก็จะได้อย่างคอมเมนต์ที่เขาส่งกลับมาที่อาบูดาบี 'อย่ายุ่งกับผม' ซึ่งก็เข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลบางอย่างสำคัญมาก เช่นว่าอุณหภูมิยางของเขาต่ำเกินไป เขาไม่เห็นข้อมูลนี้และไม่สามารถประเมินได้ขณะตามหลังเซฟตี้คาร์ เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อความที่จำเป็น โดยซิโมน เรนนี่ วิศวกรของเขาได้ส่งไป และยังคอยบอกว่าอลอนโซ่อยู่ตรงไหนแล้ว แต่เขาไม่ต้องการรู้ ก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นฌาคส์ วิลเนิฟ รายนี้จะชอบให้คุยด้วยทุกรอบ แม้แต่แค่เล็กๆ น้อยๆ เขาก็อยากรู้ อย่างเช่นตำแหน่งของคนอื่น รถเป็นอย่างไรบ้าง เรียกว่าทุกอย่าง สองคนนี้ช่างแตกต่างอย่างสุดขั้วจริงๆ

นักขับส่วนใหญ่ต้องการให้อัพเดทแต่ไม่ต้องการถูกรบกวน พวกเขาอยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ต้องการข้อความที่กระชับได้ใจความเพื่อที่จะเข้าใจได้ ยกเว้นก็แต่คิมี่เท่านั้น

นักขับที่เก่งที่ขับเร็วจริงๆ จะไม่ทำเวลาเสียจากการพูดหรือฟังวิทยุเลย ซึ่งก็มีนักขับแบบนี้ไม่มากนัก อย่างเฟอร์นันโด อลอนโซ่ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ คิมี่ ไรค์โคเน่น หรือถ้าให้เป็นท็อป 5 ผมก็จะนึกถึงลูอิส แฮมิลตัน และเซบาสเตียน เวทเทล ด้วย พวกเขาจะไม่สูญเสียเวลาเลยสักนิดเดียว นักขับบางคนทำเวลาต่อรอบได้เร็วจริง แต่เขาต้องใส่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ ถ้านักขับอย่างอลอนโซ่ก็ทำเวลาได้ แต่เขายังทำอย่างอื่นได้อีกมาก

บางครั้งเราก็ยังเคยได้ยินนักขับถูกเตือนให้ทำสิ่งต่างๆ หรือกระทั่งเตือนให้อย่าลืมดื่มน้ำ มีกลไกอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?

เมื่อก่อนผมมีนักขับที่ต้องคอยเตือนให้ดูพิตบอร์ด! (หมายถึงป้ายที่ยกขึ้นให้นักขับอ่านข้อมูลเวลาที่พิตวอลล์) พอเขาออกจากโค้งสุดท้ายผมก็ต้องพูดว่า 'พิตบอร์ด' ส่วนนักขับบางคนต้องเตือนให้ดื่มน้ำ แต่มักเกิดในช่วงฝึกซ้อมมากกว่าเพื่อทดสอบดูว่าอุปกรณ์ดื่มน้ำใช้ได้หรือไม่

คงต้องเป็นเรื่องยากในการเรียงร้อยและส่งผ่านข้อมูล

เราต้องเริ่มจากการนึกก่อนเลยว่าเมื่อใดก็ตามที่เราคุยกับนักขับนั่นจะเป็นผลเสีย ซึ่งผมคิดแบบนั้น แน่นอนว่าคิมี่ไม่ชอบและนักขับส่วนใหญ่ก็จะสูญเสียเวลา เพราะฉะนั้นเราจึงส่งไปแค่ข้อมูลสำคัญ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น หรือบางครั้งเราเห็นพวกเขากำลังขับได้ดีอยู่และเราต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา เราก็อาจต้องปล่อยเขาไปก่อนและไม่รบกวนเขา

บางครั้งมีเรื่องอย่างการผสมเชื้อเพลิง เราอาจต้องเพิ่มหรือลด ซึ่งถ้ามันยังไม่จำเป็นมาก เราก็อาจชะลอไว้ก่อนและอาจบอกนักขับอีกครั้งตอนเขาเข้าพิตหรืออะไรประมาณนั้นดีกว่าไปรบกวนตอนเขากำลังเพลิดเพลินกับการขับอยู่

เป็นเรื่องแค่ให้ในสิ่งที่นักขับต้องการ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น




อลัน เพอร์เมน กับโรแมง โกรส์ฌอง



ในการสื่อสาร คุณต้องตระหนักว่านักขับอยู่ส่วนไหนของแทร็ค...

มันจะง่ายกับพวกเขามากกว่าหากได้รับฟังตอนอยู่ในโค้งช้า แต่เราไม่ต้องการไปขัดจังหวะเขา และแน่นอนว่าเราก็ไม่ได้อยากคุยกับเขาตอนอยู่ในโค้งเร็วเช่นกัน สิ่งที่ผมมักจะทำคือคุยตอนอยู่บนทางตรง คือเราเปิดวิทยุขึ้นเพื่อให้เขาได้ยินอะไรและเมื่อเขาเริ่มจะเข้าโค้งไปต่อเราก็จะให้แค่คำสั่งสั้นๆ นั่นเป็นสิ่งที่มักทำกัน

มีเหตุการณ์หนึ่งที่เผยแพร่ออกไปมากเหมือนกัน แต่ไม่ใช่จากทีมของคุณหรอก เป็นตอนที่เซอร์จิโอ เปเรซ กำลังไล่เฟอร์นันโด อลอนโซ่ เพื่อจะเอาชัยชนะที่มาเลเซียปีที่แล้ว เปเรซได้รับคำเตือนจากทีมให้ระวังและทีมไม่ต้องการเสี่ยงที่จะเสียอันดับที่ 2 ไป ต่อมาเขาก็ทำพลาดไปทำให้ไม่ได้ลุ้นชัยชนะอีกเลย มีช่วงเวลาไหนบ้างหรือไม่ที่คุณบอกนักขับให้ลุยให้ถึง หรือให้ขับรักษาตำแหน่งมากกว่า แล้วสิ่งนั้นผิดพลาด?

เป็นคำถามที่ยากจะตอบทีเดียวเพราะเราบอกให้เขาลุยไปเต็มที่มากกว่าและต้องใช้ยางให้ดีด้วย ดังนั้นที่เกิดขึ้นก็มาจากว่าเราทำแบบนี้บ่อยแค่ไหน

แต่แทนที่จะบอกให้นักขับเร็วขึ้นอีก เราจะให้ข้อมูลไปมากกว่า หรือบางครั้ง อย่างที่เกิดขึ้นกับโรแมง โกรส์ฌอง หากเขาวิ่งรอบหนึ่งแล้วเกิดข้อผิดพลาด 2-3 ครั้งในรอบเดียว ผมก็จะบอกวิศวกรของเขาให้บอกเขาไปว่าใจเย็นๆ ดึงเขากลับมาให้ได้หากเขาขับไม่ราบรื่นมาสัก 2-3 รอบแล้ว

ไม่ดีแน่นอนหากพูดไปทางวิทยุว่าคุณกำลังขับแย่ หยุดทำพลาดได้แล้ว นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย! เราต้องคอยเติมเต็มความมั่นใจให้พวกเขาหากเขากำลังมีปัญหา


จากที่อ่านมาทั้งหมดทำให้เรารู้สึกได้ว่าการส่งผ่านข้อมูลผ่านทางวิทยุระหว่างนักขับกับทีมงานเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดง่ายๆ ลอยลมไปอย่างที่แฟนๆ ได้ฟังจากการถ่ายทอดสด นับถือพวกเขาจริงๆ เลยนะคะ ต้องขอบคุณทั้งแอนดรูว์ โชฟลิน ของเมอร์เซเดส และอลัน เพอร์เมน ของโลตัส ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ของพวกเขาผ่านเว็บไซต์ autosport.com ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ












*ข้อมูลและภาพจาก autosport.com/f1




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2556
6 comments
Last Update : 12 สิงหาคม 2556 21:40:28 น.
Counter : 2073 Pageviews.

 

ขอบคุณจขบ.ที่กรุณามาช่วยแปลและเรียบเรียงให้อ่านกันอีกแล้ว อ่านเพลินมากครับ ^^ ทักษะด้านภาษายอดเยี่ยมจริงๆ

 

โดย: Puakpiak IP: 27.130.28.248 12 สิงหาคม 2556 23:08:55 น.  

 

"Fernando (Alonso) is faster than you. Can you confirm you understand that message?".

 

โดย: hstgz IP: 101.108.25.162 12 สิงหาคม 2556 23:19:21 น.  

 

ขอบคุณมากครับ ทำให้เข้าใจมากขึ้นเวลานักขับชนะแล้วทำไมเขาถึงกระโดดกอดทีมงาน ทุกคนมีส่วนในชัยชนะจริงๆ

 

โดย: Dentist IP: 183.89.83.250 13 สิงหาคม 2556 10:54:55 น.  

 

ขอบคุณครับ ตั้งแต่ผมดูมารู้สึกว่าจะได้ยินเสียง ross brawn บ่อยที่สุดเลยครับ

 

โดย: แมวหมี IP: 1.179.128.201 13 สิงหาคม 2556 10:56:26 น.  

 

พูดถึงโซ่บ่อยนะ..มีนัยยะ ไรป่าวว อิอิ

แปลได้ดีมากครับ ^^ขอบคุณที่หามาให้อ่าน

 

โดย: fame IP: 180.183.98.131 13 สิงหาคม 2556 18:39:18 น.  

 

ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกท่านเช่นกันค่ะ

ได้ทราบว่าทุกท่านแฮปปี้กับสิ่งที่ จขบ. ทำให้ จขบ. ก็แฮปปี้มากมายแล้วค่ะ

 

โดย: finishline 13 สิงหาคม 2556 20:48:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


finishline
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ในประเทศไทยหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านได้ยากเหลือเกิ๊นนนน...เขียนเองเลยดีกว่า!

**เจ้าของบล็อกเขียนข่าวขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลข่าวและแปลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของต่างประเทศเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ ท่านใดที่นำข้อความในบล็อกไปเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาให้เครดิตบล็อกด้วยนะคะ**
Friends' blogs
[Add finishline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.