Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
สุมาอี้ จงต๊ะ - ผู้ชนะแห่งสามก๊ก

สุมาอี้ จงต๊ะ



“เล่า โจ ซุน ต่อสู้แย่งชิงกันมา สุดท้ายสุมาได้ครองแผ่นดิน” คำๆนี้น่าจะเป็นบทสรุปของเรื่องสามก๊กได้ดีที่สุดล่ะมั้ง

เรื่องสามก๊กเปิดฉากจากเล่าปี่ โจโฉ ภายหลังจึงมีซุนกวน และก็กลายเป็นการต่อสู้ของทั้งสามคน แต่สุดท้ายแผ่นดินจีนกลับไปตกเป็นของตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องสามก๊กที่กว่าจะขึ้นมามีบทบาทอย่างจริงๆจังก็ช่วงที่แผ่นดินเริ่มแบ่งเป็นสามแล้ว ซึ่งตัวละครตัวนี้ตอนที่โผล่ขึ้นมาทีแรกยังเป็นเพียงแค่กุนซือธรรมดาๆที่ไม่ได้มีความสำคัญหรือตำแหน่งใหญ่โตอะไรในฝ่ายวุยก๊กของโจโฉ แต่ใครจะคาดคิดว่าภายหลังเขากลับสามารถโค่นล้มตระกูลโจ ปูทางให้ลูกหลานรวมแผ่นดินได้สำเร็จ

เขาไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากไหนอย่างมังกรหลับขงเบ้ง แต่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมากลายเป็นบุคคลที่ขงเบ้งไม่อาจจะเอาชนะได้จนกระทั่งตายลง

คนที่อ่านสามก๊กรอบแรกๆและอ่านฉบับที่รวบรัดน่าจะสงสัยกันไม่น้อยนะว่าเจ้าสุมาอี้คนนี้มันเป็นใครโผล่มาจากไหน ทำไมถึงได้เก่งกาจขนาดนี้ และกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด สามารถปูทางให้ลูกหลานก่อตั้งราชวงศ์จิ้นสืบต่อมาได้

งั้นก็ไปดูประวัติของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คนนี้กัน


ประวัติโดยย่อ

สุมาอี้ หรือซือหม่าอี้ ชื่อรอง จงต๊ะ เกิดในปีค.ศ.179 เป็นบุตรชายคนรองของสุมาฮอง ผู้ว่าการแห่งนครหลวงลั่วหยางในตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งเฮอไน คำว่าซือหม่านั้นจะเป็นเหมือนกับยศถาที่ให้แก่ชนชั้นตระกูลขุนนางที่สืบทอดกันมายาวนาน ซึ่งบรรพบุรุษของสุมาอี้นั้นรับราชการมาตั้งแต่สมัยของฌ้อปาอ๋อง โดยพูดได้ว่าสุมาอี้นั้นเกิดมาเพื่อเป็นชนชั้นปกครองโดยเฉพาะ

ในวัยเด็กเขาได้รับการศึกษา ร่ำเรียนสรรพวิชา หลักปรัชญาของขงจื๊อ เม่งจื๊อ เรียนหลักพิชัยสงคราม หลักการปกครอง และรำทวน ขี่ม้า ยิงธนู เรียกว่าได้เรียนทุกอย่างครบเครื่องตามแบบฉบับของบุตรที่เกิดจากตระกูลขุนนางเลยทีเดียว และจะว่าไปเขาก็มีพื้นเพการศึกษามาคล้ายๆกับโจโฉ

ในยุคแห่งความวุ่นวายที่มีสาเหตุจากการลุกฮือของโจรผ้าเหลืองและการยึดอำนาจของตั๋งโต๊ะนั้น ทำให้แผ่นดินเข้าสู่กลียุค กลายเป็นสมัยที่ใครก็ได้หากมีความทะยานอยากและความเด็ดเดี่ยวมากพอ ก็สามารถจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ในชั่วข้ามคืน ตอนนั้นโจโฉได้ผงาดขึ้นมากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภาคกลางด้วยการเชิดชูฮ่องเต้ สร้างเมืองหลวงใหม่ขึ้นที่ฮูโต๋ ค่อยๆขยายอำนาจแผ่ไปทั่ว แต่สิ่งที่โจโฉเน้นมากที่สุดช่วงนั้นคือการสะสมบุคลากรที่มีความสามารถมารับใช้

สุมาอี้นับเป็นคนดังคนหนึ่งแห่งเฮอไน ด้วยความอัจฉริยะและความฉลาดหลักแหลมจนเป็นที่กล่าวขวัญ ประกอบกับตระกูลสุมาและโจโฉนั้นมีบุญคุณผูกพันกันอยู่เนื่องจากสุมาฮองบิดาของสุมาอี้นั้นเคยช่วยเหลือโจโฉในสมัยที่ยังรับราชการในเมืองหลวง ด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้ทำให้โจโฉอยากได้สุมาอี้ตัวมารับใช้ แต่เขาไม่อยากไปอยู่กับโจโฉ ตามตำราและตามนิยายสามก๊กบรรยายในทำนองว่าสุมาอี้นั้นเกรงกลัวโจโฉจึงไม่อยากไปอยู่ด้วย บางเล่มก็ว่าเพราะโจโฉเป็นคนโฉด หรือไม่ก็เพราะสุมาอี้นั้นก็คิดการใหญ่ไว้เหมือนกัน

เหตุผลจริงๆคืออะไรคงอยากจะตอบได้ ซึ่งถ้าพอจะสรุปจากเรื่องราวและการกระทำในภายหลังของสุมาอี้นั้นน่าจะพอหาความจริงได้ว่า เป็นเพราะสุมาอี้นั้นก็มีความทะเยอทะยานแอบซ่อนอยู่ และคิดสะสมกำลังพลตั้งตัวขึ้นมาบ้างเช่นกัน ไม่ก็อาจจะกำลังหาทางลัดอยู่ แต่หากไปอยู่กับโจโฉนั่นเท่ากับเป็นการผูกมัดตัวเองไว้ ไม่สามารถทำอะไรได้ถนัด

สุมาอี้แกล้งป่วยเพื่อบอกปัดไม่ไปอยู่กับโจโฉ แต่โจโฉขู่ว่าหากไม่มาจะจับฆ่าเสีย สุมาอี้จึงจำต้องเข้ารับราชการ

โจโฉเมื่อได้ตัวสุมาอี้มาแล้ว ก็ให้เขาเป็นเสนาธิการ ที่ปรึกษาด้านการทหาร แต่ก็น่าแปลกที่โจโฉไม่ค่อยจะเชื่อในคำแนะนำของสุมาอี้เท่าใดนัก ทั้งที่ๆความเห็นที่เขาเสนอต่อโจโฉนั้นค่อนข้างจะเฉียบขาดและยอดเยี่ยม ถ้ายังไงจะขอเก็บเอาเรื่องนี้ไว้พูดถึงในตอนหลังอีกที

ตอนที่สุมาอี้มาอยู่กับโจโฉนั้นเป็นช่วงที่ดวงของยอดคนผู้นี้กำลังรุ่ง เขาทำสงครามปราบปรามอ้วนเสี้ยวทางภาคเหนือลงได้ ทำให้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ควบคุมแผ่นดินภาคเหนือและกลางขอประเทศได้ทั้งหมด และเตรียมตัวจะทำการรุกลงใต้เพื่อรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว

แต่สุมาอี้เป็นคนแรกๆที่คัดค้านการบุกลงใต้ ด้วยให้เหตุผลว่าตระกูลซุนแห่งง่อก๊กที่ปกครองภาคใต้นั้นมีความเข้มแข็ง และมีชัยภูมิดี ยากแก่การตีแตกในตอนนี้ ที่สำคัญฝ่ายโจโฉเองก็เพิ่งจะปราบอ้วนเสี้ยวลงได้ แม้ว่าจะได้ความฮึกเหิมเป็นแรงขับแค่ไหน แต่กองทัพที่ผนวกเอามาจากอ้วนเสี้ยวนั้นก็ยังไม่พร้อมที่จะทำการรบใหญ่กับพวกที่มีความเชี่ยวชาญในพท.ซึ่งเป็นน้ำส่วนใหญ่อย่างกองทัพของง่อก๊กไม่ได้อยู่ดี

โจโฉไม่สนใจคำทัดทานของขุนนางมาใหม่อย่างสุมาอี้อยู่แล้ว แม้ว่าจะมีผู้อื่นทัดทานบ้างแต่ก็ไม่เกิดผล เพราะพวกที่ปรึกษาเก่าๆก็ไม่ได้ทัดทานด้วย ดังนั้นโจโฉจึงยกทัพลงใต้ และไปแพ้ในศึกเซ็กเพ็กอย่างที่สุมาอี้คาดการณ์ไว้ แม้ว่าเรื่องการแตกทัพทั้งร้อยหมื่นจนเหลือทหารเพียงไม่กี่ร้อย หรือถอยทัพเพราะโรคระบาด ไม่ว่าเรื่องจริงของศึกเซ็กเพ็กมันจะเป็นยังไงก็ตาม การศึกที่ผู้นำเป็นผู้นำไปเองด้วยทัพใหญ่จำนวนมหาศาล แต่กลับไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปในแดนของข้าศึกได้สักก้าว และต้องถอนทัพกลับ นั่นก็ถือว่าฝ่ายโจโฉพ่ายแพ้แล้ว

จากนั้นสุมาอี้ก็เริ่มได้รับการขยับฐานะเป็นที่ปรึกษาที่มีความสำคัญมากขึ้น โดยช่วยในเรื่องการบริหารกิจการภายในแต่ก็ยังไม่มีบทบาทอะไรมากมายนัก เรียกว่าในสามก๊กไม่ได้มีการพูดถึงตัวละครตัวนี้เลย สามก๊กบางเล่มที่เล่าเรื่องราวแบบกระชับและตัดทอนรายละเอียดไปนั้น ไม่ได้พูดถึงสุมาอี้ตอนที่มาอยู่กับโจโฉด้วยซ้ำ กว่าจะพูดถึงอีกทีก็ในปีค.ศ.217 การศึกที่ฮั่นจงระหว่างโจโฉและเล่าปี่ ซึ่งเป็นเหมือนศึกการแย่งชิงฐานทัพด่านหน้าในอนาคตของวุยก๊กและจ๊กก๊ก เพราะตอนนั้นสามขั้วอำนาจ เล่าปี่ โจโฉ และซูนกวนได้ปักหลักสร้างฐานของตนจนมั่นคง ก่อรูปร่างเป็นสามอาณาจักรแล้ว เหลือเพียงว่าใครจะประกาศตัว ตั้งฐานันดรศักดิ์ให้ตัวเองก่อนกัน

ยกแรกของศึกฮั่นจงนั้น เริ่มจากการที่โจโฉนำกองทัพเข้าบุกตีฮั่นจง ซึ่งตอนนั้นมีเตียวลู่เป็นผู้ปกครอง ในขณะที่ทางเสฉวนนั้นเล่าปี่เพิ่งจะเข้ายึดมากจากเล่าเจี้ยง เรียกว่าสองฝ่ายแข่งกันยึดก็ไม่ผิด จากนั้นเมื่อโจโฉยึดฮั่นจงได้สำเร็จ ก็กำลังลังเลอยู่ว่าจะตามตีเอาเสฉวนต่อดีไหม สุมาอี้เป็นคนที่เสนอแนะให้โจโฉใช้จังหวะที่เล่าปี่ยังไม่ทันสร้างฐานอำนาจที่มั่นคงในเสฉวน บุกเข้าไปยึดมา เพราะถ้าพลาดโอกาสนี้ เล่าปี่สามารถปักหลักที่เสฉวนได้เมื่อไหร่ ฝ่ายตนก็ยากจะตีเสฉวนได้

แต่โจโฉหลังจากลังเลอยู่นานก็ปฏิเสธแผนการนี้และพูดในทำนองว่า คนเราช่างไม่รู้จักพอ เมื่อได้ฮั่นจงแล้วยังจะเอาเสฉวนอีกหรือ

คำพูดนี้แสดงถึงความอิ่มในอำนาจของโจโฉออกมาเหมือนกัน ก่อนหน้านี้โจโฉต้องวุ่นวายกับเรื่องการเลื่อนยศตัวเองขึ้นเป็นงุยก๋ง เพราะเรื่องนี้เองเป็นเหตุให้ขุนนางผู้ภักดีอย่างซุนฮกที่ตามรับใช้ตนมายาวนานต้องจบชีวิตลง ตัวเขาเองก็คงจะเริ่มเบื่อที่จะต้องทำการขยายดินแดนและอำนาจออกไปมากกว่านี้ แม้ว่าจุดหมายสูงสุดของโจโฉคือการรวมประเทศให้เป็นหนึ่ง แต่ขณะนี้ตัวเขามีอายุปาไป 60 แล้ว ความกระหายและความทะยานอยากย่อมต้องลดลงเป็นของปกติ ที่สำคัญเลยคือ การจะนำทัพเข้าบุกตีถิ่นทุรกันดารและทางเข้าเต็มไปด้วยเขาสูงสลับซับซ้อนอย่างเสฉวนนั้น โจโฉเองในฐานะผู้นำกองทัพย่อมไม่อยากเสี่ยง เมื่อได้ฮั่นจงมาก็นับว่าตรงตามเป้าของการทำศึกแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากจะตามตีเสฉวนอีก แต่สุมาอี้นั้นเป็นที่ปรึกษาทางทหาร เขาย่อมต้องมองถึงภาพรวมข้างหน้าและโอกาสเป็นหลัก เมื่อเห็นว่าน่าจะตีได้เขาจึงรีบเสนอ แต่กลับกลายเป็นว่าโจโฉบอกปัดแผนของเขาอีกครั้ง

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในฐานะของเสนาธิการที่เสนอแผนการเยี่ยมๆให้นายไปถึงสองครั้ง แต่นายกลับไม่ตอบรับ จิ้งจอกตัวนี้จะเริ่มฉุกคิดอะไรขึ้นมารึเปล่า

เหมือนกับว่าเอาตัวเขามาอยู่ด้วย แต่กลับไม่ยอมใช้งาน ราวกับว่าโจโฉเองก็ระแวงระวังในตัวเขาอยู่ ดังนั้นก็เลยเลือกที่จะเอาตัวเขามาอยู่ใกล้ๆ เหมือนเป็นการควบคุม แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็อาจจะเกินไป เพราะสุมาอี้เวลานั้นก็แค่เสนาธิการทหารธรรมดาที่ไม่ได้มีผลงานอะไรเด่น ในขณะที่โจโฉเป็นถึงงุยก๋งผู้มีอำนาจล้นฟ้า

ช่วงปลายชีวิตของโจโฉนั้นเขาเคยพูดกับโจผีเกี่ยวกับสุมาอี้ในทำนองว่า อย่าให้เจ้านี่มันได้กุมอำนาจทหารเด็ดขาด แสดงว่าโจโฉตีค่าสุมาอี้ไว้สูงมาก และมองออกถึงความทะเยอทะยานของชายคนนี้ ว่าถ้ามีอำนาจทหารล่ะก็ จะเหมือนการติดปีกให้แก่จิ้งจอก

โจโฉสิ้นลงในปี ค.ศ.220 บุตรชายคนโตโจผีขึ้นสืบทอดอำนาจต่อ และสถาปนาตัวเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์วุยฮั่น ส่วนสุมาอี้นั้นมีความสนิทสนมกับโจผีในฐานะที่ปรึกษาคนสนิทมาตั้งแต่สมัยก่อน จึงได้เป็นหนึ่งในคณะเสนาบดีที่คอยดูแลบ้านเมือง

โจโฉนั้นแม้จะระวังสุมาอี้ แต่ก็ไม่ถึงที่สุด เพราะเขาคงมองว่าสุมาอี้นั้นมีอายุก็ไม่ใช่น้อย ในขณะที่โจผียังหนุ่มอยู่ ยังไงซะโจผีก็น่าจะมีอายุยืนนาน สุมาอี้ที่นับวันจะแก่ตัวลงก็ไม่น่าจะมีพิษสง หรือถึงจะเกิดเหตุสุดวิสัย แต่หลังจากโจผีก็ยังมีโจยอยหลานชายที่ดูแววแล้วมีสติปัญญาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นต่อให้สุมาอี้ขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจทหารในภายหลังก็หมดสิทธิ์ซ่าแน่นอน และที่สำคัญวุยก็ยังมีพวกแม่ทัพเก่งๆที่เป็นคนของตระกูลโจเหลืออยู่อีกพอสมควร ลูกหลานของพวกเขาก็ยังมี ดูแบบนี้แล้วไม่มีทางเลยที่สุมาอี้ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ขุนนางบุ๋นจะขึ้นมาทำอะไรได้

แต่คนมันจะใหญ่ และไม่ใช่ฟ้าดลบันดาลอย่างเดียว สุมาอี้เองก็เป็นคนกระทำด้วยตัวเองส่วนหนึ่ง เขามีชีวิตยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรง สะสมอำนาจบารมีมาเรื่อย ในขณะที่โจผีครองราชย์ไม่ถึงสิบปีก็สิ้นลง โจยอยซึ่งขึ้นมาสืบทอดแทนแม้จะครองราชย์ได้นานหลายสิบปี แต่ก็สิ้นลงในขณะที่อายุไม่มาก

ทำไมเป็นแบบนั้นได้ พอจะวิเคราะห์ออกมาได้อย่างหนึ่ง นั่นคือเรื่องของวิถีและแนวคิดในการใช้ชีวิตของตระกูลโจและสุมาที่ค่อนข้างต่างกันมาก ตระกูลโจที่นำโดยโจโฉนั้นเป็นพวกที่มีชีวิตในช่วงแผ่นดินกลียุค ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมเก่าๆหลายอย่างไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิตที่ต้องเอาตัวรอดในวังวนสงครามของพวกเขา โดยเฉพาะลัทธิขงจื๊อที่สอนให้ผู้คนอยู่ในกรอบธรรมเนียม ซึ่งตอนที่โจโฉขึ้นมากุมอำนาจนั้นได้ต่อต้านแนวคิดขงจื๊อที่สืบทอดมายาวนานอย่างรุนแรง ถึงขั้นสั่งประหารขงหยงทายาทรุ่นหลังของขงจื๊อลงภายใต้การด่าทอของพวกขุนนางหัวเก่าที่ยึดมั่นในลัทธิขงจื๊อ

คนในตระกูลโจใช้ชีวิตในแนวที่ไม่ยึดติดต่อขนบประเพณี เรียกว่าค่อนข้างออกไปทางเม่งจื๊อ เพียงแต่ก็ไม่ได้ยึดตามหลักเม่งจื๊อ ถ้าจะเรียกว่าใช้ชีวิตแบบตามใจตัวน่าจะเหมาะกว่า นั่นคือการหาความสุขสำราญใส่ตัวอย่างเต็มที่ กินอยู่แบบไม่ต้องควบคุมตัวเอง นึกอยากทำอะไรก็ทำ ซึ่งที่จริงมันก็เป็นรูปแบบที่เหมาะกับพวกเขาในช่วงที่บ้านเมืองไร้ระเบียบและจำเป็นต้องมีการปฏิรูปใหม่หมดเช่นนั้น

แต่ตระกูลสุมาซึ่งเป็นพวกขุนนางเก่านั้นยึดถือรูปแบบการใช้ชีวิตตามแนวขงจื๊อมาช้านาน พวกเขาจะกินอยู่อย่างพอดี ไม่ใช้ชีวิตที่โลดโผนหรือทำอะไรตามใจมากเกินความพอเหมาะของร่างกาย ด้วยเหตุนี้สุมาอี้จึงมีสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง สามารถมีชีวิตต่อมาอย่างยืนยาว เกินกว่าคนของตระกูลโจถึงสามรุ่น ฟังดูมันอาจจะเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่สิ่งนี้กลับส่งผลอย่างมหาศาลในการแก่งแย่งอำนาจจริงๆ

งานนี้จะเรียกว่าโจโฉเสียรู้สุมาอี้ก็ไม่ผิด....

กลับมาต่อกันหน่อย เมื่อโจผีขึ้นเป็นฮ่องเต้ เขาพยายามจะแสดงแสนยานุภาพทางทหารออกมาเหมือนกัน ด้วยการจัดทัพไปตีง่อก๊ก แต่ก็แพ้อย่างไม่เป็นท่า จากนั้นเขาก็รู้สึกขยาดและเบื่อในสงคราม ประกอบกับโจผีแม้จะมีความทะเยอทะยาน แต่ก็ยังไม่ถึงที่สุด เมื่อดูแล้วว่าการสงครามไม่เหมาะกับตน และแม่ทัพเก่งๆของอีกสองก๊กก็ยังมีอยู่ เขาจึงหันไปทุ่มเทให้เรื่องของวรรณกรรมมากกว่า และก็ได้ดีจนเป็นฮ่องเต้ผู้เปิดโลกของวรรณกรรมเชิงวิจารณ์และแบบร้อยแก้วเป็นคนแรก

ส่วนเรื่องการคุมกองทัพนั้น ตอนแรกตำแหน่งนี้เป็นของโจหยิน แต่โจหยินตอนนั้นแก่มาก ได้ตำแหน่งมาก็เหมือนกับลอยๆ จนภายหลังก็เป็นโจหองที่รับตำแหน่งสืบต่อซึ่งก็มีสภาพคล้ายๆกัน

ช่วงนั้นแม่ทัพเก่งๆและพวกเครือญาติตระกูลโจและแฮหัวที่ร่วมงานกับโจโฉมายาวนานได้ล้มตายไปทีละคน พวกที่ขึ้นมาใหม่ๆก็ไม่ได้เก่งเหมือนรุ่นพ่อ แต่ฝีมือก็ยังพอใช้การได้ ดังนั้นโจผีจึงยังไม่ได้ยกเรื่องกองทัพให้สุมาอี้ดูแลเต็มที่ แต่อย่างน้อยสุมาอี้ก็ยังมีอำนาจในเรื่องทหารมากขึ้นกว่าสมัยโจโฉที่ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการควบคุมทหารด้วยเลย

จนมาถึงตอนที่โจยอยขึ้นครองราชย์ ได้มอบอำนาจทางทหารให้สุมาอี้ดูแลควบคู่ไปกับโจจิ๋นที่เป็นพระญาติ และเมื่อขงเบ้งคิดจะยกทัพบุกโจมตีวุยที่เมืองเตียงฮัน ด้วยความที่เกรงในฝีมือของสุมาอี้จึงได้ปล่อยข่าวไปว่าสุมาอี้คิดกบฏ ทำให้สุมาอี้ถูกปลดจากการคุมทหารไป

ขงเบ้งเห็นว่าแผนยุสำเร็จ จึงนำทัพบุกตีเตียงฮันจากทางกิสาน เมื่อปีค.ศ.227 โจจิ๋นผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ออกทำศึกต้าน แต่โจจิ๋นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขงเบ้ง และหากเตียงฮ้นแตก การอยู่รอดของวุยจะมีปัญหาแน่นอน โจยอยจึงจำต้องให้สุมาอี้กลับขึ้นมาเป็นแม่ทัพควบคุมกำลังทหารเพื่อไปรับศึกกับขงเบ้ง ซึ่งผลการศึกครั้งแรกนี้ในนิยายสามก๊กก็บอกผลไว้ชัดแล้วว่าขงเบ้งแพ้ยับเยิน

มีข้อแตกต่างระหว่างนิยายกับข้อมูลที่อ้างว่าเป็นประวัติศาสตร์จริงอยู่บ้าง นั่นคือในนิยายนั้นผู้ที่ยกทัพมาสู้กับขงเบ้งคือสุมาอี้ แต่ในของจริงเป็นเตียวคับ ส่วนสุมาอี้นั้นสั่งการกองทัพอยู่แนวหลัง

โดยรายละเอียดในผลงานครั้งนี้ก็คือเดิมทีขงเบ้งได้ติดต่อกับเบ้งตัดซึ่งมาสวามิภักดิ์กับวุยก๊กหลังจากที่กวนอูตายว่าหากช่วยงานตีวุยก๊กจากด้านในสำเร็จ ฝั่งจ๊กก๊กจะยอมให้อภัยและให้กลับมามีตำแหน่งสูงยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเบ้งตัดก็รับคำ เพราะตอนนั้นเขาเองก็ไม่พอใจที่ฝั่งวุยไม่ยอมให้เขามีตำแหน่งสูงอย่างที่เคยตั้งใจไว้ในตอนแรก

สุมาอี้เมื่อได้อำนาจทหารคืนมาก็รีบลงมือแบบสายฟ้าแลบ นำกองทัพด้วยตัวเองเข้าโจมตีเบ้งตัดที่มัวแต่มะงุมมะงาหราอยู่โดยไม่ให้ตั้งตัว ทั้งที่ขงเบ้งเองก็ส่งจดหมายมาเตือนเบ้งตัดแล้วว่า เมื่อสุมาอี้ได้อำนาจทหารคืน ต้องรีบลงมือ แต่เบ้งตัดดันบอกกลับไปว่าไม่เห็นต้องไปกังวล เพราะสุมาอี้จะออกศึกนั้นก็ต้องขอรับสั่งจากฮ่องเต้ก่อน

ขงเบ้งเจอจดหมายตอบกลับแบบนั้นก็แทบขว้างทิ้งแล้วบอกว่า แม่ทัพออกศึกแนวหน้าไม่จำเป็นต้องฟังกษัตริย์ สุมาอี้เองรู้ดีในหลักการข้อนี้ว่าหากจะปราบกบฏก็ต้องลงมือทันที ครานี้เบ้งตัดไม่รอดแน่ และก็เป็นจริง ซึ่งนั่นก็ส่งผลกระเทือนให้แผนการใหญ่ของขงเบ้งที่วางไว้พังพินาศหมด

สุมาอี้ได้รับเครดิตจากชัยชนะไปเต็มๆ และเมื่อภายหลังจากนั้นโจจิ๋นที่รู้สึกผิดหวังในผลการรบของตนก็ได้ล้มป่วยลง ทำให้สุมาอี้ขึ้นรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แทนและกลายเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจและอำนาจในการควบคุมการทหารอย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับจ๊กก๊ก

อำนาจและบารมีของสุมาอี้ก็เริ่มขึ้นจากจุดนั้น หลายปีต่อมาขงเบ้งพยายามยกทัพเข้าตีวุยแต่ไม่เป็นผล นั่นทำให้สุมาอี้ยิ่งมีผลงานและบารมีกับเหล่าทหารและผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่บรรดาแม่ทัพและนายทหารที่เป็นคนของตระกูลโจค่อยๆล้มตายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเตียวคับซึ่งเป็นแม่ทัพคนสุดท้ายที่รับใช้ตระกูลโจมาแต่สมัยโจโฉและยังมีชีวิตอยู่ได้ตายลง เท่ากับว่าเหล่าแม่ทัพรุ่นใหม่ๆต่อจากนี้เป็นคนที่สุมาอี้ปั้นขึ้นมาทั้งสิ้น

ในนิยายสามก๊กพูดถึงการศึกสุดท้ายระหว่างขงเบ้งและสุมาอี้ได้อย่างดุเดือด ที่น่าสนใจคือเรื่องที่ขงเบ้งวางแผนหลอกล่อให้สุมาอี้เข้ามาในหุบเขาน้ำเต้า และกะจะสังหารสุมาอี้ด้วยการวางดินระเบิดเอาไว้ในหุบเขา เมื่อล่อสุมาอี้เข้าไปแล้วก็จุดระเบิดเพื่อจัดการสุมาอี้ในทีเดียว

แผนการทำท่าจะสำเร็จ แต่ระหว่างที่ดินระเบิดกำลังถล่มกองทัพของสุมาอี้นั้น ได้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สุมาอี้รอดตายออกมาได้ จนขงเบ้งถึงกับท้อว่าวางแผนทุกอย่างดิบดี แต่ฟ้าไม่เป็นใจ

เรื่องนี้บ้างก็วิเคราะห์กันว่าอาจจะเป็นเรื่องแต่ง เพราะสมัยนั้นจีนยังคิดค้นดินระเบิดไม่ได้ แต่ถ้าหลอก้วนจงแต่งออกมาอย่างนั้น เขาอาจจะต้องการสื่อถึงว่าคนจะเป็นใหญ่แม้แต่ฟ้าก็ยังช่วยหนุนก็ได้ล่ะมั้ง

เมื่อขงเบ้งตายลงในปีค.ศ.234 โดยที่ไม่อาจจะตีเตียงฮันได้ นั่นเท่ากับเป็นผลงานสุดยิ่งใหญ่ของสุมาอี้ ที่ปราบมังกรหลับได้สำเร็จ เวลานี้ทอดตาไปทั่วแผ่นดินผู้ แม่ทัพหรือกุนซือ หรือจอมวางแผนผู้เก่งกาจที่จะต่อกรกับเขาแทบจะไม่มีอีกแล้ว จะเหลือก็เพียงลกซุนแห่งง่อคนเดียว แต่นโยบายของง่อคือการตั้งรับเป็นหลัก ดังนั้นแทบจะหมดห่วง

ในปีค.ศ.237 เกิดกบฏที่เหลียวตงโดยกองซุนเอี๋ยน ลุกฮือขึ้นเพราะไม่พอใจการปกครองของโจยอย ระดมทหารได้หลายแสนคนหมายจะบุกตีลกเอี๋ยง พระเจ้าโจยอยจึงให้สุมาอี้นำกำลังทหารไปปราบ แต่ไม่อาจระดมไปได้มากนัก เพราะต้องเหลือไว้รับศึกจ๊กก๊กและง่อก๊ก สุมาอี้จึงเอาทหารไปเพียง 4 หมื่นคน

เขาใช้เวลานานถึง 2 ปีในการเดินทางไปเหลียวตงที่เส้นทางลำบากยากแค้น แต่ด้วยความอดทนและมุ่งมั่นที่จะชนะศึกของสุมาอี้ แม้เสบียงจะหมดลงและกำลังทหารของเขามีน้อยกว่าเป็นเท่าตัว แต่ก็สามารถเอาชนะกองซุนเอี๋ยนลงได้ ซึ่งศึกนี้เป็นการประกาศศักดาตอกย้ำถึงความหนักแน่นของสุมาอี้ได้อีกครั้ง

พูดถึงพระเจ้าโจยอยเล็กน้อย ฮ่องเต้องค์นี้เป็นผู้ที่มีสติปัญญาและปรีชาสามารถคนหนึ่ง ประวัติในวัยเด็กก็บ่งบอกว่าเป็นผู้ที่ถือคุณธรรม เมื่อแรกขึ้นนั่งบัลลังก์เขาก็บริหารราชการอย่างดี แต่ภายหลังดันไปลุ่มหลงในสุราและนารี จนเป็นเหตุให้เหล่าขุนนางไม่พอใจและประชาชนก่นด่าไปทั่ว ก่อนที่จะออกศึกเลียวตั๋ง สุมาอี้ได้รับฟังการระบายจากขุนนางเหล่านั้นก็ได้แต่เงียบและสงวนท่าที โดยบอกต่อเหล่าขุนนางว่าอย่าได้ทักท้วงฮ่องเต้ เพราะไม่เช่นนั้นหัวขุนนางผู้ภักดีจะต้องหลุด ซึ่งเขาไม่อยากให้บ้านเมืองเสียคนดีๆไปมากกว่านี้ นับแต่นั้นจึงไม่มีผู้ใดทัดทานการปกครองที่โหดเหี้ยมของโจยอย และส่งผลให้เกิดการต่อต้านตระกูลโจมากขึ้น อาจเป็นได้ว่านี่เป็นความตั้งใจของสุมาอี้ในทำให้ตระกูลโจทำลายตัวเอง โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ

เมื่อสุมาอี้ชนะศึกที่เหลียวตง ระหว่างเดินทัพกลับได้ข่าวโจยอยประชวร จึงรีบเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้า ซึ่งก่อนตาย โจยอยได้ฝากฝังบุตรชายโจฮองที่อายุแค่ 9 ปีให้สุมาอี้ดูแล โดยงานบ้านเมืองนั้นให้สุมาอี้และโจซองที่เป็นบุตรชายของอดีตแม่ทัพใหญ่โจจิ๋นและเป็นพระญาติใกล้ชิดคอยดูแลควบคู่กัน แล้วก็สิ้นลง

โจซองนั้นหวั่นเกรงสุมาอี้ว่าจะทำการใหญ่ จึงคิดจะลิดรอนอำนาจด้วยการเลื่อนยศเขาให้ไปเป็นราชครูอันเป็นตำแหน่งระดับสูงแต่ไร้อำนาจทางทหาร เป็นการจัดการกับสุมาอี้อย่างแยบยล ซึ่งตัวสุมาอี้เองก็พอจะรู้ว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลัง จึงจำยอมรับตำแหน่งราชครูและให้ลูกชายทั้งสองคนคือสุมาสูและสุมาเจียวลาออกตามด้วย เพื่อสร้างภาพลวง และหันไปเน้นให้กับการพัฒนาบ้านเมืองเพื่อสร้างภาพและความนิยมกับผู้คน แต่ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาแอบซ่องสุมกำลังคนไว้อย่างลับๆเพื่อเตรียมจะก่อการในวันหน้า

สุมาอี้เป็นคนที่ร้ายกาจมาก เขาอดทนรอคอยเวลาโดยไม่ยอมแก่ตายสักทีเป็นเวลานานถึง 8 ปี โดยไม่ยุ่งเรื่องการเมืองและการบริหารประเทศ ปล่อยให้โจซองและพรรคพวกทำการตามอำเภอใจ แต่ตนเองนั้นพร้อมจะแว้งกัดทันทีเมื่อโอกาสมาถึง

และมันก็มาถึงจริงๆ ในปีค.ศ.249 โจซองได้ส่งคนของตนไปตรวจสภาพของสุมาอี้ จิ้งจอกเฒ่ารู้ว่าคนของโจซองมาเยี่ยมที่บ้านก็แกล้งทำเป็นป่วยและหลอกจนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามหลงเชื่อและไปรายงานโจซองว่าสุมาอี้ป่วยหนัก คิดว่าคงจะอยู่ได้ไม่นาน โจซองกระหยิ่งในใจว่าหมดเสี้ยนหนามแล้ว ภายหลังจึงได้พาพรรคพวกตนออกไปล่าสัตว์นอกเมืองพร้อมๆกับอัญเชิญฮ่องเต้ไปด้วย เรียกว่าขนกันไปทั้งโขยง

สุมาอี้เมื่อรู้ว่าพวกโจซองออกไปนอกเมือง ก็รู้ว่าโอกาสมาถึงจึงสั่งการให้คนของตนที่ซ่องสุมไว้ประมาณ 3 พันคนลงมือทันที โดยกุยห้วยแม่ทัพคนสนิทที่ออกศึกมาตั้งแต่ครั้งสู้กับขงเบ้งที่กิสานได้นำกำลังพลเข้าควบคุมสถานที่สำคัญในเมืองหลวง

ในระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาสุมาอี้ได้วางคนของตนไว้ในจุดสำคัญๆของเมืองหลวงทั้งหมด เพื่อรอโอกาสเตรียมทำการรัฐประหาร นอกจากนี้ก็ยังมีเหล่าแม่ทัพนายทหารไม่ใช่น้อยที่เป็นคนของสุมาอี้และเคยร่วมทำสงครามมาตั้งแต่สมัยที่สู้กับขงเบ้ง ในเวลาไม่นานก็สามารถเข้าควบคุมจุดสำคัญในเมืองหลวงได้หมด โดยที่ตัวสุมาอี้เองนั้นนำกำลังไปดักพวกโจซองไว้ที่หน้าเมือง และให้สุมาสูและสุมาเจียวบุตรชายเข้าไปอัญเชิญประกาศกล่าวโทษโจซองจากไทเฮาถึงในตำหนัก เพื่อความชอบธรรมในการลงมือครั้งนี้

โจซองที่รู้ข่าวรัฐประหารสายฟ้าแลบของสุมาอี้ก็ตกใจสุดขีด คิดจะยกทัพกลับเข้ามาลุยกับสุมาอี้ในเมืองหลวง แต่สุมาอี้นั้นได้ส่งทูตเกลี้ยกล่อม โดยแจ้งว่าที่ทำไปเพียงต้องการยึดอำนาจการทหารคืนเท่านั้น หากว่าโจซองยอมมอบตัวก็จะไม่ทำอะไรและจะให้อยู่ต่อไปอย่างสุขสบาย

โจซองเติบโตมาในฐานะเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงที่ไม่เคยเจอความลำบาก ไม่เคยออกรบ เมื่อเจอไม้นี้เข้าไปจึงเกิดใจอ่อน เพราะคิดว่าขอเพียงรักษาชีวิตไว้ให้ได้อยู่อย่างสบายก็พอ และพวกตนก็เป็นถึงพระญาติ สุมาอี้คงไม่กล้าทำอะไร จึงยอมมอบตัว

แต่สุมาอี้นั้นรู้ดีว่าจะตัดรากต้องถอนโคน เมื่อได้ตัวพรรคพวกของโจซองก็สั่งประหารโคตรญาติตระกูลโจของโจซองถึง 7 ชั่วโคตร และยังลามไปถึงพวกคนในตระกูลแฮหัวที่เกี่ยวดองเป็นญาติกันด้วย

เรื่องครั้งนี้ทำให้แฮหัวป๋า แม่ทัพซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของแฮหัวเอี๋ยนไม่พอใจและลุกฮือขึ้นแถบชายแดน แต่ก็ถูกกุยห้วยแม่ทัพของสุมาอี้ตีจนแตกพ่ายไปและจำต้องไปสวามิภักดิ์อยู่กับเกียงอุยที่จ๊กก๊กแทน

สุมาอี้ขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่ผู้เดียวในเมืองหลวง โดยที่ประชาชนก็ไม่ได้ต่อต้าน เพราะการปกครองของตระกูลโจในช่วงหลังๆที่ผ่านมานับแต่ปลายสมัยของโจยอย จนถึงช่วงที่โจซองครองอำนาจ ได้ทำการกดขี่ต่อประชาชนไว้มาก

สุมาอี้ได้อำนาจทั้งหมดมาอยู่ในมือแต่กระนั้นก็ไม่ยอมล้มล้างราชวงศ์วุยเพื่อตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ซะเอง จะว่าไปเขาก็ลอกเลียนวิธีการนี้มาจากโจโฉนั่นคือการยอมอยู่ใต้คนเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น เพียงแต่เขาโหดเหี้ยมมากกว่าตรงที่สั่งล้างตระกูลโจถึง 7 ชั่วโคตร ในขณะที่โจโฉยังเลี้ยงดูพระเจ้าเหี้ยนเต้และเหล่าพระญาติอย่างดี แม้จะปลดลงในสมัยที่โจผีขึ้นครองอำนาจ แต่ก็มิได้ประหารล้างโคตรขนาดนี้ นับว่าสุมาอี้ยังโหดและเด็ดขาดกว่าโจโฉอีกหนึ่งขั้นในการยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ

ปีค.ศ.251 สุมาอี้ที่เป็นผู้มีอำนาจสงสุดในวุยได้ล้มป่วยลง และถึงแก่กรรมไปด้วยวัย 72 ปี ปล่อยให้บุตรชายทั้งสองคนคือสุมาสูและสุมาเจียวสืบทอดการก่อตั้งราชวงศ์ของตระกูลสุมาต่อไป และก็ทำได้สำเร็จเมื่อสุมาเอี๋ยนหลายชายของสุมาอี้ได้ล้มล้างราชวงศ์วุยของตระกลโจ และขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์จิ้นนามพระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ ในปี ค.ศ.265 และรวมแผ่นดินจีนที่แตกเป็นสามก๊กให้เป็นหนึ่งได้อีกครั้งในปี 280 เป็นอันปิดฉากยุคสามก๊กอันยาวนานลง

ชื่อของสุมาอี้ถูกกล่าวถึงในแง่ของคนหน้าด้านใจดำ ที่พร้อมจะกระทำทุกอย่างให้สำเร็จตามเป้าหมายด้วยความใจเย็นอย่างที่คงไม่มีใครในสามก๊กจะเย็นเท่านี้อีกแล้ว เขาสามารถอดทนรอคอยโอกาสได้อย่างยาวนานเป็นหลายๆปี เพื่อการยึดอำนาจมาเป็นของตนเอง และยังเป็นผู้ที่เก่งกาจในการนำทัพ วางแผนการเอาชนะข้าศึกอีกด้วย

ในเรื่องสามก๊กนั้นยกย่องขงเบ้งเป็นกุนซือที่เก่งที่สุด และโจโฉเป็นคนที่เหี้ยมที่สุด แต่เมื่อดูจากเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว พูดได้ว่าสุมาอี้น่าจะเป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดในสามก๊ก....







Create Date : 15 พฤษภาคม 2549
Last Update : 15 พฤษภาคม 2549 18:11:49 น. 46 comments
Counter : 16435 Pageviews.

 
แหม เห็นอ่านแต่พวกจดหมายเหตุ

ผมไม่คาดฝันมาก่อนเลยนะเนี่ยว่า น้าอินทรีย์จะเล่นเกม Dynasty Warriors ด้วยเนี่ย

ติดตามมาตั้งแต่เว็บเด็กดีนะครับ


โดย: Ryuichi วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:05:05 น.  

 
ช่วงนี้กระแสสุมาอี้มาแรงจริงๆ
ในบอร์ดเฉลิมไทย ก็เห็นกระทู้หงสาฯ เต็มไปหมด


โดย: sTRAWBERRY sOMEDAY วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:27:17 น.  

 
เรื่อง Tale of Rega (ตำนานเจ้าหญิงแห่งความวิบัติ) ไม่ลงอีกแล้วหรือค่ะ


โดย: นุ่มนิ่ม IP: 124.121.2.117 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:3:29:31 น.  

 
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ


โดย: นุ่มนิ่ม IP: 124.121.1.191 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา:3:32:46 น.  

 
สนุกมากค่ะ ขอบคุณจริงๆ มีเรื่องดีๆมาให้อ่านก่อนนิน ทุกวัน


โดย: นุ่มนิ่ม IP: 124.121.2.223 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:17:22 น.  

 
ขอบคุงคร้าบ เกือบหมดกำลังใจอัพที่นี่เพราะไม่มีคนเลย เหอๆ


โดย: eagle1000 IP: 203.150.209.129 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:18:41 น.  

 
มาอ่านแล้วนะคะ รอตอนต่อไปอย่าใจจดจ่อ


โดย: นุ่มนิ่ม IP: 124.121.5.220 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:59:47 น.  

 
ย้ยไปหาอ่านในBlockเด็กดีของคุณแล้วนะคะ


โดย: นุ่มนิ่ม IP: 124.121.0.78 วันที่: 3 ธันวาคม 2549 เวลา:4:46:04 น.  

 
ฮ่าๆ


โดย: พะ IP: 124.157.156.111 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:49:10 น.  

 
เน้าจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: Nanitsara IP: 58.9.136.112 วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:15:07:18 น.  

 
โจผีเป็นลูกชายคนรองไม่ใช่เหรอครับ

ลูกชายคนโต โจงั่ง ตายไปพร้อมกับ โจฮันบิ๋น(หลาน)กับเตียวอุย

โดยแผนของกาเซี่ยง(ตอนนั้นเป็นที่ปรึกษาของเตียวสิ้ว)


โดย: เล่งหูชง IP: 125.25.223.213 วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:23:15:04 น.  

 
จริงๆแล้วสุมาอี้ไม่สามารถชนะขงเบ้งได้เลยสักครั้งเดียวไม่เชื่อก็ลองหามาสิ เช่น ขงเบ้งดีดพิน วางกลไล่สุมาอี้ ตายแล้วยังหลอกสุมาอี้ จนสุมาอี้เห็นขงเบ้งและรีบหนีพร้อมพูดว่า "หัวกูยังอยู่รึป่าวว่ะ" สุมาอี้เคยพูดว่า ปํญญาของเค้าไม่สามารถเทียบแค่เท้าขงเบ้งเลยหรือ ถึงได้โดยแต่ขงเบ้งหลอกตลอด จริงๆแล้วขงเบ้งสามมารถรวมแผ่นดินจีนได้แน่ หากม้าเจ๊กเชื่อฟัง และเล่าปี่ไม่นำกองทัพ 75 หมื่นไปแพ้ซุนกวน


โดย: นรรย IP: 117.47.66.163 วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:15:13:24 น.  

 
จริงๆแล้วนะ สุมาอี้ ช่วงแรกนะ ก็เก่งอยู่นะแต่พอได้เจออาจารย์จูกัดเหลียงก่อขวัญหนีดีฝ่อ แต่ก็เก่งอยู่นะที่เขาสามารถปูทางให้ลูกหลานรวบรวมแผ่นดินจีนได้



แล้วคุณคิดว่าสุมาอี้เก่งจริงปะ



โดย: ใครอะ IP: 124.121.182.142 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:16:18:05 น.  

 
คนจะเป็นใหญ่ สวรรค์ต้องเข้าข้างครับ

เหอๆๆๆ
อ่านหงสาจนชอบสุมาอี้ไปแล้วอะ


โดย: noob IP: 58.8.35.142 วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:11:16:54 น.  

 
เข้ามาอ่านครับ


โดย: GTW IP: 58.8.153.168 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:9:15:44 น.  

 
ที่สุมาอี้ชนะขงเบ้งเพราะ ขลาดที่ไม่กล้าออกรบ

เเละยังกลัวขงเบ้งอีกด้วย ถ้าอ่านดูเเล้ว

กลยุทรของสุมาอี้นั้นเทียบไม่ได้เลยกับขงเบ้ง

จำได้ว่ามีอยู่ตอนหนึ่งที่สุมาอี้ไม่กล้าออกรบ ขงเบ้งถึงกับ

ส่งเสื้อผ้าของสตรีมาให้สุมาอี้ใส่ เเต่สุมาอี้คนขลาดกลับ

ปฎิเสธการออกรบกลับขงเบ้งเพราะกลัว ...ขงเบ้ง


โดย: จูกัด-เหลียง ขงเบ้ง IP: 203.172.161.66 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:50:04 น.  

 
สุมาอี้นี้เขลาจริงๆ

เเถมยังปอดอีกด้วย


โดย: ขงเบ้ง IP: 203.172.161.66 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:57:08 น.  

 
ใครเจ้าของเวบว่ะ

เเม่งเขียนมั่วว่ะสาด

ใครว่ะกรุส์อยากเหนหน้าว่ะ


โดย: เหลียง IP: 203.172.161.66 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:58:17 น.  

 
คนชื่นชมขงเบ้งก็มิอาจยอมรับ
คนชื่นชมสุมาอี้ก็หาข้อดีมาพูดกัน

ในเนื้อเรื่องแล้วสุมาอี้เองก็ไม่เคยคิดว่าตนเองนั้นฉลาดหรือเก่งเหนือขงเบ้ง และสิ่งนั้นเองเป็นลักษณะเด่นของสุมาอี้ นั่นคือการประมาณตนเอง และสิ่งนี้แหละที่ขงเบ้งไม่ชอบที่สุด เพราะสุมาอี้ประมาณกำลังตนเองอยู่เสมอจึงทำให้เขาอยู่รอดในสงครามมาตลอด ขงเบ้งแม้เก่งกาจทุกคนที่เขาชนะก็เพราะศัตรูเขาทุกคนนั้นไม่รู้จักตัวเอง ละทิ้งความเป็นตนเองไปทำให้ต้องพ่ายแพ้ต่อขงเบ้ง


โดย: เรื่องราวมีไว้ศึกษา IP: 117.47.157.145 วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:51:18 น.  

 
ผมเองนั้นชอบขงเบ้งกับบังทองครับ แต่ถ้าให้วิเคราะห์กันตรงๆนั้นก็ต้องบอกว่า ขงเบ้งกับสุมาอี้เก่งพอๆกันแต่เก่งไปคนละทาง อีกอย่างก็คือสภาวการณ์ในตอนนั้น วุยก๊กเข้มแข็งกว่าจ๊กก๊กมาก จ๊กก๊กระดมทหารได้สูงสุดก็ไม่เกิน1แสน แต่วุยก๊กระดมได้ถึง5แสนคนนะครับ เมื่อกำลังทหารต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่แม่ทัพเก่งพอกัน ขงเบ้งคงไม่อาจพิชิตสุมาอี้ได้หรอกครับ


โดย: หงส์ดรุณ IP: 61.19.71.106 วันที่: 24 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:04:41 น.  

 
พ่อผมจีนแท้คับ ผมฟังจาโคตรตระกูลผมเอง
คนที่ชั่วจิงๆ คือเล่าปี้กับขงเบ้งครับ เล่าปี้อยู่กับ ใครก็คิดกบฎ ขงเบ้งเก่งจิง ทำไมไปทำศึกกับ พวกชายแดนนานแสนนาน ขงเบ้งพวกฆ่าล้างเผาพัน นะครับ คิดดูปล่อยพวกทหารบ้านนอก ไปเกนคนมา แล้วก็ฆ่าทึ้งนี้หรือครับ ขงเบ้งของคุน จิวยี่เนหือกว่าขงเบ้งเยอะครับ ที่ตายเพราะป่วย ส่วนเรื่องที่ว่า ขงเบ้ง เปิดประตูดีดขิม แล้ว สุมาอี้ไม่กล้าบุก คุนไปถามผู้รุ้ประวิตศาสตร์จิงๆเหอะครับ เมืองที่ขงเบ้งอยู่เล็กก้อเล็ก ทหารสุมา กี่คน ส่งไปนิดเดียวก็เต็มเมืองล่ะครับ ขอร้องครับ อ่านแค่นิยาย อย่าทำมารู้ดี แผ่นดินจีนเป็นหนึง เพราะสุมาอี้น่ะครับ อีกอย่าง บ้านผมไม่ไหว้กวนอู ครับเพราะผม รู้ดี กวนอูเมื่อเป็นใหย่ปกครองเมือง ก็หยิ่งในตัวเอง จนถูกตัดหัว สมน่าครับ เมืองอื่นเค้าไม่ไปช่วย เพราะกวนอูทำตัวเองครับ บ้านผมมีรูปปั้นจูล่ง ทางบ้านผมนับถือจูล่งมากกว่าครับ จูล่งไม่ต้องมี อาวุทประจำกายบ้าบอ แบบ กวนอู เตียวหุย ลองอ่านของหล่อกว้านจงน่ะครับ แล้ววิเคราะนะครับ บางกลศึกเค้า เขียนเพื่อให้วิเคาะ อ่านแล้ว วิเคราะเองน่ะครับ สมองมีหรือป่าว เหมือนประวิตศาสตรไทย คุนๆรู้กันรึป่าวครับ ว่าไทยไปตีไปยึดที่ไหนมาบ้าง เอาแต่คิดว่าคนไทยถูกย่ำยีตลอดเวลา สมควรครับผมเอาแต่แย่งกันเป็นใหญ่ _เต้อ ครับ


โดย: แซ่จ้าว IP: 58.8.155.70 วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:44:02 น.  

 
ความเก็นของคุณแซ่จ้าวก็ดีนะครับ แต่ผมว่าถ้าบอกว่าจิวยี่ดีกว่าเพื่อนแล้ว โลซกน่าจะดีกว่าจิวยี่นะครับ เพราะว่าแม้จิวยี่จะคิดกำจัดขงเบ้งเพื่อตระกูลซุนก็ตาม แต่เขาก็มองแค่ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนโลซกนั้นมองไปถึงนโยบายระยะยาวได้ดีกว่าจิวยี่และขงเบ้งซะอีก ส่วนขุนพลที่ผมคิดว่าน่ายกย่องที่สุด ควรจะเป็นเกียงอุยนะครับ


โดย: หงส์ดรุณ IP: 61.19.71.105 วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:39:51 น.  

 
สุมาอี้เก่งที่สุด
สุมาอี้เข้าใจมรรคาแห่งสงคราม ที่เขาเป็นผู้ประสพผลสำเร็จมากที่สุดในเรื่องสามก๊กเพราะเขามีความอดทนอยากขอร้องคนที่อ่านนิยายที่หลอกว้านจงเขียนว่าขอให้มีจินตนาการ อย่าสักแต่อ่านแล้วเชื่อในทุกตัวอักษร มีจินตนาการหน่อย


โดย: เจ IP: 124.121.84.235 วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:12:26:29 น.  

 
เอา ง่ายๆนะ ครับ ที่ อ่านมาทั้งหมด ผม สุมาอี้ สรุปนะครับ
สุมาอี้ เก่ง เพราะดูตัวแลเองให้สามรถอยู่ สู้ กับ คนทั้งหลายในสามก๊ก ทุกคน ล้วนแพ้ สุมาอี้ หมด แม้แต่ ขงเบ้น ที่เก่ง ก็ แพ้ ที่แพ้ รู้มั้ยแพ้เพราะอะรัย ก็แพ้ เพราะความ ใจเย็น นั้น ไงอะครับ
ความใจเย็นของ สุมาอี้ นั้น เหนือ กว่า ขงเบ้น และอีกประเด็ด สรุปเลย สุมาอี้ อายุยืน ร่างกายแข็งแรง รู้หลักการบ
ว่าจะสู้ หรือ ถอย รู้ จักประมาณตน รอคอยโอกาส ที่จะสู้
ว่าไงทุก คน ขงเบ้น ที่แพ้ เพราะใจร้อน จึงแพ้
อะนะ สุมาอี้ คือ คนที่เก่งที่สุดในสามก๊ก อายุยืนที่สุดแค่นี้ก็สรุปง่ายๆๆได้ แล้ว แถมยัง เก่งด้านการศึก สุขภาพก็แข็งแรง รบก็เก่ง อะนะเข้า ยังพี่น้อง รอวันเป็นใหญ่ นะ


โดย: Sima Ei IP: 124.122.147.37 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:1:14:45 น.  

 
เต้อมิงเก่งนักก็ไปเขียนมาให้อ่านดิแสรดดดดดด


โดย: หนุ่ม IP: 118.173.18.168 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:19:55 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่า สีส้มสดใสบาดตาจริงๆ


โดย: Magic of Azure วันที่: 21 มกราคม 2552 เวลา:13:37:07 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่า

กำลังเรียนเรื่องนี้อยู่ แต่ว่ายังอ่านไม่จบ

แล้วได้วิจารณ์สุมาอี้ ถ้าไม่มีข้อมูลดีๆแบบนี้

คงตายแหง๋มๆ



โดย: บูม IP: 202.133.176.28 วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:14:18:23 น.  

 
ในฐานะที่เราเป็นแซ่สุมาเหมือนกัน เราขอบอกว่าสุมาอี้เป็นคนดีนะ เล่าปี่ ไม่ช่วยราชวงศ์ฮั่นตรงไหนเลย ปากบอกว่าทำเพื่อราชวงศ์ฮั่น แต่ไม่เคยทำ
ขงเบ้งก็กลัวสุมาอี้เหมือนกันนั่นแหละ ถึงได้ปล่อยข่าวที่ทำให้สุมาอี้ดดนปลดไป เล่าปี่ต่างห่างที่เลว ถ้าคิดดูดีๆ
ตอนเล่าปี่หนีโจโฉมาหาเล่าเปียว ทำไมต้องพาชาวบ้านไปด้วย เพราะต้องการให้ชาวบ้านตายแทนใช่ไหม ถึงแม้จะอ้างว่า ชาวบ้านจะบอกว่า ต้องการหนีโจโฉก็ตาม ก็ควรที่จะให้ชาวบ้านอยู่ดังเดิม เพราะโจโฉไม่ทำร้ายชาวบ้านหรอกว่ามั้ย โจโฉและสุมาอี้ยังดีกว่าเล่าปี่กับจูกัดเหลียง ขงเบ้งเป็นไหนๆ


โดย: Sima You IP: 124.121.110.151 วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:16:16:44 น.  

 
เเฟนพันทาง


โดย: ชวลิต IP: 112.142.56.54 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:24:52 น.  

 
สุมาอี้ เก่งครับ

แต่ผมแฟนขงเบ้งครับ

สุมาอี้ถ้าฟุตบอลก็เหมือนเชลซี

ขงเบ้งก็คือแมนยู


โดย: นนทรี IP: 192.168.0.104, 124.120.116.163 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:3:57:45 น.  

 
จะสู้ขงเบ้งได้เร้อออออออออออ


โดย: สุมาเจียว IP: 125.26.127.128 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:21:08:35 น.  

 
ผมว่าน่ะคับกุนซื้อทุกคนมีความฉลาดในตัวและอีกอย่างไม่ควรหลบหลู่น่ะคับ
มันแล้วแต่แซ่น่ะคับคนที่แซ่สุมาก้อนับถือสุมา
นับถือแซ่ไหนยอมเข้าข้างแซ่นั้นน่ะคับ
เพราะว่าบรรพบรุษเขาเล่ามาให้ฟังตั้งแต่เด็กน่ะคับ
แล้วที่ว่าสุมาอี้ดีน่ะคับผมว่าเขาก๊มีข้อเสียอยู่น่ะคับผมอ่านมาจบ37เล่มใหญ่ของอะไรไม่รู้น่ะคับจำไม่ได้
สุมาอี้เป็นเหมือนจิ้งจอกจิงๆเหลี่ยมเยอะ
พอตอนหลังได้เป็นคนปกครองในวุยก๊กแล้วยั้งสั่งฆ่าแม้แต่ญาติตัวเองคับแล้วยังสั่งฆ่าผู้มีพระคุนอย่างลูกหลานของท่านโจโฉด้วยน่ะคับ
ผมวิเคราะห์ดูเหมือนว่าสุมาอี้นั้นเป็นคนเนรคุนน่ะคับ
ส่วนเล่าปี่นั้นมีความสามัคคีคับท่านรักพี่น้องมากถึงเข้าใจผิดกันยังไงก๊กลับมาคืนดีคับ
ครั้งหนึ่งเมื่อโจโฉไปตีเมืองของเล่าปี่แต่ไม่สำเรดแต่ยุโยงให้กวนอูมาเป็นขุนพลกับตัวเองด้วยการมอบของกำนัลด้วยให้ม้าแดงและผ้าไหมสีแดงด้วยและอำนวยส่งที่กวนอูอยากได้ทุกอย่างกวนอก็ยอมน่ะคับแล้วใช้อุบายให้โจโฉถอนทัพกลับแล้วกวนอูก็กลับมาหาเล่าปี่น่ะคับ
นี่หละคับที่จ๊กก๊กสามัคคีกัน
ถ้าซุนกวนไม่ส่งฆ่ากวนอูน่ะคับ
แล้วขงเบ้งสมาสง่อก๊กกับจ๊กก๊กน่ะคับวุยก๊กคงไม่มีอำนาจแน่ๆคับ นปชcm51


โดย: ไม่มีใครเหนือฟ้า IP: 114.128.208.33 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:07:41 น.  

 
อ่านแล้วคิดไม่ตก รู้หงี้น่าไปเกิดสมัยสามก๊กให้รู้แล้วรู้รอด (ก็คนมันอินฯ)


โดย: มาเยี่ยมมาเยือน IP: 124.122.248.54 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:21:41:49 น.  

 
ไม่มีใครเกิดทันทั้งน้าน จะเถียงกันทำมาย อ่านฟังเป็นอุทาหรณ์ก้อพอ


โดย: ศุมาอี้ IP: 61.7.179.31 วันที่: 21 ตุลาคม 2552 เวลา:22:13:44 น.  

 
ความจริงแล้วผมชอบทั้งสองครับ
ชอบในปัญญาของทั้งขงเบ้งและสุมาอี้

แต่ในยุคสามก๊ก

ไม่มีใครเรืองปัญญาแล้วมีคุณธรรมเพียงพอเลยสักคน ถึงมีก็นับตัวได้

เช่น ท่านจูล่ง ท่านหมอฮัวท้อ

อ่านในหนังสือ หลอกว้างจงนั้นเขียนให้เล่าปี่ดีครับ คนเขียนประวัติศาสตร์นั้นเป็นข้าศึกที่เล่าปี่ชักศีกเข้าไปในจีน แล้วก็ฮุบเอาจีนทั้งประเทศเป็นเผ่นดินของตัวเอง นั่นแหละครับทำให้พวกนั้นเชียร์เล่าปี่นักหนา

เล่าปี่น่ะคนขายชาดชัดๆ
แต่ไม่ใช่เขาจะไม่มีอะไรน่ากลัวนะครับ ก็...น่ากลัวตรงมือทั้งสอง และหยดน้ำตาของเขาไง นั่นแหละทำให้ใครต่อใครต่างพากันศรัทธา

และหากเป็นจ้าวเป็นเชื้อจริงๆ
เขาก็คงไม่เที่ยวโพนทะนาไล่ญาติสกุลบอกคนไปทั่วขนาดนั้น นี่พ่อเล่นบอกไปหมดทั้งหมู่บ้าน
-*-

ส่วนขงเบ้ง

อ่านดีๆ แล้วจะเห็นว่าก็ไม่ได้มีดีมากหรอกครับ

สรุปแล้วก้อคือไม่มีใครดีเลยนะ แต่เราต้องแยกหาจุดดีของแต่ละคนเอามาใช้ครับ

ส่วนตัวแล้ว...ผมชอบโจโฉครับ
สู้ศึกซึ่งหน้า ไม่มีคำว่ากลัว

แบบฉบับลูกผู้ชายดีครับ


โดย: ขงอี้ IP: 115.67.7.237 วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:14:05:17 น.  

 
แวะมาเฉยๆครับ
ขอบคุณและสวัสดีครับ


โดย: nordcapp IP: 58.11.84.113 วันที่: 20 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:16:02 น.  

 
สุมาอี้ปัญญาสู้ขงเบ้งไม่ได้แต่เพราะฟ้าลิขิตโชคเลยไม่เข้าข้างทางจูกัดขงเบ้ง


โดย: kongming IP: 124.121.56.225 วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:21:23:16 น.  

 
ที่แท้ก็เป็นเจ๊ก หุหุ


โดย: 555 IP: 118.172.13.69 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:21:11 น.  

 
ยิ่งอ่านยิ่งสนุกครับทำให้เราคิดอะไรได้หลายอย่างหลายมุมผมอย่ากให้มาเจอกับศรีธนชัยจัง5555+


โดย: ผ่านมาอ่าน IP: 58.8.130.141 วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:13:34:43 น.  

 
ผมว่านะ สุมาอี้ก็เก่งอยู่หรอก แต่ว่า ขงเบ้งกับสุมาอี้
พอมาเปรียบเทียบกัน ก็เก่งทั้งคู่
เพียงแต่ เขาเก่งกันคนละด้าน
ผมเป็นคนหนึ่งที่บ้า
เกมส์ สามก๊ก Plays Stetion2


โดย: ซัน 3ก๊ก IP: 125.25.121.47 วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:21:07:14 น.  

 
เค้าว่าสามก๊กที่เราอ่านเราดูอยู่ตอนนี้เค้าแต่งเติมใส่ไข่ใส่สีเข้าไปเยอะนะ แต่ผมว่าสุมาอี้ชนะก็ดีแล้วถ้าขงเบ้งชนะเล่าเสี้ยนลูกเล่าปี่ที่ไม่ได้เรื่องปกครองมีหวังแผ่นดินแตกอีกรอบรวมกันไม่ได้อยู่ดี


โดย: อะนะ IP: 182.53.113.105 วันที่: 29 สิงหาคม 2554 เวลา:11:01:02 น.  

 
ถ้าขงเบ้งใจเย็นได้เท่าสุมาอี้นี้จะเก่งขนาดไหนน่อ


โดย: จูกัดขงหมิง IP: 182.53.126.128 วันที่: 27 กันยายน 2554 เวลา:20:42:17 น.  

 
ขงเบ้งต้องเก่งกว่าสิครับ แต่ดันมาตายก่อนเพราะบาปกรรมที่ออกทำศึกทำสงคราม อายุสั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเก่งกาจของสุมาอี้เลย แต่สุมาอี้ ก็เก่งมากนะครับ ถึงจะแพ้ขงเบ้งหลายครั้ง ชนะบ้างเล็กน้อย แต่ผมก็ถือว่าเป็นคนเดียวที่สู้กับขงเบ้งได้สูสีทีึ่่สุดแล้ว กลับมาขงเบ้งต่อ เขาเป็นคนเก่งฉลาดอ่านใจคนออก ถ้าเล่าปี่มันเลวบัดซบอย่างที่กล่าวมากัน ผมว่าขงเบ้ง และใครต่อใครที่เก่งๆ แทบจะทั้งเรื่องคงไม่รักเล่าปี่หรอกครับ อันนี้ตามเหตุผลเลยนะครับ ไม่ได้เข้าข้างอะไรหรือเกลียดใครเป็นพิเศษ แล้วที่ว่าเล่าปี่บีบน้ำตาเก่ง ใครมันจะแกล้งร้องไห้ได้ทั้งเรื่องอยากรู้จริงๆ แต่ท่าถามว่าชอบใคร ผมชอบเล่าปี่ ขงเบ้ง จูล่ง เกียงอุย เด้อครับ


โดย: หลักการ IP: 110.49.242.39 วันที่: 15 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:54:35 น.  

 
ขงเบ้งอายุสั้นครับถ้าไม่อายุสั้นก้อชนะครับ


โดย: สามเป็ก IP: 58.11.69.124 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:27:12 น.  

 
สุมาอี้รู้เขารู้เรา. รู้ว่าสู้ขงเบ้งไม่ได้ก็ไม่ออกรบ. ตามตำราซุนวู


โดย: Love eat IP: 27.55.156.69 วันที่: 5 ธันวาคม 2556 เวลา:23:35:15 น.  

 
Hello,

Download club music https://0daymusic.org MP3, FLAC, Music Videos.

0daymusic Team


โดย: Steventer IP: 51.210.176.129 วันที่: 12 เมษายน 2567 เวลา:17:29:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อินทรีสามก๊ก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




นักท่องกาลเวลา....
Friends' blogs
[Add อินทรีสามก๊ก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.