อธิบายธรรมในเชิงวิทยาศาสตร์

 เรียนกันมาชั่วชีวิต เข้าวัดมาก็มาก แต่สุดท้ายแล้วให้อธิบายว่าแท้จริงธรรมคืออะไร บางทีก็ยากเหมือนกันนะ ที่บอกได้แจ่มแจ้งรู้จริง  ถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า  เน้นให้คนละบาป ทำความดี ให้ถือศีล 5 และเข้าวัดสวดมนต์ รักษาศีล สมาธิ ในฐานะชาวพุทธตามทะเบียนบ้านบัตรประชาชนกระมังที่รับรู้กัน นอกเหนือไปจากพิธีกรรมไหว้พระ จุดธูปเทียนอธิษฐานขอพรพระให้ประสบความสำเร็จบ้าง ให้ลาภ ให้โชคบ้าง  

บ้างว่าเข้าวัดไปบวชเรียนตามแบบค่านิยมแล้วก็ยังไม่เข้าใจธรรมมากไปกว่า สวดมนต์เช้าเย็น อยู่วัดรักษาศีลให้ประพฤติรักษาวินัยสงฆ์ให้เคร่งครัด มั่นสวดมนต์ภาวนา และมีหน้าที่ประกอบพิธีทางศาสนาทั้งที่วัดและที่นิมนต์  นอกเหนือไปจากเรียนตำรา อ่านหนังสือ ศึกษาพระไตรปิฎกเรื่องราวในพุทธกาล ที่เกิดพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์ ตำนานประวัติพระพุทธเจ้า และนิทานชาดก

 ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเรื่องปกติ ของการใชีวิตอย่างวิถีสังคมพุทธ ตามประเพณีนิยมทั่วไป 

เพราะเมื่อศึกษากันมาอย่างไรแล้ว สุดท้าย ต่างก็รู้ว่าแท้จริง   ธรรม  คือ ธรรมชาติ ที่พระพุทธเจ้าทรงได้ค้นพบและนำมาเผยแพร่ให้ชนทุกชั้นนั้น ได้ให้ถือปฏิบัติสดับตามสติปัญญาและความเข้าใจ  ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงชั้นสูง ครอบคลุมทุกสรรพสิ่งทั้งรอบตัวเรา และลึกเข้าไปภายในจิตใจมนุษย์ สัตว์มีสติเจริญเดียวที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้

ธรรมเพื่อให้ปฏิบัติเพื่อพัฒนาจิตใจและปัญญา พระองค์ได้ทรงออกบวชตรัสรู้และนำสิ่งนี้มาบอกให้ชาวโลก เป็นคำสอนที่นิรันกาล ท้าทายกาลเวลาบนโลกมากว่า 2,000 ปี คำสอนของพระองค์มิได้เป็นพวกใดหรือชนกลุ่มใดเฉพาะ แต่ให้กับคนทั้งโลก ไม่จำกัดเชื้อชาติศาสนา  สามารถนำไปใช้ได้  นี้เองทำไมถึงเรียกคำสอนของพระองค์เป็นสากล



คำสอนของพระองค์ที่ให้ศึกษาและปฏิบัติ คืออะไร

หากถามทุกคนต้องคุ้นกับคำง่ายๆ 3 คำที่เขียนติดอยู่ในวัด ศีล สมาธิ ปัญญา และยังมีธรรมที่ตามด้วยรหัสตัวเลข ขันธ์ 5 ศีล 5 มรรค 8 องค์ 4 สติปัฏฐาน 4 อริยะสัจ 4 จนบางครั้งไม่รู้ว่าคำสั้นเหล่านี้ มีความหมายลึกซึ้งอย่างไร หากเพียงแต่อ่านท่องจำคำขยายความของเลขรหัสต่างๆนั้นให้ได้ตำราอย่างเดียว มีไม่น้อยแลยที่คุ้นตาแต่ห่างไกลการปฎิบติอย่างไรให้ถึงซึ่งถึงแก่นแห่งธรรม นี่อาจบางทีเพราะความคุ้นตาว่าวัดต้องมีคำเหล่านี้ จนกลายเป็นความคุ้นเคยต่อการกระตุ้นค้นหา

จะว่าไปแล้วความเป็นวัดโดยส่วนใหญ่มักจะตามนิยมของสังคมที่มุ่งหาความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมเป็นเบื้องหลัก นั้นเป็นเรื่องง่ายและสะดวกกว่า ที่มักจะมุ่งไปที่จารีตประเพณีที่นิยมสืบมา  จนหลงลืมไปว่าอีกส่วนควบคู่กันไปด้วย คือ การปฎิบัติธรรมรักษาจิตมองใจ  ที่มักจะโยนไปให้ผู้สิ้นหวังและหมดทางที่พึ่งเท่านั้น ยิ่งสังคมที่ซับซ้อนเร่งรีบอ้างไม่มีเวลารัดตัว   ทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่งใจร้อนต้องการค้นหาแต่ไม่พบคำตอบใดแล้ว พากันละทิ้งไปพบสิ่งใหม่ที่ทันใจกว่า  มีบ้างที่รังเกียจมองภาพลบกลับมาว่าพุทธมีแต่เรื่องงมงายเจ้าเข้าทรงไปโน้น 

แต่ทว่าอย่างน้อย ไม่กี่ปีมานี้ มีนักธุรกิจ นักวิทยาศาสตร์ หมอ อาจารย์ นักแสดง ที่ผ่านการปฏิบัติธรรมจริง ต่างได้นำมาอธิบายตามงานบรรยายต่างๆ จุดประกายสร้างแรงบันดาลใจ ให้เกิดการตื่นตัวความสนใจเข้าปฏิบัติธรรม มีสถานปฏิบัติเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งมาทำหน้าที่แทนวัดในอีกทางหนึ่ง ท่านเหล่านี้ได้เป็นผู้นำต่อคนรุ่นใหม่ผู้สงสัยใคร่รู้และตระหนักถึงความสำคัญธรรมของพระองค์ขึ้นอย่างกว้างขวาง

ทั้งยังมีการอธิบายให้ทันยุคทันสมัย อย่างในหนังสือ ชื่อ ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น เขียนโดย ทพ.สม สุจีรา ด้วยหัวข้อที่สนใจนี้  แม้มีคำศัพท์มากมาย ซื้อมาอ่านจบ ต่างก็ตื่นตัวถามตัวเองถึงสาระเนื้อหาที่โยงศาสนาพุทธเข้ากับหลักวิทยาศาสตร์ มาเป็นเนื้อเดียวกันได้ แบบที่บางครั้งก็อดแย้งว่ามันไม่น่าจะเข้ากันได้ศาสนากับวิทยาศาสตร์ แม้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่าสามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์

 

โดยเฉพาะท่านนี้ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ อดีตนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่า อดีตอาจารย์สอนวิศวะ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการทดลองให้ค้นพบพุทธในตัวเอง จนได้เข้าถึงคำว่าธรรมของพระพุทธเจ้า ออกมาอธิบายและดึงคนที่กำลังสับสนในความเป็นพุทธได้หันกลับเข้าไปสำรวจในสิ่งที่คุ้นเคยภายในวัดใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยมีคลิปทางยูทูปเผยแพร่ออกมามากมาย อย่างเช่นในตัวอย่างคลิป 2 ชุดนี้

 

 

 อธิบายขันธ์ 5 ให้พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง คลิปของ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญมีมาก แต่ละคลิปกว่าชั่วโมง
คลิปนี้มีเนื้อหาเป็นประโยชน์มาก ขอถือวิสาสะเอาเผยแพร่ต่อมาให้ชม
ยาวหน่อย ลองติดตามดูครับ เพราะท่านนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาอธิบายในทางวิทยาศาสตร์

คลิปนี้ของ ทพ.สม สุจิรา

   

มีคำพูดของบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสำนักวิปัสสนาโกเอ็นก้า ที่มีชื่อเสียง ชาวอินเดีย นับถือฮินดู ท่านโกเอ็นก้า กล่าวในหนังสือเล่มหนึ่งที่อธิบายคำว่าธรรมของพระพุทธเจ้าได้แจ่มแจ้งที่สุด

 “ ท่านมักจะอ้างถึงพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ ท่านกำลังสอนศาสนาพุทธอยู่หรือเปล่าครับ”

“ไม่เลย ข้าพเจ้าไม่ข้องเกี่ยวกับลัทธินิกายใด ข้าพเจ้าสอนเพียงธรรมอันเป็นคำสอนของของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ไม่เคยสอนลัทธิหรือหรือนิกายใด ทรงสอนแต่สิ่งที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ นั้นคือ ศิลปะการดำเนินชีวิต เพราะความรู้นั้นเป็นอันตรายสำหรับทุกคน ส่วนการพัฒนาปัญญาเป็นผลดีต่อทุกคน ไม่ว่าใครก็สามารถปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติ และได้รับประโยชน์ เมื่อปฏิบัติแล้ว ชาวคริสต์จะเป็นชาวคริสต์ที่ดี ชาวยิวจะเป็นชาวยิวที่ดี ชาวมุสลิมจะเป็นมุสลิมที่ดี ชาวฮินดูจะเป็นชาวฮินดูที่ดี และชาวพุทธก็จะเป็นชาวพุทธที่ดี เราทุกคนจะต้องมนุษย์ที่ดีเสียก่อน จึงจะเป็นชาวคริสต์ ชาวยิว ชาวมุสลิม และชาวพุทธที่ดีได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำอย่างไรจึงจะเป็นมนุษย์ที่ดีได้ต่างหาก”

นี้น่าจะเป็นคำพูดที่ช่วยยืนยันว่าความเป็นความพุทธและคำสอนของพระพุทธเจ้า ชาวพุทธจึงเป็นตัวอย่างในฐานะลูกของพระองค์โดยตรง ที่พระองค์ทรงเมตตาและให้ความกรุณาธิคุณ โดยมอบให้บุคคล 4 เหล่าให้สืบทอดแทนพระองค์ นั้นคือ พระธรรม พระสงฆ์ อุบาสกและอุบาสิกา  เพื่อธรรมของพระองค์จักได้นำไปใช้ โดยหลักไว้ให้ถือปฏิบัติ เพื่อสร้างสันติสุขแด่มวลมนุษย์ชาวโลก  




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 17 ธันวาคม 2556 13:34:36 น. 0 comments
Counter : 1393 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปางนู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
22 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปางนู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.