มีใครคิดถึงหนอชะเง้อแล

เสียงเพลงชาติท่อนสุดท้ายจบไปแล้ว
เด็กยืนแถวแดดเผาเอาเต็มที่
ต่อด้วยสวดมนต์จำคำบาลี
อะระหังสัมมาฯมี ในทุกเช้า

ฉันเป็นครูน้อยอยู่เมืองกรุง
หาได้รุ่งพุ่งไวเหมือนใครเขา
แหงนมองปลายเสาธง ธงผืนเก่า
กว่าสิบปีแล้วเราที่อยู่มา

ครั้งแรกเริ่มร่ำเรียนได้เขียนอ่าน
ณ ถิ่นฐานบ้านไร่ไกลไฟฟ้า
กันดารความเจริญเกินหน้าตา
หากแต่ความกรุณาหากันดาร

พ่อกับแม่แปลงดินเป็นถิ่นทอง
เกษตรกรนำร่องจำต้องหาญ
ไร้สำนักใดหนาวิชาการ
ยึดเพียงคำว่ากร้านกับทานทน

ปลูกแตงโมแฟงฟักหลักสิบไร่
มะพร้าวพอเก็บได้ก็หลายต้น
แต่ค่าเงินสมัยก่อนมันกร่อนจน
แลกค่าข้นขื่นคลั่กไม่ยักพอ

ต่อเรียนจบในกรุงมุ่งบรรจุ
สำเร็จครุฯไม่นานผ่านพอศอ
ได้สมหวังซะทีที่ฉันรอ
มีใครคิดถึงหนอชะเง้อแล

เสียงรถไฟสายใต้ในคราก่อน
หวูดหอนคนยืนเฝ้าเราชะแง้
ไหนล่ะพี่,น้องอยู่ไหนไหนพ่อแม่
เข้าแถวแห่รับขวัญฉันกลับมา

โอบแม่ผิวสัมผัสรอยหยาบกร้าน
กอดสะท้านพันผูกสุขอย่าหา
เหลือบมองพ่อยืนเผลอเอ่อน้ำตา
ลูกคือความหวังค่าของพรุ่งนี้

พร้าวที่บ้านต้นเก่าแต่สูงกว่า
ฟ้าเคยคล้ำเปลี่ยนค่าเป็นฟ้าสี
นกกามาทักทายหมายพาที
ยังเหลือใครไหมนี่ ที่ยังทุกข์

บางคนเปรียบครูไว้ว่าเรือจ้าง
คอยคัดง้างกลางคลองต้องปล้ำปลุก
จะพ้นไหมคลื่นทรามที่ลามรุก
คอยเคล้าคลุกโยนทาบเทียบกราบเรือ

บ้างยกเป็นแบบพิมพ์แม่พิมพ์กด
จับชอล์กจดจารสอนหมั่นป้อนเหยื่อ
เจอพิมพ์กร่อนร่อนสึกอาจลึกเชื้อ
จะไม่เหลือต้นแบบใหม่ให้วัฒนา

นักวิชาการเกินเดินกันเต็ม
ตรี โท เอก เข้มเข็มศึกษา
ชี้ไปทางไหนกันละวา
ถึงยังอยู่คราบน้ำตาของผู้คน

แม่ไม่ต้องหามหาบต่อไปแล้ว
พ่อชรามุ่งหาแนวพระธรรมหน
ส่งไม้ต่อลูกหลานคงว่ายวน
แสวงหามรรคผลบนทางยาว

จะเด็กเมืองเรืองลานหรือบ้านนอก
ใครต่างกรอกบอกมาว่าผ้าขาว
เห็นเติมแต่งแท่งสีบ้างแท่งคาว
ทั้งเด็กชายเด็กสาวหลายคราวไป

ช่วยกันเขียนแผนศึกษาพัฒนา
กลับปล่อยสัตว์ฉุดคร่ามาน้อยใหญ่
แววตาเด็กหมองมัวขมัวใจ
น้ำตาไหลหาเคยใสจากนัยน์ตา

ฟังเสียงเพลงชาติยังเพลงเดิม
ฟังบาลีกลับยิ่งเพิ่มเศร้าโหยหา
จะมีไหมบทใดมนต์มาตรา
ช่วยลบภาพมายาหมดสักที

เพื่อนของฉันบางคนอยู่ที่อื่น
ในขณะที่ฉันยืนอยู่ที่นี่
แยกย้ายจากกันไปก็หลายปี
หมู่เรือจ้างยังอยู่ดีหรือคว้างลำ

เสียงดิเกร์ฮูลูดังแผ่วแผ่ว
ได้ยินแล้วร้าวใจราวใครช้ำ
ท่วงทำนองขับขานรานร้าวทำ
สะเทือนร่ำคำร้องพองขนลุก

ทั้งฉิ่งฉาบรำมะนาฟังล้าเสียง
บรรเลงเพียงจังหวะกลับหาสนุก
แถมสะอึกสะอื้นช่างรื้นรุก
เหมือนจะปลุกให้ใครใช้สัญญา

ผืนธงที่นั่นผืนเดียวกันไหม
คำสวดมนต์ท่องไปถึงไหนหนา
เป็นบาลีไหมเพื่อนที่ฟังมา
ทำไมถึงแหบพร่าฉันคาใจ

เกิดแต่ดินถิ่นฐานบ้านแตกต่าง
วัฒนธรรมบางอย่างอาจยากไข
แต่เลือดเนื้อสีเดียวไม่ว่าใคร
หวังอากาศหายใจหาต่างกัน

ทั้งต้องการความรักเอาใจใส่
ความปลอดภัยภัยร้ายทำลายขวัญ
ความกลัวเขากับเราก็เท่าทัน
ยิ่งความหิวความฝันใคร่บรรเทา

กองตำรา คาชั้นโรงเรียนเมือง
จะมีไหมเขียนเล่าเรื่องความเหงา
เขียนเรื่องสิทธิใครบ้างไหมเล่า
อีกเรื่องราวบอกกล่าวความยากไร้

เสียงรถไฟสายใต้ขบวนเดิม
สิ่งที่เพิ่มเติมคือความร้าวไฉน
หวูดหอนโหยหวนชวนโหยไห้
ชะเง้อแลไม่เห็นใครในขบวน

ตรงสถานียิ่งร้างช่างว่างเปล่า
ภาพประวัติศาสตร์เก่าระลึกหวน
คงรอให้ใครบางคนต้องทบทวน
หรือกาลสมควรทุกอย่างจึงจางไป

เสียงละหมาดยังดังเป็นวัตรกิจ
อ้อนวิงวอนต่อชีวิตโปรดมอบให้
กล่อมขัดเกลาชำระสะอาดใจ
เช่นมนต์ใสยามเช้าเจ้าบาลี

หนังสือที่นั่นไม่มีเหมือนเก่า
ห้องเรียนก็เปล่าไฉนนี่
โต๊ะของครูตัวนั้นคราบเลือดมี
ช่างเย็นเยือกทั้งที่ไม่มีหนาว...


( เสียงใครคนหนึ่ง ร้องนำมา )..............ปาเจราจริยา โหนฺติ

( แต่รออยู่นานกว่าจะมีคนขานกล่าว )......คุณุตฺตรานุสาสกา

( ฟังดูช่างพร่าเลือนและรวดร้าว)......................................

( ยังอีกนานไหมเล่า แล้วนี่เจ้ากล่าวให้ใคร )                  .

ขอขอบคุณภาพสวย ๆ จากโลกออนไลน์ครับ




Create Date : 15 มกราคม 2556
Last Update : 31 กรกฎาคม 2556 20:22:34 น.
Counter : 2118 Pageviews.

12 comments
  
ขอบคุณกลอนบทนี้..แทนครูใต้..ด้วยค่ะ
โดย: อนตมน IP: 180.183.133.249 วันที่: 15 มกราคม 2556 เวลา:11:55:22 น.
  
สวัสดีครับคุณ อนตมน

โดย: ดุหยง วันที่: 15 มกราคม 2556 เวลา:19:35:42 น.
  
อ่านแล้วคิดถึงบ้านที่นราธิวาสจัง...
โดย: Pikake วันที่: 15 มกราคม 2556 เวลา:22:55:27 น.
  
สวัสดีวันครูครับ คุณ Pikake
โดย: ดุหยง วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:8:17:59 น.
  
อรุณสวัสดิ์ คุณดุหยงค่ะ

ปล...คุณดุหยง แต่งกลอนได้จับใจมาก
โดย: Pikake วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:8:32:27 น.
  


อรุณสวัสดิ์ครับท่าน

ตื่นนอนอย่างสดชื่น
ผ่านค่ำคืนที่เหน็บหนาว
รับพลังจากเดือนดาว
สู่สกาวแห่งอุทัย

กล้าแกร่งอย่างแข็งขัน
กับขยันทั้งวันได้
แช่มชื่นและสุขใจ
กับวันใหม่ตลอดวัน
โดย: พันคม วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:7:57:41 น.
  
แวะมาทักทาย
อ่านกลอนเพราะๆ ค่ะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:20:48:52 น.
  
อรุณสวัสดิ์ เช้าวันสุขครับ ผู้พัน

ขอบคุณ คุณ มาโซคิส ครับ
โดย: ดุหยง วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:6:31:34 น.
  
อักษร รำพัน สรรหา
ตรึงตรา สลัก เสลา
กลั่นถ้อย ร้อยกรอง กล่อมเกลา
โน้มน้าว เคล้าไหว ใจตาม

...................................
สวัสดีอีกครั้งค่ะ คุณดุหยง
โดย: อนตมน IP: 14.207.124.18 วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:10:40:34 น.
  
สวัสดีบ่ายๆ วันเสาร์
เอ่อ..ตอนบ่านสองกว่าๆค่ะ
โดย: Pikake วันที่: 19 มกราคม 2556 เวลา:14:03:40 น.
  
เหมือนชีวิตของฉันแต่หนหลัง ขอบคุณสำหรับผู้ประพันธ์บทกลอนนี้ที่ทำให้ฉันได้ระลึกถึงครั้งวันวานที่ผ่านมา.....โดนใจ...โดนใจ
โดย: ใจน้อย ๆ IP: 110.168.101.145 วันที่: 20 มกราคม 2556 เวลา:19:48:15 น.
  
สวัสดีอีกครั้งเช่นกันครับ คุณ อนตมน และคุณ Pikake

และขอบคุณ คุณ ใจน้อย ๆ ด้วยครับ

โดย: ดุหยง วันที่: 22 มกราคม 2556 เวลา:10:03:48 น.

ดุหยง
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



เจตนาการแต่งร้อยกรองในบล็อคนี้ เพียงเพื่อความเพลิดเพลินด้านอารมณ์ส่วนตัวเท่านั้น หากมีบทหนึ่งบทใดใช้คำ หรือฉันทลักษณ์ที่ผิดพลาด หรือไม่เหมาะสม ผู้แต่งต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ทั้งนี้ไม่ใช่มีเจตนาจะไม่รักษาความถูกต้อง ของภาษาไทยและคุณค่าของวรรณกรรมไทย แต่เพราะความรู้ยังห่างไกลเสียมากกว่า

มกราคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31